Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 27 สำเร็จแล้ว!
“ประมุขสมาคมจิตมารสวามิภักดิ์ต่อสำนักของจ้าวหุบเขาฝูหลิ่วแล้ว ผู้ใดจะยอมช่วยเมืองจวิ้นซานเล็กๆ ของข้าหยุดยั้งเรื่องนี้อีกเล่า” อวี้เฟิงเหลยยิ้มเยาะ นัยน์ตาฉายแววขมขื่น เขาหยิ่งทะนงเพียงใด ตอนนั้นก็เคยบุกฝ่าความรกร้างเพียงลำพังเพื่อเคี่ยวกรำตนเอง บัดนี้พลังของเขาพอจะพูดได้ว่าเป็นอันดับสองของเมืองจวิ้นซาน เป็นรองเพียงท่านพ่อของเขาเท่านั้น! สิ่งที่น้องสาวเสียสละ ได้ช่วยกอบกู้ทั้งสกุลอวี้เฟิงเอาไว้ สำหรับเขาแล้ว เดิมทีเรื่องพรรค์นี้ก็คือการเหยียดหยามอยู่แล้ว! แต่เพื่อคนสกุลอวี้เฟิงจำนวนนับไม่ถ้วน เขาก็ทำได้เพียงเห็นด้วยกับวิธีนี้เท่านั้น แต่บัดนี้เมื่อมาส่งถึงหน้าประตูเมืองไม้บูรพาก็คร้านจะรับไว้อีก
เหยียดหยาม!
แต่จะทำเช่นไรได้อีกเล่า
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี ยังมีวิธีใดอีก” อวี้เฟิงชิงอิงพูดอย่างร้อนรน
“อย่างน้อยน้องสามก็ไม่จำเป็นต้องไปยังเมืองไม้บูรพาอีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ข้าและท่านพ่อก็จะพยายามคิดหาวิธี โจรเฒ่าจิตมารผู้นั้นเพิ่งจะบรรลุได้ไม่นานสักเท่าไหร่นัก คงจะมีธุระมากมาย เกรงว่านานแสนนานหลังจากนี้จึงจะมาโจมตีเมืองจวิ้นซานของพวกเรา ขอเพียงมีเวลานานพอ ทุกสิ่งก็ล้วนเปลี่ยนแปลงได้ ต่อให้เป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็แค่อาศัยความได้เปรียบทางด้านพื้นที่ของเมืองจวิ้นซานมาต้านทานโจรเฒ่าจิตมารผู้นั้นเท่านั้น! เฮอะๆ อย่างมากก็แค่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งสักยกหนึ่ง ต่อให้สู้จนตัวตาย ก็ต้องสังหารยอดฝีมือใตบังคับบัญชาทั้งหลายของโจรเฒ่าจิตมารให้จงได้ ทำให้โจรเฒ่าจิตมารต้องชดใช้มากพอตัว” อวี้เฟิงเหลยแค่นเสียงเฮอะอย่างเย็นชา
“พี่ใหญ่ คิดหาวิธีอื่นเถอะ” อวี้เฟิงชิงอินกล่าว
“ฮ่าฮ่า” อวี้เฟิงเหลยลูบศีรษะของน้องสาวเบาๆพลางพูดยิ้มๆ ว่า “อย่ากังวลใจไปเลย เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของข้ากับท่านพ่อเถิด”
อวี้เฟิงชิงอินรู้สึกไม่สบายใจนักแต่นางก็ไม่มีวิธีอื่นได้อีก แล้วอวี้เฟิงเหลยก็จากไป
อวี้เฟิงชิงอินมองเงาหลังของพี่ชายจากไป ในใจก็เต็มไปด้วยตระหนก แม้จะมิต้องแต่งให้กับคุณชายเก้า แต่เมื่อนึกถึงว่าทั้งตระกูลจะต้องเผชิญกับหายนะอันจวนตัว ถึงตอนนั้นท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง ไปจนถึงพี่สาวคนโตที่แต่งงานออกไปไกลลิบ รวมทั้งคนคุ้นเคยมากมายในตระกูลจะต้องตายตกไป หัวใจของนางก็รู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดอย่างไรอย่างนั้น
นางยินดีเสียสละเพื่อกอบกู้วงศ์ตระกูลเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่เมืองไม้บูรพาไม่ต้องการ!
“ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี” อวี้เฟิงชิงอินตื่นตระหนกและรู้สึกจิตใจไม่สงบไปหมด นางมองเห็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เข้าประชิดขึ้นเรื่อยๆ ต่อหน้าต่อตา แต่กลับไม่มีวิธีอันใดเลย
******
แม้บุคคลระดับสูงของสกุลอวี้เฟิงจะไม่สบายใจ แต่กลับไม่ได้เผยแพร่ข่าวออกไป ทั้งเมืองจวิ้นซานยังคงสงบสุขเป็นอย่างมาก
ตอนนั้นประมุขสมาคมจิตมารและอวี้เฟิงจวิ้นซาน ก็แค่มีความแค้นส่วนตัวกันเท่านั้น ผู้ที่ล่วงรู้มีน้อยนิดยิ่งนัก
“ฟิ้ว!”
กลางฟากฟ้าเหนือลำธารใหญ่และทุ่งร้างที่ห่างไกลจากเมืองจวิ้นซานลิบลับแห่งหนึ่ง รอยแยกสีดำสายหนึ่งกับกะพริบวาบขึ้นมา เงาร่างอาภรณ์สีขาวสายหนึ่งเดินออกมาจากในนั้นคือตงป๋อเสวี่ยอิงนั่นเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดก็สำเร็จเสียที!” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่กลางฟากฟ้าพลางมองดูความรกร้างอันกว้างใหญ่นี้ ความยินดีอดระบายไปทั่วหน้ามิได้ แม้ศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาที่สร้างขึ้นตามโลกใบนี้จะหยาบอยู่บ้าง แต่การทะลุไปภายในโลกเทพ กลับสามารถทำได้สบายๆ”
“เมื่อมีเคล็ดวิชานี้แล้ว แม้โลกเทพจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่ในที่สุดทั้งหมดก็ล้วนนับว่าราบเรียบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดียิ่งนัก
ก่อนหน้านี้การเร่งเดินทางไปในโลกใบนี้ยากเย็นยิ่งนัก ทำได้เพียงค่อยๆ บินไปอย่างเชื่องช้าเท่านั้น!
จากเมืองแห่งหนึ่งมุ่งหน้าไปยังเมืองอีกแห่ง ต่อให้เป็นตัวเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด ก็เกรงว่าคงจะต้องบินไปหลายสิบปี ที่อยู่ไกลจริงๆ นั้น บินไปเป็นล้านเป็นสิบล้านปีก็เป็นเรื่องปกตินัก
‘เมืองไม้บูรพา’ และ ‘เมืองจวิ้นซาน’ ก็นับว่าค่อนข้างใกล้ มิเช่นนั้นแล้ว ตอนนั้นคุณชายเก้าคงจะไปไม่ถึงเมืองจวิ้นซาน
เนื่องจากการเร่งเดินทางนั้นยุ่งยากเกินไปแล้ว
จึงทำให้สามตระกูลราชันย์และผู้แกร่งกล้าที่น่าหวาดหวั่นบางคน แม้พลังจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่กลับมิอาจก่อให้เกิดประเทศที่มีการปกครองเข้มงวดขึ้นมาได้
“โลกใบนี้ เดิมทีชาวโลกเทพล้วนแต่อาศัยสายเลือดกันทั้งนั้น มีหลายคนที่สายเลือดสามารถส่งถ่ายทลายโลกาได้อย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า “ส่วนผู้เหินทะยาน เดิมทีจำนวนก็น้อยอยู่แล้ว ทางด้านวิถีอากาศก็ยิ่งหาได้ยาก! มหาวิถีบกพร่อง การใช้วิถีอากาศที่บกพร่องสร้างศาสตร์การส่งถ่ายมหาทลายโลกาขึ้นมามิใช่เรื่องง่าย ข้ามีประสบการณ์เดิมอยู่ มีทิศทางที่ชัดเจน จึงทำได้สำเร็จ”
เรื่องนี้ทำให้ผู้ที่สามารถเคลื่อนที่ผ่านอากาศในโลกเทพได้นั้นมีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้
แต่บัดนี้ ผู้ที่สามารถทะลุผ่านอากาศในโลกเทพได้ ก็มีตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง!
อย่างผู้ทรงอำนาจที่ไร้เทียมทานซึ่งมีชื่อเสียงเกรียงไกรบางคนอย่างจ้าวหุบเขาฝูหลิ่ว ก็ล้วนมิอาจทะลุผ่านจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ทำได้เพียงค่อยๆ บินไปอย่างเชื่องช้าเท่านั้น!
