Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 34 สามแสนล้านปี
นักโทษคละถิ่นเผชิญกับการลงโทษทรมานอยู่ตลอดเวลา บางครั้งการลงโทษก็ยิ่งสาหัสขึ้น ถ้าหากระยะเวลาเนิ่นนานไปแล้ว… ผู้ที่ถูกทรมานก็ต้องถูกบีบให้ ‘ออกตระเวน’! หากไม่ออกตระเวน ความทุกข์ยากก็จะยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
มีเพียงแค่พวกเขาออกตระเวนเท่านั้น เหล่าผู้บำเพ็ญจึงจะมีโอกาสสังหารได้
ณ ที่มั่น พลังยุทธ์ของนักโทษคละถิ่นแข็งแกร่งเหลือเกิน ย่อมไม่สามารถฆ่าให้ตายได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากออกตระเวน ออกจากที่มั่นแล้ว ยิ่งอยู่ห่างออกไปไกล พลังยุทธ์ก็จะยิ่งลดต่ำลงไปอย่างรุนแรง
“วันนี้เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันออกตระเวนหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงดวงตาเป็นประกายแล้วเอ่ยต่อไปว่า “จะชักช้าอยู่มิได้ ต้องรีบออกเดินทางโดยเร็วที่สุด”
“น้องหิมะเหิน พลังยุทธ์ของเจ้าในตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง สามารถคงเอาไว้ที่ระดับสุดยอดได้นานเท่าใดกันหรือ” บรรพชนงูเก้าเศียรเอ่ยถาม “ถึงแม้จะไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเสี่ยงชีวิตไปต่อสู้ แต่พอถึงเวลาเจ้าสามารถจัดการกับองครักษ์จำนวนมากได้อย่างง่ายดาย เกรงว่าเป้าหมายอันดับแรกที่ ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ นักโทษคละถิ่นผู้นั้นต้องการสังหารก็คงจะเป็นเจ้า ข้าจำเป็นต้องรู้พลังยุทธ์ของน้องหิมะเหิน แล้วก็จัดการให้ดี”
“สามารถคงเอาไว้ที่ระดับสุดยอดได้เกือบครึ่งชั่วยามกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
บรรพชนงูเก้าเศียรฟังแล้วก็ผ่อนลมหายใจในทันใด
เกือบครึ่งชั่วยาม นี่ก็เนิ่นนานเป็นอย่างยิ่งแล้ว!
เพราะอ้างอิงจากที่เขาล่วงรู้มาก่อนหน้านี้ ระยะเวลาที่ร่างกายตงป๋อเสวี่ยอิงคงเอาไว้ที่ระดับสุดยอดได้นั้นสั้นยิ่งนัก ภารกิจอย่างการ ‘คุ้มกันจ้าวหิมะเหิน’ นั้นก็หนักหน่วงอย่างยิ่ง ตอนนี้ก็ผ่อนคลายขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว เกือบครึ่งชั่วยาม ก็เพียงพอสำหรับทำอะไรได้มากมายแล้ว
“นับถือ นับถือ นี่เพิ่งจะระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สามแสนล้านปีเท่านั้น น้องหิมะเหินก็มีความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้แล้ว” บรรพชนงูเก้าเศียรพูด
“น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังมิได้สำเร็จเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เจ้าพูดเช่นนี้อาจจะทำให้เหล่าผู้ตระหนักวิถีระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายมากมายอิจฉาริษยาก็ได้นะ” บรรพชนงูเก้าเศียรพูดพลางหัวเราะฮ่าๆ ตัวตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็รู้ว่าความเร็วในการบำเพ็ญของเขานี้ก็นับได้ว่ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่งแล้วจริงๆ ด้านหนึ่งก็เป็นเพราะวิญญาณของเขาแข็งแกร่งพอ ความเร็วในการหยั่งรู้ก็รวดเร็วกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือหลังจากที่วิญญาณมาถึงระดับขั้นเช่นนี้แล้ว ก็กลับมาบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกายแทน ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถกำหนดทิศทางการยกระดับของร่างกายได้
รู้ทิศทาง การยกระดับจึงรวดเร็วถึงเพียงนี้ได้
……
ในวันเดียวกันนั้นเอง
ณ คูหาของบรรพชนงูเก้าเศียร
“ทุกท่าน” อูเสี่ยวและตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ข้างกายบรรพชนงูเก้าเศียร บรรพชนงูเก้าเศียรกวาดสายตามองเหล่าผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ภายในห้องโถงปราดหนึ่ง
ผู้ที่สามารถยืนอยู่ที่นี่ได้
เกือบครึ่งล้วนเป็นสุดยอดผู้แกร่งกล้า! ส่วนผู้ที่มีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ที่เหลือนั้นต่างก็มีความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งเป็นอย่างยิ่ง!
