Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 13 ออกเดินทาง
เสียฝานหลุบเปลือกตาลงพลางนั่งขัดสมาธิภายในโถงตำหนักใต้ดินของคูหาตน เขารอคอยอย่างเงียบเชียบ
ตั้งแต่สมัครเข้าร่วมกองล่าสังหาร เขาก็รอคอยให้ตงป๋อเสวี่ยอิง ‘ถอนตัวออกไปจากกองกำลัง’
“โอ้ ยังไม่ถอนตัวออกไปในทันทีอีกหรือนี่”
“ตั้งแต่เขาสมัครเข้าร่วม ก็ย่อมต้องรอการถ่ายทอดคำสั่งอยู่ตลอดเวลา ก็ควรจะรู้ข่าวที่ข้าเข้าร่วมในทันทีอยู่แล้ว แต่เขากลับมิได้ถอนตัว หรือว่าจะยังกล้าไปอยู่อีก” เสียฝานเผยสีหน้าแปลกพิกล
เสียฝานส่งสารผ่านวัตถุส่งสารให้แก่ตงป๋อเสวี่ยอิงในทันใด “เจ้าเด็กหิมะเหิน ข้าเองก็เข้าร่วมกองล่าสังหารในครั้งนี้ด้วย กองล่าสังหารที่ข้าอยู่ เจ้าก็กล้าไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ”
“เสียฝาน ท่านคอยจับจ้องข่าวคราวของข้าอยู่ตลอดเลยกระมัง พอข้าเข้าร่วม ท่านก็เข้าร่วมด้วยในทันทีเลยสินะ ข้า หิมะเหินช่างปลาบปลื้มใจเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ส่งสารตอบกลับไปในทันที
เสียฝานสีหน้าเข้มขึ้น
เขาจัดแจงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคอยจับตาดูข่าวคราวของจ้าวหิมะเหินผู้นี้อยู่ตลอดเวลาจริงๆ! ด้วยพลังยุทธ์ของเขา ก็ย่อมมีบรรดายอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์มาสวามิภักดิ์อยู่แล้ว เพราะว่าจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์โดยทั่วไปล่าสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นสะสมอาหารภายในโลกทิพย์นั้นมิใช่เรื่องง่าย การสวามิภักดิ์ต่อ ‘เสียฝาน’ สามารถทำให้วันเวลาของพวกเขาสุขสบายขึ้นได้เป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าผู้ที่จัดอยู่ในอันดับที่ไม่กี่สิบของทั่วทั้งเมืองเมฆาแดงแต่ละคนต่างก็มีผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งสวามิภักดิ์อยู่!
จัดอยู่ในอันดับที่ไม่กี่สิบคนแรก พลังยุทธ์ก็ล้วนใกล้เคียงกับ ‘ผู้ตระหนักวิถีระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์’ ต่างกันไม่มากสักเท่าใดนัก
แต่ภายในเมืองมีผู้บำเพ็ญอยู่ทั้งสิ้นสามพันกว่าคน ผู้ที่เต็มใจจะสวามิภักดิ์ก็มีอยู่มากมายยิ่งนัก
ในความเป็นจริงแล้ว รวมทั้ง ‘นักพรตโยวหยา’ ‘จักรพรรดิชิงสวรรค์’ ‘เสียฝาน’ และ ‘โม่ซู’ เข้าไปด้วย ถึงแม้ว่าจะมีผู้บำเพ็ญสวามิภักดิ์ พวกเขาก็มิอาจรับผู้ใต้บังคับบัญชาได้โดยง่าย เพราะว่าเมื่อใดที่พวกเขารับผู้ใต้บังคับบัญชามาก็จำเป็นต้องคอยปกป้อง หรือแม้กระทั่งมอบอาหารให้
ถึงแม้ว่าจะได้รับผู้ใต้บังคับบัญชามาเพิ่มพูนพลังยุทธ์ของแต่ละฝ่าย แต่ก็เป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งเช่นกัน ก็ย่อมต้องคัดสรร เลือกเฟ้นผู้ที่มีประโยชน์ต่อกองกำลังผู้ใต้บังคับบัญชาของตน
อย่างเช่นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านเขตพลัง เชี่ยวชาญทางด้านการตรวจตรา เชี่ยวชาญทางด้านความเร็ว เป็นต้น
เลือกสรรอย่างพิถีพิถัน!