“ครั้งนี้สามารถทำอะไรต่างๆ ได้มากขึ้นแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดีออกมา
……
ณ เมืองจวิ้นซาน
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ บนโต๊ะยาวตรงหน้ามีม้วนสาส์นหลายม้วนวางอยู่
“วิถีอากาศ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบม้วนสาส์นม้วนหนึ่งขึ้นมาแล้วมองดูอย่างละเอียด
ม้วนสาส์นเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เขาเคยซื้อจาก ‘หอจิตฟ้า’ หอจิตฟ้านั้นสร้างขึ้นโดย ‘ตระกูลจิตฟ้า’ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลราชันย์ แทบจะปกคลุมไปทั่วทั้งโลกเทพ ข่าวสารก็ฉับไวที่สุด
“เส้นทางวิญญาณของโลกใบนี้เหมือนจะธรรมดาสามัญ รู้สึกว่าคงจะไม่มีผู้ใดสูงกว่าข้าแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า “แม้โลกใบนี้จะมีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดมากมายเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่มีผู้ที่เชี่ยวชาญกระบวนท่าทางด้านวิญญาณเลยแม้แต่คนเดียว”
สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดที่นี่มีจำนวนมากกว่าหุบเขาเขี้ยวหักเสียอีก
บวกกับที่นี่มีผู้แกร่งกล้ามากยิ่งกว่า ภายใต้การห้ำหั่นกัน ก็มีซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมากมาย
ระดับขั้นอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว การค้นคว้าซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็มีประโยชน์อย่างมหาศาล! เนื่องจากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเหล่านั้นมิได้บำเพ็ญจากตอนที่ยังอ่อนแอแล้วก้าวขึ้นมาทีละขั้นๆ หากแต่เป็นเช่นนี้โดยกำเนิด ร่างกายของพวกมันจำนวนมากล้วนปรากฏขึ้นจากกฎเกณฑ์! การค้นคว้าร่างและอวัยวะของพวกมันก็จะทำให้ล่วงรู้ได้ อย่าง ‘สิ่งมีชีวิตพันเนตร’ ของหุบเขาเขี้ยวหักที่สิ้นใจไปแล้วนั้น ก็ได้ชี้นำเส้นทางวิถีเขตลวงโลกเทียม
แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่เชี่ยวชาญทางด้านวิญญาณก็คงจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง อย่างน้อยในโลกใบนี้ก็หาไม่พบ!
“วิถีเขตลวงโลกเทียมคงทำได้เพียงค้นคว้าด้วยตนเองเสียแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
โชคดีก็คือ วิถีเขตลวงโลกเทียมอยู่ในโลกใบนี้ มิได้ถูกต่อต้านเลยแม้แต่น้อย สามารถสำแดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“อาจารย์ อาจารย์” น้ำเสียงเสนาะหูดังขึ้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็ยิ้มออกมา เขาหันกลับไปมองทันที
ในโลกใบนี้ ผู้ที่เขาสนิทสนมด้วยก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ‘อวี้เฟิงชิงอิน’ ศิษย์คนนี้ นับได้ว่าเป็นคนที่เขาใกล้ชิดที่สุดคนหนึ่ง เขาโบกมือคราหนึ่ง บนโต๊ะยาวก็มีจอกสุราเปล่าเพิ่มขึ้นมาอีกใบหนึ่ง
“คุณหนูสาม” สาวใช้สองนางที่อยู่ไกลออกไปต่างก็ทำความเคารพ
อวี้เฟิงชิงอินกลับสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ละก้าวกะพริบวาบแล้วมาถึงตรงข้ามตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็วก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงไป นางคว้าจอกสุรามารินสุราให้ตนเองโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย “อาจารย์ ข้ามาดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านแล้ว”
“อะไรที่เรียกว่าดื่มสุราเป็นเพื่อนข้า เจ้าชอบดื่มเองหรอกกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “ก่อนจะรับเจ้าเป็นศิษย์ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะชอบดื่มสุราถึงเพียงนี้”
“ใครใช้ให้อาจารย์มีสุราชั้นดีตั้งมากมายกันเล่า ที่เมืองจวิ้นซานของข้าไม่มีเลย” อวี้เฟิงชิงอินพูดยิ้มๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม ที่เขามีสุรามากมายจริงๆ
มีจำนวนมากที่หยิบติดมือมาจากตอนที่ยังอยู่ในดินแดนจิตโลกา สุรานี้ นอกจากจำนวนน้อยนิดอย่างยิ่งที่พิเศษแล้ว ก็ล้วนอยู่ในโลกใบนี้อย่างมั่นคงโดยไม่เผยพิรุธออกมา เพราะถึงอย่างไรโลกเทพก็กว้างใหญ่ไพศาล ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าที่ใดมีสุราใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว
“อึ้กๆ” อวี้เฟิงชิงอินดื่มอย่างต่อเนื่องกันหลายจอกก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เอ๊ะ ท่านอาจารย์ ท่านกำลังดูอะไรอยู่น่ะ”
“พวกรายงานที่ซื้อมาจากหอจิตฟ้าน่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“ข้าขอดูหน่อยจะได้หรือไม่” อวี้เฟิงชิงอินพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ได้สิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
จากนั้นอวี้เฟิงชิงอินก็หยิบม้วนสาส์นม้วนหนึ่งขึ้นมาพลิกดู ก่อนจะพูดพลางพยักหน้าว่า “รายงานเกี่ยวกับคัมภีร์สำหรับบำเพ็ญของผู้เหินทะยานจำพวกวิถีอากาศหรือ ทั้งยังเป็นระดับจักรพรรดิเทพอีกด้วย อาจารย์ แม้ผู้เหินทะยานจะร้ายกาจ โดยทั่วไปสามารถเหินทะยานไปถึงโลกเทพได้ ผู้ที่สามารถสำเร็จเป็นจ้าวเทพได้ก็มีมากมาย แต่กลับมีผู้ที่สำเร็จเป็นจักรพรรดิเทพน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ขีดจำกัดระหว่างจ้าวเทพและจักรพรรดิเทพนั้นบรรลุได้ยากยิ่งนัก!”
