Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 23 การต่อสู้กับนักโทษคละถิ่น
ตงป๋อเสวี่ยอิงและบรรดาผู้บำเพ็ญแต่ละคนล้วนหัวใจบีบรัดแน่น ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ นั้นคือผู้แกร่งกล้าคละถิ่นในความหมายที่แท้จริง อย่างเช่นผู้บำเพ็ญทางสายโลหิตตื่นรู้ขั้นสุดยอดก็คือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง! ถึงแม้ว่าเผชิญกับการลงโทษกดดัน ถึงขนาดที่เหลือพลังยุทธ์เพียงเล็กน้อย ก็ยังคงทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกถึงความกดดันได้เช่นเดิม
ดุจดังมังกรที่ถูกโซ่ตรวนพันธนาการตนหนึ่ง มองต่ำลงมายังฝูงมดปลวก
บุรุษร่างสูงใหญ่เหยียบย่างผ่านอากาศ น้ำเสียงดังสนั่นกึกก้องทั่วฟ้าดิน “เจ้าเด็กชุดขาว เคล็ดวิชาวิญญาณของเจ้าร้ายกาจน่าดูเลยทีเดียว ข้าถูกกักขังเอาไว้ที่โลกแห่งนี้แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับผู้บำเพ็ญเช่นเจ้าที่โลกแห่งนี้ด้วย ถ้าหากสามารถสังหารเจ้าได้ก็นับว่าได้อะไรมากมายทีเดียว”
วาจาเพิ่งเอ่ยออกไป
เงาร่างของเขาพลันหายลับไป แต่โซ่ตรวนกลับยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน บนโซ่ตรวนก็มีเส้นสายสีทองกำลังโคจรอยู่ โซ่เส้นแล้วเส้นเล่ายืดเข้าไปกลางอากาศ
“ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์จะถูกกดดันเอาไว้จนถึงระดับต่ำที่สุด แต่การใช้เคล็ดวิชาก็ยังเหนือชั้นกว่าพวกเราอยู่มากนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจในจุดนี้ “แม้กระทั่งร่องรอยที่ซ่อนเร้นเอาไว้ก็ยังยากที่จะมองเห็นได้ โชคดีที่โซ่ตรวนเปิดเผยตัวเขา”
โซ่ตรวนทำได้เพียงแค่เปิดเผยร่องรอยของอีกฝ่ายเท่านั้น
ในส่วนที่ว่าขณะนี้บุรุษร่างสูงใหญ่โจมตีเช่นไร ใช้อาวุธประเภทใด กลับมิอาจล่วงรู้ได้เลย
หากกระบี่หนึ่งทิ่มแทงเข้ามา เกรงว่าตนก็คงไม่รู้เลย
“ปกป้องจ้าวหิมะเหินเอาไว้ให้ดี!” นักพรตโยวหยาถ่ายเสียงพูดอย่างเคร่งขรึม
“ปกป้องจ้าวหิมะเหินอย่างสุดกำลัง”
“ถ้าหากจ้าวหิมะเหินตายไป พวกเราก็ต้องตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!”
ผู้บำเพ็ญทุกคนล้วนมิกล้าละเลย
นักพรตโยวหยาก็ปลดปล่อยเขตพลังขาวดำออกมา เห็นเพียงแค่แถบผ้าสีขาวดำชั้นแล้วชั้นเล่าโอบล้อมบริเวณรอบๆ เอาไว้ ทั้งยังคุ้มกันตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ด้วย ภายใต้การโอบล้อมของแถบผ้าสีขาวดำนั้นบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เดิมทีซ่อนเร้นเงาร่างอยู่ก็ปรากฏกายขึ้นเสียแล้ว!