“กองกำลังของพวกเรามีอยู่ทั้งสิ้นห้าสิบหกคน รวบรวมผู้แกร่งกล้าที่เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่สุดของเมืองเมฆาแดงเอาไว้” บรรพชนงูเก้าเศียรพูด “ทุกคนสามารถรับปากมาช่วยข้าได้ ข้าเก้าเศียรก็ย่อมจดจำเอาไว้ในใจ ขอเพียงแค่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ สิ่งที่ข้าสัญญาว่าจะให้ทุกท่านก็จะกลายเป็นจริง ถ้าหากว่าข้าตื่นรู้ขั้นสุดยอดได้สำเร็จ สำเร็จเป็นคละถิ่น! ก็ยิ่งไม่มีทางผิดต่อทุกท่านอย่างแน่นอน”
“พี่ใหญ่เก้าเศียร ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นท่านที่ช่วยเหลือพวกเรา คราวนี้พวกเราก็ย่อมต้องช่วยเหลือท่านอย่างสุดกำลังอยู่แล้ว”
“พี่เก้าเศียร มีพวกเราผู้แกร่งกล้าอยู่มากมายเช่นนี้ ทั้งยังมีจ้าวหิมะเหินและเจ้าเมืองอูเสี่ยวอยู่อีกด้วย เผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตคละถิ่นเหล่านั้นย่อมต้านทานพวกเราเอาไว้ไม่อยู่อยู่แล้ว เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้นต้องตายแน่นอน”
ทันใดนั้นก็มีผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์จำนวนมากพอสมควรพูด
แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเหล่าสุดยอดผู้แกร่งกล้าก็ทรงเกียรติกว่าอยู่พอสมควร
เห็นได้ชัดว่าความสามารถในการเกณฑ์คนของบรรพชนงูเก้าเศียรนั้นไม่ธรรมดา เขาอมยิ้มพยักหน้า “ใช่แล้ว มีน้องหิมะเหินและอูเสี่ยวอยู่ ทำให้ข้ายิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงและอูเสี่ยวต่างก็หัวเราะ
พวกเขาสองคนต่างก็เข้าใจว่าบรรพชนงูเก้าเศียรดูเหมือนจะถ่อมตน แต่พูดถึงฝีไม้ลายมือในการต่อสู้นั้น เขากับใบเมฆาวายุจึงจะน่าหวาดกลัวที่สุด! ถึงแม้ว่าอูเสี่ยวจะมีพลังยุทธ์พอๆ กันกับพวกเขา แต่เมื่อเทียบกันแล้วลูกไม้ก็น้อยกว่าอยู่พอสมควร ก็ยังคงอาศัยพลังรบของร่างกายเป็นหลัก
“ทุกท่านเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วกระมัง” บรรพชนงูเก้าเศียรกวาดสายตามองคราหนึ่ง ไม่มีผู้ใดคัดค้าน “เช่นนั้นพวกเราก็ออกเดินทางกันตอนนี้เลย ไป!”
