Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 57 ความภาคภูมิใจของแม่เฒ่าอิงซาน
ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากต่างก็เชื่อว่าศึกครั้งนี้น่าจะยุติลงแล้ว และมีจำนวนน้อยนิดยิ่งนักยังคงหวังว่าจะมี ‘ปาฏิหาริย์’ เกิดขึ้น พวกเขาอยากให้ราชันย์อนธการอมตะตายไปเสีย!
แต่จักรพรรดิเซี่ย ผู้พเนจรและเจ้าเมืองอนันต์ทั้งสามคนต่างก็สัมผัสได้ถึงปัญหาแล้ว
“บริเวณอากาศนี่ปกคลุมวังหลวงแล้ว ผู้พเนจรยังอยู่ในรัฐโบราณสหโลกา ห่างจากรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้าไกลลิบลับ แผ่คลุมมาไม่ถึงที่นี่อย่างแน่นอน เช่นนั้นก็มีแต่จ้าวหิมะเหินผู้นี้เท่านั้น!” จักรพรรดิเซี่ยทอดสายตามองออกไปไกล “จุดที่เขาและราชันย์อนธการห้ำหั่นกันก็ห่างจากรัฐโบราณคิมหันตวายุของข้ามาก ไกลลิบถึงเพียงนี้ บริเวณอากาศของเขาก็ยังสามารถแผ่คลุมมาถึงอย่างนั้นหรือ หรือจะบอกว่าอาศัยร่างแยกจำนวนมากมาสำแดงบริเวณกันแน่”
อันที่จริงแล้ว
ต่อให้อาศัยร่างแยก บริเวณก็ยังไม่พอ
ร่างแยกที่แข็งแกร่งที่สุดของตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยเคล็ดสืบทอดลับอันสูงส่ง บริเวณก็ปกคลุมขอบเขตได้เพียงสองเท่าของรัฐโบราณคิมหันตวายุเท่านั้น และเขาคงร่างแยกระดับยอดได้อย่างมากเก้าร่างเท่านั้น ในดินแดนจิตโลกา สถานที่ที่มีพื้นที่กว้างขวางก็มีมากมายนัก! และยังมีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลด้วย อย่าง ‘รัฐโบราณหิมะน้ำแข็ง’ หากพูดถึงขอบเขตแล้วก็ใหญ่โตเสียจนเกินจริง
……
ณ พรมแดนแห่งหนึ่งของดินแดนจิตโลกา
“โครมมม…”
จุดสิ้นสุดของผืนดินก็คือลมพายุโหมกระหน่ำ ซึ่งรอบนอกของลมพายุก็คือผนังเยื่อของโลกกำเนิด
“หนีจนถึงที่สุดแล้ว” ราชันย์อนธการอมตะยืนอยู่ตรงขอบลมพายุ โดยไม่สนใจลมพายุอันน่าหวาดหวั่นข้างกายเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังกังวลอยู่บ้าง “ที่นี่และบริเวณที่ประมือกันเมื่อครู่ห่างกันมาก หนีข้ามมาตั้งครึ่งค่อนดินแดนจิตโลกาแล้ว! ระยะทางห่างไกลถึงเพียงนี้ ลำพังอาศัยแค่บริเวณ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีผู้ใดที่บริเวณสามารถปกคลุมได้เป็นวงกว้างขนาดนี้มาก่อน”
“มีพรมแดนตั้งมากมาย ข้าเลือกที่นี่ไปส่งๆ เท่านั้น ต่อให้จ้าวหิมะเหินมีร่างแยกแล้วบังเอิญถูกบริเวณของร่างแยกนี้พบเข้า ก็มีโอกาสต่ำมาก ต่อให้พบครั้งหนึ่ง ข้าก็สามารถหนีไปได้อีก! ขอเพียงหนีออกจากขอบเขตบริเวณของเขาได้ เขาก็จะหาข้าไม่พบแล้ว”
“นอกเสียจากเขาจะสามารถสะกดรอยได้”
“เฮอะ”
“ด้วยระดับขั้นของข้าและการควบคุมวิญญาณของข้า กลิ่นอายจึงไม่เล็ดรอดออกไปภายนอกแม้แต่น้อย มีแต่เจ้าเมืองอนันต์เท่านั้นที่สามารถสะกดรอยข้าได้ แต่เจ้าเมืองอนันต์ก็ไม่เคยแทรกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเหตุปัจจัยที่ใหญ่โตมาตลอด” ราชันย์อนธการอมตะพยักหน้าน้อยๆ
เขารู้สึกว่า มีความเป็นไปได้ต่ำมากที่จ้าวหิมะเหินจะหาตัวเขาพบ
“ราชันย์อนธการ เจ้าเตรียมตัวจะหนีไปไหนหรือ” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น
ราชันย์อนธการอมตะร่างกายสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้ เมื่อหันไปมอง หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้กุมหอกยาวสีดำเอาไว้ในมือก็ทะลุอากาศมาถึงที่นี่แล้ว ก็คือจ้าวหิมะเหินผู้นั้นนั่นเอง สิ่งที่ตามมา ยังมีวิถีหอกของตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งไม่ไว้น้ำใจเลยแม้แต่น้อย หอกยาวแผ่คลุมเข้ามา ราชันย์อนธการอมตะรีบเผาผลาญโลหิตหัวใจเพื่อสกัดกั้นกระบวนท่าอย่างเต็มที่ทันที เขาแหวกทางเชื่อมขึ้นมาสายหนึ่งแล้วเผ่นหนีไปอีกครา
