Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 48 ปะทุ
“ผู้บำเพ็ญเมืองดาราน้ำแข็งจากไปหมดแล้ว กำลังมุ่งหน้าตรงมายังเมืองเมฆาแดงองพวกเรา!” รองเจ้าเมือง ‘อูเสี่ยว’ โพล่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“อะไรนะ”
“เมืองดาราน้ำแข็งหรือ”
ผู้บำเพ็ญทั้งหลายในตำหนักเมฆาแดงตกตะลึง กระจกที่ลอยอยู่กลางอากาศบานนั้นส่องไปดูทางเมืองดาราน้ำแข็งทันที บนกระจกปรากฏภาพของเมืองโบราณซึ่งครองพื้นที่แสนกว่าลี้เช่นกัน ขณะนี้มีกองกำลังผู้บำเพ็ญสามกองกำลังออกจากเมืองดาราน้ำแข็ง บินตรงมาทางพรมแดนขอบฟ้า
“เห็นทีพวกเขาก็คงไม่อยากจะพลาดโอกาสนี้เช่นกัน จึงอยากเข้าร่วมสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกนั่นในคราเดียวด้วย” ผู้บำเพ็ญทั้งหลายพึมพำ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พยักหน้า
พวกเขาล้วนสามารถเข้าใจได้
อันที่จริงแล้ว ผู้ที่มายังโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญนี้ ล้วนแต่มีชีวิตอยู่มานานแสนนานทั้งสิ้น! อายุขัยเป็นนิรันดร์มานานแล้ว แม้แต่ผู้ที่อ่อนเยาว์ที่สุดอย่างตงป๋อเสวี่ยอิง ก็บำเพ็ญมานานถึงหลักล้านล้านปีแล้ว! เวลายาวนานเช่นนี้ หากจิตใจอ่อนแอ เวลายาวนานเช่นนี้ก็คงจะฟั่นเฟือนเป็นบ้าไปแล้ว! วิญญาณก็จะแตกสลาย
แน่นอนว่าวิถีจิตของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับการขัดเกลามาแล้ว จึงไม่หวั่นเกรงผลกระทบจากกาลเวลา
เพียงแต่ว่า…เมื่อมีชีวิตนานเข้า ก็คงจะต้องมีสิ่งที่ใฝ่ฝันกระมัง
เพื่อบุญคุณความแค้น นั่นก็เป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น! ผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ญาตมิตรได้ล่วงลับไปนานแล้ว พวกเขาบำเพ็ญอย่างเงียบเหงาเดียวดายเพียงลำพัง สำหรับพวกเขาแล้ว…‘เส้นทางการบำเพ็ญ’ จึงจะทำให้พวกเขาลุ่มหลงได้มากที่สุด
แม้อายุขัยจะเป็นนิรันดร์ แต่การบำเพ็ญก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด!
เมื่อพลังก้าวหน้าไป ก็จะเข้าใจโลกได้ทะลุปรุโปร่งขึ้น ถึงขั้นมีวิธีการต่างๆ อย่างสร้างวัตถุหรือสร้างโลกใบหนึ่งขึ้นมา และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี้ก็ทำให้คนลุ่มหลงได้เช่นกัน
“ผู้บำเพ็ญในโลกทิพย์แห่งนี้ ส่วนมากมีชีวิตอยู่มานานยิ่งนัก ยาวนานกว่าข้าตั้งไม่รู้กี่เท่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ ตนนับว่าเยาว์วัยมากแล้ว “คืนวันยาวนานไร้ที่สิ้นสุด พวกเขาหลายคนเหลือเพียงการใฝ่หา ‘วิถี’ เท่านั้น เพื่อเส้นทางการบำเพ็ญ พวกเขาถึงขั้นยอมเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ไปต่อสู้กับเจ้าทะเลหุบเหวลึก ก็เพื่อโอกาสน้อยนิดนั่น”
ก่อนหน้าที่บรรพชนงูเก้าเศียรจะสำเร็จ เหล่าผู้บำเพ็ญในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญต่างก็รู้สึกว่าความหวังริบหรี่ แต่ก็ยังคงยืนหยัดต่อไป เห็นได้ชัดว่าวิถีจิตของพวกเขาไม่ธรรมดา
แต่เมื่อเก้าเศียรสำเร็จแล้ว ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญจำนวนมากฮึกเหิมขึ้นมา
