Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 5 จมดิ่ง
สวบ!
บุรุษที่สะพายกระบี่เทพ แมลงตัวใหญ่ในเค้าร่างมนุษย์ที่ห่มอาภรณ์สีดำและหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นกลางท้องฟ้าของหุบเขาเขี้ยวหัก
“เทือกเขาทอดยาวต่อเนื่องกัน ไกลสุดลูกหูลูกตา” พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนเหลือบมองลงไปเบื้องล่าง รู้สึกว่ามิติของเทือกเขาเบื้องล่างบิดเบี้ยว
“ไป ลงไปกันเถอะ”
พวกเขาสามคนทะยานลงไปพร้อมกัน เมื่อเข้าไปใกล้ มิติก็ยิ่งบิดเบี้ยวอย่างน่าประหลาด
ฟิ้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงปาถัวเฉินเผยสีหน้าแปลกใจออกมา พวกเขารู้สึกว่าตนเหมือนกับออกจากโลกใบหนึ่งแล้วเข้าไปยังโลกอีกใบหนึ่ง! เนื่องจาก ‘กฎเกณฑ์อันสูงส่ง’ ได้เปลี่ยนแปลงไป! กฎเกณฑ์อันสูงส่งซึ่งเดิมทีปกคลุมทุกหนแห่งของดินแดนจิตโลกา เมื่ออยู่ในส่วนลึกของหุบเขาเขี้ยวหัก กลับกลายเป็นกฎเกณฑ์อันสูงส่งอีกชนิดหนึ่งเสียแล้ว
“น่าประหลาดนัก”
เมื่อพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนเข้าไปภายในมิติของหุบเขาเขี้ยวหัก เทือกเขาแต่ละแห่งที่เห็นก่อนหน้านี้ล้วนกลายเป็นเกาะลอยคว้างมากมาย!
มืติกว้างใหญ่ไพศาล
เกาะลอยคว้างแห่งแล้วแห่งเล่าลอยคว้างอยู่กลางมิติอันไร้ที่สิ้นสุด
“ในโลกหุบเขาเขี้ยวหัก จะมีก็แต่เกาะลอยคว้างที่มีอันตรายต่างๆ อยู่! อย่างมิติอันไร้ขอบเขตนี้ และโลกต่างๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่ ล้วนไม่มีอันตรายแต่อย่างใด” จอมกระบี่ยิ้ม “เกาะลอยคว้างเบื้องหน้าเราแห่งนี้ มีหมายเลขแทนว่า ‘หยินสามเก้าเจ็ดห้า’”
เมื่อรู้จุดอ้างอิง
จอมกระบี่ ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงปาถัวเฉินต่างก็เคลื่อนที่ในพริบตามุ่งหน้าไปทันที
แม้จะระมัดระวัง แต่เคลื่อนที่ในพริบตาสิบกว่าครั้งก็ไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
“หยินห้าสองเก้าเก้า” พวกจอมกระบี่ทั้งสามคนยืนอยู่กลางอากาศ พลางมองดูเกาะลอยคว้างขนาดมหึมาตรงหน้า “ถึงแล้ว”
เมื่อประเมินด้วยสายตา เกาะลอยคว้างมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสามแสนล้านลี้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นเกาะลอยคว้างที่มีขนาดค่อนข้างเล็กของหุบเขาเขี้ยวหักแล้ว
“พวกเจ้าสองคนไม่เคยไปยังเกาะลอยคว้างมาก่อน ข้าขอเตือนอีกครั้งหนึ่งว่า อันตรายของหุบเขาเขี้ยวหักอยู่ภายในเกาะลอยคว้างเหล่านี้” จอมกระบี่พูดอย่างจริงจัง “อีกประเดี๋ยวเข้าไป ก็ทำตามที่พวกเราตกลงกันเอาไว้นะ”
“อื้ม” ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็ไม่กล้าประมาท
ทั้งสามคนแลกเปลี่ยนสายตากัน นัยน์ตาแฝงแววรอคอย
สวบๆๆ!
