Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 10 เศษเสี้ยวความทรงจำ
“ปัง”
สติรับรู้แทรกผ่านก้อนหินใหญ่สีดำ นอกจากได้ยินเสียงอันยิ่งใหญ่กังวานนั้นแล้วก็รับสัมผัสได้ถึงทางเดินส่งถ่ายไปพร้อมๆ กัน
นี่คือวิธีการที่ชาญฉลาดยิ่งกว่า ‘ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา’ เสียอีก รับสัมผัสเล็กน้อยก็สามารถรับสัมผัสถึงอาณาเขตอันไกลแสนไกลหาใดเปรียบที่ปลายอีกด้านหนึ่งของเส้นทางได้แล้ว! ห่างไกลจากดินแดนจิตโลกามากมายเหลือเกิน ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยไปกลับระหว่างบ้านเกิด ‘อากาศอันสับสนอลหม่าน’ กับดินแดนจิตโลกามาก่อน ระยะทางระหว่างสถานที่ทั้งสองก็นับได้ว่าห่างไกลแล้ว แต่เมื่อเทียบกับระยะทางที่ก้อนหินใหญ่สีดำส่งถ่ายในตอนนี้ก็แตกต่างกันไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
อาณาเขตอันไกลแสนไกล!
นอกจากนี้ยังรับสัมผัสได้ถึง ‘ความรุนแรง’ และ ‘ความอลหม่าน’ รางๆ อีกด้วย ถึงขนาดที่เพียงแค่รับสัมผัสอยู่ห่างๆ กฎเกณฑ์อันน่าหวาดหวั่นของอาณาเขตแห่งนั้นก็ยังส่งผลกระทบผ่านระยะทางไกลมาถึงตงป๋อเสวี่ยอิงได้ ทำให้ร่างกายตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับผลกระทบ พลังยุทธ์ก็ลดลงไปส่วนหนึ่ง
“รับสัมผัสได้แล้วกระมัง” ยอดเคารพเฮ่ากู่พูดอยู่ข้างๆ “อาณาเขตผืนนั้นแตกต่างจากโลกกำเนิดอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง เพียงแค่รับสัมผัสเท่านั้นก็สามารถส่งผลกระทบต่อพลังยุทธ์ของพวกเราได้แล้ว โลกกำเนิดไม่สามารถทำผ่านระยะทางห่างไกลเช่นนี้ได้ นอกจากนี้ มาถึงระดับขั้นอย่างพวกเรา การส่งพวกเราไปยังโลกกำเนิดอื่นนั้นเกรงว่าก็คงจะไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ข้าสงสัยว่าจะเป็นอาณาเขตที่ค่อนข้างพิเศษในมิติคละถิ่น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็พยักหน้า
ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
ระยะทางห่างไกลถึงขนาดนั้น เพียงแค่รับสัมผัสก็สามารถส่งผลกระทบต่อพลังยุทธ์ของตนได้แล้ว ช่างน่าหวาดหวั่นเกินไปเสียแล้ว
“มันอยู่ห่างไกลจากดินแดนจิตโลกามากเกินไป ห่างไกลถึงขนาดที่พอพวกเราจากไปแล้วเกรงว่าคงจะไม่มีทางกลับมาได้อีกตลอดกาล นอกจากนี้ ’หยวน’ ยังบอกว่าการขัดเกลาภายใต้แหล่งอารยธรรมที่แตกต่างกัน โต้ตอบกับผู้แกร่งกล้าจากแหล่งอารยธรรมที่แตกต่างกันด้วย” ยอดเคารพเฮ่ากู่พูด “เกรงว่าพวกเราอาจจะประสบกับคู่ต่อสู้ที่สามารถเทียบเคียงกับพวกเราได้เลยทีเดียว ข้าก็ไปถึงระดับจักรพรรดิขั้นสมบูรณ์ ก็ยังสามารถเผชิญกับคู่ต่อสู้ได้ด้วยหรือ”
“อาณาเขตที่ก้อนหินใหญ่สีดำนี้นำทางไปดูเหมือนจะแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง”
“พวกเรายอดเคารพ หากไม่ถึงวินาทีสุดท้ายก็ไม่มีทางทำการต่อสู้ครั้งสุดท้ายหรอก” ยอดเคารพเฮ่ากู่พูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“รอจนเสร็จเรื่องแล้วเจ้าก็สามารถมาใคร่ครวญให้ละเอียดอีกทีก็ได้ พวกเราควรไปได้แล้วล่ะ” ยอดเคารพเฮ่ากู่พูดยิ้มๆ
“ไปกันเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้มแล้วไปจากห้วงมิติกลุ่มแสงนี้พร้อมกันกับยอดเคารพ
ยามที่จากไป ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังอดที่จะมองไปรอบทิศมิได้ มองผ่านผนังกั้นไปก็สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ของซากศพสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นสองร่างนั้นที่หุบเขาเขี้ยวหักได้ แล้วก็มองก้อนหินใหญ่สีดำก้อนนั้นอีกแวบหนึ่ง
พรึ่บ พรึ่บ
คนทั้่งสองจากไป
……
อยู่ที่อาณาเขตของทะเลแห่งการรับรู้เคียงข้างยอดเคารพเฮ่ากู่ต่อไป มุ่งหน้าไปยังห้วงมิติกลุ่มแสงแห่งแล้วแห่งเล่า
บนทางเดิน
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ค่อยๆ หยุดลง
“ฟิ้วๆๆ” สายลมดำทะมึนพัดกรรโชก พัดผ่านร่างกายตน ถึงแม้ว่าจะมิได้ดำทะมึนเหมือนกับพายุคลั่งหมุนวนที่บริเวณปากทางเข้าทางเดินเขี้ยวอสรพิษ แต่สายลมดำทะมึนน้อยๆ นี้ก็ยังคงมีพลังกัดกร่อนอันแกร่งกล้ายิ่งนัก ทำให้พลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษที่ตงป๋อเสวี่ยอิงพกติดตัวมาถูกบริโภคไป เขามองข้ามสายลมดำทะมึนเหล่านี้ไปแล้วพยายามเคลื่อนเข้าไปใกล้อย่างต่อเนื่อง แต่ความรู้สึกกดดันที่ห้วงมิติกลุ่มแสงตรงหน้าแผ่ออกมาก็ทวีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
ยิ่งอยู่ใกล้ ความกดดันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
“ต้านไม่อยู่แล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าตนเองวิงเวียนศีรษะ สติรับรู้ก็รางเลือน วิญญาณก็เจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า
“ถอย!”
ได้แต่แปลงเป็นลำแสงสายหนึ่งร่นถอยไปอย่างรวดเร็ว การเหินทะยานร่นถอยไปอย่างรวดเร็วนี้ แรงกดดันก็ลดทอนลงอย่างรวดเร็วยิ่ง เขาจึงผ่อนคลายลงเป็นอันมาก
“อีกนิดเดียวเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจ้าวหิมะเหินจะเข้าไปมิได้ เช่นนั้นผู้ใดจะสามารถเข้าไปได้กันเล่า”
ยอดเคารพเฮ่ากู่ส่ายหน้า
“แรงกดดันช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน” ตงป๋อเสวี่ยอิงถอนหายใจ เขามีความมั่นใจในเคล็ดวิชาวิญญาณของตนเองเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังถูกกดดันให้ร่นถอยไปอยู่ดี
“ฮ่าฮ่า ไปที่ต่อไปเถิด” ยอดเคารพเฮ่ากู่มิได้นำมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อยแล้วพาตัวตงป๋อเสวี่ยอิงไปด้วยกันต่อ
ถ้าหากเข้าไปด้วยตนเองได้ ยอดเคารพเฮ่ากู่ก็คงเข้าไปนานแล้ว
เขาส่งตงป๋อเสวี่ยอิงไป ตอนนี้ก็เป็นเพราะเขามิอาจเข้าไปได้ จึงให้ตงป๋อเสวี่ยอิงไปทดลองดู
……
ก็เป็นที่ห้วงมิติกลุ่มแสงอีกแห่งหนึ่ง
ถึงแม้ว่าแรงกดดันจะแข็งแกร่งอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน แต่เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับยิ่งเกิดความยินดีขึ้นในใจ “ดูเหมือนว่าจะผ่อนคลายขึ้นหน่อยแล้วกระมัง มีหวังที่จะเข้าไปได้แล้วสิ!”