“ฮ่าฮ่า… กล้าดีนี่ ตอนนี้ข้านับถือเจ้าเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว” เสียฝานถ่ายเสียงหัวเราะเยาะหยัน
“ในภายหน้าก็ต้องให้ท่านนับถือด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงตัดการสื่อสารในทันที
สีหน้าของเสียฝานเคร่งขรึมขึ้น
เขาส่งสารให้กับลูกน้องบางส่วนของเขาอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้ามาเข้าร่วมกองล่าสังหารกองใหม่นี้ให้หมด”
ผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์เหล่านั้นในเมื่อเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อ ‘เสียฝาน’
โดยทั่วไปแล้วก็ต้องเชื่อฟังคำสั่ง ลูกน้องของเสียฝานมีอยู่ทั้งสิ้นยี่สิบห้าคน คราวนี้เขามอบหมายให้เพียงแค่สิบห้าคนในนั้นเท่านั้น!
“ขอรับ”
“พี่ใหญ่เสียฝาน ในกองกำลังครั้งนี้มีเจ้าคนที่ชื่อหิมะเหินผู้นั้นอยู่ด้วย ต้องการจะจัดการเขาแล้วหรือขอรับ”
“เขานี่ช่างรนหาที่ตายเสียจริง”
“มาแล้ว สมัครเข้าร่วมแล้วขอรับ”
แต่ละคนสมัครเข้าร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีบนบัญชีรายนามมีอยู่สามสิบหกคน เพียงชั่วครู่ก็ยกระดับไปถึงห้าสิบเอ็ดคน! เต็มจำนวนต่ำสุดที่กองล่าสังหารในครั้งนี้กำหนดเอาไว้
******
“รวดเร็วยิ่งนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง รายชื่อกองล่าสังหารยกระดับไปถึงห้าสิบเอ็ดคนในชั่วอึดใจ “กลุ่มที่เพิ่งเข้าร่วมใหม่ล่าสุด อ้างอิงจากข้อมูลที่พี่เหลยเซียวให้ข้า ดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวโยงกับเสียฝานผู้นั้นทั้งสิ้น”
“จ้าวหิมะเหิน ขอเชิญมารวมตัวที่ตำหนักเมฆาแดงโดยด่วน” วิญญาณอาวุธตำหนักเมฆาแดงส่งข้อความมา
เมื่อจำนวนคนครบ ก็ออกเดินทางได้
“เสียฝานผู้นี้ยังนับได้ว่ามีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยก็ช่วยร่นระยะเวลาในการรอของข้าให้สั้นลงมากเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินก้าวยาวๆ ออกจากศาลา สายลมคลั่งหอบกรรโชกเอาเกล็ดน้ำแข็งลอยละลิ่วส่งเสียงหวีดหวิว แต่ยามที่อยู่ห่างจากผิวกายตงป๋อเสวี่ยอิงสามนิ้วก็สลายกลายเป็นผุยผง
เมืองเมฆาแดงมีอาณาบริเวณเพียงแค่หนึ่งแสนลี้เศษเท่านั้น
ด้วยความเร็วของตงป๋อเสวี่ยอิง แม้กระทั่งการเดินเคลื่อนที่อย่างง่ายๆ เพียงชั่วครู่ก็มาถึงยังตำหนักเมฆาแดงแล้ว
ณ โถงตำหนักเมฆาแดง
ขณะนี้รวบรวมผู้คนเอาไว้มากพอสมควร นอกจากนี้ยังมีผู้บำเพ็ญมาถึงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวเข้าสู่ภายในโถงตำหนัก มองปราดเดียวก็เห็น ‘นักพรตโยวหยา’ บุรุษผมดำยาวผู้หนึ่งที่ถูกกลุ่มคนห้อมล้อมอยู่ นักพรตโยวหยามีบุคลิกเยือกเย็นดุจสายน้ำ เมื่อเปรียบกับเสียฝานผู้นั้นแล้ว ชื่อเสียงของนักพรตโยวหยาก็ดีกว่ามากมายเหลือเกิน