“เมืองเมฆาแดงมีข้าอยู่! บัดนี้ผู้บำเพ็ญเมืองยามเที่ยงก็กำลังเร่งตรงมา เกรงว่าผู้บำเพ็ญจากเมืองอื่นๆ ก็คงรู้สึกว่าความหวังในการสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกนั้นสูงมาก จึงอยากจะเข้าร่วมด้วยกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ไม่นานนัก
ก็ได้รับข่าวอย่างต่อเนื่อง ว่าบรรดาผู้บำเพ็ญจากเมืองเฉิงกวงและเมืองจันทร์ยะเยือกล้วนละทิ้งเมืองของตนเองแล้วพากันมุ่งหน้ามายังเมืองเมฆาแดง
……
ด้วยเหตุนี้เอง
ผู้บำเพ็ญจากสี่เมืองได้แก่เมืองยามเที่ยง เมืองดาราน้ำแข็ง เมืองเฉิงกวงและเมืองจันทร์ยะเยือกล้วนแต่ออกเดินทางมุ่งหน้ามายัง ‘เมืองเมฆาแดง’ ซึ่งเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากนัก ผู้บำเพ็ญทั้งห้าเมืองกำลังจะมารวมตัวกัน
“มีผู้บำเพ็ญจากเมืองต่างๆ มาร่วมแรงกัน ทั้งยังมีจ้าวหิมะเหินซึ่งมีกระบวนท่าทางด้านวิญญาณอันยอดเยี่ยมอยู่ด้วย! นี่เป็นครั้งที่มีความหวังจะสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกมากที่สุด หากครั้งนี้ล้มเหลว เหรงว่าในภายหน้าก็คงจะไม่มีหวังแล้ว”
“ครั้งนี้ทีความหวังมากที่สุด จะต้องเข้าร่วมให้ได้”
“หากพลาดโอกาสนี้ไป ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไหร่แล้ว”
กองกำลังย่อยของผู้บำเพ็ญกองแล้วกองเล่ากำลังมุ่งหน้าไป ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากเต็มไปด้วยความปรารถนา
พวกเขาต่างก็มีประสบการณ์ของตนเอง สามารถบรรลุถึงพลังเช่นนี้ได้ ก็ย่อมใฝ่ฝันถึง ‘มหาวิถี’ ใฝ่ฝันให้วิถีเป็นนิรันดร์ ใฝ่ฝันจะกระโดดออกจากกรงขัง ไม่ยอมจำนนจะเป็นเพียงแค่มดปลวกในกรงขังเท่านั้น!
……
โอกาส เหล่าผู้บำเพ็ญย่อมต้องแย่งชิงมาให้ได้
เหล่าผู้บำเพ็ญเมืองเมฆาแดงไม่คิดจะรอผู้บำเพ็ญอีกสี่เมืองมาถึงแล้วค่อยลงมือ แน่นอนว่าพวกเขาต้องคว้าโอกาสเอาไว้ และลงมือให้เร็วที่สุด อาศัยแค่กำลังของเมืองเดียวก็อาจเพียงพอที่จะสังหารได้แล้ว ต่อให้สังหารมิได้ ก็สามารถรักษาตนเองได้อย่างไม่มีปัญหา
“ใกล้จะมาแล้ว”
“เจ้าทะเลหุบเหวลึกยังห่างจากที่นี่อีกครึ่งชั่วยาม”
ผู้บำเพ็ญสามพันกว่าคนยืนอยู่บนยอดสิ่งก่อสร้างต่างๆ รอคอยอย่างเงียบเชียบ กระจกมารบานหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟากฟ้า คอยเฝ้าดูตำแหน่งของเจ้าทะเลหุบเหวลึกตลอดเวลา
เจ้าทะเลหุบเหวลึกเหินทะยานไปเป็นเวลาหกวัน ความสูงก็ลดลงอย่างต่อเนื่องจากสูงหนึ่งพันแปดร้อยลี้ก็เหลือเพียงหนึ่งพันสองร้อนลี้เท่านั้น! ความเร็วในการบินทะยานก็ลดลงไปบ้างอย่างเห็นได้ชัด
“พลังของเขาน่าจะลดลงสามส่วน” ใบเมฆาวายุและอูเสี่ยวต่างก็มองดูกระจกมารอยู่ห่างๆ แล้ววิเคราะห์ออกมา
อันที่จริงแล้ว
สถานที่รวมตัวทั้งห้าแห่งรายล้อมทะเลหุบเหวลึกอยู่ เมืองยามเที่ยงอยู่ใกล้ที่สุด ส่วนอีกสี่เมืองที่เหลือห่างจากทะเลหุบเหวลึกพอๆ กัน
เพียงแต่ ‘เมืองยามเที่ยง’ และ ‘เมืองเมฆาแดง’ อยู่ใกล้กันมากกว่าเล็กน้อย ดังนั้นในการโจมตีตามปกติ เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็ล้วนโจมตีเมืองยามเที่ยงก่อน แล้วค่อยโจมตีเมืองเมฆาแดง
“พลังของเขาลดลง ข้าสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นพวกนั้นช่วยเหลือเขาได้ยากขึ้น มีหวังจะล้อมสังหารเขาได้จริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่บนหลังคาคูหาของตนพลางเอ่ยปากพูด
“แฮ่…”
“โฮ่…ฆ่ามัน!”
