Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 16 จุดหมาย
ในสนามรบ เสียฝานสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทำเอามังกรมารพิษบางตนโกรธเคืองขึ้นมา
“ฟึ่บๆๆ…” มังกรมารพิษระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์กว่าสิบตนเริ่มล้อมโจมตีเสียฝาน เข็มพิษเหนือผิวกายลอยออกไปแล้วแทงตรงไปทางเสียฝานอย่างต่อเนื่อง
เสียฝานคร้านที่จะหลบหลีก บริเวณที่เกิดจากร่างกายอันหนักหน่วงจนถึงขีดสุดของเขาทำให้เข็มพิษเหล่านั้นถูกบิดเบือนจนความเร็วลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อแทงลงบนร่างกายของเสียฝาน ผิวหนังก็ยังไม่ปริออกเสียด้วยซ้ำไป! เสียฝานได้กลายเป็นแขนซ้ายขวาของเจ้าเมือง ‘ใบเมฆาวายุ’ ก็เพราะเขาคือผู้ที่สามารถต้านทานศัตรูทั้งหมดได้มากที่สุดภายในกองกำลังของใบเมฆาวายุ
การล้อมโจมตีของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์เหล่านี้น่ะหรือ เสียฝานไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย ด้วยการควบคุมร่างกายของผู้ตระหนักวิถีอย่างเขาคนนี้ มังกรมารพิษตัวนี้มิอาจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้เลย!
แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับถูกชักจูงไปในทันใด
“ตายเสียเถอะ ตายเสียเถอะ!” เสียฝานต้านทานศัตรูอย่างเฉยชา ทั้งยังจับตามองสถานการณ์ทางฝ่ายตงป๋อเสวี่ยอิงด้วย
“อะไรกัน โยวหยาที่สมควรตาย!” สีหน้าของเสียฝานเปลี่ยนแปรไป
สถานการณ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงเลวร้ายมากอย่างแท้จริง
ในบรรดาผู้บำเพ็ญทั้งหมดในที่นั้น กายหยาบซึ่งเป็นเพียงระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายของเขาอันดับค่อนข้างรั้งท้าย
หนึ่งต่อเจ็ดหรือ มังกรมารพิษระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สามตนและมังกรมารพิษระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายสี่ตน ที่สำคัญที่สุดก็คือเข็มพิษที่แทงออกมาตลอดเวลานั้น…นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมังกรมารพิษ ตงป๋อเสวี่ยอิงไหนเลยจะกล้าต้านทาน ทำได้เพียงกุมหอกยาวเล่มหนึ่งเอาไว้เท่านั้น วิถีหอกกระบวนท่าต่างๆ ที่สำแดงออกมา สกัดกั้นเข็มพิษรอบด้านเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ต้านทานมังกรมารพิษเอาไว้
“ไม่ดีแล้ว”
หากไม่มีเข็มพิษ แค่ต้านรับมังกรมารพิษเพียงอย่างเดียวก็ยังสามารถต้านเอาไว้ได้
แต่เข็มพิษมากมายโจมตีเข้ามา จึงต้องแบ่งสมาธิกว่าครึ่งไปต้านทานเอาไว้ เพียงครู่เดียวตงป๋อเสวี่ยอิงก็แข้งขาพันกัน น่าอนาถเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นมังกรมารพิษเจ็ดตัวที่อยู่รอบด้านก็แทงเข็มพิษออกมาพร้อมกัน ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจเป็นอย่างมาก
“ฟึ้วววว…” ทันใดนั้นรอบด้านก็มีแถบผ้าสีขาวดำเส้นหนึ่งลอยคว้างแล้วหอบม้วนเข้ามาทันใด ห่อหุ้มเข็มพิษที่แทงออกมาออกไปจนหมดทันที
“แข็งแกร่งนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งตกใจทั้งดีใจ เขารู้อานุภาพของเข็มพิษเป็นอย่างดี ‘แถบผ้าขาวดำ’ สามารถหอบม้วนเอาไว้ได้ทั้งหมด จะเห็นได้ถึงความแข็งแกร่งของอานุภาพของมัน