“น้องหิมะเหิน” นักพรตโยวหยามองมาในทันทีพลางเอ่ยทักทาย
“พี่โยวหยา” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินเข้าไปพลางทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เสียฝานกับยอดฝีมือใต้บังคับบัญชาของเขากลุ่มหนึ่งก็เข้าร่วมกองล่าสังหารในครั้งนี้ด้วย เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะไป” นักพรตโยวหยาเอ่ยถาม “เสียฝานผู้นี้มีแค้นต้องชำระ เขาจับจ้องเจ้าแล้ว ข้าว่าไม่ว่าเจ้าจะไปเข้าร่วมกองล่าสังหารไหน เขาก็จะต้องไปเข้าร่วมด้วยทั้งหมดแน่ ออกไปบุกฝ่าพร้อมกันกับเขา… สำหรับเจ้านั้นช่างอันตรายเหลือเกิน ข้าแนะนำว่าให้เจ้าสวามิภักดิ์ต่อ ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ หรือ ‘ท่านชายอูเสี่ยว’ หรือไม่ก็ใบเมฆาวายุจะเป็นการดีที่สุด เดิมทีเสียฝานก็เป็นเหมือนแขนซ้ายขวาของใบเมฆาวายุอยู่แล้ว ผู้ที่จะสามารถปกป้องคุ้มครองเจ้าได้ก็มีแต่รองเจ้าเมืองอีกสองท่านเท่านั้นแล้วล่ะ”
“รองเจ้าเมืองหรือ ให้รองเจ้าเมืองเต็มใจยอมรับก็คงมิใช่เรื่องง่ายกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“ก็ต้องมีฝีมือที่ร้ายกาจพอตัว” นักพรตโยวหยาพูด
เจ้าเมืองสามท่านล้วนมีฝีมือร้ายกาจเป็นที่สุด
ยากนักที่พวกเขาจะออกจากเมืองสักครั้งหนึ่ง แต่เมื่อใดที่ออกจากเมือง ผลตอบแทนก็ชวนให้คนตกใจเป็นอย่างยิ่ง
เพราะพลพรรคของพวกเขาแกร่งกล้าอย่างยิ่ง! ไม่เพียงแต่ตัวเองจะกล้าแกร่งเท่านั้น เพื่อนร่วมงานที่พวกเขาจัดหามานั้นก็แกร่งเป็นที่สุด ถ้ามิได้จัดหาผู้แกร่งกล้าที่จัดอยู่ในอันดับที่ไม่กี่สิบคนแรกคนอื่นๆ มา เช่นนั้นก็จะมียอดฝีมือที่อยู่ตามลำพังที่เมืองเมฆาแดงจำนวนหนึ่ง ทั้งกองกำลังร่วมมือกันขึ้นมา…ก็ย่อมน่าหวั่นเกรงเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าร่วมในกองกำลังเช่นนี้ เสียฝานก็ย่อมทำอะไรเขามิได้อยู่แล้ว
“ต้องขอบคุณพี่โยวหยาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“นับถือ อีกประเดี๋ยวตอนที่ออกจากเมืองแล้วก็อยู่ให้ใกล้คนของข้าเอาไว้หน่อยก็แล้วกันนะ” นักพรตโยวหยาได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็เอ่ยขึ้นในทันที “คนเหล่านี้ล้วนเป็นเพื่อนร่วมงานของข้า เจ้าก็อยู่ให้ใกล้ชิดพวกเขาเอาไว้ก็แล้วกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำความรู้จักกับผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ แต่ละคน
นักพรตโยวหยาสามารถจัดอยู่ในลำดับที่ไม่กี่สิบคนแรกของเมืองเมฆาแดงได้ เขาก็ย่อมต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่กลุ่มหนึ่งอยู่แล้ว นับรวมกับนักพรตโยวหยาด้วย กองกำลังของเขาเองก็มีอยู่ทั้งสิ้นยี่สิบสองคน
