Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 37 ราชันย์เหยี่ยนและจ้าวหิมะเหิน
ภายในโถงตำหนักอันเงียบสงัด ราชันย์เหยี่ยนและบรรดาผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างพากันจับจ้องผู้อาวุโสที่มีร่างกายเป็นสัตว์ หัวเป็นมนุษย์ผู้นี้เป็นตาเดียว ผู้อาวุโสผู้นี้ตกใจ เท้าทั้งสี่วางลงไปแล้วรีบพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “บรรพชนเหยี่ยน ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ข้ากำลังหลับใหลอยู่ ร่างแปรของข้าได้ไปพบเอ๋อลั่วพี่น้องของข้า เมื่อข้าได้พูดคุยกับเอ๋อลั่ว เอ๋อลั่วก็ได้พูดถึงเรื่องในเผ่าชนพื้นเมืองมีจ้าวหิมะเหินที่เก่งกาจอย่างยิ่งผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมา ได้ยินมาว่ากระบวนท่าทางด้านวิญญาณของเขาสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิจมดิ่งลงไปได้ ทั้งยังกล่าวว่าจ้าวหิมะเหินเป็นผู้บำเพ็ญที่มาจากดินแดนจิตโลกา ทว่าเอ๋อลั่วรู้สึกว่าข่าวนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้สักเท่าใดนัก ข้าก็เชื่อว่าน่าจะเป็นข่าวลือ ผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกาไหนเลยจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ได้ แต่เมื่อครู่นี้ ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งก็ได้ตกเข้าสู่ห้วงนิทรา ผู้อาวุโสที่เหลืออยู่แต่ละคน พลังก็ล้วนเสียหายเป็นอย่างมากจนถูกจับกุมเอาไว้อย่างรวดเร็ว ข้าก็มีแต่นึกถึงจ้าวหิมะเหินในตำนานผู้นี้แล้ว”
“ทำไมไม่ยอมบอกข้าเสียตั้งแต่เนิ่นๆ เล่า” ราชันย์เหยี่ยนขบกรามกรอด เผยให้เห็นเขี้ยวคมกริบ
ผู้อาวุโสผู้นี้แตกตื่นอยู่บ้าง เขาละล่ำละลักว่า “ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น นอกจากนี้บรรพชนเหยี่ยนยังฝึกฝนอยู่ด้วย หากไม่มีเรื่องสำคัญ ข้าก็มิกล้ารบกวน”
ราชันย์เหยี่ยนเงียบงันไป
เดิมทีเผ่ามรณะทมิฬก็เผยแพร่ข่าวสารได้รวดเร็วอยู่แล้ว บวกกับที่พวกมันมีข้อแตกต่างจากเผ่าชนพื้นเมืองชัดเจนอย่างยิ่ง จึงมิอาจแทรกซึมเข้าไปได้ อีกทั้งนิสัยของผู้แกร่งกล้าเผ่ามรณะทมิฬก็ไม่เหมาะกับการเป็นสายลับ! แม้ราชันย์เหยี่ยนจะมีผู้แกร่งกล้าใต้บังคับบัญชามากมายนัก นับได้ว่าข่าวสารฉับไว แต่ก็เป็นเพียงการเปรียบเทียบเท่านั้น! จักรพรรดิวายุทิพย์นั้นแพ้ไม่ได้ นี่คือครั้งที่เขาเข้าใกล้ความสำเร็จมากที่สุดแล้ว จึงได้ให้ตงป๋อเสวี่ยอิงปลอมแปลงรูปโฉมและกลิ่นอาย อันที่จริงแล้ว ณ ก้นบึ้งของหัวใจ จักรพรรดิวายุทิพย์ก็เชื่อว่า…ราชันย์เหยี่ยนน่าจะยังไม่รู้ว่า ‘จ้าวหิมะเหิน’ มีตัวตน
“จ้าวหิมะเหินโผล่มาจากไหนกัน” ราชันย์เหยี่ยนเงียบงันไป
อานุภาพของมันเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาสิบสามราชันย์!
เพราะอาศัยผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาทั้งหลาย แต่ตอนนี้ เพียงครู่เดียวก็ถูกจังไปทั้งเป็นถึงยี่สิบสองคนด้วยกัน! เมื่อพลังลดลงเป็นอย่างมาก ราชันย์เหยี่ยนก็ตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว
“ผู้บำเพ็ญที่มาจากดินแดนจิตโลกาสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิจมดิ่งลงไปด้วยกระบวนท่าทางด้านวิญญาณอย่างนั้นหรือ เมื่อดูจากเมื่อครู่นี้แล้ว ในบรรดาผู้อาวุโส ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จมดิ่งลงไปทันที ส่วนใหญ่ก็ยังคงมีพลังหลงเหลืออยู่บ้าง” ราชันย์เหยี่ยนลอบพึมพำ “หากเป็นข้า ก็คงจะเหลือพลังมากกว่านี้”
ในหมู่ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ยังมีคนที่เหลือพลังสามส่วนได้
เขาคาดการณ์ว่า ตนมีหวังจะเหลือพลังห้าส่วนได้ เมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิวายุทิพย์ ก็มั่นใจว่าพอจะหนีเอาชีวิตรอดได้! เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็คือเกาะลอยคว้าง มันสามารถเคลื่อนที่หนีไปได้อย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโสแห่งสถานที่ต้องห้ามทั้งห้า ตามข้ามา” ราชันย์เหยี่ยนยืดกายขึ้น
“ขอรับ”
ผู้อาวุโสซึ่งมีกลิ่นอายแกร่งกล้าที่สุดห้าคนรับคำอย่างนอบน้อม พวกมันทั้งห้าคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งที่สุดของราชันย์เหยี่ยน
สวบๆๆๆๆๆ…
ราชันย์เหยี่ยนและคนอื่นๆ รวมหกคนต่างก็แปรเป็นลำแสงทะยานออกไปจากโถงตำหนัก จากนั้นก็หายวับไป ก่อนจะทะลุอากาศไปพบจักรพรรดิวายุทิพย์ผู้นั้นทันที
……
กองกำลังของพวกจักรพรรดิวายุทิพย์และตงป๋อเสวี่ยอิงจับกุมตัวผู้อาวุโสยี่สิบสองคนเอาไว้ แต่ละคนต่างก็เผยรอยยิ้มออกมา นับว่าแผนการในครั้งนี้สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว!
“ขอแค่ราชันย์เหยี่ยนฉลาดสักหน่อย ครั้งนี้พวกเราก็จะสามารถสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้ ต่อให้มันโง่เง่าจริงๆ มัวแต่สกัดกั้นต่อไปจนต้องสูญเสียผู้อาวุโสยี่สิบสองคน นอกจากนี้ยังเป็นผู้อาวุโสที่มีกายหยาบแข็งแกร่งอย่างยิ่งอีกด้วย เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าทางด้านวิญญาณของพี่หิมะเหิน เกรงว่าผู้อาวุโสที่หลงเหลืออยู่เหล่านั้นก็คงจะยิ่งน่าอนาถเข้าไปใหญ่ จะมีก็แต่ผู้อาวุโสแห่งสถานที่ต้องห้ามห้าท่านเท่านั้นที่ออกจะรับมือได้ยากอยู่บ้าง ต่อให้พวกเราบุกไปซึ่งๆ หน้าจริงๆ ก็มีโอกาสมากที่จะคว้าชัย” จักรพรรดิวายุทิพย์มีรอยยิ้มระบายเต็มหน้า เขารอคอยวันนี้มานานแสนนานแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มอยู่ข้างๆ แต่กลับสงบมาก
เขามาก็เพื่อการแลกเปลี่ยนครั้งหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่เขาใส่ใจก็คือการบำเพ็ญภายใน ‘เจดีย์เจ็ดระฆัง’ ต่างหาก เผื่อจะได้บรรลุถึงขั้นสุดยอดในคราวเดียว!
