Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 46 ปกฟ้าคลุมดิน
“กลัวแต่ว่าเขาจะไม่มานี่สิ!”
“ตอนนี้เขาดูเหมือนจะร้ายกาจ แต่รอให้เขาไปถึงเมืองยามเที่ยง ห่างจากทะเลหุบเหวลึกไกลเกินไปแล้ว พลังของเขาก็จะถูกกดดันจนถึงขั้นต่ำกว่านี้อีก ต่อให้บรรดาผู้บำเพ็ญในเมืองยามเที่ยงทำอะไรเจ้าทะเลหุบเหวลึกมิได้ แต่กลับรักษาเมืองไว้ได้อย่างง่ายดาย ถึงตอนนั้นเจ้าทะเลหุบเหวลึกก็จะเปลี่ยนเป้าหมายมายังเมืองเมฆาแดงของเรา เมื่อเขามาถึงเมืองเมฆาแดง พลังก็จะยิ่งอ่อนแอลงไปอีก! พวกเราก็จะสามารถสกัดกั้นได้สบายๆ ไม่แน่ว่าอาจจะสังหารเขากลับได้ก็เป็นได้!”
“ถูกต้อง! ประมือกันครั้งที่แล้ว แม้พวกเราจะตกเป็นรอง การลอบโจมตีก็ล้มเหลว แต่นั่นก็เพราะไม่มีจ้าวหิมะเหิน! เจ้าทะเลหุบเหวลึกพาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นใต้บังคับบัญชาจำนวนมากมาคอยช่วยเหลือ ก็ยากนักที่พวกเราจะล้อมสังหารเขาได้โดยไม่ได้รับผลกระทบ”
“มีจ้าวหิมะเหินอยู่ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนมากก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงแล้ว พวกเราสามารถลงมือกับเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้สุดกำลัง ผู้บำเพ็ญทั้งเมืองร่วมมือกัน ก็มีหวังจะสังหารพวกเขาได้!”
“ครั้งนี้เป็นโอกาสของพวกเรา”
“คว้าโอกาสสังหารเขาเสีย!”
ภายในตำหนักเมฆาแดง ผู้บำเพ็ญทั้งหลายพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
หากผู้บำเพ็ญยี่สิบสามสิบคนปะทะกับเจ้าทะเลหุบเหวลึก เช่นนั้นก็จะเป็นการเอาชีวิตไปทิ้ง! แต่ผู้บำเพ็ญทั้งเมืองร่วมมือกันก็มีสิทธิ์จะสู้สุดชีวิตได้ นอกจากนี้ ด้วยการสอดส่องจากกระจกมาร บัดนี้พลังของ ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ ก็แข็งแกร่งเสียจนเกินจริง รอให้ถึงเมืองเมฆาแดง เกรงว่าพลังคงจะเหลือเพียงหนึ่งหรือสองส่วนเท่านั้น!
ตงป๋อเสวี่ยอิงสนทนากับเหล่าผู้บำเพ็ญข้างๆ โดยสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประมือกับเจ้าทะเลหุบเหวลึกในครั้งที่แล้ว ขณะเดียวกันก็สอดส่องดูทุกสิ่งในกระจกมารโดยละเอียด
“ถูกเจ้าทะเลหุบเหวลึกไล่ตาม ก็คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นแล้วก็ลอบส่ายหน้า
ไม่ว่าจะมีปณิธานอย่างไร
คิดจะตัดสินใจอย่างไร ก็ล้วนแต่ถูกเจ้าทะเลหุบเหวลึกเหยียบเสียงดังปังจนตายทันที!