อาศัยกระบวนท่าที่ดุจดั่งบริเวณท่านี้ สถานะของนักพรตโยวหยาก็สามารถเทียบกับเสียฝานได้เลยทีเดียว
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมือด้วยความตื่นตระหนก
ฟึ่บ…
กรงเล็บของมังกรมารพิษตะปบลงบนร่างของเขาแทบจะตลอดเวลา อุปสรรคของอากาศชั้นแล้วชั้นเล่าขัดขวางและสกัดกั้นเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็ตะปบลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง เมื่อกรงเล็บตะปบลงไป เปลวเพลิงสีดำก็ลุกโชน ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกตะปบเสียจนกระเด็นลอยไปแล้วกระอักเลือดออกมา
เห็นได้ชัดว่านักพรตโยวหยามิได้ช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาแต่อย่างใด
โดยทั่วไปหากไม่อันตรายถึงชีวิต เขาก็ปล่อยให้ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บไป! มีแต่เมื่อถึงคราวคับขันที่สุดเท่านั้น เขาจึงจะช่วยเหลือสักแรงหนึ่ง อย่างก่อนหน้านี้ ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังแข้งขาพันกันไปหมด จู่ๆ ก็มีเข็มพิษมากมายถึงเพียงนั้นโจมตีเข้ามาในทันใด ตามหลักแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องถูกแทงเข้าไปสักหลายเล่ม พิษมากมายถึงเพียงนั้นเข้าสู่ร่างกาย…น่ากลัวกว่าถูกกรงเล็บตะปบนับร้อยครั้งเสียอีก
มังกรมารพิษ เหล่าผู้บำเพ็ญเมืองเมฆาแดงเกรงกลัวเข็มพิษของเขาเป็นที่สุด
……
สู้ไปพลาง หนีไปพลาง
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงรวดเร็วมาก บวกกับที่เหล่าจักรพรรดิเทพช่วงกลางและจักรพรรดิเทพช่วงท้ายในบรรดามังกรมารพิษสูญเสียไปอย่างต่อเนื่อง อุปสรรคก็ลดลงเรื่อยๆ ในที่สุดกองออกล่าก็สลัดหลุดจากมังกรมารพิษเหล่านี้ไปได้และหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“สังหารมังกรมารพิษระดับจักรพรรดิเทพช่วงกลางไปได้ทั้งหมดยี่สิบเอ็ดตน มังกรมารพิษระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายแปดสิบตน” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ “น่าเสียดายที่ไม่มีระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์เลยแม้แต่ตนเดียว”
หากพูดถึงคุณค่าแล้ว
มังกรมารพิษที่สังหาร รวมกันแล้วก็ยังสู้ระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ตนหนึ่งไม่ได้เลย
เนื่องจากลำพังแค่ความใหญ่โตของร่างกายของระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ตนหนึ่ง เนื้อย่างที่สามารถทำออกมาได้ก็มีมูลค่าสูงยิ่งนัก มูลค่ามากกว่าระดับจักรพรรดิเทพช่วงกลางราวหมื่นเท่า! และมูลค่ามากกว่าระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายราวสองสามร้อยเท่า! ทั้งยังมีระลอกคลื่นตามเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย
ช่วยไม่ได้
ต่อให้ ‘เสียฝาน’ อยากจะสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สักตนหนึ่ง ก็ต้องดูเผ่าพันธุ์ด้วย จะต้องเป็นพวกที่ความสามารถในการรักษาชีวิตค่อนข้างอ่อนแอ ทั้งยังต้องเป็นภายใต้สถานการณ์ ‘หนึ่งต่อหนึ่ง’ และมีเวลาเพียงพอจึงจะสามารถสังหารได้!
