Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 63 ตื่นตระหนก
เหนือท้องฟ้าเมืองจวิ้นซาน ประมุขพรรคเงามารและเจ้าเมืองอูเจ๋อ ผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สองคนนี้กำลังแยกกันหลบหนีไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน! เจ้าเมืองอูเจ๋อแปลงร่างเป็นมังกรพิษไอหมอก เรียกได้ว่าเป็นร่างอมตะ เพียงแต่ว่าเขาก็หวาดกลัวตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นที่สุดเฉกเช่นเดียวกัน
“จักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้น่ากลัวเหลือเกิน หากเคล็ดวิชาวิญญาณของเขาร้ายกาจกว่านี้อีกสักหน่อยข้าก็คงจบเห่แล้ว รีบหนีโดยเร็วที่สุด! ยิ่งหนีไปได้ไกลก็ยิ่งดี!”
ถึงอย่างไรคราวนี้ก็มาเพื่อล้อมสังหารจักรพรรดิเทพหิมะเหิน สร้างความแค้นอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็ย่อมต้องซ่อนตัวให้ห่างไกลสักหน่อย
พรึ่บ!
ความเร็วของประมุขพรรคเงามารพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด “ด้วยความเร็วของข้า จักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้ก็ย่อมไล่ตามข้าไม่ทันอย่างแน่นอน หืม แย่แล้วสิ!”
เพียงชั่วขณะสั้นๆ ประมุขพรรคเงามารก็เหินทะยานออกมานอกกำแพงเมืองจวิ้นซาน มุ่งหน้าไปยังดินแดนรกร้างของโลกภายนอกแล้ว แต่สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงในทันใด กลางท้องฟ้าเบื้องหน้ากลับมีรอยแยกสีดำรอยหนึ่งปรากฏขึ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวตลอดร่างเดินออกมาจากกลางรอยแยกสีดำแล้วขวางอยู่ตรงหน้าประมุขพรรคเงามาร
“ท่านหนีไม่พ้นหรอก!” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางเขา
“การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นหรือ” ประมุขพรรคเงามารตกใจจนหน้าถอดสี
ผู้ที่สามารถทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ทั่วทั้งโลกเทพนั้นมีอยู่น้อยจนสามารถนับนิ้วได้ จักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้ก็สามารถทำได้อย่างนั้นหรือ
ประมุขพรรคเงามารทั้งเดือดดาลทั้งหวาดหวั่น เขาหมุนกายหมายจะเปลี่ยนทิศทางหลบหนี
“ปัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงคร้านที่จะหยิบหอกยาวออกมา เพียงแค่ผลักมือขวาเบาๆ ห้วงอากาศด้านหน้าก็ถูกบีบอัดเสียจนราวกับกระดาษแผ่นหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ถึงแม้ว่าวิญญาณของประมุขพรรคเงามารจะเผชิญกับการฉุดลากของโลกลวงขนาดมหึมาอยู่ตลอดเวลา แต่ร่างกายของเขาแข็งแกร่ง จึงยังคงต้านทานการกดดันของห้วงมิติเอาไว้ได้เช่นเดิม
ตู้ม… ห้วงมิติที่ถูกกดดันนี้แหลกสลายไปในที่สุด
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงยังเบื้องหน้าของประมุขพรรคเงามารแล้ว
“หยุดนะ” ประมุขพรรคเงามารตะเบ็งเสียง
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดลงจริงๆ
“คราวนี้พวกเราฟังมนตร์ลวงของเป่ยเหอ จึงได้มาล้อมสังหารจักรพรรดิเทพหิมะเหินถึงที่นี่ เป็นความผิดของพวกเราเอง” ประมุขพรรคเงามารพูด “ข้าอยากจะขอขมาเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ ดีหรือไม่เล่า”
ร่างกายของประมุขพรรคเงามารค่อนข้างสูงใหญ่ ตลอดร่างล้วนมีชั้นสีแดงเข้มเคลือบคลุม ทั้งยังมีผ้าคลุมกันลมสีแดงโลหิตขนาดมหึมา นัยน์ตาสีแดงโลหิตทั้งคู่…ประมุขพรรคเงามารขึ้นชื่อไปทั่วทั้งโลกเทพในเรื่องความโอหังและอำมหิต แต่ในขณะนี้กลับก้มหัวขอขมายอมศิโรราบแต่โดยดี เป็นภาพเหตุการณ์ที่หาดูได้ยากยิ่งของโลกเทพ
“ขอขมาหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองประมุขพรรคเงามารคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ลองบอกเงื่อนไขมาเถิด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจกระจ่างดียิ่ง
ประมุขพรรคเงามารไม่เหมือนกับระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์โดยทั่วไป ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเหลือเกิน ทั้งยังรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ตนต้องอาศัยกระบวนท่าที่กินอาณาบริเวณกว้างใหญ่เพื่อพันธนาการเขา แต่กระบวนท่าที่กินอาณาบริเวณกว้างใหญ่นั้นทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บน้อยลงไปเป็นอย่างมาก ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายของ ‘ประมุขพรรคเงามาร’ อาการบาดเจ็บที่กระบวนท่าที่กินอาณาบริเวณกว้างใหญ่ทำร้ายเขานั้นก็น้อยนิดจนสามารถมองข้ามได้ พันธนาการเอาไว้ก่อนแล้วค่อยเข้าประชิดตัว!