“ฆ่าผู้บำเพ็ญพวกนี้ให้หมด!”
ยามนี้ นอกเมืองเมฆาแดงมีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วนรออยู่ก่อนแล้ว มืดฟ้ามัวดินไปหมด สิ่งมีชีวิตคละถิ่นเหล่านี้มีหน้าตาแตกต่างกันไป มาจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน พวกมันเริ่มโจมตีตัวเมืองแล้ว เพียงแต่ค่ายกลเมืองเมฆาแดงหมุนเวียนอย่างเต็มที่ ที่ครอบแสงชั้นแล้วชั้นเล่าถูกกระตุ้นขึ้นมา สกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ภายนอก ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่จำเป็นต้องสำแดงกระบวนท่าทางด้านวิญญาณออกมาเลย
อาศัยเพียงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นน่ะหรือ ไม่มีทางโจมตีเมืองนี้ให้แตกได้เลย
เวลาเคลื่อนคล้อยไป
ผู้บำเพ็ญสามพันกว่าคนยืนอยู่เหนือหลังคา เฝ้ารอคอยอย่างสงบ รอคอยศึกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ใบเมฆาวายุ อูเสี่ยว จักรพรรดิชิงสวรรค์ โม่ซูและจ้าวเลี่ยซีกำลังเตรียมตัว! อีกสักครู่พวกเขาก็จะทุ่มเทสุดกำลังแล้ว!
“ถึงแล้ว” ผู้บำเพ็ญทั้งหมดพากันมองไปโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งกระจกมารอีกแล้ว เพราะยักษ์ร่างมหึมาสูงตระหง่านตนหนึ่งกำลังทะยานเข้ามาจากที่ไกลๆ ความสูงหนึ่งพันสองร้อยลี้กำลังกดดันโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญอย่างน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก ร่างกายยังคงใหญ่โตเสียจนเกินจริง! โดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเหล่านี้ก็มีความสูงอยู่ที่หลายร้อยเมตร อย่างมากก็พันกว่าเมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับ ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ แล้วก็ช่างเหมือนมดปลวกตัวจ้อยโดยแท้
แน่นอนว่า ‘มดปลวก’ เหล่านี้ก็มีจำนวนมากมายยิ่งนัก
“ฟิ้ว”
เขาถลาเข้ามาก็ก่อให้เกิดพายุคลั่งอันน่าหวาดหวั่นแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็เป็นยักษ์สูงตระหง่านตัวหนึ่งกำลังวิ่งถลาเข้ามา
เขาหยุดลงที่นอกเมืองพลางเหลือบมองลงไปยังผู้บำเพ็ญทั้งหลายภายในเมือง นัยน์ตาเย็นเยียบขนาดมหึมาคู่นั้นมองเห็นชายหนุ่มอาภรณ์ขาวคนหนึ่งท่ามกลางเหล่าผู้บำเพ็ญทันที เขาได้ข้อมูลเกี่ยวกับตงป๋อเสวี่ยอิงมาก่อนแล้ว จึงรู้จักรูปร่างหน้าตาและกลิ่นอายของตงป๋อเสวี่ยอิง
“เจ้าก็คือจ้าวหิมะเหินหรือ” นัยน์ตาของเจ้าทะเลหุบเหวลึกเปล่งประกาย ก่อตัวเป็นวัตถุจริงพุ่งตรงลงไป จ้องตงป๋อเสวี่ยอิงเขม็ง
คิดไม่ถึงว่าชื่อเสียงของข้าจะเลื่องลือไปถึงทะเลหุบเหวลึกเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
“ระวัง”
