Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 29 นัดหมาย
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ข้างๆ พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “การสังหารนักโทษคละถิ่นนั้นยากมาก และอันตรายมากด้วยเช่นกัน! นักโทษคละถิ่นถูกบทลงโทษกดดันอยู่ตลอดเวลา ขณะต่อสู้ก็ยังต้องควบคุมบ้าง เพื่อมิให้ร่างกายซึ่งเดิมทีเปราะบางอยู่แล้วต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง แต่เมื่อประสบกับอันตรายถึงตายแน่นอนว่าจะต้องโจมตีกลับอย่างบ้าคลั่ง และสู้อย่างไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น! เท่าที่ข้ารู้ ในประวัติศาสตร์เมืองเมฆาแดง ผู้ที่หมายจะไปสังหารนักโทษคละถิ่น สุดท้ายกลับล้มเหลวและบาดเจ็บล้มตายอย่างแสนสาหัสก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำ”
ก่อนหน้านี้เมื่อปะทะกับผู้ล่าฝูโม๋ ก็เคยได้ต่อกรกับนักโทษคละถิ่นของฝูงผู้ล่าฝูโม๋ผู้นั้นมาก่อน
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้เห็นร่างกายอันเหวอะหวะของอีกฝ่าย บนผิวกายมีบาดแผลจำนวนมาก กล้ามเนื้อก็เหี่ยวฟีบ กระดูกก็มีรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วน ภายใต้การลงโทษที่กดดันอยู่ นักโทษคละถิ่นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างการต่อสู้ โดยทั่วไปแล้วก็ล้วนไม่อยากให้อาการบาดเจ็บของร่างกายทวีความรุนแรงขึ้นอีก
“ใช่ ใช่ อันตรายก็จริง แต่หากจ้าวหิมะเหินเข้าร่วม พวกเราก็จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นมากนัก” ใบเมฆาวายุรีบพูดขึ้น
“ท่านเจ้าเมือง ท่านจะให้อะไรข้าอีกเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
ใบเมฆาวายุลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ให้อะไรหรือ
อาหารหรือ หากพูดถึงอาหารที่ได้รับ ถ้าจ้าวหิมะเหินผู้นี้รับว่าเป็นอันดับสอง ทั้งโลกทิพย์ก็คงไม่มีผู้บำเพ็ญหน้าไหนกล้าพูดว่าเป็นอันดับหนึ่ง! หากท่องไปในโลกทิพย์เพียงลำพัง ท่าไม้ตายด้านวิญญาณก็สามารถล่าสังหารสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ได้อย่างง่ายดาย
“ก่อนหน้านี้ท่านเพิ่งจะได้ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายอากาศไปหกร่างกระมัง” ใบเมฆาวายุกล่าว “ข้าจะช่วยให้ท่านได้ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายอากาศมาอีกสิบห้าชนิด และรับรองว่าทุกร่างเป็นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ทั้งสิ้น ต้องรู้ไว้ว่าพวกมันบางชนิดอยู่ห่างจากเมืองเมฆาแดงของเรามาก บางส่วนกลับอยู่ใกล้สถานที่รวมตัวแห่งอื่นมากกว่า”
“ข้านำอาหารไปแลกก็สามารถแลกมาได้เช่นกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้า
“แต่บางตนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้เมืองอื่นๆ อีกสี่เมืองหาแลกมาได้ยากมากนะ” ใบเมฆาวายุกล่าว
“ยอมเสียอาหารมากอีกหน่อยก็ได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
ใบเมฆาวายุจนใจ
เมื่อพบกับผู้ที่มั่งคั่งเช่นจ้าวหิมะเหิน ท่านเจ้าเมืองอย่างเขาคนนี้ก็อับจนหนทาง