แต่ประมุขพรรคเงามารรวดเร็วเกินไป เกรงว่ากระบวนท่าที่รับมือก็อาจถูกลากออกไปเป็นระยะทางไกลอย่างรวดเร็ว
ตนเองยังต้องสำแดงกระบวนท่าที่กินอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไปพันธนาการอีกครั้ง
“ด้วยระดับความแข็งแกร่งของร่างกายประมุขพรรคเงามาร เกรงว่าเคล็ดวิชาต่อสู้ประชิดตัวของข้าหลายร้อยกระบวนท่าจึงจะมีหวังที่จะปลิดชีพเขาได้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “นอกจากนี้เขายังรวดเร็วเกินไป ลื่นไหลเกินไป… ย่อมไม่มีทางโจมตีอย่างต่อเนื่องได้อยู่แล้ว”
อยากจะสังหารประมุขพรรคเงามาร เกรงว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลาชั่วจิบชาหนึ่ง!
ระยะเวลายาวนานเช่นนี้…
ประมุขพรรคเงามารมองไม่เห็นความหวังที่เกิดขึ้น ภายใต้ความโมโห การทำให้ประชากรทั่วทั้งเมืองจวิ้นซานถูกฝังไปเป็นเพื่อนกันทั้งหมดก็เป็นเรื่องธรรมดา
ผู้อื่นไม่รู้อุปนิสัยของตงป๋อเสวี่ยอิง คิดว่าผู้แกร่งกล้าระดับนี้เย็นชากับมดปลวกที่อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงไม่อยากจะเห็นประชากรทั่วทั้งเมืองจวิ้นซานถูกทำลายล้างด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถช่วยผู้คนได้ แต่อย่างมากที่สุดก็ช่วยเหลือได้เพียงแค่ลูกศิษย์หญิงกับคนจำนวนน้อยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ย่อมไม่มีทางช่วยเหลือผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งปราการเมืองได้ทันการณ์อยู่แล้ว
“ราคาห้าหมื่นสมบัติล้ำค่าหยกแก้วคละถิ่น” ประมุขพรรคเงามารค้อมกายลงเล็กน้อย “ข้าเต็มใจจะเสนอให้เพื่อชดเชยเรื่องนี้”
“ชีวิตของท่านประมุขมีมูลค่าเพียงเท่านี้เองน่ะหรือ นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้พวกเจ้าก็ยังต้องการเอาชีวิตข้าด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “สมบัติล้ำค่ามูลค่าหนึ่งแสนหยกแก้วคละถิ่น แล้วเรื่องนี้ก็จะปล่อยผ่านไปได้”
แววตาของประมุขพรรคเงามารสว่างไสวขึ้นมาเล็กน้อย เขารอให้ราชสีห์อย่างจักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้อ้าปากกว้างมานานแล้ว หนึ่งแสนหยกแก้วคละถิ่นนี้อยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถยอมรับได้ เขาเอ่ยในทันทีว่า “เอาล่ะ ก็เป็นสมบัติล้ำค่ามูลค่าหนึ่งแสนหยกแก้วคละถิ่นนี่แหละ ยังมีอีก พี่อูเจ๋อก็อยากจะแก้ไขความแค้นกับจักรพรรดิเทพหิมะเหินเช่นกัน มิทราบว่าจะได้หรือไม่”
“เจ้าเมืองอูเจ๋อหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเหลือบตามองมังกรพิษไอหมอกที่เหินทะยานออกไปไกลจากอาณาเขตปราการเมืองแล้วเช่นกันตนนั้น มังกรพิษไอหมอกหยุดลงเรียบร้อยแล้วลอยตัวอยู่กลางอากาศไกลออกไปพลางมองดูที่นี่อยู่ห่างๆ
ตนมิอาจสังหารเจ้าเมืองอูเจ๋อได้ชั่วคราว เจ้าเมืองอูเจ๋อก็อยากจะจัดการแก้ไขความแค้นเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าถูกต่อตีจนหวั่นกลัวไปเสียแล้ว!
