Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 34 จักรพรรดิวายุทิพย์
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงทะลุอากาศไปอย่างง่ายดาย และมาถึงโลกวายุทิพย์ในพริบตาเดียว
ในฐานะที่โลกวายุทิพย์เป็นโลกของจักรพรรดิผู้หนึ่ง จึงเตรียมการเอาไว้อย่างเข้มงวด ตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะเข้าสู่โลกใบนี้ ยังไม่ทันได้มองโลกใบนี้ให้เต็มตา ก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมาเสียแล้ว
“กล้าบุกรุกโลกวายุทิพย์เชียวรึ!” เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวสะท้อนก้องไปทั่วฟ้าดิน
ทหารกลุ่มหนึ่งทะลุอากาศมาปรากฏกายขึ้น พลทหารที่เป็นผู้นำมองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างโกรธเคือง
“รบกวนช่วยถ่ายทอดสารให้ด้วย ว่าข้าอยากจะพบจักรพรรดิวายุทิพย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“เฮอะ ยังกล้าเหิมเกริมอีก! องค์จักรพรรดิมีสถานะระดับใดกัน เป็นผู้ที่เจ้าอยากจะพบก็จะได้พบหรือไร” พลทหารที่เป็นผู้นำคำราม “รีบไสหัวไปเสีย พวกข้ายังสามารถไว้ชีวิตเจ้าได้ มิเช่นนั้นแล้ว อย่าหาว่าข้าแล้งน้ำใจก็แล้วกัน”
องค์จักรพรรดิมีสถานะสูงส่งยิ่งนัก
พวกเขาเป็นตัวแทนยอดเคารพจัดการดินแดนอันกว้างใหญ่ ! อย่าง ‘ประมุขโลก’ ของโลกต่างๆ โดยทั่วไปแล้วก็ไม่มีสิทธิ์ได้พบองค์จักรพรรดิ
กลิ่นอายของประมุขโลก ดีร้ายอย่างไรก็เป็นผู้ที่เพิ่งเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ จึงไม่มีคุณสมบัติพอจะได้พบ ตงป๋อเสวี่ยอิงมีกลิ่นอายอ่อนแอยิ่งกว่า ทหารเหล่านี้ไหนเลยจะไม่ชักสีหน้าได้เล่า
“ข้าคือจ้าวหิมะเหิน มาเพื่อคารวะจักรพรรดิวายุทิพย์โดยเฉพาะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากอีกครา ตนมาขอร้องผู้อื่น ท่าทีก็ต้องดีหน่อย เขาประกาศนามของตนออกไป คิดว่าทหารเหล่านี้จะต้องรู้จักเป็นแน่
“จ้าวหิมะเหินรึ จ้าวหิมะเหินอะไรกัน ช่างบังอาจนัก ถึงกับกล้าเรียกตนว่าเป็นจ้าว!” ทหารผู้นั้นตะคอก “ลงมือ ขับไล่มันออกไปเสีย!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันใด
อีกฝ่ายไม่เคยได้ยินชื่อของตนมาก่อนเลยหรือ
ในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ ยังคิดว่าชื่อของตนจะแพร่ไปทั่วหุบเขาเขี้ยวหักจนคนรู้จักกันถ้วนหน้าแล้วเสียอีก
เขากลับคิดผิดไปเสียแล้ว!
ชื่อของเขาเผยแพร่ไปทั่วบรรดาบุคคลระดับยอดสุดในหุบเขาเขี้ยวหัก อย่างดินแดนที่ ‘จักรพรรดิเฉินเย่า’ ปกครองอยู่แต่เดิม เนื่องจากกองทัพที่โจมตีถอยไปอย่างรวดเร็ว โลกเหล่านั้นก็ย่อมล่วงรู้ทันที
แต่ดินแดนอื่นๆ…หากมีสถานะสูงส่งพอ ก็อาจได้ยินข่าวเช่นกัน ส่วนผู้ที่มีสถานะต่ำต้อย ก็ไม่รู้จักจ้าวหิมะเหินจริงๆ!
ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง!
ตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงได้รวดเร็วเกินไปแล้ว! หลังจากต้อนรับประมุขโลกทั้งหลายเสร็จ เขาก็รีบมาพบจักรพรรดิวายุทิพย์ทันที หากผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ชื่อของเขาก็จะค่อยๆ เผยแพร่ออกไป เชื่อว่าผู้แกร่งกล้าของดินแดนอื่นๆ ที่มีพลัง ‘ระดับอ๋อง’ ส่วนมากก็คงจะรู้จักแล้ว ตอนนี้น่ะหรือ ยังไม่ทันได้เผยแพร่ไปในหมู่ผู้ที่มีพลังอ่อนแอเลย!
“ตู้ม”
พลทหารที่เป็นหัวหน้าออกคำสั่ง ทหารคนอื่นๆ ก็ลงมือทันที
“หยุดมือนะ!”