ผู้บำเพ็ญทั้งห้าสิบหกคนบินออกจากคูหาของท่านเจ้าเมืองเก้าเศียรในทันใด
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สังเกตได้ถึง ‘จ้าวเลี่ยซี’ ท่ามกลางกองกำลังในครั้งนี้เช่นกัน จึงอดถ่ายเสียงพูดมิได้ ”คิดไม่ถึงว่าคราวนี้จ้าวเลี่ยซีก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ในบัญชีรายชื่อที่ท่านเจ้าเมืองเก้าเศียรมอบให้ข้าในตอนแรกสุดยังไม่มีจ้าวเลี่ยซีเลยนี่”
“ในตอนแรกเก้าเศียรเชื้อเชิญข้า ข้าก็มิได้รีบร้อนเข้าร่วม เพียงแต่ในเมื่อให้สัญญาเอาไว้กับจ้าวหิมะเหินแล้ว ข้าก็ต้องออกแรงให้มากสักหน่อยล่ะ” จ้าวเลี่ยซีถ่ายเสียงพูด ถึงแม้ว่าพลังยุทธ์ของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็นับได้ว่าเป็นเพียงแค่ระดับธรรมดาๆ ในบรรดาสุดยอดผู้แกร่งกล้าเท่านั้น ย่อมไม่มีสิทธิ์จะไปร้องขอซากนักโทษคละถิ่นอยู่แล้ว! ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงคร้านที่จะเข้าร่วม
แต่ตอนนี้เขามีความปรารถนาแล้ว!
เพราะว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะได้รับซากนักโทษคละถิ่นในท้ายที่สุด จ้าวเลี่ยซีก็ย่อมต้องช่วยเหลืออย่างสุดกำลังอยู่แล้ว
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ…
ข้ามผ่านกำแพงอย่างรวดเร็ว เหินบินไปทางดินแดนรกร้างว่างเปล่าอันเวิ้งว้าง
……
“พวกเขาออกเดินทางแล้ว”
“ล่าสังหารนักโทษคละถิ่น ทั้งยังเป็นเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันที่ยากจะพัวพันด้วยในบรรดาพวกนั้นอีกต่างหาก”
ภายในเมืองเมฆาแดง เหล่าผู้แกร่งกล้าจำนวนมากพอสมควรยืนอยู่ภายในคูหาของตน ก็สามารถมองไปเห็นกองกำลังที่อยู่กลางอากาศไกลออกไปนั้นเหินบินออกไปได้
ถึงอย่างไรกองกำลังในครั้งนี้ก็มีรองเจ้าเมืองสองท่านและจ้าวหิมะเหินรวมอยู่ด้วย! รวบรวมสุดยอดผู้กล้าเอาไว้มากมายเหลือเกิน เป็นการเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ที่หาได้ยากยิ่งครั้งหนึ่งของทั้งเมืองเมฆาแดงเลยทีเดียว
“พวกเจ้าว่าจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่”
“ถ้าหากไม่มีจ้าวหิมะเหิน คาดว่าคงมีหวังเพียงแค่ส่วนสองส่วนเท่านั้น แต่พอมีจ้าวหิมะเหินก็มีความหวังอย่างน้อยห้าส่วนแล้วล่ะ”
“อืม ก็มิได้ล่าสังหารนักโทษคละถิ่นสำเร็จกันมานานพอสมควรแล้วนะ”
บรรดาผู้บำเพ็ญมากมายภายในเมืองต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้
และในขณะนี้เอง
ใบเมฆาวายุก็นั่งอยู่ภายในสวนของคูหา มองดูอยู่ห่างๆ มองกองกำลังกองนั้นออกไปจากเมืองเมฆาแดง
“เก้าเศียรไปล่านักโทษคละถิ่นแล้ว” ใบเมฆาวายุส่ายศีรษะเบาๆ “น่าเสียดายที่ยากจะหามิตรสหายดีๆ ได้สักคนหนึ่ง จึงได้เลือกเส้นทางการตื่นรู้ขั้นสุดยอดสายนี้”
เขาเข้าใจสภาวการณ์อันเลวร้ายของสหาย
ใช้พลังทำลายกฎหรือ
เส้นทางนี้ยากเย็นเหลือเกิน! ดูคล้ายว่าจะเป็นไปไม่ได้
ควบคุมโลกกำเนิดแห่งหนึ่งหรือ ก็ไม่มีใครช่วยบรรพชนงูเก้าเศียรกลับชาติมาจุติใหม่!
