Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 4 เข้าสู่ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ
“จ้าวหิมะเหิน เรื่องที่เจ้าต้องทำนั้นง่ายมาก” ยอดเคารพเฮ่ากู่กล่าว “ตามข้าเข้าไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษ ต่อจากนี้ไปจะทำเรื่องใดก็ต้องฟังที่ข้าจัดการ จะตัดสินเอาเองตามอำเภอใจมิได้ ทว่าเจ้าวางใจได้เต็มที่ ภายในทางเดินเขี้ยวอสรพิษมีสถานที่อันตรายมากมาย ที่ล้วนต้องอาศัย ‘ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ’ คุ้มกายเอาไว้! เมื่อพละกำลังภายในไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษถูกเผาผลาญไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ข้าก็จะต้องกลับมา หากไม่สามารถกลับมายังหุบเขาเขี้ยวหักได้ก่อนพลังงานของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษจะเผาผลาญจนสิ้นไป เช่นนั้นก็จะกลับมามิได้อีกแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจ
ทางเดินเขี้ยวอสรพิษนั้นอันตรายหาใดเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณน้ำวนตรงทางเข้าออก หากอาศัยตนเองก็ไม่มีทางต้านทานได้เลย จะต้องอาศัยพละกำลังที่แฝงอยู่ใน ‘ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ’ หรือว่า ‘หยาดน้ำพันเนตร’ เท่านั้น
จะเข้าไปหรือจะออกมา ล้วนแต่ต้องอาศัยพลังทั้งสิ้น
หากระหว่างทางที่ออกมา…พละกำลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษเผาผลาญจนหมดเสียแล้ว ภายใต้น้ำวนของทางเดิน เกรงว่าชีวิตน้อยๆ ก็คงจะหาไม่แล้ว
“ดังนั้นขณะที่ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษยังเหลือพละกำลังราวสามส่วน ข้าก็ต้องเดินทางกลับแล้ว” ยอดเคารพเฮ่ากู่มองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ “แต่เจ้านั้นไม่เหมือนกัน เจ้ามีร่างแยกมากมาย เจ้าสามารถบุกฝ่าภายในทางเดินเขี้ยวอสรพิษต่อไปได้ จนกว่าพละกำลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษจะเผาผลาญไปหมด! ต่อให้ร่างแยกร่างหนึ่งของเจ้าไม่กลับมา ก็คงไม่มีผลกระทบใดต่อเจ้าหรอกกระมัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“ก่อนข้าจะเดินทางกลับ ทุกสิ่งเจ้าต้องฟังข้า รอให้ข้ากลับไปแล้ว เจ้าก็สามารถไปบุกฝ่าอย่างอิสระได้” ยอดเคารพเฮ่ากู่กล่าว “เงื่อนไขของข้า เจ้าสามารถรับปากได้หรือไม่”
“ฮ่าฮ่า ยอดเคารพยินยอมมอบของล้ำค่าอย่าง ‘ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ’ ให้แก่ข้าทั้งที ก็แค่ส่งร่างแยกไปช่วยเท่านั้นเอง สำหรับข้าแล้ว เรื่องพรรค์นี้ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางหัวเราะฮ่าฮ่า
ยอดเคารพเฮ่ากู่เผยรอยยิ้มออกมาในทันใด
เขาก็รู้สึกว่าจ้าวหิมะเหินผู้นี้คงจะไม่ปฏิเสธ แต่ก็กลัวว่านิสัยของเขาจะหยิ่งผยองเกินไปจนไม่ยอมฟังการปรับเปลี่ยนใดๆ
“ไม่ทราบว่าต้องการให้ข้าส่งร่างแยกไปสักกี่ร่างหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ร่างแยกร่างเดียวก็ใช้ได้แล้ว” ยอดเคารพเฮ่ากู่อธิบาย “ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษสามารถปกป้องร่างแยกได้เพียงร่างเดียวเท่านั้น”
“เข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ร่างแยกของตนมีจำนวนนับไม่ถ้วน หากสุดท้ายแล้วร่างแยกร่างหนึ่งจะต้องสูญสิ้นไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษ ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
สามารถเข้าไปได้สักรอบหนึ่ง ร้องขอก็ยังไม่ได้มาเลย!