ส่วนการจัดการเผ่ามรณะทมิฬน่ะหรือ
ว่ากันตามตรงแล้ว ยอดเคารพทั้งสามของเผ่ามรณะทมิฬ แต่ละคนล้วนเป็นมารร้ายตัวฉกาจที่ชั่วร้ายอย่างยิ่ง ในบรรดาสิบสามราชันย์ นอกจากคนหนึ่งที่ค่อนข้างเก็บตัว มีความเคลื่อนไหวน้อยมากแล้ว อีกสิบสองคนที่เหลือ คนใดบ้างที่มิได้เข่นฆ่าจำนวนนับไม่ถ้วน และกลืนกินชนพื้นเมืองจำนวนนับไม่ถ้วน
“รู้สึกว่าเผ่ามรณะทมิฬนี้คล้ายคลึงกับฝูงมารผลาญทำลายมาก ตรงที่เกิดมาก็รู้จักแต่การกลืนกินและเข่นฆ่า ข้อแตกต่างเพียงข้อเดียวก็คือ ฝูงมารผลาญทำลายถือกำเนิดขึ้นมาจากกฎเกณฑ์อันสูงส่ง แฝงไว้ด้วยบัญชาที่ให้ทำลายล้างยุคหนึ่งๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “ส่วนเผ่ามรณะทมิฬ ชาวเผ่ามรณะทมิฬเก้าจุดเก้าส่วนที่มีสติปัญญาค่อนข้างต่ำเหล่านั้นยังดีกว่าอยู่บ้าง พวกเขาจะไม่จากเกาะลอยคว้างไป ส่วนเผ่ามรณะทมิฬระดับยอด…มีปัญญาสูงส่งมากทีเดียว ความใฝ่ฝันก็สูงยิ่งนัก ไม่จากเกาะลอยคว้างไปก็แล้วไปเถิด แต่หากจากไปก็จะเป็นการกลืนกินตามอำเภอใจแล้ว”
เมื่อเทียบกันแล้ว เผ่าชนพื้นเมืองยังปกติกว่า มีหญิงชายให้กำเนิดลูกหลานสืบสกุล และมีความรู้สึกอยู่บ้าง ถือว่าคล้ายคลึงกับผู้บำเพ็ญมาก
ส่วนเผ่ามรณะทมิฬนั้น ถือกำเนิดขึ้นมาในเกาะลอยคว้างตามธรรมชาติอย่างแท้จริง
“มาแล้ว”
“พวกเขามาแล้ว”
จักรพรรดิวายุทิพย์ ตงป๋อเสวี่ยอิงและแม่ทัพเทพทั้งห้า แต่ละคนต่างก็มองไปเบื้องหน้า
เบื้องหน้ามีเงาร่างหกสายปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า
เงาร่างซึ่งเป็นหัวหน้านั้นผอมแห้ง บนร่างเต็มไปด้วยเกล็ด เมื่อปีกหุ้มเกล็ดของมันสยายออกเต็มที่ ปีกคู่นี้ก็ใหญ่เสียจนน่าตกใจ ใหญ่โตกว่าผู้อาวุโสแห่งสถานที่ต้องห้ามทั้งห้าข้างกายมันมากมายยิ่งนัก แต่ร่างกายของมันกลับดูเหมือนเป็นเพียงหนึ่งในพันของปีกเท่านั้น
ราชันย์เหยี่ยนสยายปีกออกมา นัยน์ตาสีเงินคู่หนึ่งมองปราดผ่านจักรพรรดิวายุทิพย์ไป จากนั้นสายตาก็หยุดลงที่ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง
“ท่านผู้นี้คือจ้าวหิมะเหินหรือ” หลังจากราชันย์เหยี่ยนปรากฏกายแล้ว ประโยคแรกที่เอ่ยออกมาก็คือเรียกหาจ้าวหิมะเหิน
“เจ้าเคยได้ยินชื่อของพี่หิมะเหินมาก่อนด้วยหรือ” จักรพรรดิวายุทิพย์ออกจะตกตะลึงอยู่บ้าง ขณะเดียวกันก็ลอบดีใจ เคราะห์ดีที่ให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเก็บซ่อนกลิ่นอายและแปลงโฉมเสียก่อน
ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็มิได้ปลอมแปลงอีกต่อไป กลิ่นอายปกติกลับคืนมา และกลับคืนสู่รูปลักษณ์หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวแห่งดินแดนจิตโลกาดังเดิม ขณะเดียวกันก็พูดยิ้มๆ ว่า “ว่ากันว่าการเผยแพร่ข่าวสารภายในเผ่ามรณะทมิฬเชื่องช้ายิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าราชันย์เหยี่ยนจะรู้ชื่อข้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้”
“เป็นผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาของข้าคนหนึ่งที่รู้จักชื่อเสียงของจ้าวหิมะเหิน” ราชันย์เหยี่ยนคร้านจะสนใจจักรพรรดิวายุทิพย์ หากแต่มองดูตงป๋อเสวี่ยอิงต่อไปแล้วเอ่ยว่า “มันยังคิดว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับจ้าวหิมะเหินเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น เมื่อเห็นอานุภาพที่จ้าวหิมะเหินสำแดงออกมาในครั้งนี้ จึงรู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง! เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวหิมะเหิน ครั้งนี้ข้าจะพ่ายแพ้ก็ไม่ละอายอะไรนัก”
“ยอมรับว่าแพ้แล้วรึ” จักรพรรดิวายุทิพย์หัวเราะเบาๆ
“วายุทิพย์ ก่อนหน้านี้เจ้าพ่ายแพ้มาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ครั้งนี้ข้ามิได้แพ้เจ้า แต่แพ้จ้าวหิมะเหินต่างหากเล่า” ราชันย์เหยี่ยนกล่าว “นี่เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของดินแดนจิตโลกาและหุบเขาเขี้ยวหักที่สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิจมดิ่งลงไปได้! จะพ่ายแพ้ให้แก่ผู้แกร่งกล้าเช่นนี้ ก็ถือเป็นเรื่องปกตินัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกตกใจนัก
เขาเผชิญกับเผ่ามรณะทมิฬมาหลายคนแล้ว แต่กลับเป็นคนแรกที่พูดจาอย่างมีเหตุมีผลเช่นนี้!