……
เจ้าทะเลหุบเหวลึกเหินทะยานไปเป็นเวลาสองวันกว่าๆ จึงมาถึงเมืองยามเที่ยง ยามนี้พลังของเขาลดลงเป็นอันมาก แม้แต่เค้าร่างก็สูงเพียงหนึ่งพันแปดร้อยลี้เท่านั้น เมื่อเทียบกับโครงร่างอันน่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบขณะออกจากทะเลหุบเหวลึกเมื่อครู่แล้ว ก็หดเล็กลงตั้งไม่รู้กี่เท่า
แต่ความสูงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ก็ยังคงน่าหวาดหวั่นที่สุดในบรรดานักโทษคละถิ่นทั้งหมดของโลกทิพย์อยู่ดี
“เขามาถึงแล้ว”
“ถึงเมืองยามเที่ยงแล้ว”
“หวังว่าพลังของเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้จะไม่ก้าวหน้าไปอีกนะ”
เหล่าผู้บำเพ็ญของเมืองเมฆาแดงต่างพากันมองดูทุกสิ่งที่ปรากฏขึ้นในกระจกมารซึ่งลอยล่องอยู่กลางฟากฟ้า แม้ศึกสงครามนี้จะเป็นสงครามของเมืองยามเที่ยงก็ตามที! เพราะอาศัยสิ่งนี้ก็สามารถเฝ้าดูพลังของ ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ ได้
แม้จะกล่าวว่าครั้งที่แล้วเคยประมือกันมาก่อน…
แต่ถึงอย่างไรก็เป็นครั้งก่อนที่เจ้าทะเลหุบเหวลึกออกตระเวน! ไม่เหมือนกับนักโทษคละถิ่นคนอื่นๆ ที่มักออกตระเวนเป็นประจำ เจ้าทะเลหุบเหวลึกเว้นช่วงนานแสนนานจึงจะออกตระเวนสักครั้งหนึ่ง เมื่อออกตระเวนก็จะทำให้โลกทิพย์สะเทือนเลื่อนลั่นไปหมดทั้งฟ้าดิน! เนื่องจากเว้นช่วงนานมาก ไม่แน่ว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกอาจจะขุดค้นสายเลือดและเข้าถึงเคล็ดลับที่แข็งแกร่งและแปลกพิสดารยิ่งขึ้นได้
ทุกครั้งที่พลังของเขาเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง ความยากในการสังหารเขาก็ย่อมเพิ่มขึ้นเป็นกองเลยทีเดียว!
“สิ่งมีชีวิตคละถิ่นมากมายนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในกระจกมารแล้วก็อดทอดถอนใจมิได้
สิ่งมีชีวิตคละถิ่นแน่นขนัดโอบล้อมทั้งเมืองยามเที่ยงเอาไว้อย่างสมบูรณ์ มิใช่แค่มีจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมผืนดินเอาไว้เท่านั้น แม้แต่กลางอากาศก็มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมากมายโอบล้อมเมืองยามเที่ยงเอาไว้
เจ้าทะเลหุบเหวลึกสามารถบัญชาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งหมดในโลกทิพย์ได้ รวมไปถึงนักโทษคละถิ่นคนอื่นๆ ก็ยินดีฟังคำสั่งของเขาด้วยเช่นกัน
******
ณ เมืองยามเที่ยง
ภายในเมืองยามเที่ยง ผู้บำเพ็ญทั้งหลายยืนอยู่กลางอากาศอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กำแพงเมืองของทั้งเมืองยามเที่ยงมีอักขระลับจำนวนนับไม่ถ้วนสว่างขึ้นมา ค่ายกลต่างๆ ถูกกระตุ้นขึ้นมา แม้แต่กลางอากาศก็มีฝาครอบนับร้อยชั้นปรากฏขึ้น ฝาครอบมากมายกลางท้องฟ้าส่องสะท้อนแสงสีอันเจิดจรัสออกมา อันที่จริงก็เพราะที่ครอบแสงหลากสีสันมีทากมายอย่างยิ่งนั่นเอง
“มาแล้ว”
“เจ้าทะเลหุบเหวลึกมาแล้ว”
ผู้บำเพ็ญทั้งหลายของเมืองยามเที่ยงมองดูอยู่ห่างๆ พวกเขามิได้เห็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นรอบด้านอยู่ในสายตาเลย แม้จะมีจำนวนมากมายเกินเหตุก็ตาม! แต่เดิมทีเมืองยามเที่ยงก็มีการป้องกันอันร้ายกาจอยู่แล้ว เมื่อผู้บำเพ็ญทั้งหลายกระตุ้นขึ้นมา การโจมตีของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วไปเหล่านั้นก็มิอาจโจมตีให้แตกได้
แม้จะกล่าวว่าเมืองยามเที่ยงเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ทะเลหุบเหวลึกที่สุดในห้าเมือง จึงอันตรายที่สุด แต่ก็เป็นเมืองที่คว้าโอกาสเอาไว้ได้ง่ายดายที่สุดเช่นเดียวกัน!