“ก่อนจะมอบไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษให้แก่จ้าวหิมะเหิน ขอเชิญจ้าวหิมะเหินตั้งสัตย์สาบานด้วย” ยอดเคารพเฮ่ากู่กล่าว สมบัติล้ำค่าอันสูงส่งพรรค์นี้ เขามิกล้าเชื่อตงป๋อเสวี่ยอิงง่ายๆ
“ได้สิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตั้งสัตย์สามบานขึ้นมาทันที
ยอดเคารพเฮ่ากู่ก็เบิกบานใจนัก เขารู้ว่า ผู้บำเพ็ญทั้งหลายล้วนให้ความสำคัญกับสัตย์สาบานเป็นอันมาก
……
ทั้งสองฝ่ายตรงไปตรงมาเป็นอันมาก ยอดเคารพเฮ่ากู่เตรียมพร้อมเอาไว้ตั้งนานแล้ว ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงก็แค่ส่งร่างแยกออกไปเพียงแค่ร่างเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเตรียมการอันใด วันนั้น พวกเขาทั้งสองก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทางเดินเขี้ยวอสรพิษ
“ตู้มๆๆ…”
พวกเขาทั้งสองมาถึงบริเวณใกล้กับน้ำวนดำมืดอันน่าหวาดหวั่นของทางเดินเขี้ยวอสรพิษ
แรงฉีกทึ้งของน้ำวนแข็งแกร่งนัก คลื่นสะท้อนและระลอกคลื่นที่ก่อตัวขึ้นมาทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงใจสั่นเล็กน้อย ลำพังแค่เสียงก็ไม่ถึงขั้นนี้ แต่น้ำวนก่อให้เกิดระลอกคลื่นอันไร้รูปร่าง ระลอกคลื่นทะลุผ่านทั้งกายหยาบและวิญญาณ ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงอดหวาดหวั่นใจขึ้นมามิได้ เขาเงยหน้ามองดูหัวอสรพิษสูงตระหง่านหาใดเปรียบซึ่งมีขนาดใหญ่โตพอๆ กันกับอาณาเขตของรัฐเมฆทักษิณา “สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นซึ่งมีพลังระดับใกล้เคียงกับ ‘หยวน’ ต่อให้สิ้นใจไปไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว อานุภาพบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ก็ยังน่าเหลือเชื่อเช่นนี้! น่ากลัว ช่างน่ากลัวเสียจริง! นอกจากนี้ ตามปกติแล้วหัวอสรพิษก็กินพื้นที่แค่ส่วนเล็กมากของตัวอสรพิษเท่านั้น ต่อให้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นตนนี้มีสัดส่วนร่างกายแตกต่างจากอสรพิษทั่วไปอยู่บ้าง แต่หัวอสรพิษก็ยังคงกินพื้นที่ร่างกายเล็กอย่างยิ่งอยู่ดี ขนาดหัวอสรพิษยังใหญ่โตถึงเพียงนี้ หากร่างกายสมบูรณ์ดี จะใหญ่โตมโหฬารสักแค่ไหนกัน”
หัวอสรพิษก็เทียบได้กับรัฐเมฆทักษิณาแล้ว
ร่างกายจะยาวใหญ่เพียงใด
อย่าได้มองว่า ‘รัฐโบราณคิมหันตวายุ’ ใหญ่โตกว่ารัฐเมฆทักษิณาตั้งมากมายเลย เพราะนั่นก็เพียงพื้นที่เท่านั้น! ลำพังแค่ความยาวของอาณาเขตรัฐ ก็ไม่กี่เท่าแค่นั้นเอง
ความยาวของร่าง ‘อสรพิษ’ ตัวนี้…เกรงว่าคงจะยาวกว่าอาณาเขตรัฐโบราณคิมหันตวายุมากมายนัก
“นั่นใครน่ะ”
“ยอดเคารพเฮ่ากู่ จ้าวหิมะเหินหรือ”
รอบทางเดินเขี้ยวอสรพิษ ก็มีผู้เฝ้าดูที่ยอดเคารพทั้งห้าจัดเตรียมเอาไว้ พวกเขาพบตงป๋อเสวี่ยอิงและยอดเคารพเฮ่ากู่อย่างรวดเร็ว
คนหนึ่งคือยอดเคารพ อีกคนหนึ่งคือจ้าวหิมะเหินผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกร ผู้ที่คอยเฝ้าดูอยู่ก็ย่อมมิกล้ามารบกวนเป็นธรรมดา