“กดดันอีกแล้วหรือ” บุรุษร่างสูงใหญ่ขมวดคิ้วพลางเหลือบมองนักพรตโยวหยาปราดหนึ่ง นักพรตโยวหยานั้นเป็นผู้บำเพ็ญพลังสายโลหิต พลังยุทธ์สามารถไปถึงผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดของเมืองเมฆาแดงได้ เคล็ดวิชาเขตพลังนี้ของเขาก็มิอาจถูกทำลายได้โดยง่ายถึงเพียงนั้นอยู่แล้ว ทำได้เพียงใช้ร่างกายมาต้านทานเท่านั้น ถ้าหากพลังยุทธ์สมบูรณ์แบบ ก็ย่อมไม่ต้องมาใส่ใจการกดดันเหล่านี้เลย แต่ตอนนี้เดิมทีก็ได้รับการกดดันอย่างมหาศาลอยู่แล้ว เขตพลังนี้ก็เลยทำให้พลังยุทธ์ของบุรุษร่างสูงใหญ่ยิ่งลดต่ำลงไปอีกมากพอสมควร
“เขตลวงโลกเทียมของข้าก็มีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “เผชิญกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงเช่นนี้ ระดับขั้นวิญญาณสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง เขตลวงโลกเทียมของข้าก็ย่อมมิอาจทำให้เขาไหวสั่นได้อยู่แล้ว”
ถึงแม้ว่าจะเผชิญการลงโทษกดดัน พื้นฐานวิญญาณก็มิอาจเปลี่ยนแปลงได้
เขตลวงโลกเทียมสำหรับนักโทษคละถิ่น…ก็ประหนึ่งสายลมอ่อนโชยพัดต้องใบหน้า มิได้มีผลกระทบต่อพลังยุทธ์แต่อย่างใดเลย
“ในทางกลับกัน เขตพลังของพี่โยวหยากลับยังมีประโยชน์” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำกับตนเอง
ทว่าเขากลับลืมไปเสียแล้ว
อาณาบริเวณเขตลวงโลกเทียมของเขากลับมีความดีความชอบใหญ่หลวงที่สุดในการต่อกรกับนักโทษคละถิ่น! เพราะนักโทษคละถิ่นทุกคนทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นที่สุด ก็เพราะพวกมันต่างก็มีองครักษ์กลุ่มใหญ่ อย่างเช่นผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์หนึ่งพันสองร้อยตนในขณะนี้ ถ้าหากสามารถแสดงพลังยุทธ์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ทั้งหมด พลังคุกคามก็จะยากพัวพันด้วยยิ่งกว่าตัวนักโทษคละถิ่นเองเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ภายใต้เคล็ดวิชาวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง พลังยุทธ์ของบรรดาผู้ล่าฝูโม๋ต่างก็ลดต่ำลงอย่างมหาศาล เหลือเพียงแค่พลังรบระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายเท่านั้น! ต้องรู้ไว้ว่าพวกตงป๋อเสวี่ยอิง ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ร่วมมือกันขึ้นมา ก็สามารถสู้กับผู้ล่าฝูโม๋ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สองร้อยตนได้อย่างไม่มีใครด้อยกว่าใคร ขณะนี้ถึงแม้ว่าจะมีอยู่ถึงหนึ่งพันสองร้อยตน แต่พลังยุทธ์ก็ลดต่ำลงอย่างมหาศาล…
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงถือครองความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ ผู้ล่าฝูโม๋ได้แต่อาศัยพลังชีวิตอันแข็งแกร่งอย่างที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถพัวพันด้วยได้
……
“ตายเสียเถิด” บุรุษร่างสูงใหญ่ถูกเขตพลังขาวดำกดดันให้เผยตัว จึงเอ่ยปากพูดเบาๆ ความเร็วพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลันในทันใด
พรึ่บ…
เขาแปลงร่างเป็นลำแสงสีดำอันเลือนรางสายหนึ่งแล้วพุ่งตรงเข้าใส่ตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็วเสียจนชวนให้คนตกใจ