เจ้าเมืองอูเจ๋อ…
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานก็มิได้รู้สึกถึงการคุกคามของความตายเลย ร่างมังกรพิษไอหมอกของเขา ที่โลกเทพ ภายใต้สามบรรพเทวะคละถิ่นลงมา ไม่ว่าใครก็มิอาจทำอะไรเขาได้ แต่กับตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ เจ้าเมืองอูเจ๋อก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความตาย! เพราะว่าเพียงแค่เคล็ดวิชาวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงแข็งแกร่งขึ้นมาอีกสักเล็กน้อย ก็จะเหนือกว่าขีดจำกัดที่วิญญาณของเจ้าเมืองอูเจ๋อจะทนรับได้ไหวแล้ว
ต่อให้ตอนนี้สามารถหนีไปได้ ก็ไม่แน่ว่าในภายภาคหน้าเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวหน้ากว่านี้อีกสักหน่อย ก็จะสามารถผลาญสังหารเขาได้แล้ว
วันเวลาที่หวาดหวั่นไม่สงบสุขนั้นทุกข์ระทมเป็นอย่างยิ่ง หากสามารถแก้ไขได้ก็ย่อมพยายามแก้ไขอย่างสุดกำลังอยู่แล้ว
“ก็ได้ สามารถแลกกับอะไรได้บ้างเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
พรึ่บ
มังกรพิษไอหมอกที่อยู่ห่างออกไปตนนั้นเหินทะยานมุ่งหน้ามาทางตงป๋อเสวี่ยอิงนี้อย่างรวดเร็ว
……
กลางเวหาเบื้องบน เจ้าเมืองอูเจ๋อและประมุขพรรคเงามารต่างก็เกรงใจกันเป็นอย่างยิ่ง วางท่าทีเอาไว้อย่างต่ำยิ่ง เอ่ยขอขมากับตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่กลางเวหา
และภายในเมืองจวิ้นซาน
ผู้คนกลุ่มหนึ่ง ได้แก่อวี้เฟิงจวิ้นซาน อวี้เฟิงเหลย อวี้เฟิงชิงอิน และคนอื่นๆ รวมถึงประมุขหอสิงแห่งหอจิตฟ้า ต่างก็พากันตะลึงงันไปเสียแล้ว
“สวรรค์เอ๋ย”
“ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สามท่านล้อมโจมตีจักรพรรดิเทพหิมะเหิน แต่กลับถูกกวาดล้างเสียแล้วอย่างนั้นหรือ”
“หนึ่งต่อสาม ก็เอาชนะระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สามท่านได้อย่างนั้นหรือ”
“นี่ นี่…ข้ามิได้ดูผิดไปใช่หรือไม่”
ตะลึงงันไปอย่างสิ้นเชิงเสียแล้ว
ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สามท่าน จักรพรรดิเป่ยเหอ ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ผู้ลึกลับหลบหนีไปเสียแล้ว ส่วนอีกสองท่านได้แก่ประมุขพรรคเงามารและเจ้าเมืองอูเจ๋อก็กำลังทำการขอขมาผูกไมตรี
นี่มิใช่เพียงแค่การเอาชนะเสียแล้ว
ที่โลกเทพ การห้ำหั่นซึ่งกันและกันระหว่างผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ การแพ้หรือชนะนั้นก็เป็นเรื่องปกติธรรมดายิ่ง! โดยทั่วไปแล้วก็ยากที่จะเข่นฆ่ากัน เพราะว่าความแตกต่างของพลังยุทธ์ก็มิได้มากมายสักเท่าใดนัก ต่อให้พ่ายแพ้ในการต่อสู้ก็ไม่มีทางก้มหัวให้ ยิ่งไม่มีทางไปขอขมาอย่างแน่นอน! จะมีก็แต่ ‘เจ้าเมืองหงส์เมฆา’ ที่มีสถานะค่อนข้างสูงส่ง จึงสามารถทำให้จักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์คนอื่นๆ มาขอขมาได้! แต่ขณะนี้ประมุขพรรคเงามารและเจ้าเมืองอูเจ๋อกลับกำลังขอขมา
“เจ้าเมืองอูเจ๋อก็ขอขมาด้วยอย่างนั้นหรือ เขาเป็นร่างอมตะเชียวนะ!” ผู้คนมากมายล้วนตกตะลึงไปเสียแล้ว
“ที่แท้แล้วจักรพรรดิเทพหิมะเหินมีพลังยุทธ์เช่นไรกันแน่”
“เขา เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน”
เพียงคนเดียวก็เอาชนะระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สามท่านได้