“ทุกครั้งที่มองดูใกล้ๆ ก็รู้สึกหวาดหวั่นหาใดเปรียบ” ยอดเคารพเฮ่ากู่กล่าว “สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดเหล่านี้ ร่างกายใหญ่โตเสียจนถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ ส่วนผู้แกร่งกล้าคละถิ่นอย่าง ‘หยวน’ นั้น บำเพ็ญขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ยังตัวเล็กอ่อนแอ ร่างกายของพวกเขาทัดเทียมกับพวกข้า แต่พลังแข็งแกร่งถึงขั้นเหนือกว่าสิ่ง มีชีวิตคละถิ่นที่น่าหวาดหวั่นตรงหน้าผู้นี้อยู่บ้าง เมื่อย้อนคิดดู ก็ทั้งอิจฉาและนับถือเขา”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“ไปเถอะ พวกเราเข้าไปกันเถอะ” ยอดเคารพเฮ่ากู่กล่าว “อย่ากังวลไปเลย เมื่อเข้าใกล้ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ พละกำลังที่แฝงอยู่ภายในไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษก็จะถูกกระตุ้นขึ้นเองตามธรรมชาติ”
สวบๆ
ทั้งสองทะยานไปยังน้ำวนดำมืดอย่างรวดเร็ว
เมื่อถลาเข้าไปใกล้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่าไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษที่วางเอาไว้ในอ้อมแขนก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงพิเศษบางอย่าง ทันใดนั้นไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษก็เปล่งแสงสีดำรำไรออกมา แสงสีดำล้อมรอบผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ ส่วนเหนือผิวกายของยอดเคารพเฮ่ากู่ก็มีแสงสีดำรำไรปรากฏขึ้นมาคุ้มกันเช่นเดียวกัน
“พวกเขาเข้าไปแล้ว”
“ยอดเคารพเฮ่ากู่และจ้าวหิมะเหินเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษกันแล้วหรือ”
ผู้ที่เฝ้าดูอยู่ไกลออกไปต่างก็ตกใจเป็นอันมาก ยอดเคารพเฮ่ากู่เข้าไปก็แล้วไปเถิด แม้แต่จ้าวหิมะเหินก็ยังเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษแล้วหรือ ส่วนผู้เฝ้าดูที่ยอดเคารพอีกสี่คนส่งมา ต่างก็ถ่ายเสียงให้แก่ยอดเคารพซึ่งเป็นเจ้านายตนทันที
ข่าวแพร่ออกไป
ยอดเคารพหลายคนได้ข่าว
“เข้าไปหมดแล้ว จ้าวหิมะเหินก็เข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษแล้วอย่างนั้นหรือ ในเมื่อเข้าไปด้วยกัน เห็นทียอดเคารพเฮ่ากู่คงจะมอบสมบัติชั้นยอดเป็นหลักประกันให้จ้าวหิมะเหินเข้าไป ครั้งนี้ยอดเคารพเฮ่ากู่ จะสำรวจบริเวณทะเลแห่งการรับรู้” ยอดเคารพนภาอสนีได้รับข่าว ก็อดขมวดคิ้วแล้วคาดเดาขึ้นมาเล็กน้อยมิได้
“เจ้าเฮ่ากู่ตัวดี! มีสมบัติชั้นยอดตั้งสองชิ้นเป็นหลักประกัน”
“เขาช่างโชคดีเสียจริง”
ยอดเคารพคนอื่นอีกสี่คนพากันอิจฉา
ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษและหยาดน้ำพันเนตรล้วนได้มายากนัก ได้มาชิ้นหนึ่งก็แล้วไปเถิด แต่จะได้มาสองชิ้นนั้นยากเกินไปแล้ว! เดิมทียอดเคารพเฮ่ากู่ก็มีไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษอยู่เม็ดหนึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่เขาอยากเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจึงค่อยเข้าไป ไหนเลยจะไปคิดว่าระหว่างนั้น…ตงป๋อเสวี่ยอิงจะรุ่งโรจน์ขึ้นมาก่อน จากนั้น ยอดเคารพเฮ่ากู่ก็โชคดีได้ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษมาอีกเม็ดหนึ่ง