คลื่นอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งร่อนลงมา นั้นเป็นระลอกคลื่นของผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิ ทันใดนั้นก็มีสตรีอาภรณ์เขียวนางหนึ่งเดินออกมาจากกลางอากาศ อานุภาพกดดันอันน่าหวาดหวั่นปกคลุมทหารกลุ่มนั้นเอาไว้
“แม่ทัพเทพฉินอวี่” ทหารเหล่านี้เห็นเข้าก็ตระหนกเสียจนต้องรีบคารวะด้วยความเคารพ แม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิวายุทิพย์มิได้มีมากเท่ากับจักรพรรดิเป่ยเหอ ทั้งหมดมีเพียงแปดคนเท่านั้น! จักรพรรดิวายุทิพย์เชื่อมั่นในตัวพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง อำนาจจึงมากนัก
“คารวะจ้าวหิมะเหิน” สตรีอาภรณ์เขียวยิ้มพลางคารวะตงป๋อเสวี่ยอิง “ทหารลาดตระเวนเหล่านี้มิเคยได้ยินชื่อเสียงอันเกรียงไกรของจ้าวท่านมาก่อน จนล่วงเกินจ้าวท่านไป ขอจ้าวท่านอย่าได้ถือสาเลย”
เหล่าทหารด้านข้างเห็นเข้าก็ถลึงตาอ้าปากค้าง
แม่ทัพเทพฉินอวี่ผู้องอาจเกรงอกเกรงใจหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้นี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ยังไม่รีบขออภัยจ้าวท่านอีก!” สตรีอาภรณ์เขียวหันไปมองพลางแค่นเสียงตำหนิ
เหล่าทหารมึนงงไปหมด ทั้งเผ่าชนพื้นเมือง ผู้ที่กล้าเรียกตนเองว่าจ้าวนั้นมีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้ ที่แท้แล้วจ้าวหิมะเหินผู้นี้โผล่มาจากไหนกัน
แม้จะไม่เข้าใจ ทว่าก็ยังคงรีบคารวะด้วยความเคารพทันที “จ้าวท่านโปรดอภัยด้วย!”
“เรื่องนี้ตำหนิพวกเจ้ามิได้หรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม เป็นเพราะประมุขโลกจำนวนมากมายถึงเพียงนั้นซาบซึ้งต่อตน ตนจึงคิดว่าชื่อเสียงเรียงนามของตนได้แพร่ไปทั่วทุกแห่งหนของเผ่าชนพื้นเมืองแล้ว
“จ้าวหิมะเหินมายังโลกวายุทิพย์ของข้า จักรพรรดิของข้าก็ยินดีเป็นอย่างมาก และบัญชาให้ข้ามาต้อนรับโดยเฉพาะ ผู้ใดจะไปคิดว่าอีกนิดเดียวทหารลาดตระเวนก็จะโจมตีจ้าวท่านเสียแล้ว” สตรีอาภรณ์เขียวพูดด้วยความกระตือรือร้น “จ้าวท่าน เชิญเจ้าค่ะ”
“เชิญ”
ทั้งสองแหวกอากาศมุ่งหน้าไปยังตำหนักเทพวายุทิพย์ทันที
ปล่อยให้ทหารเหล่านั้นงุนงงต่อไป
“จ้าวหิมะเหิน ที่แท้แล้วเป็นจ้าวท่านไหนกัน บัดนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของยอดเคารพทั้งสองก็มีจ้าวทั้งหมดแปดท่านเท่านั้น ไม่มีคนที่ชื่อจ้าวหิมะเหินอยู่กระมัง หากมีจ้าวคนใหม่ถือกำเนิด พวกเราก็คงจะต้องรู้แล้วกระมัง”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“แต่ใต้เท้าแม่ทัพเทพนอบน้อมถึงเพียงนั้น ไม่ได้ยินหรือ แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังบัญชาให้แม่ทัพเทพฉินอวี่มาต้อนรับด้วยตนเองเลย”
“ข้าถามท่านแม่ทัพเสียหน่อยดีกว่า ดูสิว่าท่านแม่ทัพจะรู้จักหรือไม่”
พวกเขาถ่ายเสียงสอบถาม
ในโลกวายุทิพย์ ระดับยอดสุดต่างก็รู้จักกันทั้งนั้น
“อะไรนะ”
“แม่ทัพเทพที่ค่อนข้างอ่อนแอ เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวหิมะเหินผู้นี้ก็ต้องล้มลงทันที ความเป็นความตายก็ต้องถูกเขาควบคุมเลยหรือ”