“คุ้มกันจ้าวหิมะเหิน” มียักษ์โลหะพุ่งตรงออกไป หมายจะหยุดยั้งลำแสงสีดำสายนั้นเอาไว้
ลำแสงสีดำกะพริบวาบ ยืดหยุ่นอย่างน่าประหลาดยิ่งนัก แล้วหลบเลี่ยงผ่านยักษ์โลหะตนนั้น พุ่งตรงเข้าใส่ตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นเดิม
“ปัง” ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงพุ่งสูงขึ้นไปถึงสิบเมตร ผิวหนังตลอดร่างมีประกายสีเทาจางๆ โคจรอยู่ กลิ่นอายก็แปรเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนวุ่นวาย หอกยาวในมือกวัดแกว่งแล้วห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่าก็แผ่ปกคลุมบริเวณรอบๆ ลำแสงสีดำกลับมิได้หลบเลี่ยงตงป๋อเสวี่ยอิง ถึงอย่างไรเป้าหมายของมันก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงนั่นเอง! ลำแสงสีดำฝืนทะลุผ่านห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่า ในที่สุดก็ปะทะเข้าด้วยกันกับหอกยาว ลำแสงสีดำตระหนกตกใจจนลอยละลิ่วออกไป แล้วบิดเบี้ยวแปลงกลับมาเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ผู้นั้น
พรึ่บ
ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังอันแหลมคมหาใดเปรียบสายแล้วสายเล่าที่แพร่ผ่านจากหอกยาวเข้าสู่ร่างกาย แล้วแตกสลายอยู่ภายในร่างกาย โชคดีที่ต้านรับผ่านอาวุธ ร่างกายของตนจึงสามารถต้านรับพลังคุกคามที่หลงเหลืออยู่ได้
“เฮ้อ” บุรุษร่างสูงใหญ่ทอดถอนใจเสียงหนึ่ง “ขนาดเจ้าเด็กคนหนึ่งยังฆ๋าให้ตายมิได้เลย ช่างน่าขัน น่าขันเสียจริง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบสีหน้าแปรเปลี่ยน
ตนเองระเบิดพลังยุทธ์ของสุดยอดผู้แกร่งกล้าเมืองเมฆาแดงออกมา ทั้งยังมีนักพรตโยวหยาผู้มีพลังยุทธ์ระดับสุดยอดผู้แกร่งกล้าเช่นกันคนหนึ่งคอยช่วยแสดงเขตพลังกดดัน ก็ยังไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย
“หืม” บุรุษร่างสูงใหญ่มองตงป๋อเสวี่ยอิง ทันใดนั้นมุมปากก็เผยรอยยิ้ม “ดูท่าทางเจ้าจะยังมิได้ไปถึงระดับร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นสินะ ร่างกายของเจ้าไม่มีเสถียรภาพอย่างยิ่ง ข้ารู้สึกว่าพลังชีวิตของเจ้าลดน้อยถอยลงอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว”
“คุ้มกันจ้าวหิมะเหินเอาไว้ให้ดี” นักพรตโยวหยาออกคำสั่ง “ใช้แผนแรกในการต่อกรกับนักโทษคละถิ่น ร่วมโจมตี ต่อสู้กับนักโทษคละถิ่น”
“ขอรับ”
“ได้ขอรับ”
“ลุย”
ผู้บำเพ็ญจำนวนหนึ่งที่เดิมทีอยู่ใต้บังคับบัญชาของนักพรตโยวหยาต้นฉบับ ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่ไม่พอใจกับการที่นักพรตโยวหยาทอดทิ้งพวกเขาก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้เป็นการคุ้มกันตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเขาทุกคนก็ยังคงเชื่อฟังคำสั่ง
ทันใดนั้นก็มีเสียง สวบๆๆ…
ผู้บำเพ็ญถึงแปดคนบุกสังหารเข้าไปทางบุรุษร่างสูงใหญ่ ถึงแม้ว่าพวกเขาทุกคนต่างก็เป็นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ธรรมดาๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อสำแดงเคล็ดการร่วมโจมตีก็สามารถโรมรันด้วยได้