“จ้าวหิมะเหิน เหตุใดท่านจึงต้องช่วยเหลือวายุทิพย์ผู้นี้ด้วยเล่า หากพูดถึงความมากมายของสมบัติล้ำค่า แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเผ่ามรณะทมิฬของเราที่มีมากที่สุด พวกเราต่างหากจึงจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถือกำเนิดขึ้นบนเกาะลอยคว้าง” ราชันย์เหยี่ยนกล่าว “หากท่านมาช่วยข้า ท่านต้องการสมบัติล้ำค่าอันใด ข้าก็จะช่วยให้ท่านได้มาให้ได้ ดีหรือไม่เล่า”
“โน้มน้าวข้าอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงยิ่งขึ้นไปอีก
ด้วยนิสัยของเผ่ามรณะทมิฬ ต่อให้มีระดับสติปัญญาสูงส่ง ก็ไม่อยากจะประนีประนอม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นฝ่ายโน้มน้าวเองด้วย
ราชันย์เหยี่ยนเป็นอีกจำพวกหนึ่งจริงๆ
แต่เมื่อดูจากรายงาน ก็เป็นเช่นนี้จริงๆ! ในบรรดาสิบสามราชันย์ ราชันย์เหยี่ยนก็เป็นอีกจำพวกหนึ่งจริงๆ มันตั้งใจมากที่จะทำให้ราชันย์เผ่ามรณะทมิฬแต่ละคนอุทิศกำลังเพื่อมัน และกลายเป็นผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาของมัน! แน่นอนว่า ‘สายเลือด’ ของตัวมันเองมีส่วนช่วยผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นอย่างมากก็เป็นเเหตุผลข้อหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่ง ตัวมันเองก็สามารถใช้ข้อได้เปรียบเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น เขาจึงกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสิบสามราชันย์
“สิ่งที่พี่หิมะเหินมี เจ้าไม่มีเสียหน่อย” จักรพรรดิวายุทิพย์สีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย เขากลัวตงป๋อเสวี่ยอิงจะรับปาก
“ผู้บำเพ็ญต้องการอะไรน่ะหรือ” ราชันย์เหยี่ยนมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “ได้ยินมาว่าผู้บำเพ็ญอย่างพวกท่านให้ความสนใจกับสมบัติลับอันสูงส่งเป็นที่สุด ทั้งยังมีการบำเพ็ญระดับขั้นอีกด้วย ฮ่าฮ่า จะว่าไปก็บังเอิญสหายรักผู้หนึ่งของข้ามีสมบัติลับอันสูงส่งอยู่ชิ้นหนึ่งพอดี! ข้าถึงขั้นสามารถคิดหาวิธีช่วยท่านหาสมบัติลับอันสูงส่งอีกสักชิ้นสองชิ้นได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถมอบให้ท่านได้ทั้งสิ้น! ส่วนการบำเพ็ญระดับขั้นนั้นไม่สนใจวัตถุช่วยเหลือภายนอกอะไรเลย จึงคุยกันง่ายหน่อย”
จักรพรรดิวายุทิพย์หน้าถอดสีไปแล้วจริงๆ
“มาช่วยข้า เป็นอย่างไรเล่า ท่านเป็นผู้บำเพ็ญ ทั้งยังมิใช่คนของเผ่าชนพื้นเมือง ท่านช่วยจักรพรรดิวายุทิพย์ก็เป็นการช่วยเหลือ ท่านมาช่วยข้า ก็เป็นการช่วยเหลือเช่นกัน” ราชันย์เหยี่ยนสยายปีกขนาดมหึมาออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร เขาให้ความสำคัญกับจ้าวหิมะเหินผู้นี้ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ทำให้ราชันย์เหยี่ยนผิดหวังแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากพูด
ราชันย์เหยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนแปรไปในทันใด สายตาก็เยียบเย็นขึ้นเป็นอันมาก
…………………………………