อย่างมีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นกลุ่มใหญ่ร่วมมือกัน หากระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ตนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป ก็จะพากันถอยทันที จึงยากจะสังหารได้
และนี่ก็คือสาเหตุที่ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ‘ทางสายเปลวเพลิง’ ของตงป๋อเสวี่ยอิงตนนั้น แม้จะล้ำค่ามากเพราะไม่มีในโลกทิพย์ แต่ในการประมูลก็ได้ซากระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์มาเพียงหกตนบวกกับอาหารหนึ่งล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญพวกนั้นอิจฉาตาร้อนได้แล้ว! ที่เสียฝานอยากจะสังหารเขาให้ตาย ข้อแรกก็เพื่อรักษาหน้าตนเอง ข้อสองก็เพื่อซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์หกตนนั้น
******
“พี่โยวหยา ขอบคุณขอรับ” กองกำลังกลับคืนสู่สภาพการเร้นกายเหินทะยาน ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงไปให้นักพรตโยวหยา
นักพรตโยวหยามองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่งแล้วก็ถ่ายเสียงพูดว่า “น้องหิมะเหิน เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าเพียงแค่ช่วยเจ้าเท่าที่สามารถทำได้เท่านั้นเอง หากสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ ข้าคงจะต้องปกป้องเหล่าสหายที่ติดตามข้ามาตลอดอย่างเต็มที่ก่อน”
“ข้าเข้าใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กระจ่างขึ้นมา
หากพูดถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิด พูดถึงหน้าที่รับผิดชอบแล้ว
นักพรตโยวหยาก็ต้องปกป้องคนในกองกำลังของตนเองก่อน! อีกฝ่ายช่วยเหลือคนนอกอย่างตนสักสองสามครั้ง ก็ถือว่าหาได้ยากมากแล้ว
บินไปตลอดทาง…
เพียงพริบตาเดียว ก็จากเมืองเมฆาแดงไปวันหนึ่งแล้ว แม้จะได้พบอุปสรรคบางอย่างเช่นกัน แต่ก็สู้มังกรมารพิษฝูงนั้นมิได้เลย
จากอรุณรุ่งถึงยามราตรี จากยามราตรีถึงอรุณรุ่ง
“ฟิ้วๆๆ…” หิมะโปรยปราย ปลิวว่อนไปทั่วทุ่งร้างอันไร้ที่สิ้นสุด
กองกำลังของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงเร้นกายเหินทะยานไป
“ทุกท่าน ตามที่ได้สำรวจมา เบื้องหน้ามีงูอลหม่านไร้หม่นอยู่ทั้งหมดสามสิบสองตัวด้วยกัน มีระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สิบห้าตัว” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงพูด “กองออกล่าที่ข้าจัดตั้งขึ้นมาในครั้งนี้มาที่นี่ มีเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดก็คือจะสังหารงูอลหม่านไร้หม่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ งูอลหม่านไร้หม่นข้างหน้ามีจำนวนไม่มากนัก เป็นภัยคุกคามต่อพวกเราน้อยมาก ขอเพียงสังหารได้สำเร็จ พวกเราก็จะกลับไปทันที!”
“แค่สามสิบสองตัวเองหรือ”
“ครั้งนี้สบายแล้ว”
“มีสิบห้าตัวที่เป็นจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ พวกเรามีระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ตั้งเกือบห้าสิบคนแน่ะ”
แต่ละคนในที่นั้นต่างก็ถอนหายใจ
งูอลหม่านไร้หม่นจัดเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่มีสายเลือดค่อนข้างสูงส่ง หากพูดถึงแต่ละตัว ก็รับมือได้ยากกว่ามังกรมารพิษมากโข เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและรับมือได้ยากที่สุดที่พวกเขาได้พบมาตลอดทาง
แต่ก็ช่วยไม่ได้…ที่มีจำนวนน้อย!