แม้กระทั่งเส้นทางที่ง่ายที่สุดอย่างการตื่นรู้ขั้นสุดยอดนี้ก็ยังทำให้จักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์มากมายเหลือเกินติดค้างอยู่ที่จุดคอขวด
“หวังว่าเขาจะทำสำเร็จก็แล้วกัน” ใบเมฆาวายุเอ่ยพึมพำ “อย่างน้อยเขาก็โชคดีอยู่พอตัว มีจ้าวหิมะเหินช่วยเหลือ ก็มีหวังที่จะล่าสังหารเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันได้แล้ว”
*******
นอกเมือง
“ฟิ้ว”
พื้นผิวผิวหนังของอูเสี่ยวมีเครื่องกลจำนวนนับไม่ถ้วนที่มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าบินออกมา ขนาดของเครื่องกลนั้นเล็กยิ่งกว่าอนุภาคของร่างกายผู้บำเพ็ญธรรมดาทั่วไปเสียอีก! เครื่องกลจำนวนนับไม่ถ้วนแน่นขนัดจนนับไม่หวาดไม่ไหว บินมุ่งหน้าออกไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าเครื่องกลเหล่านี้จะมีขนาดเล็กหาใดเปรียบ แต่กลับทนทานหาใดเทียมเช่นกัน ต่อให้ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์นึกอยากจะผลาญทำลายสักอันก็ยังต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมิใช่น้อยเลย
เครื่องกลเล็กจิ๋วเหล่านี้แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ มากมาย วิธีการสำรวจก็แตกต่าง วิธีการที่แตกต่างกัน พิสูจน์ยืนยันซึ่งกันและกัน การคิดจะเล็ดรอดหนีไปจากการตรวจสอบของพวกมันนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
พูดถึงการสำรวจหาในอาณาบริเวณขนาดใหญ่
อูเสี่ยวก็คืออันดับหนึ่งของเมืองเมฆาแดงอย่างไร้ข้อกังขา!
“พรึ่บๆๆ” มีผู้บำเพ็ญท่านหนึ่ง ตาเดี่ยวขนาดยักษ์ของเขา ภายในแฝงไว้ด้วยความเร้นลับต่างๆ มากมาย สำรวจไปทั่วทุกทิศทุกทางได้อย่างสบายๆ ทำการสำรวจดูแต่ละทิศทางอยู่ห่างๆ
……
รวมทั้งอูเสี่ยวเข้าไปด้วย ผู้แกร่งกล้าสามท่านที่รับผิดชอบการสำรวจ ใช้ทุกวิถีทาง
แล้วยังมีเขตพลังเข้ามามากมาย
ทั้งกองกำลังก็หายลับไปอย่างสิ้นเชิง เคลื่อนที่อยู่ท่ามกลางดินแดนรกร้างอย่างเงียบเชียบ
“นี่คือสถานะของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันในตอนนี้ และการกระจายตัวคร่าวๆ ของเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนหนึ่งที่อยู่บริเวณรอบๆ” บรรพชนงูเก้าเศียรก็ส่งถ่ายข้อมูลให้กับสมาชิกทุกคนผ่านวัตถุส่งสาร “เส้นทางที่พวกเรามุ่งหน้าไป แผนแรกก็คือไปตามเส้นทางสายนี้”
“อืม”
“คาดว่าใช้เวลาสองวันก็คงถึงแล้ว”
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงแต่ละคนต่างก็เห็นด้วยกับการจัดการของบรรพชนงูเก้าเศียร การเตรียมตัวของบรรพชนงูเก้าเศียรช่างเต็มที่ยิ่งนัก
………………………