Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 32 หยาดน้ำพันเนตร
“ข้ามาหาเจ้าเพื่ออะไร เจ้าก็คงจะเดาออกอยู่แล้วล่ะ” จักรพรรดิเป่ยเหอพูด
“เพื่ออะไรหรือ หรือว่าคิดอยากจะสวามิภักดิ์อยู่ใต้บังคับบัญชาของข้ากันเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเป่ยเหอ “เจ้ากล้าหรือไม่เล่า”
เป่ยเหอสีหน้าเปลี่ยนแปรเล็กน้อย
ภายในเมืองเมฆาแดง ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจที่สุดอย่างแน่นอน! ผู้ที่อยากจะสวามิภักดิ์ต่อเขาก็มีอยู่มากมายก่ายกองเลยทีเดียว
“ที่ข้ามาก็เพราะหยาดน้ำพันเนตร” จักรพรรดิเป่ยเหอเอ่ยเสียงเย็น “ถ้าหากอยู่ที่โลกอื่น ข้าก็ย่อมไม่มีทางขายให้เจ้าอย่างแน่นอน ตอนนี้ข้าต้องการอาหาร ดังนั้นข้าจึงอยากจะขายหยาดน้ำพันเนตรหยดนี้ให้แก่เจ้า! เจ้าเสนอราคามาสิ หากราคาน่าพึงพอใจ ข้าก็จะมอบให้แก่เจ้า”
“หยาดน้ำพันเนตรหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจสั่นไหวคราหนึ่ง
เขากระหายอยากได้มาโดยตลอด
ถ้าหากพูดว่าวัตถุภายนอกมากมายภายในโลกทิพย์สามารถช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงในการบำเพ็ญ ‘วิถีอากาศ’ ได้ แต่วิถีเขตลวงโลกเทียม ก็มีเพียงแค่ดวงตาอันลึกลับและหยาดน้ำพันเนตรที่ ‘สิ่งมีชีวิตพันเนตร’ อันน่าหวาดหวั่นตนนั้นเหลือทิ้งเอาไว้เท่านั้นถึงจะมีส่วนช่วยเหลือตน ตนเองเพียงแค่หยั่งรู้หยาดน้ำพันเนตรไปเพียงเล็กน้อยในตอนแรกเท่านั้น ก็ถูกจักรพรรดิเป่ยเหอทรยศและช่วงชิงไปเสียแล้ว
“สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์สิบตน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปาก
หัวใจของจักรพรรดิเป่ยเหอบิดเกร็งคราหนึ่ง
สิบตนอย่างนั้นหรือ
เพียงพอสำหรับอาหารที่ต้องใช้นานหลายแสนล้านปีแล้วกระมัง
“ไม่พอหรอก ยังห่างไกลอีกมากนัก” จักรพรรดิเป่ยเหอยิ้มเย็น “อิงซานเสวี่ยอิง สำหรับเจ้าแล้วก็ได้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์มาอย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน เจ้าออกไปครั้งหนึ่งก็ได้มาหลายสิบตัวอย่างสบายๆ แล้วกระมัง ตอนนี้เจ้าคิดจะใช้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นเพียงแค่สิบตนซื้อหยาดน้ำพันเนตรไปอย่างนั้นหรือ นี่คือสิ่งที่สิ่งมีชีวิตพันเนตรเหลือทิ้งเอาไว้ นั่นคือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นอันน่าหวาดหวั่นที่ทำให้ ’หยวน’ ผู้ยิ่งใหญ่ได้รับบาดเจ็บเชียวนะ ราคาก็ต้องสูงกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นธรรมดาทั่วไปเหล่านี้ตั้งไม่รู้เท่าใด”
“สิบตนยังไม่พออีกหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้ว
“หนึ่งพันตน!”