การคาดการณ์นั้นถูกต้อง
ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้เป็นอย่างยิ่ง แรงกดดันก็ยังแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังเข้าไปภายในห้วงมิติกลุ่มแสงนี้ก่อนที่จะไปถึงขีดจำกัดที่จะทนรับได้ไหว
“เยี่ยม!” ยอดเคารพเฮ่ากู่ที่อยู่ตรงจุดเชื่อมต่อของเส้นทางได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็เผยสีหน้ายินดีออกมาในทันที
“พรึ่บ”
ภายในห้วงมิติกลุ่มแสง
หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้ามาแล้ว มองไปแวบหนึ่ง ‘เกล็ดหิมะ’ แก้วผลึกเกล็ดแล้วเกล็ดเล่ากำลังปลิวว่อน มองไปแวบหนึ่งก็เกินกว่าร้อยล้าน เกล็ดหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อน ทำให้ทั่วทั้งห้วงมิติกลุ่มแสงราวกับภาพมายาแห่งความฝัน
“นี่คืออะไรกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงคาดเดาในทันที “เศษเสี้ยวความทรงจำอย่างนั้นหรือ”
เขาเคยได้ยินยอดเคารพเฮ่ากู่พูดมาก่อนแล้วว่ามีห้วงมิติกลุ่มแสงจำนวนหนึ่งที่ภายในล้วนเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำที่เหลือทิ้งเอาไว้ แต่เศษเสี้ยวความทรงจำภายในทะเลแห่งการรับรู้นั้นแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ กัน ภายในกลุ่มแสงทุกกลุ่มถ้าหากมีเศษเสี้ยวความทรงจำอยู่ เช่นนั้นต่างก็เป็นเศษเสี้ยวความทรงจำชนิดเดียวกันทั้งสิ้น
เศษเสี้ยวความทรงจำไม่มีอันตรายแต่อย่างใดเลย
หลังจากที่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นเช่นนั้นตายตกไปแล้วก็ยังคงเหลือเศษเสี้ยวความทรงจำทิ้งเอาไว้ ต่างก็เป็นรอยประทับที่ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่งจึงเป็นเช่นนี้ได้
“นี่คืออะไรหรือ” สติรับรู้สายหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงแทรกผ่านเข้าสู่เกล็ดหิมะที่ลอยละลิ่วเกล็ดหนึ่งตรงหน้า
ในขณะที่แทรกผ่านนั้นเอง
สติรับรู้ก็คำรามลั่น
เขา ‘มองเห็น’ งูยักษ์ตัวหนึ่งแล้ว งูยักษ์ขนาดมหึมาหาใดเปรียบนอนขดตัวอยู่ในมิติคละถิ่นอันทึบทึมแห่งหนึ่ง มันส่งเสียงคำรามอย่างโมโห เห็นได้ชัดว่าเดือดดาลจนแทบคลั่ง ทันใดนั้นหางงูอันแปลกประหลาดนั้นก็สว่างวาบคราหนึ่งแล้วทะลุผ่านมิตินับล้านล้านแห่ง คล้ายกับร่างแปรหางงูนับล้านล้านในพริบตา! หางงูนับล้านล้านหางทะลุผ่านมิตินับล้านล้านแห่งแล้วแทงเข้าไปยังบุคคลที่น่าหวาดหวั่นเช่นกันคนหนึ่ง
บุคคลผู้นั้นพลานุภาพกว้างใหญ่ไพศาล มีกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่างรบกวนอยู่ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนได้อยู่แล้ว
เศษเสี้ยวความทรงจำชิ้นนี้ก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
“ต่อสู้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้นน่ะหรือ”