“ข้าบำเพ็ญทางสายอากาศและวิถีเขตลวงโลกเทียม” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย “หากท่านเจ้าเมืองสามารถหาสิ่งที่มีส่วนช่วยอย่างมากในการบำเพ็ญสองสายนี้ ข้าอาจจะยอมช่วยก็ได้”
“ก็ได้” ใบเมฆาวายุพยักหน้าน้อยๆ ในห้วงสมองของเขาพลันมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างแวบผ่านมา เขาก็มีการติดต่อกับสี่เมืองอื่นอยู่บ้าง ผู้บำเพ็ญทั้งโลกทิพย์มาจากโลกต่างๆ บางคนถึงขั้นเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของผู้แกร่งกล้าคละถิ่น! เขาก็รู้จักสมบัติชั้นยอดด้านการบำเพ็ญอยู่บ้าง เพียงแต่ต้องเตรียมให้ดีๆ เท่านั้นเอง
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มพลางยืดกายขึ้น
ใบเมฆาวายุพยักหน้าน้อยๆ
เขาก็ไม่มีวิธีอื่นอีก
หากพูดถึงอิทธิพลในเมืองเมฆาแดง เกรงว่าจ้าวหิมะเหินผู้นี้คงจะไม่แพ้เจ้าเมืองอย่างเขาเลย! ผู้บำเพ็ญจำนวนมากอาจถึงขั้นยินดีติดสอยห้อยตามจ้าวหิมะเหินผู้นี้มากกว่าเสียด้วยซ้ำ หากไม่ทุ่มเทมากพอ คิดจะสู้กับจ้าวหิมะเหินผู้นี้อย่างสุดชีวิตน่ะหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!
“เขตลวงโลกเทียมของข้า ให้ผลดีเยี่ยมในการต่อกรกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วไป แต่กับนักโทษคละถิ่นแล้ว กลับไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย เมื่อเผชิญหน้ากับนักโทษคละถิ่น ข้าก็มีอันตรายถึงตาย จึงย่อมไม่มีทางรับปากง่ายๆ อยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ นักโทษคละถิ่นเป็นถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง วิญญาณแข็งแกร่งเกินไป กระบวนท่าเขตลวงโลกเทียมจึงไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
และตนได้ปะทุกายหยาบที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา พลังก็ยังรั้งท้ายในบรรดาผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดของเมืองเมฆาแดงหลายสิบคน ทั้งยังคงเอาไว้ได้เพียงชั่วจอกชาเดียวเท่านั้น อันตรายเกินไปแล้ว!
“แม้นี่จะเป็นเพียงร่างแยกร่างหนึ่งของข้าก็จริง หากสิ้นใจไป ร่างที่อยู่ในโลกกำเนิดบ้านเกิดและดินแดนจิตโลกาก็ยังคงปลอดภัยไร้เรื่องราว แต่หากเสียร่างแยกไป โอกาสของข้าก็จะหมดไปเช่นกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงหวงแหนวันคืนที่บำเพ็ญในโลกทิพย์แห่งนี้เป็นอย่างมาก
……
เขาออกจากโถงตำหนักมาถึงสวนด้านนอก
เหล่าผู้บำเพ็ญในสวนจากไปเกือบหมดแล้ว ภายในสวนขนาดมหึมาว่างเปล่า เหลือเพียงรองเจ้าเมือง ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ เท่านั้นที่ยังคงนั่งดื่มสุราเพียงลำพัง แม้แต่อูเสี่ยวก็ยังจากไปแล้ว
“พี่หิมะเหิน” บรรพชนงูเก้าเศียรชี้ไปข้างกายแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “นั่งก่อนสิ”
“ปล่อยให้เจ้าเมืองเก้าเศียรต้องคอยเสียนาน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“อายุขัยไร้ขีดจำกัด รอมากหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” บรรพชนงูเก้าเศียรมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ใบเมฆาวายุคงอยากจะให้ท่านสังหารนักโทษคละถิ่นของ ‘หุบเขามารวายุ’ ตนนั้นกระมัง”