เนื่องจากผู้ที่สร้างคุณูปการใหญ่หลวงที่สุดในการสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกจะได้รับรางวัลจากท่านเจ้าดินแดน
แน่นอนว่าเหล่าผู้แกร่งกล้าของเมืองยามเที่ยงมีหวังว่ามากกว่าหน่อย! ผู้แกร่งกล้าบางคนถึงขั้นเข้าใจข้อแตกต่างของทั้งห้าเมืองแล้ว พลังแข็งแกร่งพอ บางคนถึงกับตั้งใจมุ่งหน้าไปยังเมืองยามเที่ยงและพำนักอยู่ในเมืองยามเที่ยงอย่างยาวนาน
“ฟิ้ววว…”
กลางทุ่งร้างไกลออกไป ยักษ์ร่างมหึมาสูงตระหง่านถึงหนึ่งพันแปดร้อยลี้เหินทะยานก้าวใหญ่เข้ามา ผมเผ้าเขายุ่งเหยิง บนร่างยังมีโซ่ตรวนสายแล้วสายเล่าหยั่งรากลึกเข้าไปถึงในกาย ทำให้แต่ละก้าวของเขาเกิดเสียงโซ่ตรวนกระทบกัน ต่อให้เขายืนอยู่ที่เดิมนิ่งไม่ไหวติงก็ยังต้องรู้สึก ‘เจ็บปวด’ หากเหินทะยาน ความเจ็บปวดก็จะยิ่งเพิ่มทวีขึ้น
เรื่องนี้ทำให้เขาแค้นเคืองมากขึ้น
“มิใช้ว่าให้ข้าขัดเกลามดปลวกที่อ่อนแอเหล่านี้หรือไร เฮอะๆ ข้าจะให้ตามที่เจ้าปรารถนา ฆ่ามดปลวกพวกนี้เสียให้เกลี้ยง” เค้าร่างของเจ้าทะเลหุบเหวลึกใหญ่โต กำแพงเมืองยามเที่ยงสูงราวเท้าอันใหญ่โตของขาเท่านั้น! ยามนี้เจ้าทะเลหุบเหวลึกเหลือบมองลงไป สายตามองดูเหล่าผู้บำเพ็ญในเมืองผ่านชั้นเมฆ
บรรดาผู้บำเพ็ญจ้องมองเขา ไม่เพียงแต่ไม่กลัวเท่านั้น ซ้ำยังฮึกเหิมอีกด้วย
“เฮอะๆ” แววอาฆาตของเจ้าทะเลหุบเหวลึกยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น
ส่วนเหล่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งหลายที่เร่งเดินทางมาถึงรอบเมืองยามเที่ยงก่อนแล้วต่างพากันก้มศีรษะ แสดงความสวามิภักดิ์ต่อเจ้าทะเลหุบเหวลึก! อีกทั้งยามนี้ทั่วสารทิศรอบด้านยังมีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมุ่งหน้ามาทางนี้มากขึ้นอีกด้วย
“ผู้บำเพ็ญทั้งหลาย รับความตายเสียเถอะ!” เจ้าทะเลหุบเหวลึกตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว เสียงนั้นราวกับอสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงมากลางฟ้าดิน สะท้อนไปมาไม่หยุด ทำเอาชั้นเมฆกลางท้องฟ้าสั่นสะเทือนไปหมด
ขณะเดียวกันมือใหญ่คู่หนึ่งก็ยกสูงขึ้นแล้วฟาดลงมาอย่างแรงทันที
มือใหญ่มหึมาคู่นั้นทะลุผ่านชั้นเมฆลงไป!