“จ้าวหิมะเหิน ขอเพียงแค่เจ้ารับปาก ความแค้นระหว่างเจ้ากับข้าก็จะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เจ้าไม่ต้องแก้แค้นข้าอีกต่อไป แล้วข้าก็จะพยายามจัดการกันักโทษคละถิ่นผู้นั้นอย่างสุดกำลัง” เสียฝานกลับถ่ายเสียงให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเสียฝานปราดหนึ่ง
“ข้ากลัวน่ะ” เสียฝานถ่ายเสียงหัวเราะหึๆ อย่างแปลกประหลาด “ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดบัญชีกับเจ้ามาก่อน ถ้าหากเจ้าคิดบัญชีกับข้าอีก เกรงว่าข้าอาจจะมิได้มีชีวิตรอดกลับไปถึงเมืองเมฆาแดงก็เป็นได้”
“เจ้าก็ระมัดระวังเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าต้องการจะคิดบัญชีกับเจ้า ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำได้สำเร็จ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด ต่อให้เขาคิดบัญชี อย่างมากที่สุดก็คือไม่ต้องยื่นมือเข้าช่วย! นี่ก็คือกฎเกณฑ์แฝงภายในกองกำลัง อย่างเช่นเสียฝาน ก่อนหน้านี้ก็เพียงแค่ทำเช่นนี้เท่านั้น มองดูอย่างเย็นชาอยู่ข้างๆ ปล่อยให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ถึงแม้ว่าตนจะทำเช่นนี้ ความเป็นไปได้ที่เสียฝานจะตายตกไปก็ยังต่ำยิ่งนัก
เพราะว่าเสียฝานแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ร่างกายของเสียฝานแข็งแกร่งจนน่าหวาดหวั่น ล้ำเลิศอย่างยิ่งแม้ในบรรดาสุดยอดผู้แกร่งกล้าเมืองเมฆาแดง ต่อให้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ยี่สิบตนล้อมโจมตี เสียฝานคนเดียวก็ยังสามารถต้านทานและหนีเอาชีวิตรอดได้ เสียฝานจะต้องผสมรวมอยู่ในกองกำลัง รักษาระยะห่างให้ใกล้กับผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง ยากที่จะสร้างสถานการณ์อันสิ้นหวังให้กับเขาได้อย่างแน่นอน
ก็เหมือนกับตงป๋อเสวี่ยอิง ตอนที่แสดงการรักษาพลังยุทธ์ระดับสุดยอดผู้แกร่งกล้าในระยะเวลาสั้นๆ ออกมา เสียฝานก็ละทิ้งการคิดบัญชีในทันที ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้เช่นเดียวกัน
“หึๆ ข้าไม่ระมัดระวังมิได้หรอก ถ้าหากจ้าวหิมะเหินอ้างเหตุผลที่ไม่สามารถต้านทานนักโทษคละถิ่นได้ ให้พวกเราแต่ละคนหนีเอาชีวิตรอด ถึงแม้ว่าจะพาคนอื่นๆ ในกองกำลังหนีไป แล้วเจตนาทิ้งข้าเอาไว้คนเดียว ข้าก็ไม่ตายแน่นอนหรอกหรือ” เสียฝานถ่ายเสียงพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงอับจนคำพูด
“พาผู้อื่นหนีไป ทิ้งเจ้าเอาไว้ให้รอความตายแต่เพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด “เจ้าดูแคลนข้ามากเกินไปแล้วหรือไม่”
กองกำลังแบ่งออกเป็นหลายกองกำลังย่อยหลบหนี ก็ยังสามารถอธิบายได้
พาคนอื่นๆ ที่มีอยู่ทั้งหมดหลบหนี แล้วเหลือเพียงเสียฝานทิ้งเอาไว้คนเดียวอย่างนั้นหรือ นี่ก็คือเจตนาบีบคั้นเขาให้ตายแล้ว! น่ารังเกียจเกินไป ฝีมือของเสียฝานเองก็ร้ายกาจ ทั้งยังต่อต้านตงป๋อเสวี่ยอิง