“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ทว่าข้ามิได้รับปากหรอก”
บรรพชนงูเก้าเศียรหัวใจกระตุกวูบ
มิได้รับปากหรือ
เห็นทีการจะขอให้จ้าวหิมะเหินผู้นี้ช่วยเหลือคงจะมิใช่เรื่องง่ายเลย
“หากข้าขอให้พี่หิมะเหินช่วย พี่หิมะเหินคงจะรับปากกระมัง” บรรพชนงูเก้าเศียรกล่าว
“อ้อ โปรดพูดให้ละเอียดสักหน่อยเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“ข้าก็อยากจะขอให้ช่วยสังหารนักโทษคละถิ่นตนหนึ่งเช่นกัน ทั้งโลกทิพย์มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายอากาศยี่สิบเอ็ดชนิดด้วยกัน และในจำนวนนั้นมีสามเผ่าพันธุ์ที่มีนักโทษคละถิ่นอยู่ แม้นักโทษคละถิ่นทั้งสามตนนี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงต่างเผ่าพันธุ์กัน แต่ก็ล้วนสามารถกลับคืนสู่สายอากาศได้ ที่ข้าอยากจะสังหาร ก็คือ ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ หนึ่งในนักโทษคละถิ่นสามตนนี้นั่นเอง” บรรพชนงูเก้าเศียรกล่าว
ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจกระตุกวูบ
เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันหรือ
ทางสายอากาศมีนักโทษคละถิ่นเพียงสามตนเท่านั้น แน่นอนว่าเขาย่อมรู้จักตนนี้! สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงทางสายอากาศตนหนึ่งมีมูลค่าสูงกว่าซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ นั่นคือการเปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้! แต่ทางสายอากาศนั้นค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านการรักษาชีวิต จึงสังหารได้ยากยิ่งนัก
แม้ ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ ผู้นี้จะอาศัยอยู่ในภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน แต่กลับเป็นทางสายอากาศอย่างแท้จริง
“หลังจากสังหารแล้ว หัวใจและโลหิตของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นี้จะตกเป็นของข้าทั้งหมด ส่วนอื่นๆ ของซากจะตกเป็นของท่านทั้งหมด” บรรพชนงูเก้าเศียรมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ท่านว่าดีหรือไม่”
“โอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงใจสั่นขึ้นมา
บรรพชนงูเก้าเศียรผู้นี้เป็น ‘ทิพย์’ ซึ่งต้องเก็บเกี่ยวสายเลือดสิ่งมีชีวิตคละถิ่นหลอมรวมเข้ากับตนเองเพื่อบำเพ็ญ สิ่งที่เขาสนใจที่สุดก็คือหัวใจและโลหิต
แต่อันที่จริงแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงกลับต้องการรับรู้กฎเกณฑ์ที่ปรากฏจากซากส่วนอื่นๆ มากกว่า เช่นเกล็ด เส้นเอ็น กระดูกและฟันเป็นต้น
“ต้องการเพียงหัวใจและโลหิตเท่านั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามซ้ำ
“ถูกต้อง แม้แต่โลหิตข้าก็ยังสามารถแบ่งให้ท่านได้หนึ่งส่วน” บรรพชนงูเก้าเศียรกล่าว
“แล้วสมาชิกคนอื่นๆ ในกองกำลังเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม “หากพวกเราสองคนแบ่งกัน แล้วพวกเขาจะไม่ต้องการหรือไร”