ในความเป็นจริงแล้ว…
การจัดหาพลพรรคที่กำหนดแน่นอนกลุ่มหนึ่งก็จำเป็นต้องใคร่ครวญถึงความร่วมมือระหว่างผู้แกร่งกล้าในกองกำลังและการรักษาอาหารปริมาณมากสำหรับผู้แกร่งกล้ามากมายถึงเพียงนี้ อ้างอิงจากประสบการณ์ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของเมืองเมฆาแดง พลพรรคที่กำหนดแน่นอนกลุ่มหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วก็รักษาผู้บำเพ็ญเอาไว้ที่ราวๆ ยี่สิบคน ดูเหมือนว่าจะไม่เกินกว่าสามสิบคนกันทั้งสิ้น
คนอื่นๆ สามสิบห้าคนของกองกำลังในครั้งนี้ต่างก็มารวมตัวกันแล้ว
ในท้ายที่สุดสิบหกคนที่เสียฝานนำกลุ่มมามาพร้อมกันในตอนสุดท้าย
“พรึ่บ” เสียฝาน ชายชราร่างเล็กเตี้ยหลุบหนังตาลง นัยน์ตาอันมืดหม่นกวาดมองห้องโถงรอบหนึ่ง ยามที่มองเห็นตงป๋อเสวี่ยอิง รอยยิ้มของเสียฝานก็ทวีความน่าหวาดหวั่นขึ้นมาเสียแล้ว
“เจ้าเด็กหิมะเหิน” เสียฝานมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“เอาล่ะ มารวมตัวกันครบหมดแล้ว” นักพรตโยวหยาเอ่ยปากพูดขึ้น “ยังมีเสียฝานด้วย เป้าหมายสุดท้ายที่พวกเราออกไปกันในครั้งนี้ก็คืองูอลหม่านไร้หม่น ระยะทางไปกลับก็มิได้นับว่าใกล้นัก พวกเราก็ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ถ้าหากปรากฏว่ามีเพื่อนร่วมงานตายตกไป นั่นก็คือความน่าละอายของพวกเรา”
เสียฝานหัวเราะ ”วางใจเถิด ข้าจะจัดการดูแลสถานการณ์ทั้งหมดเอง”
“จดจำกฎดั้งเดิมของเมืองเมฆาแดงเราเอาไว้ให้ดี ภายในกองล่าสังหาร ห้ามฆ่าฟันห้ำหั่นกันเองเป็นอันขาด” นักพรตโยวหยาเอ่ยเตือน กองล่าสังหารออกไปจากเมืองเมฆาแดง นอกเมืองมีอันตรายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ถ้าหากภายในยังฆ่าฟันห้ำหั่นกันเอง… เช่นนั้นออกไปข้างนอกก็เป็นภัยแล้ว
“เข้าใจแล้ว จะไม่มีการฆ่าฟันห้ำหั่นกันเองอย่างแน่นอน” เสียฝานรับคำ
“อืม” นักพรตโยวหยาพยักหน้าน้อยๆ
เขาก็สามารถทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น
อ้างอิงจากประสบการณ์ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของผู้บำเพ็ญเมืองเมฆาแดง เหล่าผู้แกร่งกล้าก็ย่อมต้องมีบุญคุณความแค้นต่อกันบ้างอยู่แล้ว ที่กองล่าสังหารเดียวกัน ในการเคลื่อนไหวร่วมกันก็ห้ามฆ่าฟันห้ำหั่นกันเอง! แต่ในยามที่เผชิญกับการล้อมโจมตีของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะยามที่อยู่ใน ‘สภาวการณ์อันตราย’ บางอย่าง เพียงแค่ไม่ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานในยามวิกฤติ เพื่อนร่วมงานก็อาจตายตกไปได้แล้ว!