จากนั้นก็พากันทะยานมุ่งหน้าไปยังเกาะลอยคว้าง
บนเกาะลอยคว้างที่ล่องลอยอยู่ มีเทือกเขาทอดยาวต่อเนื่องกัน หากมองดูจากโลกภายนอก เทือกเขาที่ทอดยาวต่อเนื่องกันนี้เชื่อมต่อกันกับเทือกเขาภายนอก! แต่เมื่อเข้าไปภายใน ‘โลกหุบเขาเขี้ยวหัก’ กลับกลายเป็นภาพที่แปลกพิสดารเช่นนี้
“กลิ่นอายแปลกประหลาดนัก” เมื่อทะยานเข้าไปใกล้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย ทั้งเกาะลอยคว้างมีกลิ่นอายที่เยียบเย็นอย่างยิ่งแผ่ซ่านออกมา กลิ่นอายนี้ทำให้เขาไม่สบายใจเอามากๆ
“เอ๊ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและร่างแยกที่โลกภายนอกต่างก็ได้รับผลกระทบ “มิอาจใช้การส่งถ่ายมหาทลายโลกาได้แล้วหรือนี่”
ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาเป็นวิธีการเคลื่อนที่ที่เยี่ยมยอดมาก!
ตามรายงาน ภายในโลกหุบเขาเขี้ยวหัก อย่างภายในโลกอันเร้นลับต่างๆ ที่ชนพื้นเมืองที่ใช้ชีวิตอยู่หรือว่าอากาศอันกว้างใหญ่ไพศาลล้วนแต่สามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาไปถึงได้โดยตรง! ต่อให้ไม่อาศัย ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ แล้วเคลื่อนที่ในพริบตาเป็นระยะทางไกลโพ้นไปยังชายแดนก่อน หลังจากทะลุผ่านชายแดนแล้วก็สามารถกลับดินแดนจิตโลกาได้อย่างง่ายดาย
แต่ภายในเกาะลอยคว้างกลับมีพละกำลังอันเร้นลับผลักไสสิ่งกีดขวางออกไป จนมิอาจสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาได้!
“เฮอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำหนดจิตคราหนึ่ง บริเวณอากาศก็จะขยายออกไป แต่กลับได้รับการกีดขวางจากพละกำลังอันเยียบเย็นนี้ อาศัย ‘ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศ’ ที่พกติดตัวมาจึงสามารถแผ่ออกไปเป็นขอบเขตล้านลี้ได้อย่างพอถูไถ! และมิอาจขยายออกไปได้อีกแล้ว พละกำลังอันเยียบเย็นนั้นกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุด การกดดันของพละกำลังอันเยียบเย็นนี้ถึงขั้นทำให้เกิดระลอกคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าขึ้นมา
“เป็นอย่างไรบ้าง” จอมกระบี่และบรรพชนแมลงปาถัวเฉินต่างก็มองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง
“ถูกขัดขวางอย่างแรงโดยแท้ บริเวณของข้าสามารถคงไว้ได้ที่ล้านลี้เท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด ขณะเดียวกันก็กำหนดจิตคราหนึ่ง แล้วเขาก็สำแดงโลกเขตลวงออกมา
โลกเขตลวงเป็นการสำแดงพละกำลังของวิญญาณ
“เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้าแตกตื่นออกมา
โลกเขตลวงถูกขัดขวางก็อ่อนแอลงมากอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเนื่องจากมีพละกำลังอันเยียบเย็นอยู่ โลกเขตลวงจึงสามารถปกคลุมได้เพียงสิบแปดล้านลี้เท่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้สำแดงวิธีการด้านความปรารถนาและภาพลวงต่างๆ อย่างสุดกำลัง เพราะถึงอย่างไรก็แค่ตรวจดูรอบด้านเท่านั้น แค่พยายามขยายขอบเขตการสำรวจของโลกเขตลวงก็เป็นอันใช้ได้แล้ว!