“ถูกพบเข้าแล้วรึ หรือว่าร่างแยกของเขาบังเอิญรักษาการณ์อยู่ที่นี่พอดีอย่างนั้นหรือ”
……
“อย่าหนีอีกเลย”
ที่ป่าพรมแดนอีกแห่งหนึ่งของดินแดนจิตโลกา ราชันย์อนธการอมตะเพิ่งจะปรากฏกายขึ้น หอกยาวเล่มหนึ่งก็ไล่สังหารเข้ามาติดๆ โจมตีเสียจนร่างกายของราชันย์อนธการอมตะปริแตกออกบางส่วน ร่างกายของเขารวมตัวกลายเป็นความดำมืดขึ้นมา ก่อนจะหลบหนีไปอีกครั้ง
……
หนี หนี หนี!
ราชันย์อนธการอมตะหนีไปสิบกว่าครั้งต่อเนื่องกัน เขาค่อยๆ หนาวเหน็บหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ!
เนื่องจากต่อให้บริเวณของร่างแยกปกคลุมก็ตามที แต่ไหนเลยจะบังเอิญถึงเพียงนี้ได้ ตำแหน่งที่หลบหนีไปในแต่ละครั้งล้วนบังเอิญอยู่ในบริเวณทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ
“เขาสะกดรอยได้รึ หรือเจ้าเมืองอนันต์กำลังช่วยเหลือเขาอยู่” ราชันย์อนธการอมตะหยุดลง เขายืนอยู่เหนือมหาสมุทรตรงพรมแดนแห่งหนึ่งของโลกพลางหันไปมองตงป๋อเสวี่ยอิงที่กำลังบุกสังหารเข้ามาจากที่ไกลๆ ยามนี้นัยน์ตาของราชันย์อนธการอมตะฉายแววตัดสินใจเด็ดขาด เขาสกัดท่าไม้ตายของตงป๋อเสวี่ยอิงไปพลาง และรีบถ่ายเสียงอย่างร้อนรนไปพลาง “จ้าวหิมะเหิน เจ้าอยากให้ขาตายหรือ เช่นนั้นข้าก็จะให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนลงหลุมไปกับข้าด้วย!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดลง มิได้ออกกระบวนท่าต่อไป หากแต่ยืนมองเขาอยู่กลางอากาศพลางเอ่ยปากพูดว่า “ลงหลุมไปด้วยรึ”
“ข้านับถือเจ้าจริงๆ สามารถสะกดรอยข้าได้อย่างนั้นหรือ หรือว่าเกลี้ยกล่อมเจ้าเมืองอนันต์ให้ช่วยเจ้าจนได้เล่า” นัยน์ตาของราชันย์อนธการอมตะฉายแววบ้าคลั่ง วิญญาณของเขากำลังสั่นสะท้าน สั่นสะท้านด้วยความคลุ้มคลั่งเมื่ออยู่ตรงหน้าความตาย “แม้พลังของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ข้าก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนลงหลุมไปกับข้าได้อยู่ดี”
“ด้วยอาการบาดเจ็บของเจ้าในตอนนี้ จะสามารถทนต่อไปได้สักกี่น้ำกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเสียงเย็นชา
“เจ้าจะลองดูก็ได้ เจ้ามิได้ใส่ใจมดปลวกเหล่านั้นมากหรือไร หรือไม่ เจ้าก็ปล่อยข้าไปเสีย หรือไม่ก็ปล่อยให้สรรพชีวิตลงหลุมไปพร้อมกับข้า!” ราชันย์อนธการอมตะคำรามเสียงต่ำ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูราชันย์อนธการอมตะผู้นี้
ราชันย์อนธการคนนี้ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความหวั่นเกรงสายหนึ่งอย่างแท้จริง
เนื่องจากนี่คือคนสติฟั่นเฟือนที่ไม่มีอะไรให้ห่วงพะวงโดยแท้! นอกจากนี้พลังก็แข็งแกร่ง เป็นรองเพียงตนเท่านั้น ตนไม่มีทางปล่อยให้คนที่ตนเป็นห่วง เช่นคนตระกูลอิงซานต้องหลบซ่อนอยู่ในเมืองหิมะเหินไปตลอดกาลหรอก หากพวกเขาออกไปเมื่อใด แล้วราชันย์อนธการอมตะเกิดแปรพักตร์ขึ้นมาในชั่วพริบตา เช่นนั้นก็เกรงว่าคงจะเกิดการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ขึ้น
“ข้ารู้สึกว่าการปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดต่อไปจะเป็นภัยคุกคามต่อสรรพชีวิตมากกว่าน่ะสิ อีกทั้งข้าก็ไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถสังหารผู้บำเพ็ญได้มากสักเท่าไหร่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า” นัยน์ตาของตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นประกายคมกล้า หอกยาวในมือแทงตรงออกไป
“ตู้ม!”