พวกเสียฝานไม่กล้าสังหารโดยตรง แต่พวกเขามีกันอยู่ถึงสิบหกคน เพียงแค่พวกเขายืนดูอยู่เฉยๆ พร้อมกัน ก็ย่อมสามารถทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตกที่นั่งลำบากได้โดยสิ้นเชิงแล้ว
ยืมมือ ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่น’ ปลิดชีพตงป๋อเสวี่ยอิง!
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนดูอยู่ข้างๆ อย่างเงียบเชียบ “คิดบัญชีข้าอย่างนั้นหรือ”
กองกำลังในครั้งนี้
แบ่งออกเป็นสามฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งคือผู้แกร่งกล้ายี่สิบสองคนที่มีนักพรตโยวหยาเป็นผู้นำ นักพรตโยวหยาค่อนข้างมีมิตรไมตรีต่อตน ทั้งยังเต็มใจช่วยเหลือตน อีกฝ่ายคือพวกเสียฝานสิบหกคน เกรงว่าในยามวิกฤติพวกเขาก็คงจะเจตนาสร้างสถานการณ์ที่สิ้นหวังให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง ฝ่ายสุดท้ายก็คือสิบสามคนรวมทั้งตนด้วย ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญที่เป็นเอกเทศ
บรรดาผู้บำเพ็ญเอกเทศ มีบางคนที่รักสันโดษ รังเกียจที่จะสวามิภักดิ์ฝ่ายใด ทั้งยังมีอีกเป็นจำนวนมากกว่าที่เป็นผู้ที่ผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดคัดเลือกอย่างพิถีพิถันแล้วก็ยังไม่เข้าตา
“กองกำลังในครั้งนี้มีนักพรตโยวหยาและเสียฝานถึงสองท่าน พวกเราก็สบายแล้ว”
“ใช่แล้ว มีพวกเขาสองคนอยู่ กองกำลังก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งแล้วล่ะ”
“เสียฝานมาหรือ ก็เพราะหิมะเหินผู้นั้นใช่หรือไม่”
“ช่างเขาเถิด หิมะเหินจะอยู่หรือตายแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วยเล่า”
บรรดาผู้บำเพ็ญเอกเทศเหล่านั้น มีบางคนที่กำลังถ่ายเสียงวิพากษ์วิจารณ์
ด้วยจำนวนผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดไม่กี่สิบท่านของเมืองเมฆาแดง มีผู้ที่จัดอยู่ในลำดับที่ไม่กี่สิบคนแรกอยู่ถึงสองท่านภายในกองล่าสังหารเดียวกัน… ก็นับได้ว่าพบเห็นได้ยากยิ่งแล้ว สถานการณ์ปกติ กองล่าสังหารกองหนึ่งก็จะมีสุดยอดผู้แกร่งกล้าอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
“ออกเดินทางได้!” นักพรตโยวหยาผู้เป็นผู้จัดตั้งกองกำลังเอ่ยปากออกคำสั่งในทันที
……
สวบๆๆ…
เงาร่างห้าสิบเอ็ดสายรวมทั้งตงป๋อเสวี่ยอิงแปลงเป็นเงารางแล้วเหินทะยานออกนอกเมืองไป ข้ามผ่านกำแพงเมืองออกไปอย่างรวดเร็ว
……………………