“เกาะลอยคว้างกดดันวิธีการด้านกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างร้ายกาจนัก” จอมกระบี่ถ่ายเสียงพูด “พวกเราอยู่ที่นี่ ล้วนมิอาจเคลื่อนที่ในพริบตาได้ แต่เมื่อ ‘เผ่ามรณะทมิฬ’ อยู่ในเกาะลอยคว้างกลับมิได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเราจึงเสียเปรียบมาก”
“โลกเขตลวงของข้าถูกกดดันค่อนข้างต่ำ สามารถคงขอบเขตไว้ได้ที่สิบแปดล้านลี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
“อ้อ” จอมกระบี่และบรรพชนแมลงปาถัวเฉินต่างก็แสดงสีหน้ายินดีออกมา
ขอบเขตสิบแปดล้านลี้ก็นับว่าใหญ่มากแล้ว
“ข้าจะไปตรวจสอบรอบด้าน” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินพูดพลางโบกมือคราหนึ่ง ทันใดนั้นแมลงหลายสิบตัวก็บินออกมา แล้วมุ่งหน้าไปทุกทิศทุกทางอย่างรวดเร็ว
……
บรรพชนแมลงปาถัวเฉินส่งแมลงออกไปสำรวจภายนอก ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงโลกเขตลวง ก็ย่อมหลบหลีกบรรพชนแมลงปาถัวเฉินและจอมกระบี่เป็นธรรมดา ส่วน ‘จอมกระบี่’ เป็นผู้ที่มีพลังรบแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งสามคน! เพราะไม่ว่าจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงหรือจอมกระบี่ก็ล้วนนำสมบัติลับมาด้วย และเป็นเพียง ‘สมบัติลับระดับยอด’ เท่านั้น ต่อให้พวกเขาโชคไม่ดีสู้จนตัวตายและต้องสูญเสียขึ้นมา พวกเขาก็ทำใจสูญเสียได้!
พวกเขาจำเป็นต้องพกสมบัติลับติดตัวมาด้วย เพราะยิ่งพลังแข็งแกร่งเท่าใด โอกาสที่จะได้สมบัติล้ำค่ามาก็จะเพิ่มขึ้น
“หาทางเจอแล้ว” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินนำทางไป เพราะถึงอย่างไรสกุลชางก็เคยมีเทพจักรวาลมาเยือนแล้ว
“ฟิ้วๆๆ…” ไกลออกไปมีไอหมอกสีขาวกลุ่มหนึ่งล่องลอยอยู่
ตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนแมลงปาถัวเฉินและจอมกระบี่สีหน้าเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
ตามรายงานของเทพจักรวาลสกุลชางที่สูญเสียร่างแยกที่นี่ ‘หมอกขาวทรงกลม’ บนเกาะลอยคว้างแห่งนี้มีแรงกัดเซาะที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เทพจักรวาลที่สัมผัสมันล้วนแต่ต้องสลายไปในพริบตา! ต่อให้สมบัติลับปะทะมัน สมบัติลับก็ต้องแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไป! จะเห็นได้ว่าร่างกายของเทพจักรวาลขั้นสุดยอดสัมผัสถูกมัน ก็เกรงว่าคงจะมีผลอย่างเดียวกันคือกลายเป็นผุยผง
เป็นอันตรายอย่างหนึ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งของเกาะลอยคว้าง! แน่นอนว่าขอเพียงสามารถหลบหลีกไปได้ ก็ไม่เป็นไรแล้ว
มุ่งหน้าไปตลอดทาง
เนื่องจากทำได้เพียงบินไปอย่างช้าๆ นานแสนนานจึงทะลุผ่านระยะทางหมื่นล้านลี้ได้ ตลอดทางก็พบ ‘สภาพแวดล้อมอันตราย’ อยู่ตลอด
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่า สภาพแวดล้อมธรรมชาติที่อันตรายเช่นนี้ อาจจะมิใช่สิ่งที่ ‘หยวน’ จงใจสร้างขึ้นมา เพราะผลของการทดสอบมีจำกัด! อาจจะเป็นสถานที่อันตรายที่ ‘หยวน’ เคลื่อนย้ายเข้ามาก็เป็นได้
“เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงหันกลับไปมองทันควัน
“เป็นอะไรไปน่ะ” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินและจอมกระบี่ต่างก็สะดุ้งเฮือก
“เผ่ามรณะทมิฬ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงต่ำ