ดังนั้น จึงกระตุ้นให้เกิดการเดินทางครั้งนี้ขึ้นมา
ยอดเคารพคนอื่นๆ ก็ได้แต่อิจฉาเท่านั้น
……
“โครมมม…”
รอบด้านมีคลื่นสะท้อนอย่างต่อเนื่อง
เพิ่งจะทะยานเข้าไปกลางน้ำวนอันดำมืด ก็ถูกฉีกทึ้งเสียจนมิอาจควบคุมเค้าร่างได้อีกต่อไป ทำได้เพียงถูกหอบม้วนให้จมดิ่งลงไปกลางน้ำวนเท่านั้น
เคราะห์ดีที่เหนือผิวกายมีแสงสีดำคุ้มกันอยู่ แสงสีดำนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่ชั้นบางๆ ชั้นหนึ่ง แต่ต่อให้พลังจากโลกภายนอกฉีกทึ้งทำลายอย่างไร ก็มิอาจทำลายได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ตงป๋อเสวี่ยอิงสัมผัสได้ว่า พละกำลังอันยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ใน ‘ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษ ค่อยๆ ถูกเผาผลาญไปเรื่อยๆ
สวบๆ
ยอดเคารพเฮ่ากู่และตงป๋อเสวี่ยอิงทำได้เพียงร่วงดิ่งลงไปกลางทางเดินเขี้ยวอสรพิษอย่างรวดเร็วตามการดูดกลืนและลื่นไหลไปตามคลื่นเท่านั้น
มุ่งหน้าเข้าไปภายในน้ำวน มิติก็บิดเบี้ยวและแหลกสลายกลายเป็นผุยผง รวดเร็วยิ่งนัก
แต่ภายในปากกว้างดุจแอ่งโลหิตของอสรพิษตัวนี้ใหญ่โตเกินไปแล้วจริงๆ เพราะถึงอย่างไรทั้งหัวอสรพิษก็ใหญ่โตจนเทียบได้กับอาณาเขตของรัฐเมฆทักษิณา ลำพังแค่ถูกหอบม้วนแล้วบินร่อนไป คงเอาไว้กว่าครึ่งชั่วยาม แรงฉีกทึ้งของน้ำวนรอบด้านจึงจะลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก ยอดเคารพเฮ่ากู่และตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็สามารถควบคุมเค้าร่างได้
“ตอนนี้พวกเราอยู่ในปากอสรพิษอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูรอบด้าน เพียงแวบเดียวก็เห็นเขี้ยวอสรพิษขนาดมหึมาที่อยู่ไกลออกไปซี่นั้น
เขี้ยวอสรพิษแผ่กลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงออกมา
“อย่ารั้งอยู่ที่นี่เลย ลมที่นี่ทำให้พละกำลังของไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษถูกเผาผลาญไป” ยอดเคารพเฮ่ากู่เร่งเร้า “มุ่งหน้าต่อไปเถิด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า อันที่จริงแล้ว อานุภาพน้ำวนลดต่ำลง บัดนี้ไข่มุกไขกระดูกเขี้ยวอสรพิษเผาผลาญน้อยมากแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ายอดเคารพเฮ่ากู่ให้ความสำคัญกับพละกำลังแต่ละสายมากทีเดียว
สวบ สวบ!!
ยอดเคารพเฮ่ากู่พาตงป๋อเสวี่ยอิงทะยานไปในปากอสรพิษอันกว้างขวางด้วยความเร็วสูงพร้อมกัน
พวกเขาบินไปนานสองนาน จึงสามารถบินผ่านเขี้ยวอสรพิษขนาดมหึมาซี่หนึ่งไปได้ ฟันหักซี่หนึ่งยังสูงกว่ายอดเขาบนดินแดนจิตโลกาตั้งมากมาย
“พวกเราจะไปไหนกันหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“เจ้าสนใจแค่ตามข้ามาก็พอ ถึงเมื่อไหร่เจ้าก็จะรู้เองนั่นแหละ” ยอดเคารพเฮ่ากู่ยิ้มน้อยๆ เห็นได้ชัดว่าเขาคุ้นเคยดีมาก เมื่อเคยมาหลายครั้งแล้ว เขาก็ไม่อยากเสียพลังไปอีกสักสายเมื่ออยู่กลางทาง เขาพาตงป๋อเสวี่ยอิงทะยานไปด้วยความเร็วสูงไปตลอดทาง
…………………………………..