“จ้าวหิมะเหิน!!!” เสียงอันบ้าคลั่งของราชันย์อนธการอมตะสะท้อนก้องไปทั่วฟ้าดิน
……
เนื่องจากราชันย์อนธการอมตะหนีไปอย่างไม่หยุดหย่อน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง สนามรบของพวกเขาทั้งสองก็ปรากฏขึ้นแห่งแล้วแห่งเล่าทั่วดินแดนจิตโลกา ความเคลื่อนไหวที่ประมือกันก็ใหญ่โตนัก เมื่อประมือกัน ก็ทำให้เหล่าผู้แกร่งกล้าในดินแดนจิตโลกาสัมผัสได้กันหมด แต่ละคนร่วมชมการต่อสู้ในทันใด
พวกเขาก็เห็นการสนทนาระหว่างตงป๋อเสวี่ยอิงและราชันย์อนธการอมตะ
ราชันย์อนธการอมตะเอาคำว่า ‘ให้สรรพชีวิตลงหลุมไปด้วย’ มาขู่ แต่จ้าวหิมะเหินก็ยังคงลงมืออยู่ดี!
“ดี!”
ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากชมเปาะเมื่อเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงลงมือ
เหล่าผู้แกร่งกล้าทั้งหลายรวมทั้งจักรพรรดิเซี่ยต่างก็อุทานออกมาอย่างอดมิได้! พวกเขาตกใจที่เห็น ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ หนีอย่างไรก็ยังถูกไล่ล่า และอุทานที่เห็น ‘ราชันย์อนธการอมตะ’ ซึ่งเหนือกว่าผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนคงจะต้องตายตกไปในครั้งนี้จริงๆ เสียแล้ว
“งดงาม” ณ นครหลวงรัฐเมฆทักษิณา ในที่สุดประมุขรัฐเมฆทักษิณาซึ่งเงียบงันมาตลอดก็เอ่ยปากขึ้น เขาจ้องมองกระจกยลฟ้าบานนั้น
ขณะที่ราชันย์อนธการอมตะหลบหนี เขาก็กลัวว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะมิอาจสะกดรอยได้
เมื่อสะกดรอยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ตื่นเต้นยินดีขึ้นมา
เมื่อราชันย์อนธการอมตะขู่ว่าจะให้สรรพชีวิตลงหลุมไปด้วย ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็กังวลขึ้นมา ว่าศิษย์จะมือไม้อ่อน
“ในที่สุด ในที่สุดก็จะหลุดพ้นแล้วหรือ เจ้าบ้านี่ ในที่สุดก็จะตายแล้วหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาตั้งตารอคอย
“ร้ายกาจ ร้ายกาจจริงๆ ข้ามีศิษย์น้องเช่นนี้คนหนึ่ง ผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนจิตโลกาเป็นศิษย์น้องของข้าเสียนี่” จ้าวทานเผิงทอดถอนใจเสียงฮึดฮัด
“แข็งแกร่งจนน่าหวาดหวั่นทีเดียว ข้าเป็นศิษย์พี่หญิงของเขาหรือนี่” ท่านหญิงกุ่ยลี่ก็อุทานอยู่ด้านข้าง
“แม้แต่ราชันย์อนธการอมตะ…ก็ยังถูกเสวี่ยอิงสังหารอย่างนั้นหรือ” แม่เฒ่าอิงซานรู้สึกว่าทุกสิ่งเป็นดั่งความฝัน
นางยังจำได้อย่างชัดเจน
สหายตัวน้อยผู้เปี่ยมพรสวรรค์ทางสายของท่านโหวหั่วเลี่ยแห่งตระกูลอิงซานที่เกิดมาก็เป็นเทพอากาศ เขารุ่งโรจน์ขึ้นมาได้อย่างร้ายกาจเกินไปแล้ว ตอนแรกสหายน้อยผู้นี้ยังอยากได้หัวหอกของ ‘หอกเทพเมฆาแดง’ ก็เป็นนาง แม่เฒ่าอิงซานที่ช่วยไปซื้อมามอบให้! ต่อมา เมื่อ ‘การบูชาโลหิตเมืองอัคคีโชติ’ เกิดขึ้นนั้น คุณชายน้อยอิงซานเสวี่ยอิงในตอนนั้นก็ปะทุพลังรบอันน่าหวาดหวั่นออกมาทำเอาคนตกอกตกใจกันหมด ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสี่รัฐมารทมิฬและทะเลสาบมารทมิฬ
ขั้นอลวนชั้นที่สิบคนหนึ่งกลายเป็นเค่อชิงระดับบนของสกุลฝานได้
หลังจากสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว ก็ไปยัง ‘วังเทพจิตโลกา’ และถูกบรรพชนราตรีนิรันดร์สังหาร จึงเก็บเนื้อเก็บตัวกบดานไป
การกบดานครั้งนี้…
กลับเคลื่อนไหวด้วยสถานะของ ‘คนวิถีจิตฟ้า’ และทำให้มารร้ายในใต้หล้าต้องสะท้านสะเทือนด้วยพลังของตัวคนเดียว
“บัดนี้แม้แต่ราชันย์อนธการอมตะ เขาก็จะสังหารเสียแล้ว” แม่เฒ่าอิงซานพูดเสียงเบา “ผู้แกร่งกล้าที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ เป็นคนตระกูลอิงซานเราหรือนี่”
ยามนี้ แม่เฒ่าอิงซานยินดีจนล้นหัวใจและภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง
……
เมื่อราชันย์อนธการอมตะถูกไล่สังหารอยู่ตลอดจนหนีไปไหนไม่พ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่สนใจการข่มขู่ของเขา ผู้แกร่งกล้าทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างก็เชื่อว่า ครั้งนี้ราชันย์อนธการอมตะอาจจะต้องสิ้นใจไปอย่างแท้จริง มีหลายคนที่กำลังโห่ร้อง ปรบไม้ปรบมือเห็นดีเห็นงามด้วย!
แต่ว่า…
ตงป๋อเสวี่ยอิงเองกลับรู้สึกคันยุบยิบในใจ เนื่องจากการจะสังหารราชันย์อนธการอมตะนั้นต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง!
“ตาย ตายไปด้วยกันเสียเถอะ!” ราชันย์อนธการอมตะหลบหนีไปถึงกลางท้องฟ้าเหนือตัวเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนจะถลาลงไปเบื้องล่างแล้วลงมือโจมตีด้วยตนเอง
ตู้ม!
ห้วงอากาศบิดเบี้ยวและสะท้านสะเทือนไปหมด เขาพยายามสกัดกั้นการโจมตีของราชันย์อนธการอมตะอย่างสุดกำลัง ตงป๋อเสวี่ยอิงบุกสังหารเข้ามาอีกครั้ง แม้เขาจะเชี่ยวชาญการกดดันด้านบริเวณเป็นอย่างยิ่ง และพยายามไล่สังหารอย่างสุดกำลังด้วยความเร็วสูงสุด แต่ก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่ถูกสังหารไปอยู่ดี! สิ่งมีชีวิตมากมายถึงขั้นมิทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ก็ถูกล้างสังหารเสียแล้ว เรื่องนี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งแค้นเคืองมากขึ้น ถึงจะต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง ก็ต้องกำจัดเขาทิ้งให้จงได้!
“ดูท่าแล้ว เขาคงจะทนได้อีกไม่นานสักเท่าใดนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อนข้างมั่นใจว่าอาการบาดเจ็บของราชันย์อนธการอมตะหนักหนามาก เกรงว่าโอกาสรอดคงเหลือราวสองส่วนเท่านั้น
“ต้านทานเอาไว้มิได้แล้ว!”
ยามนี้สถานการณ์ของราชันย์อนธการอมตะย่ำแย่กว่าที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคาดการณ์เอาไว้เสียอีก
เนื่องจากแต่ละครั้งที่ห้ำหั่นกันเขาล้วนแต่ต้องเผาผลาญโลหิตหัวใจทั้งสิ้น เมื่อเผาผลาญโลหิตหัวใจ เขาก็ยังมีพลังราวสามสี่ส่วนของตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้น! หากไม่เผาผลาญก็เกรงว่าคงจะมีพลังเพียงส่วนสองส่วนเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นก็คงจะสิ้นใจเร็วขึ้นไปอีก
“โลหิตหัวใจของข้าจวนจะหมดแล้ว”
หัวใจเปลวทองภายในกาย เหลือโลหิตน้อยเสียจนน่าสงสาร คือเพียงสามหยดเท่านั้น!
ราชันย์อนธการอมตะออกจะสิ้นหวังอยู่บ้าง
………………………………