ตะปบไปทางเมืองยามเที่ยง
ขณะที่เมืองทั้งคู่วาดผ่านท้องฟ้านั้น ก็มีเปลวเพลิงสีแดงเข้มลุกโชน อานุภาพของเปลวเพลิงน่าหวาดหวั่น ทำให้อากาศรอบด้านถูกแผดเผาและสลายไป เผยให้เห็นอักขระลับแน่นขนัดจำนวนนับไม่ถ้วนของโซ่ตรวน! โลกทิพย์แห่งนี้ถูกผนึกเอาไว้อย่างสิ้นเชิง นักโทษคละถิ่นที่ออกตระเวนเหล่านี้ล้วนไม่มีทางจากโลกนี้ไปได้
เมื่อตะปบลงไป ปลายนิ้วมือทั้งคู่ของเขาก็กลายเป็นคมกริบขึ้นมา และที่ปลายนิ้วยังมีอักขระลับจำนวนนับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ด้วย แต่ละนิ้วประหนึ่งกระบี่อุกกาบาตขนาดมหึมา
ฟึ่บๆๆๆ…
นิ้วมือแทรกตรงเข้าไปทางที่ครอบแสงชั้นแล้วชั้นเล่าของเมืองยามเที่ยง! สิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วนรอบด้านก็เคลื่อนไหวโจมตีพร้อมกัน แต่ละตนร้องคำรามพลางสำแดงวิธีการของตนออกมา เพื่อช่วยเจ้าทะเลหุบเหวลึกแรงหนึ่ง
“ฟึ่บๆ…”
ที่ครอบแสงถูกแทงทะลุออย่างต่อเนื่อง
เพียงพริบตาเดียวก็ถูกแทงทะลุไปกว่าครึ่ง ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งหลายของเมืองยามเที่ยงสีหน้าเปลี่ยนแปรไปทันที
“ไม่ดีแล้ว พลังของเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้ยกระดับขึ้นเสียแล้ว!” ทุกคนรู้ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว
……
ผู้บำเพ็ญอีกสี่เมืองต่างก็สอดส่องดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองยามเที่ยงด้วยวิธีการของตนเอง
ตั้งแต่กระบวนท่าแรกของเจ้าทะเลหุบเหวลึกโจมตีลงบนที่ครอบแสงของเมืองยามเที่ยงอย่างสุดกำลัง ผู้บำเพ็ญมากมายภายใน ‘ตำหนักเมฆาแดง’ ของเมืองเมฆาแดงก็พากันแตกตื่น
“กระบวนท่าทำลายเมืองท่านี้ของเขาร้ายกาจขึ้นอีกแล้ว” ใบเมฆาวายุพูดอย่างจริงจัง
“เขาก้าวหน้าขึ้นมาอีกแล้ว” อูเสี่ยวก็เคร่งขรึมขึ้นมา
สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง พลังก็จะค่อยๆ ยกระดับขึ้นจาก ‘แรกเข้าระดับสูง’ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงครบสมบูรณ์! จากนั้นก็ค่อยบรรลุอีกครั้ง การยกระดับนี้ก็ยากมากเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ เข้าสู่ ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกา’ ความยากก็ไม่น้อยไปกว่าจากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเข้าสู่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงเลย!
เนื่องจากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงจัดเป็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในมิติคละถิ่นอันกว้างใหญ่ไพศาล จำนวนก็มากมายนัก
ส่วนสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาก็จะเป็นระดับยอดสุดทันที! อย่างผู้บำเพ็ญที่เข้าถึงโลกกำเนิดแห่งหนึ่ง ก็กล้าเรียกได้ว่า ‘ไร้ศัตรู’ ในโลกกำเนิดของตน แม้แต่เจ้าดินแดนก็ยังไม่หวั่น! จะเห็นได้ว่าสถานะของระดับโลกานั้นไม่เหมือนกัน
แม้ ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ จะร้ายกาจ เพียงแต่เพราะสายเลือดสูงส่ง นับได้ว่ามีพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง ก็ยังห่างจาก ‘ครบสมบูรณ์’ ไม่น้อย เมื่อเวลาผ่านไปก็จะค่อยๆ ขุดค้นสายเลือดและเข้าถึงเคล็ดวิชาลับใหม่ๆ เมื่อเทียบกันแล้ว ก่อนหน้าที่เขาจะ ‘บรรลุถึงระดับครบสมบูรณ์’ ก็จะก้าวหน้าได้ค่อนข้างง่าย
“ไม่ดีแล้ว”
“เห็นทีเมืองยามเที่ยงคงจะต้านไว้ไม่ไหวแล้ว”
แต่ละคนภายในตำหนักเมฆาแดงต่างก็เผยสีหน้าตื่นตกใจออกมา