“ผู้เหินทะยานขั้นจักรพรรดิเทพนั้นมีน้อยมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ผู้เหินทะยานระดับจักรพรรดิเทพทางด้านวิถีอากาศก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่”
ในโลกเทพ ผู้เหินทะยานขั้นจักรพรรดิเทพทางด้านวิถีอากาศ ที่มีบันทึกเอาไว้มีทั้งหมดแปดคนเท่านั้น!
ทำให้คัมภีร์สำหรับบำเพ็ญของผู้เหินทะยานระดับจักรพรรดิเทพทางด้าน ‘วิถีอากาศ’ มีน้อยมาก
“อาจารย์ ท่านอยากจะหาคัมภีร์ของผู้เหินทะยานระดับจักรพรรดิเทพทางด้านวิถีอากาศ ทั้งโลกเทพก็มีอยู่เพียงแปดชนิดเท่านั้น บางเล่มยังไม่เผยแพร่สู่ภายนอกอีกด้วย! ที่เผยแพร่ออกมานั้นมีน้อยกว่าเสียอีก” อวี้เฟิงชิงอินอ่านสิ่งที่เขียนเอาไว้ในรายงานแล้วก็อดร่ำร้องมิได้
“น้อยมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
ทว่าก็ยังคงมีอยู่
ผู้เหินทะยานก็มีการแลกเปลี่ยนกับขุมอำนาจอื่นเช่นเดียวกัน อย่างการเขียนต้นฉบับขึ้นมาสักเล่มเพื่อทำการแลกเปลี่ยนสมบัติล้ำค่ากับขุมอำนาจอื่นๆ! ผู้แกร่งกล้าคนหนึ่งสามารถเขียนต้นฉบับขึ้นมาหลายฉบับได้
คัมภีร์ผู้เหินทะยานระดับจักรพรรดิเทพทางด้าน‘วิถีอากาศ’มีทั้งหมดแปดชนิดด้วยกัน มีห้าชนิดที่เผยแพร่ออกมาภายนอก มีต้นฉบับหลายเล่ม แต่โดยทั่วไปแล้วล้วนถูกขุมอำนาจใหญ่เก็บสะสมเอาไว้ เพราะถึงอย่างไรก็ให้ความสำคัญกับคัมภีร์ ‘ระดับจักรพรรดิเทพ’ เป็นอย่างมาก
“กระจัดกระจายอยู่ในโลกเทพ จะตามหาก็ยากยิ่งนัก” อวี้เฟิงชิงอินปิดม้วนสาส์นลง ไม่ดูอีกต่อไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มมองต่อไป เขากำลังเลือกเป้าหมาย
สำหรับเขาแล้ว โลกเทพกว้างใหญ่ยิ่งนัก
แต่สำหรับเขาแล้ว หลังจากสามารถส่งถ่ายมหาทลายโลกาได้แล้ว กลับสามารถไปถึงเมืองใหญ่ในโลกเทพไม่ว่าแห่งใดก็ตามได้อย่างรวดเร็ว
“อึ้กๆ” อวี้เฟิงชิงอินกำลังดื่มสุราอยู่อีกแล้ว “ท่านอาจารย์ มาๆๆ ดื่มสุราด้วยกันเถอะ”
“ดีเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำ เขากลับไม่รู้ว่า ก่อนหน้าที่จะมีภัยคุกคามมาถึงสมาคมจิตมาร อวี้เฟิงชิงอินดื่มสุราน้อยมาก
………………………………………