จักรพรรดิเป่ยเหอจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิง “เจ้ารวบรวมสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์มาหนึ่งพันตน หยาดน้ำพันเนตรก็จะเป็นของเจ้า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเลิกคิ้วพลางมองจักรพรรดิเป่ยเหอคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “หนึ่งพันตนอย่างนั้นหรือ หากมีมากมายถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าก็ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องออกไปผจญอันตรายอีกแล้วกระมัง ข้าแนะนำว่าเจ้าออกไปต่อสู้ขัดเกลาให้มากสักหน่อยดีกว่า การขัดเกลาเช่นนี้มี่ส่วนช่วยเหลือต่อพลังยุทธ์ด้วยนะ ข้าว่าสิบตนก็เพียงพอแล้วล่ะ”
“ไม่พอหรอก ยังห่างไกลอีกมากนัก” จักรพรรดิเป่ยเหอส่ายหน้า
“หยาดน้ำพันเนตร ก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่ต้องการ นอกจากข้าแล้วที่เมืองเมฆาแดงแห่งนี้จะยังมีใครซื้ออีกหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยถาม
“ถ้าหากข้าปล่อยข่าวออกไปว่า ‘หยาดน้ำพันเนตร’ เป็นส่วนประกอบร่างกายที่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นขนาดมหึมาใกล้เคียงกับโลกกำเนิดแห่งหนึ่งเหลือทิ้งเอาไว้ เจ้าว่าข้าจะขายออกไปได้ราคาสักเท่าใดกันเล่า” จักรพรรดิเป่ยเหอพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มเย็น “เจ้าปล่อยข่าวออกไป ผู้อื่นก็ต้องเชื่ออย่างนั้นหรือ มองเพียงปราดเดียวผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ก็ต้องรู้แล้วว่าหยาดน้ำพันเนตรนั้นไม่มีประโยชน์ต่อตนเลย แล้วใครจะอยากให้ราคาสูงเกินไปกันเล่า ที่โลกทิพย์แห่งนี้ วิถีวิญญาณของผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ก็ย่ำแย่กว่าข้าอยู่มากมายนัก เจ้าขายไม่ได้ราคาสูงเท่าไหร่นักหรอก”
“บางทีอาจจะขายออกไปได้ในราคาสูงก็เป็นได้” จักรพรรดิเป่ยเหอมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“อย่ามาข่มข้าเลย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยเสียงเย็น “ข้อแรก พลังยุทธ์ของข้าที่หุบเขาเขี้ยวหักก็ไร้ซึ่งศัตรูแล้ว! ในตอนนี้ห้ายอดเคารพแห่งหุบเขาเขี้ยวหักก็ยังต้องไว้หน้าข้า เมื่อใดที่ค้นพบหยาดน้ำพันเนตร เชื่อว่าพวกเขาก็จะต้องให้กับข้าเป็นแน่”
จักรพรรดิเป่ยเหอตัวสั่น
ถูกต้อง
บางทีสักวันหนึ่ง…หุบเขาเขี้ยวหักอาจจะค้นพบหยาดน้ำพันเนตรหยดใหม่ พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ เพียงพอที่จะสังหารจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์โดยทั่วไปได้ พลังยุทธ์ระดับนี้ ห้ายอดเคารพจะกล้าละเลยได้อย่างไรกัน
“ข้อสอง หากข้าอยากให้เจ้าตาย อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงจ้องมองจักรพรรดิเป่ยเหอ
ในใจจักรพรรดิเป่ยเหอมีความคิดมากมายปรากฏขึ้นในทันใด ใช่แล้ว ที่กองล่าสังหาร เพียงแค่ตงป๋อเสวี่ยอิงขอให้ผู้จัดตั้งกองล่าสังหารช่วยเหลือ เชื่อแน่ว่าสุดยอดผู้แกร่งกล้าท่านหนึ่งก็จะต้องไว้หน้าตงป๋อเสวี่ยอิงแน่นอน! ยามที่ห้ำหั่นอยู่ข้างนอก ไม่มีเพื่อนร่วมงานช่วยเหลือ เขา เป่ยเหอก็ต้องเอาชีวิตไปทิ้งอย่างง่ายดาย
“ตอนนั้นข้าเพิ่งมาที่เมืองเมฆาแดง เจ้าก็พูดแล้วว่าที่โลกแห่งนี้ ให้วางความแค้นที่มีต่อกันลงไปเสีย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ข้าเองก็ไม่นึกอยากจะลงมือกับเจ้าอีกแล้ว เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าต้องการจะบีบคั้นข้า”
เป่ยเหอสีหน้าไม่น่าดู
ด้วยชื่อเสียงของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ หากต้องการจะบีบคั้นเขา ตนก็คงจะผ่านวารวันไปได้ยากแล้ว ไปไล่ล่าอยู่ข้างนอก หากเพื่อนร่วมงานไม่ช่วยเหลือ ก็อาจจะต้องเผชิญสภาวการณ์อันสิ้นหวังเป็นแน่แท้ ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ หาก ‘บรรพชนกระบี่ซินเหยี่ยน’ ไม่ช่วยเหลือ เกรงว่าเขาก็คงจะตายไปแล้ว
โอ้ ไม่!