โลกเขตลวงของเขา พบเผ่ามรณะทมิฬซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นสัตว์ประหลาดผิวสีดำเมื่อมทั้งร่าง เผ่ามรณะทมิฬตนนั้นน่าจะแอบจับจ้องเงียบๆ อยู่ไกลออกไป มันเพิ่งจะเข้าไปในขอบเขต ‘โลกเขตลวง’ ของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็ต้องถอยหนีไปด้วยความแตกตื่น
“เผ่ามรณะทมิฬเริ่มปรากฏขึ้นมาแล้ว” จอมกระบี่ก็ถ่ายเสียงพูดขึ้น “ในเมื่อพบตนแรกแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานเท่าใดนักก็จะถูกลอบโจมตีเป็นครั้งแรก”
จอมกระบี่พูดพลางชักกระบี่เทพที่สะพายไว้ที่หลังขึ้นมา
เขาถือกระบี่เทพเอาไว้ในมือ สายตาของจอมกระบี่ราบเรียบ เขาเตรียมพร้อมแล้ว
บรรพชนแมลงก็หรี่ตาลง แม้เขาจะส่งเหล่าแมลงออกไปสำรวจ แต่กลับไม่พบเผ่ามรณะทมิฬเลยแม้แต่คนเดียว
……
พวกเขาทั้งสามมุ่งหน้าต่อไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงพบเผ่ามรณะทมิฬซ่อนตัวอยู่เป็นครั้งคราว เผ่ามรณะทมิฬเหล่านี้สามารถจำแนกออกมาได้อย่างง่ายดาย เพราะผิวกายของแต่ละตนล้วนแต่มีกลิ่นอายแห่งความตายอันชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมา! แต่ละตนที่ตงป๋อเสวี่ยอิงพบนั้น มีผิวหนังสีดำเมื่อมแทบทั้งหมด
“ข้ารู้สึกว่าพวกเขาเหมือนจะกำลังจับตามองเหยื่ออย่างพวกเราอยู่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด “ข้าพบเผ่ามรณะทมิฬหกตนที่แตกต่างกันแล้ว ห้าตนมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาด มีตนหนึ่งที่เป็นรูปร่างมนุษย์ ทั้งยังมีอาภรณ์ห่มคลุมไว้ด้วย”
“เอ๊ะ” ทันใดนั้นบรรพชนแมลงปาถัวเฉินก็มองไปทิศหนึ่งด้วยความตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น” จอมกระบี่และตงป๋อเสวี่ยอิงพากันสงสัย
“ใครน่ะ!”
เสียงตวาดอย่างโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นไกลออกไป เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟากฟ้า แล้วมองไปรอบด้าน นัยน์ตาทั้งคู่ของเขามีเปลวเพลิงอันแปลกประหลาดลุกโชน มองมาแวบหนึ่งก็เห็นพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคนที่แฝงกายอยู่ท่ามกลางแมกไม้
สวบ!
เงาร่างสายนั้นทะยานข้ามระยะทางกว่าร้อยล้านลี้มาอย่างรวดเร็วจนมาถึงกลางท้องฟ้าเหนือพวกตงป๋อเสวี่ยอิง นี่คือบุรุษผมสั้นสีแดงที่มีแววอาฆาตอันรุนแรงคนหนึ่ง เขาเหลือบมองลงมายังพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งสามคน นัยน์ตาแฝงแววระแวดระวัง เขาพูดเสียงต่ำว่า “ผู้บำเพ็ญจากดินแดนจิตโลกาหรือ”
“ชนพื้นเมืองหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมกระบี่ย่อมจำได้เป็นธรรมดา
“พี่ใหญ่หิมะเหิน พี่กระบี่ปีศาจ ไกลออกไปมีค่ายอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีชนพื้นเมืองถึงสิบหกคนด้วยกัน” บรรพชนแมลงปาถัวเฉินถ่ายเสียงพูด “พวกเขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก บรรดาลูกน้องที่ข้าส่งไปเพิ่งจะพบพวกเขาเข้า ก็ถูกพวกเขาสังหารเสียแล้ว”
“น่าจะเป็นทหารรบชนพื้นเมืองซึ่งมายังเกาะลอยคว้างเพื่อเคี่ยวกรำระหว่างความเป็นความตาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงคาดเดา
จอมกระบี่กลับพูดยิ้มๆ เสียงดังกังวานว่า “พวกเจ้ามายังเกาะลอยคว้างเพื่อเคี่ยวกรำระหว่างความเป็นความตายหรือ พวกข้ามาที่นี่ก็เพื่อผจญอันตรายเช่นเดียวกัน”
……………………………………..