ทั้งยังทำให้อีกฝ่ายตกใจจนยอมขอขมาด้วยอย่างนั้นหรือ
“ผู้แกร่งกล้าเช่นนี้ถึงกับอาศัยอยู่ที่เมืองจวิ้นซานของข้าอย่างนั้นหรือ” อวี้เฟิงจวิ้นซานยากที่จะเชื่อได้
“ผู้ที่สามารถล้ำเลิศถึงเพียงนี้ได้ทั่วทั้งโลกเทพ เกรงว่าคงจะมีเพียงแค่อันดับหนึ่งของบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพอย่างเจ้าเมืองหงส์เมฆาเท่านั้น” อวี้เฟิงเหลยก็หัวใจสั่นสะท้านเช่นกัน “ผู้แกร่งกล้าเช่นนี้ถึงกับรับน้องหญิงสามเป็นศิษย์ด้วยอย่างนั้นหรือ”
บนทางเดินของจวนหิมะเหิน อวี้เฟิงชิงอินก็ตกตะลึงอยู่บ้าง
เดิมทีนางเป็นกังวลกับความปลอดภัยของตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สามท่านล้อมโจมตี ยิ่งทำให้หัวใจนางแทบจะกระเด็นหลุดมาจนถึงคอหอยแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตามมาติดๆ นี้ก็ทำให้นางตกตะลึงไปเสียแล้ว
“ท่านอาจารย์ของข้า ท่านอาจารย์ของข้าเขา…” อวี้เฟิงชิงอินไม่อยากจะเชื่อ
“พลังยุทธ์เช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นลำดับสองของบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพแล้วกระมัง” ประมุขหอสิงได้สติกลับมาแล้วจดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นลงไป พร้อมกันนั้นก็รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง “เขากับเจ้าเมืองหงส์เมฆา ผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้ใดอ่อนแอ คงต้องต่อสู้กันสักยกหนึ่งจึงจะรู้ได้กระมัง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเอาชนะเจ้าเมืองหงส์เมฆา กลายเป็นอันดับหนึ่งในบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพก็เป็นได้!”
การย้ายตำแหน่งครั้งแรกของบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพอย่างนั้นหรือ
ประมุขหอสิงไม่กล้าเชื่อว่าการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้จะเป็นสิ่งที่เขาได้บันทึกลงไปเองกับมือ
……
หลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป ผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งโลกเทพก็ตื่นตระหนกเพราะสิ่งนี้ บรรดาจ้าวเทพเหล่านั้นตกตะลึงก็แล้วไปเถิด แม้กระทั่งเหล่าผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ก็ยังพากันตะลึงลานอยู่บ้าง
สู้กับสามคนด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นหรือ
เอาชนะระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สามท่านหรือ ประมุขพรรคเงามารและเจ้าเมืองอูเจ๋อก็ขอร้องและขอขมาอย่างนั้นหรือ
“เร็วๆๆ แล้วภาพเหตุการณ์การต่อสู้เล่า”
เหล่าผู้แกร่งกล้าแต่ละคนต่างพากันถามหาภาพเหตุการณ์การต่อสู้ในทันที ภาพเหตุการณ์การต่อสู้นี้กลับเป็นสิ่งที่ต้องซื้อหาจากหอจิตฟ้า
ประมุขหอสิงก็คู่ควรที่จะภาคภูมิใจในตนเองจริงๆ
เพราะว่า!
ภาพเหตุการณ์การต่อสู้ที่เขาบันทึกเอาไว้ มีผู้แกร่งกล้าจำนวนมากมายเหลือเกินที่ชมดูอย่างละเอียด! หอจิตฟ้าก็ทำกำไรจากสิ่งนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในความเป็นจริงแล้ว ทำกำไรได้เท่าไหร่ก็เป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่พรรค์นี้ แม้กระทั่งสามตระกูลราชันย์ก็ยังตื่นตระหนก!
……………………………