ภายใต้ความสิ้นหวัง เป่ยเหอก็สามารถกระตุ้นรอยประทับข้อมืออีกครั้ง แล้วมุ่งหน้าไปยังโลกทั้งสามแห่งได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองเขา เขารู้ว่าเป่ยเหอสามารถไปจากโลกทิพย์แห่งนี้แล้วมุ่งหน้าไปยังโลกทั้งสามแห่งได้ในทันที ดังนั้นเขาจึงมิได้ก็เร่งร้อนกดดัน
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เชื่อว่า…จักรพรรดิเป่ยเหอมีความทะเยอทะยาน จะต้องมิอาจตัดใจไปจากโลกแห่งนี้ได้อย่างง่ายๆ แน่นอน
โลกสามแห่ง
คือโอกาสที่หยวนมอบให้! ล้วนต้องทะนุถนอมหวงแหนโลกทุกใบ
“ก็ได้ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์หนึ่งร้อยตน ข้ายอมขายหยาดน้ำพันเนตรให้กับเจ้า” จักรพรรดิเป่ยเหอขบกรามพูด
“หนึ่งร้อยตนหรือ ช่างเถิด ข้าถอยก้าวหนึ่งก็ได้ ยี่สิบตน ไม่มากไปกว่านี้อีกแม้แต่ตนเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างเย็นชา
จักรพรรดิเป่ยเหอมองตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วเอ่ยในทันที “เขี้ยวลากดินเสียจริง ก็ได้ นำออกมาเถิด”
คราวนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้พูดอะไรมากอีก แล้วโยนคลังเก็บสมบัติล้ำค่าอันหนึ่งตรงออกมา
จักรพรรดิเป่ยเหอก็โยนหยาดน้ำพันเนตรหยดนั้นออกมาเช่นกัน
“ฟิ้ว”
หยาดน้ำพันเนตรก็คล้ายกับหยาดน้ำค้างหยดหนึ่งจริงๆ ยามที่ลอยผ่านกลางท้องฟ้าก็ยังสะท้อนรัศมีออกมามากมายอีกด้วย
ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไป หยาดน้ำพันเนตรก็ร่วงลงมาอยู่ในมือ
“ในที่สุดก็ได้มาเสียที” ตงป๋อเสวี่ยอิงเกิดความยินดีขึ้นในใจสายหนึ่ง ถึงแม้ว่าในอนาคตหุบเขาเขี้ยวหักก็อาจจะมีหยาดน้ำพันเนตรหยดหนึ่งปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าสมบัติชั้นยอดระดับนี้ปรากฏขึ้นมายากเหลือเกิน! รอไปกว่าสิบล้านล้านปีหรือนานกว่านั้นก็ยังปกติเป็นอย่างยิ่ง
ได้มาตั้งแต่เนิ่นๆ ก็สามารถหยั่งรู้ได้เร็วยิ่งขึ้น
“พรึ่บ” จักรพรรดิเป่ยเหอมองดูซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นยี่สิบตนภายในคลังเก็บสมบัติล้ำค่าแล้วก็อดที่จะตื่นเต้นยินดีมิได้ ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยเขาก็สำเร็จตามเป้าหมายแล้ว ถึงแม้ว่าจะน้อยกว่าความคาดหมายของเขาไปมากก็ตาม
“ไป”
จักรพรรดิเป่ยเหอหมุนกายเดินไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองแผ่นหลังของจักรพรรดิเป่ยเหอปราดหนึ่ง จากนั้นก็หยั่งรู้หยาดน้ำพันเนตรหยดนี้ในมือทันที เขามีร่างแยกมากมาย ร่างแยกกระจายกันไปสำรวจวิถีอากาศ ร่างแยกกระจายกันไปสำรวจวิถีโลกเทียม อยากจะหลุดพ้นอย่างนั้นหรือ เขาก็มิได้ละทิ้งวิถีสองสาย แม้จะบอกว่าวิถีอากาศก้าวหน้าไปได้ไกลขึ้น แต่ความจริงแล้ว ‘วิถีโลกเทียม’ ก็ยังล้ำเลิศกว่าอยู่พอสมควร
ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หรือแม้กระทั่งเมื่อใดที่ไปถึงขั้นสุดยอด ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตระหนักรู้ได้รางๆ แล้ว อย่างน้อยก็แน่ใจว่าวิญญาณสามารถหลอมรวมเข้ากับต้นกำเนิดของโลกได้ ถึงเวลาหากโลกใบหนึ่งไม่สูญสลาย เขาก็จะเป็นอมตะชั่วนิรันดร์! นี่เป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาสามารถตัดสินใจได้เท่านั้น ยังมีอีกมากมายที่ยังมิได้ตัดสินใจ มีเพียงการบรรลุแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถล่วงรู้ได้
วิญญาณ จึงจะเป็นพื้นฐานของชีวิต
วิถีทางด้านวิญญาณ ไปถึงขั้นสุดยอด! ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมคาดหวังรอคอยเป็นอย่างยิ่ง
******
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ทางสายห้วงอากาศสิบห้าชนิดที่ได้มาใหม่ ตงป๋อเสวี่ยอิงสิ้นเปลืองเวลาไปเกือบหมื่นล้านปี ก็หยั่งรู้ไปได้รอบหนึ่ง!
จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็หยั่งรู้ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศยี่สิบเอ็ดชนิดนี้โดยละเอียดอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังพิสูจน์ยืนยันซึ่งกันและกัน วิวัฒน์เคล็ดการบำเพ็ญใหม่ต่างๆ ของการฝึกกายคละถิ่นออกมา แล้วไปทดสอบหลายต่อหลายครั้ง!
ภายในวันเวลาที่บำเพ็ญเหล่านี้…
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็จัดตั้ง ‘กองล่าสังหาร’ ขึ้นมาอยู่เป็นระยะๆ เมื่อใดที่เขาจัดตั้งกองล่าสังหาร ถึงแม้จะกำหนดเอาไว้ว่าเขาจะนำสิ่งที่ได้จากการชนะศึกไปเก้าส่วน แต่ก็ยังคงสามารถทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญทั่วทั้งเมืองเมฆาแดงบ้าคลั่งได้อยู่ดี เหล่าสุดยอดผู้แกร่งกล้าก็แล้วไปเถิด ต่อให้เข้าร่วมก็เพื่อผูกไมตรีเท่านั้น แต่ผู้ที่มีพลังยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์โดยทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่มีพลังยุทธ์ระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายนั้นก็ถึงกับเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้เข้าร่วมจริงๆ
แต่ก็จนใจ กองกำลังที่ตงป๋อเสวี่ยอิงจัดตั้งนั้นมีขีดจำกัดกำหนดเอาไว้แล้วว่ามีจำนวนมากที่สุดเพียงแค่ห้าสิบคนเท่านั้น!
ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่การออกล่าใกล้ๆ นอกเมืองเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องมีผู้บำเพ็ญจำนวนมากมายเกินไปนัก
……
กองกำลังที่ตงป๋อเสวี่ยอิงริเริ่มจัดตั้ง ยามที่ออกล่าครั้งแรกก็ได้ผลตอบแทนเป็นซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์เจ็ดสิบห้าตนแล้ว! จักรพรรดิเทพช่วงท้ายและจักรพรรดิเทพช่วงกลางก็ยิ่งมีมากเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเหลือเอาไว้เพียงส่วนเดียวให้สมาชิกคนอื่นๆ แบ่งสรรปันส่วนกัน ตามปกติแล้วก็ยังสามารถได้อาหารสำหรับหนึ่งพันล้านปีเลยทีเดียว! ทั้งปลอดภัย ทั้งสบาย อีกทั้งระยะเวลาก็สั้น ได
อาหารที่เพียงพอสำหรับหนึ่งพันล้านปีมมาไว้ในมือ เหล่าผู้บำเพ็ญก็ย่อมต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้าร่วมอยู่แล้ว
การจัดตั้งกองกำลังหลายครั้ง
หนึ่งเพื่อช่วยเหลือสหายบางคน อย่างเช่นพวกเทพอสรพิษอินทรีและมารแดง สองก็เพื่อขัดเกลาตนเองท่ามกลางการต่อสู้! ตามปกติแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็จะเหลือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนหนึ่งทิ้งเอาไว้ ไม่ใช้เขตลวงโลกเทียมควบคุม ทำการห้ำหั่นซึ่งหน้าเพื่อทดสอบเคล็ดวิชา
เพียงพริบตาก็ผ่านไปหนึ่งแสนล้านปีแล้ว
………………………………