สามารถมองออกได้ สนามรบนั้นอยู่ภายในมิติคละถิ่น พลังคละวิถีอันน่าหวาดหวั่นที่กัดกร่อนตนอย่างแข็งแกร่งนั้น… สำหรับงูยักษ์แล้วก็ราวกับอากาศ กระบวนท่าเดียวของงูยักษ์ก็ส่งผลกระทบต่อมิติมากมายถึงเพียงนั้นแล้ว! แต่ผู้แกร่งกล้าที่สามารถห้ำหั่นกับงูยักษ์ได้โดยไม่ตกเป็นรองเลยแม้แต่น้อย พูดถึงพลังยุทธ์ ถึงแม้ว่าจะมิอาจเทียบเคียงกับ ’หยวน’ ได้ แต่เกรงว่าคงจะมิได้แตกต่างกันสักเท่าใดนัก
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ดูเศษเสี้ยวความทรงจำอื่นๆ ต่อไป
เศษเสี้ยวกว่าร้อยล้านชิ้น…
แม้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะดูเศษเสี้ยวความทรงจำไปกว่าร้อยชิ้น ต่างก็เป็นงูยักษ์สำแดงเคล็ดวิชาที่หางงูทะลุผ่านห้วงมิตินับล้านล้านแห่งในชั่วพริบตาทั้งสิ้น! กระบวนท่านี้คล้ายกับจะแทงทะลุศัตรูในท้ายที่สุดทั้งหมด
“ในที่สุดก็มีอะไรที่แตกต่างไปบ้างเสียที” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นเศษเสี้ยวความทรงจำชิ้นหนึ่ง ในเศษเสี้ยวความทรงจำนั้น งูยักษ์เลื้อยเหินทะยานท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านอันเวิ้งว้าง สามารถมองเห็นได้อย่างกระจ่างชัดเจน ความยาวของร่างกายมันยังยาวกว่าโลกกำเนิดแห่งหนึ่งอยู่มากพอสมควร แต่สำหรับปริมาตรร่างกายนั้นก็เล็กกว่าโลกกำเนิดมากมายนัก
รอจนดูเศษเสี้ยวความทรงจำหมดไปหลายล้านชิ้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็คาดเดาขึ้นมาได้บ้างแล้ว
เศษเสี้ยวที่ตนได้เห็นนั้นมีอยู่ทั้งหมดสามชนิด ชนิดหนึ่งคือหางงูสำแดงกระบวนท่าทิ่มแทง อีกชนิดคืองูยักษ์เหินทะยาน ส่วนอีกชนิดหนึ่งก็คือภาพเหตุการณ์ที่งูยักษ์ขดตัว หลังจากนั้นก็กลายเป็นอากาศธาตุเข้าสู่ห้วงนิทรา ทุกครั้งที่เข้าสู่ห้วงนิทราล้วนกลายเป็นอากาศธาตุโดยสมบูรณ์
“ถึงแม้ว่าจะมีเศษเสี้ยวความทรงจำอยู่กว่าร้อยล้านชิ้น แต่ข้าก็สุ่มเลือกมาหลายล้านเศษเสี้ยวความทรงจำอย่างไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ ก็มีอยู่ทั้งหมดสามชนิดนี้แหละ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “เกรงว่าเศษเสี้ยวความทรงจำที่มีอยู่ทั้งหมดนั้นมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าก็มีอยู่เพียงแค่สามชนิดนี้นี่แหละ”
“แต่สามชนิดนี้ล้วนเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำวิถีอากาศอย่างไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงดวงตาเปล่งประกาย
เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
การได้เห็นเศษเสี้ยวความทรงจำนั้นเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง พวกยอดเคารพเฮ่ากู่ก็เคยดูเศษเสี้ยวความทรงจำกันมาก่อนแล้ว แต่ได้เห็นครั้งแรกก็ค้นพบว่าเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำวิถีอากาศ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมต้องตื่นเต้นยินดีอยู่แล้ว
งูยักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด เคล็ดวิชาที่สำแดงก็เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เพียงแต่งูยักษ์ได้แสดงไปถึงขั้นสุดยอดสักอย่างหนึ่ง มิฉะนั้นก็ไม่มีสิทธิ์จะไปยั่วยุปลุกเร้า ’หยวน’ ได้ เคล็ดวิชาสามชนิดนี้ก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ถึงหนทางที่วิถีอากาศจะไปถึง ‘ระดับขั้นคละถิ่นได้ ว่ากันอย่างจริงจังแล้วนี่ก็คือทิศทางสามเส้นที่แตกต่างกัน
ก็เหมือนกับเจ็ดกระบวนคละถิ่นที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงย้อนนึกถึงพื้นฐานของอากาศ…พลังคละวิถี
อย่างเช่นเคล็ดดอกไม้ห้วงอากาศเบ่งบาน สุดยอดเคล็ดสืบทอดลับที่จักรพรรดิเซี่ยได้มาครอง ก็คือพลังชีวิตที่ฟูมฟักขึ้นมาชนิดหนึ่ง ไม่ด้อยไปกว่าพลังคละวิถีเลยแม้แต่น้อย
ทิศทางแตกต่างกันก็ตัดสินพลังที่จะได้มาครองที่แตกต่างกัน
“ข้ายังอยู่ห่างไกลจากระดับขั้นคละถิ่นมากมายนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้กระจ่างดียิ่ง เทพจักรวาลชั้นที่สองไปถึงระดับสุดยอดนั้นยากเย็นเพียงใด ตนเองผ่านพ้นความยากลำบากมามากมายเพียงใด
ทว่าตั้งแต่ขั้นสุดยอดมาถึงระดับขั้นคละถิ่น
ในความเป็นจริงแล้วเป็นการก้าวข้ามที่สำคัญที่สุดจากสิ่งมีชีวิตของโลกกำเนิดไปสู่สิ่งมีชีวิตคละถิ่น! มีผู้แกร่งกล้าล้ำเลิศมากมายเพียงใดที่ค้างอยู่ที่ก้าวนี้ ตั้งแต่ดินแดนจิตโลกาถือกำเนิดขึ้นมา ราชันย์อนธการอมตะ จักรพรรดิเซี่ย เจ้าเมืองอนันต์ บรรพชนฝานและคนอื่นๆ ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้ หรืออย่างเช่นโลกกำเนิดบ้านเกิดของตงป๋อเสวี่ยอิง ในประวัติศาสตร์ก็ไม่เคยมีใครสามารถสำเร็จเป็นคละถิ่นได้มาก่อนเลยเช่นกัน!
สำเร็จเป็นคละถิ่น ก้าวนี้ช่างยากเย็นจนถึงระดับที่มิอาจจินตนาการได้เลยทีเดียว
จะต้องมีจิตใจแน่วแน่ เตรียมตัวที่จะก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆ เป็นอย่างดี
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ภายในห้วงมิติกลุ่มแสงนี้ แต่ร่างกายกลับแปลงกายออกมาเป็นเงาร่างอาภรณ์ขาวสายหนึ่ง คนคนเดียวก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นคนสองคน
“ทิ้งร่างแยกร่างหนึ่งเอาไว้ที่นี่ ที่นี่ไม่มีอันตรายใดๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษคุ้มกัน ให้ร่างแยกอยู่ที่ สามารถหยั่งรู้เศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านี้ไปตลอดได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
ถึงแม้ว่าร่างแยกเพียงร่างเดียวของเขาเข้าสู่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ แต่ด้วยพลังยุทธ์ของเขาก็สามารถสร้างร่างแยกออกมาได้ตลอดเวลา ในตอนนี้ทิ้งร่างแยกร่างหนึ่งเอาไว้ที่นี่แล้วร่างแยกที่พกไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษเอาไว้ก็ไปจากห้วงมิติกลุ่มแสงอย่างรวดเร็ว
…………………………………….