“ข้าขอให้พวกเขาช่วยเหลือ ก็ย่อมต้องทำให้พวกเขาพึงพอใจอยู่แล้ว” บรรพชนงูเก้าเศียรกล่าว เงื่อนไขของผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ไหนเลยจะสูงลิ่วเหมือน ‘จ้าวหิมะเหิน’ เล่า แต่ช่วยไม่ได้ สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในโลกทิพย์ก็คือ ‘อาหาร’ จ้าวหิมะเหินสามารถได้มาอย่างง่ายดาน ส่วนกระบวนท่าทางด้านวิญญาณของเขา…มีส่วนช่วยในการสังหารนักโทษคละถิ่นที่สุด มีประโยชน์อย่างยิ่ง
“ท่านวางใจให้เต็มที่เถิด ข้าสัญญากับท่านว่าจะประกาศให้รู้กันทั่วขณะจัดตั้งกองกำลัง” บรรพชนงูเก้าเศียรเกลี้ยกล่อม
“ความหมายของท่านก็คือ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “ใช้สมบัติล้ำค่าที่ยังไม่ได้มาทำให้ข้าต้องไปเสี่ยงอันตรายอย่างนั้นหรือ”
บรรพชนงูเก้าเศียรโบกมือคราหนึ่ง แล้วโยนกำไลสีทองวงหนึ่งมา “ในนี้มีสิ่งมีชีวิตทางสายอากาศระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์อยู่เก้าตน ซึ่งไม่เหมือนกับหกตนที่จักรพรรดิชิงสวรรค์ผู้นั้นให้ท่านมา นี่คือทั้งหมดที่ข้าสามารถเก็บรวบรวมได้ในตอนนี้แล้ว ส่วนที่เหลือ ล้วนใช้ชีวิตอยู่รอบสถานที่รวมตัวแห่งอื่นๆ จะเก็บรวบรวมก็ยากนัก สิ่งเหล่านี้…ถือว่าข้ามอบให้พี่หิมะเหินก็แล้วกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมา เมื่อตรวจดูก็พบว่าด้านในมีซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายอากาศเก้าตน แต่ละตนล้วนแต่เป็นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ทั้งสิ้น เขาอดยินดีขึ้นมาในใจมิได้
ยี่สิบเอ็ดชนิด…ตนรวบรวมมาได้สิบห้าชนิดแล้ว
จุ๊ๆ!
บรรพชนงูเก้าเศียรออกหน้าได้โอบอ้อมอารีนัก เจ้าเมือง ‘ใบเมฆาวายุ’ ใจไม่กว้างพอ!
ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
“ข้าต้องการสามแสนล้านปี” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย “ข้าเพิ่งมาถึงโลกทิพย์ได้ไม่นานเท่าใดนัก ยังต้องบำเพ็ญให้ดีๆ อย่างมากที่สุดก็สามแสนล้านปี ถึงตอนนั้นข้าจะออกเดินทางพร้อมกับเจ้าเมืองเก้าเศียร เพื่อจัดการกับเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้น! หากสำเร็จแล้วจะแบ่งซากเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันกัน ก็ทำตามที่เจ้าเมืองเก้าเศียรพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ สามแสนล้านปี…เจ้าเมืองเก้าเศียร อดใจรอไหวหรือไม่”
“ดี พูดคำไหนคำนั้น!” บรรพชนงูเก้าเศียรโพล่งขึ้นทันที
หากอยู่ที่โลกภายนอก
แค่สามแสนล้านปีก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย! สำหรับสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดหวั่นที่เข้าใกล้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นอย่างพวกเขาแล้ว ช่างแสนสั้นนัก เพียงแต่ในโลกทิพย์ การจะได้อาหารมานั้นยากมาก สามแสนล้านปีจึงดูเหมือนจะค่อนข้างนานเลยทีเดียว
แต่สำหรับบรรพชนงูเก้าเศียรแล้ว สามแสนล้านปีกลับสบายมาก
“พูดคำไหนคำนั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม
เหตุผลสำคัญที่สุดที่เขารับปาก ก็เพราะซากของ ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ นั้นดึงดูดเขาเป็นอย่างมาก ต่อให้ไม่มีบรรพชนงูเก้าเศียร พลังในภายหน้าก็จะแข็งแกร่งพอ เกรงว่าตัวเขาเองก็คงจะต้องจัดตั้งกองกำลังไปสังหารนักโทษคละถิ่นทางสายอากาศอยู่ดี
………………………