หากพูดถึงระดับการคุกคาม ก็ยังต่ำกว่ามังกรมารพิษฝูงนั้นอยู่บ้าง
“ครั้งนี้ราบรื่นถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เสียฝานกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เส้นทางครั้งนี้อยู่ห่างจากเมืองเมฆาแดงในระยะที่ต้องเดินทางกว่าหนึ่งวัน มีแต่มังกรมารพิษที่พอจะนับได้ว่าเป็นภัยคุกคามเท่านั้นเองหรือ แม้แต่ฝูงงูอลหม่านไร้หม่นที่ได้พบก็มีเพียงสามสิบสองตัวเท่านั้นเองน่ะหรือ หากมาสักร้อยกว่าตัว ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นก็คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว แต่ตอนนี้ เสียฝานก็อับจนหนทางไปทันที
เขายังไม่กล้าลงมือจัดการกับตงป๋อเสวี่ยอิงโดยตรงเมื่ออยู่ในกองกำลัง เพราะหากลงมือไป ก็เท่ากับท้าทายกฎเกณฑ์ของทั้งเมืองเมฆาแดง
ออกมาล่าสังหาร เดิมทีก็มีอันตรายรอบด้านอยู่แล้ว
ยังจะฆ่าฟันกันเองอีกหรือ
นับจากนี้ไป ผู้ใดจะกล้าให้เขาเข้าร่วมกองกำลังอีกเล่า
“ฟิ้ว”
กองกำลังบีบเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
งูอลหม่านไร้หม่นฝูงนั้นก็สัมผัสได้แล้ว จึงพากันบุกสังหารเข้ามาด้วยความโมโห
“เอ๊ะ” สีหน้าของคนอาภรณ์เทาเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย แล้วรีบถ่ายเสียงพูดว่า “โยวหยา งูอลหม่านไร้หม่นตัวอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปก็ได้รับข่าวเช่นกัน และกำลังเร่งมุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็ว ฝูงที่อยู่ใกล้ที่สุดมีงูอลหม่านไร้หม่นถึงหกสิบเก้าตัว พวกเราต้องจัดการให้ได้โดยเร็วที่สุด หากเวลายืดเยื้อออกไป งูอลหม่านไร้หม่นก็จะมาถึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
เมื่อเทียบกันแล้วงูอลหม่านไร้หม่นมีสายเลือดสูงส่ง จำนวนจึงน้อยกว่าอยู่บ้าง
แม้จะไม่เหมือนกับมังกรมดที่มีมากมายนับแสนตัว แต่หากเนิ่นช้าออกไปสักครึ่งชั่วยาม เกรงว่างูอลหม่านไร้หม่นที่ล้อมโจมตีเข้ามาก็อาจมีจำนวนมากถึงเจ็ดแปดร้อยตัวได้! เพียงพอจะสังหารพวกเขาจนสิ้นซากได้แล้ว
อีกทั้งนอกจากงูอลหม่านไร้หม่นแล้ว สิ่งมีชีวิตคละถิ่นอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ก็จะเดินทางมาด้วยเช่นกัน
“ตรวจสอบรอบด้านให้แน่ชัดอยู่ตลอดเวลา หากเรื่องเกินจะจัดการได้เมื่อไหร่ ก็รีบหนีไปทันที” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงบอกคนอาภรณ์เทาและบุรุษเกราะทองท่าทางเยียบเย็น
“ได้สิ” พวกเขาทั้งสองรับผิดชอบตรวจตรารอบด้าน เพื่อที่จะรู้ถึงสถานการณ์โดยรอบ
ฟิ้ว
ในที่สุดกองกำลังก็ปะทะเข้ากับงูอลหม่านไร้หม่นฝูงหนึ่ง
ปลายแต่ละด้านของงูอลหม่านไร้หม่นต่างก็มีหัวงูงอกขึ้นมาข้างละหัว! มันไม่มีหาง หรือกล่าวได้ว่าหัวงูก็คือหางนั่นเอง! ร่างกายคดโค้งของมันโปร่งใสราวกับภาพลวงตาอย่างไรอย่างนั้น มีเพียงหัวงูทั้งสองเท่านั้นที่เหี้ยมเกรียมที่สุด
“ฆ่ามัน!” กองกำลังเข้าไปรับ
“กินผู้บำเพ็ญพวกนี้ให้เกลี้ยง” งูอลหม่านไร้หม่นกองนี้ แต่ละตัวมีกลิ่นอายแปลกประหลาด คล้ายมีคล้ายไม่มีอยู่กลางอากาศ พุ่งตรงไปทางพวกตงป๋อเสวี่ยอิง
“ทำตามแผนเดิม” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงให้ผู้บังคับบัญชา ยามนี้นักพรตโยวหยา ผู้บำเพ็ญซึ่งมีมนุษย์สัมพันธ์ดียิ่ง และนิสัยดีอย่างยิ่งก็มีแววอาฆาตวาบขึ้นในดวงตา ครั้งนี้เขาต้องได้งูอลหม่านไร้หม่นมาอย่างแน่นอน!
……………………