หัวใจของตงป๋อเสวี่ยอิงก็บีบรัดแน่นขึ้นมา เขาจ้องกระจกมารเขม็ง! ภาพที่ปรากฏในกระจกมาร คือเจ้าทะเลหุบเหวลึกนำพาฝูงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งหลายเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่ง จวนจะทำลายค่ายกลเมืองยามเที่ยงลงไปต่อหน้าต่อตาอยู่แล้ว
“พวกเขาเลือกจะหนีเสียแล้ว”
“ได้แต่เลือกเช่นนี้แล้วล่ะ”
“หวังว่าจะรอดชีวิตกันได้นะ”
ผู้บำเพ็ญทั้งหลายในตำหนักเมฆาแดงมองดูทั้งหมดนี้เกิดขึ้น หลังจากเหล่าผู้บำเพ็ญในเมืองยามเที่ยงพบว่าพลังของ ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ ยกระดับขึ้นแล้ว ก็ไม่ได้เลือกโจมตีอีกต่อไป หากแต่ถอยหนีโดยไม่ลังเล! นอกจากนี้ยังแบ่งออกเป็นสามกองแล้วเริ่มหลบหนีอีกด้วย! เพราะถึงอย่างไรผู้บำเพ็ญก็มีจำนวนมากมายเกินไปแล้ว ผู้บำเพ็ญเมืองยามเที่ยงก็มีจำนวนสามพันกว่าคน ต่อให้ร่วมมือกัน ก็ยังต้องทับซ้อนกันในหลายด้าน
พวกเขาแบ่งออกเป็นสามกองโดยผ่านการเลือกสรรมาเป็นอย่างดี จึงรวมตัวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
กองกำลังย่อยแต่ละกองกับกองกำลังใหญ่ที่มีผู้บำเพ็ญสามพันคนรวมตัวกัน เมื่อเทียบกันแล้ว พลังก็มิได้แตกต่างกันมากนัก
“ไป”
“พวกเราไปยังเมืองเมฆาแดงแล้วร่วมมือกับผู้บำเพ็ญเมืองเมฆาแดงเถิด! เมื่อไปถึงที่นั่น พลังของเจ้าทะเลหุบเหวลึกก็จะลดลงไปอีก ถึงตอนนั้นเมื่อพวกเราร่วมมือกับเมืองเมฆาแดง ทั้งยังมีจ้าวหิมะเหินอยู่ด้วย พวกเราก็มีโอกาสมากที่จะสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้”
“ขอให้ทุกท่านโชคดี”
“โชคดี”
กองกำลังทั้งสามละทิ้งตัวเมืองแล้วเริ่มหลบหนีทันที
กองกำลังทั้งสามของพวกเขาราวกับกระบี่คมกริบสามเล่มทะลุผ่านการขัดขวางของฝูงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว! แม้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นเหล่านี้จะมีจำนวนมาก แต่เนื่องจากกองกำลังผู้บำเพ็ญค่อนข้างหนาแน่น ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่น’ ที่สามารถล้อมโจมตีกองกำลังผู้บำเพ็ญได้ในขณะเดียวกัน อย่างมากที่สุดก็แค่เกินหมื่นเท่านั้น! กองกำลังผู้บำเพ็ญไม่แยแสเลยสักนิด
ยามนี้เจ้าทะเลหุบเหวลึกสูงเพียงหนึ่งพันแปดร้อยลี้เท่านั้น ความเร็วก็ลดลงเป็นอันมาก ระหว่างที่กองกำลังย่อยทั้งสามกำลัง ‘หลบหนี’ ก็รวมตัวกันเป็นค่ายกลรบขึ้นมา ความเร็วที่น่าหวาดหวั่นที่สุดปะทุออกมา เจ้าทะเลหุบเหวลึกไล่โจมตีอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วก็ช้าลงขุมหนึ่ง
“สกัดพวกเขาเอาไว้ สกัดไว้” เจ้าทะเลหุบเหวลึกถ่ายเสียงออกคำสั่ง
“เร็วเข้า เร็วเข้า” เหล่าผู้บำเพ็ญกลับหนีอย่างสุดชีวิต หากถูกตามทันขึ้นมา ไม่มีตัวเมืองเป็นข้อได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ มีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมากมายถึงเพียงนั้นคอยช่วยเหลือเจ้าทะเลหุบเหวลึก เกรงว่ากองกำลังย่อยกองหนึ่งซึ่งมีผู้บำเพ็ญกว่าพันคนคงจะต้องล่มสลายไปทั้งกอง! เพราะถึงอย่างไร ‘จ้าวหิมะเหิน’ ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น หากมีจ้าวหิมะเหินอยู่ เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็ไม่มีใครคอยช่วย อานุภาพก็ลดลงไปกว่าครึ่งแล้ว กองกำลังย่อยกองหนึ่งก็กล้าสู้กับเจ้าทะเลหุบเหวลึกสักตั้งหนึ่งแล้ว
น่าเสียดายที่จ้าวหิมะเหินอยู่ไกลถึงเมืองเมฆาแดง!
……………………