“ข้ารู้ว่าจ้าวหิมะเหินทำเรื่องพรรค์นี้มิได้หรอก ฮ่าฮ่า ขอเพียงแค่จ้าวหิมะเหินรับปาก ความแค้นระหว่างเจ้ากับข้าก็จะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้! ข้าก็จะช่วยเหลือในทันที… นักโทษคละถิ่นผู้นี้ดูท่าทางจะจับจ้องจ้าวหิมะเหินอยู่นะ! เจ้าคิดอยากหนี เกรงว่าเขาก็น่าจะไล่จับได้ในทันที ร่างกายนี้ของเจ้าก็ไม่มีทางต้านทานได้นานสักเท่าใดนักหรอก ถ้าหากข้าช่วยเจ้า เช่นนั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว ที่นี่มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถห้ำหั่นกับเขาซึ่งๆ หน้าได้” เสียฝานถ่ายเสียงพูด
“มอบสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์มาอีกสามตน ความแค้นระหว่างเจ้ากับข้าก็จะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
ถึงแม้ว่าเสียฝานจะเจ็บปวดใจ แต่ก็ยังเผยรอยยิ้มออกมา “ดี! จ้าวหิมะเหิน ถ้าหากเจ้าเผยพลังยุทธ์เช่นนี้ออกมาตั้งแต่แรก เจ้ากับข้าจะมีความแค้นต่อกันไปอีกได้อย่างไร ฮ่าฮ่า นับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้ากับข้าก็เป็นพี่น้องกันแล้วนะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหน้าเกร็งกระตุกคราหนึ่ง
พี่น้องอย่างนั้นหรือ
เสียฝานยื่นมือออกมามอบคลังสมบัติล้ำค่าให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง “ภายในมีซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์อยู่สามซาก ให้เจ้าเอาไว้ก่อนเลย”
ในขณะที่มอบออกมา ในใจเสียฝานกลับคิดขึ้นมาในทันใด… ตอนนั้นเขาก็เคยคุกคามกดดันตงป๋อเสวี่ยอิง จะแแลกเปลี่ยนซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ทางสายห้วงอากาศสามร่างกับซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายเปลวเพลิงซากหนึ่งนั้นให้ได้ จะคิดเสียที่ไหนกันว่าในท้ายที่สุดแล้วจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้
“ไม่ว่าอย่างไร การยอมศิโรราบ มอบสมบัติล้ำค่าให้ในครั้งนี้ ก็นับว่ามีศัตรูตัวฉกาจน้อยลงไปคนหนึ่ง” เสียฝานเอ่ยพึมพำ
เขากล้ารังแกผู้ที่ด้อยกว่า
แต่กับผู้ที่สามารถคุกคามถึงชีวิตเขาได้นั้นกลับมีทัศนคติที่ดีเป็นอย่างยิ่ง สามารถโอนอ่อนผ่อนตามได้ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยสนใจหน้าตาแต่อย่างใดอยู่แล้ว
ในความเป็นจริงแล้วคนทั้งสองถ่ายเสียงสนทนากันอย่างรวดเร็วยิ่ง เพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้นเอง
“นักโทษคละถิ่น ยอมรับความตายเสียเถิด” เสียฝานส่งเสียงดังคราหนึ่งแล้วก็แปลงกายเป็นลำแสงพุ่งตรงเข้าใส่บุรุษร่างสูงใหญ่ผู้นั้นเสียงดังฟิ้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับเอาคลังสมบัติล้ำค่าที่เสียฝานโยนให้มาแล้วก็ลอบรำพึง เสียฝานผู้นี้ เจรจาต่อรองครั้งเดียวก็โยนเอาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สามร่างมาให้แล้ว เห็นได้ชัดว่าตัดสินใจเรื่องราวเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอยู่ห่างออกไป “ก็แล้วไปเถิด ระหว่างทางกลับไปนี้ อยากจะคิดบัญชีกับเสียฝานก็มิใช่เรื่องง่าย คราวนี้คิดบัญชีแล้วไม่ตาย ถ้าหากมีความแค้นต่อกัน
ด้วยระดับความระแวดระวังของเขาแล้ว หลังจากกลับไปถึงเมือง เขาก็ย่อมไม่ให้โอกาสข้าอีกอยู่แล้ว ทำให้เขาสูญเสียสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สามตน ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเจ็บช้ำใจแล้วล่ะ”
……………………………