“‘แม่ทัพเทพโครงกระดูก’ แม่ทัพเทพอันดับสองในบรรดาแม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาทั้งสามสิบหกคนของจักรพรรดิเป่ยเหอ เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวหิมะเหิน พลังก็เสียหายอย่างใหญ่หลวง จนถูกประมุขโลกแสงดาวที่แสนจะธรรมดาคนหนึ่งโจมตีจนต้องหนีไปอย่างน่าอนาถเลยหรือ”
“เพื่อผูกสัมพันธ์อันดีกับจ้าวหิมะเหินผู้นี้ จักรพรรดิเป่ยเหอถึงกับออกคำสั่งให้ล้มเลิกการโจมตีโลกทั้งหมดซึ่งเดิมทีอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเฉินเย่าทันทีเลยหรือ”
หลังจากทหารเหล่านี้สืบข่าวคราวแล้ว ก็อดอ้าปากค้างมิได้
จักรพรรดิเป่ยเหอคงจะไม่ปฏิบัติต่อจักรพรรดิวายุทิพย์ของพวกตนอย่างเกรงอกเกรงใจเช่นนี้หรอกกระมัง ได้ยินมาว่าเพื่อดินแดนใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิเฉินเย่า จักรพรรดิเป่ยเหอยังวางแผนเรื่องเอาชนะในศึกเดิมพัน แต่เพราะจ้าวหิมะเหิน กลับล้มเลิกไม่ทำศึกแล้วอย่างนั้นหรือ บ้าคลั่งเกินไปแล้วกระมัง
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็มีปูมหลังใหญ่โตนัก” ทหารเหล่านี้เข้าใจในข้อนี้ดี ระดับจักรพรรดิโดยทั่วไปล้วนต้องถูกจ้าวผู้นี้กวาดล้าง จะเป็นคนที่พวกเขาสามารถระรานได้เสียที่ไหนกัน
******
ณ ตำหนักเทพวายุทิพย์
“ข้าเพิ่งจะได้ยินเรื่องของจ้าวหิมะเหิน ยังรำพึงอยู่เลยว่าใต้หล้านี้มีผู้แกร่งกล้าเช่นนี้ด้วย กระบวนท่าทางด้านวิญญาณสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิจมดิ่งลงไปได้ ผู้ใดจะไปคิดว่าจ้าวท่านก็จะมาเยี่ยมข้าเสียแล้ว ทำให้ข้าอดยินดีมิได้เลย” เมื่อจักรพรรดิเทพวายุทิพย์เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นฝ่ายปรี่เข้ามาต้อนรับ
“จักรพรรดิเกรงใจเกินไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองสำรวจจักรพรรดิวายุทิพย์ผู้นี้เช่นเดียวกัน
ตรงหว่างเอวของจักรพรรดิวายุทิพย์เหน็บดาบเล่มหนึ่งเอาไว้ ผมของเขาสยายลงมา อาภรณ์หลวมโพรก ดูง่ายๆ สบายๆ นัก
“มาๆๆ นั่งลงเถิดๆ จ้าวท่านจากดินแดนจิตโลกามายังหุบเขาเขี้ยวหักของข้า แม้จะอยู่ในโลกแสงดาวมาระยะหนึ่ง แต่ก็คงจะมีอาหารเลิศรสและสุราชั้นเลิศมากมายของหุบเขาเขี้ยวหักที่ยังมิได้ลิ้มรสกระมัง” จักรพรรดิวายุทิพย์พูดยิ้มๆ ด้วยความกระตือรือร้น ยามนี้ก็มีสาวใช้นำอาหารและสุรารสเลิศมากมายมาวางให้ หากเป็นจ้าวคนอื่นๆ จักรพรรดิวายุทิพย์ก็คงจะไม่เกรงอกเกรงใจถึงเพียงนี้
แต่กับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ก้ออกจะไม่เหมือนกันอยู่บ้าง
เนื่องจากจักรพรรดิคนอื่นๆ กับเขากำลังชิงดีชิงเด่นกันอยู่! แต่ผู้บำเพ็ญอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงคนหนึ่ง กลับสนใจแต่ระดับขั้น มิใช่สมบัติล้ำค่าที่มีส่วนช่วยทางด้านพลังสายเลือดแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้พวกจักรพรรดิวายุทิพย์ยังคงกังวลว่า ‘จ้าวหิมะเหิน’ ผู้นี้จะสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิเป่ยเหอ แล้วผูกติดกับเรือรบของจักรพรรดิเป่ยเหอลำนั้นเพียงอย่างเดียว! ตอนนี้จ้าวหิมะเหินมาเยี่ยมเยียนเขา ดูๆ แล้ว ก็คงจะมิได้ยืนอยู่ข้างเดียวกันกับจักรพรรดิเป่ยเหออย่าสิ้นเชิง
คนหนึ่งมีใจคิดผูกสัมพันธ์ ส่วนอีกคนก็มีเรื่องมาขอความช่วยเหลือ
แขกและเจ้าบ้านจึงย่อมพูดคุยกันอย่างเบิกบานเป็นธรรมดา
“พี่หิมะเหินมาหาข้าที่นี่ ไม่ทราบว่าด้วยเรื่องอันใดหรือ มีอะไรก็เชิญพูดมาให้เต็มที่เถิด” ในที่สุดจักรพรรดิวายุทิพย์ก็เอ่ยปากถาม
“จักรพรรดิ พวกเราผู้บำเพ็ญสนใจในการบำเพ็ญระดับขั้น ข้ามาที่นี่เพราะหวังว่าจะสามารถยืมเจดีย์เจ็ดระฆังเพื่อเก็บตัวสักหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “ข้ารู้ดีว่าเจดีย์เจ็ดระฆังได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘สมบัติชั้นยอดอันดับหนึ่งด้านการสงบจิตบำเพ็ญ’ ในหุบเขาเขี้ยวหัก หากกระตุ้นครั้งหนึ่ง ภายในล้านล้านปีก็มิอาจใช้ได้อีกเป็นครั้งที่สอง ข้าบากหน้ามาที่นี่เพื่อขอให้จักรพรรดิช่วยเหลือ จักรพรรดิต้องการอะไรแลกเปลี่ยน หากข้าสามารถรับปากได้ จักรพรรดิก็เชิญพูดมาได้เต็มที่”
จักรพรรดิวายุทิพย์ได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมา
ล้านล้านปีจึงได้ใช้ครั้งหนึ่ง ดูเหมือนนานแสนนานจึงจะได้ใช้สักครั้ง
แต่อันที่จริงแล้วตัวเขาใช้จนหนำใจมาตั้งนานแล้ว! หากใช้อีก ก็ไม่มีส่วนช่วยในการทำให้สายเลือดตื่นรู้อีกต่อไปแล้ว โดยทั่วไปก็ใช้เพื่อแลกเปลี่ยนกับคนภายนอกเท่านั้น
“พี่หิมะเหินจะใช้เจดีย์เจ็ดระฆังบำเพ็ญ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง” จักรพรรดิวายุทิพย์พูดยิ้มๆ “ส่วนเงื่อนไข ข้าแค่ต้องการขอร้องเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น หวังว่าพี่หิมะเหินจะรับปาก”
“จักรพรรดิเชิญพูดมาเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบถอนหายใจคราหนึ่ง
“ช่วยส่งร่างแยกสักสองสามร่างตามข้าไปยังเกาะราชันย์เหยี่ยนสักครั้งเถิด” จักรพรรดิวายุทิพย์กล่าว “ครั้งนี้ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว หลังจบเรื่องนี้ พี่หิมะเหินก็สามารถใช้เจดีย์เจ็ดระฆังเพื่อบำเพ็ญได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับรายงานมามากมายถึงเพียงนั้น จึงย่อมรู้ดีว่าเกาะราชันย์เหยี่ยนเป็นสถานที่เช่นไร
ราชันย์เหยี่ยน เป็นหนึ่งใน ‘สิบสามราชันย์’ ซึ่งอยู่ถัดลงมาจากสามยอดเคารพแห่งเผ่ามรณะทมิฬ มีพลังทัดเทียมกับเหล่าจักรพรรดิ! เกาะลอยคว้างที่คนระดับอย่างสิบสามราชันย์แห่งเผ่ามรณะทมิฬครอบครองนั้น ก็ล้วนแต่จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเกาะลอยคว้างจำนวนนับไม่ถ้วน มันกว้างใหญ่หาใดเปรียบ อันตรายก็แสนหนักหนา อันตรายในตัวเกาะเองก็แล้วไปเถิด แต่ ‘เกาะราชันย์เหยี่ยน’ แห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในเกาะที่มีจำนวนผู้แกร่งกล้ามากที่สุดในบรรดาเกาะลอยคว้างทั้งหมดของสิบสามราชันย์ด้วย!
“เมื่อมีจ้าวหิมะเหิน ที่น่ากลัวที่สุดก็คือการล้อมโจมตีเท่านั้นเอง” จักรพรรดิวายุทิพย์ลอบยินดีในใจ ก่อนหน้านี้เขขาก็คิดจะเชื้อเชิญจ้าวหิมะเหินมาอยู่แล้ว เพียงแต่จ้าวหิมะเหินผู้นี้ถูกจักรพรรดิเป่ยเหอเชิญตัวไปเสียก่อน! เพียงพริบตาเดียว จ้าวหิมะเหินก็มาเยี่ยมด้วยตนเอง! อีกฝ่ายมีเรื่องขอร้อง ตนก็มีเรื่องขอร้อง ต่างคนต่างมีสิ่งที่อยากขอ ต่างคนต่างก็ยินดีเป็นอย่างมาก!
…………………………………………