“พี่หิมะเหิน เห็นทีเขาจะจับตามองท่านเสียแล้ว! และคงจะรู้ว่า ท่านเป็นภัยคุกคามต่อเขามากที่สุด อีกประเดี๋ยว…ท่านรออยู่ในเมืองดีหรือไม่”
ผู้บำเพ็ญหลายคนถ่ายเสียงให้ตงป๋อเสวี่ยอิงต่อเนื่องกัน
“ไม่ต้องหรอก ข้าอยู่ในค่ายกลรบ หากค่ายกลรบถูกโจมตีจนแตก เช่นนั้นทั้งค่ายกลรบก็จะต้องพินาศไปทั้งกองแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด “หากพวกเราพ่ายแพ้ได้น่าอนาถถึงเพียงนี้ แม้แต่รักษาชีวิตก็ยังทำมิได้ สุดท้ายแล้วถึงจะอยู่ในเมืองก็คงต้องตายอยู่ดี”
“ก็ได้” ใบเมฆาวายุรับคำ
ผู้ที่เกลี้ยกล่อมให้ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในเมืองก็มีหลายคน ส่วนหนึ่งก็เพราะกลัวว่าเมื่อระยะประชิดเข้า ตงป๋อเสวี่ยอิงจะสิ้นใจด้วยน้ำมือของเจ้าทะเลหุบเหวลึก อีกส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขาอยากให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรั้งอยู่ในเมือง! เช่นนี้แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็จะสร้างคุณูปการได้อย่างจำกัด มีเพียงแค่คุณูปการจากกระบวนท่าทางด้านวิญญาณเท่านั้น
ขณะนี้
เจ้าทะเลหุบเหวลึกพูดเสียงก้องกังวานว่า “สหายทั้งสามของข้าต้องสิ้นใจด้วยน้ำมือเจ้า”
“ข้าทำเองคนเดียวไม่ไหวหรอก” ตงป๋อเสวี่ยอิงแหงนหน้ามอง
“หากไม่มีเจ้า พวกเขาก็คงไม่ตาย! ครั้งนี้ข้าจะต้องโจมตีเมืองเมฆาแดงให้แตก ส่วนเจ้า จ้าวหิมะเหิน ข้าจะขยี้ให้ตายด้วยมือข้าเอง” นัยน์ตาเยียบเย็นของเจ้าทะเลหุบเหวลึกเต็มไปด้วยแววอาฆาต
“อ้อเหรอ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะสิ้นใจด้วยน้ำมือของผู้บำเพ็ญอย่างพวกเราเหมือนสหายของเจ้าก็ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว เขาไม่เป็นห่วงตนเองเลย อันที่จริงแล้ว เมื่อตกที่นั่งลำบาก อย่างมากก็กระตุ้นรอยประทับขึ้นมาแล้วจากโลกนี้ไปก็เท่านั้น แม้จะรู้สึกผิดต่อผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ในโลกทิพย์อยู่บ้าง แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ไม่หนีก็ต้องตาย! ตนก็ทำได้เพียงเลือกหนีไปจากโลกใบนี้เท่านั้น
แน่นอนว่า ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จะตกที่นั่งลำบากนั้นต่ำมาก
“เฮอะๆ อย่างนั้นหรือ”
เสียงตะคอกอย่างกราดเกรี้ยวราวกับเสียงสายฟ้าฟาดที่สะท้อนก้องอยู่กลางฟ้าดิน
จากนั้นมือคู่หนึ่งก็ลงมาจากฟากฟ้า! กลางมือใหญ่มีเปลวเพลิงสีแดงเข้มลุกโชน แผดเผาอากาศจนเผยให้เห็นอักขระลับซึ่งดุจดั่งโซ่ตรวนพันพาดกันแน่นขนัดไปหมดอยู่ด้านนอก ผนึกโลกทั้งใบเอาไว้
มือใหญ่คู่นั้นใหญ่ราวร้อยลี้…นิ้วมือแต่ละนิ้วราวกับกระบี่มหึมา แทงตรงไปทางที่ครอบแสงชั้นแล้วชั้นเล่าเหนือตัวเมือง
“ฟึ่บๆๆ…”
ที่ครอบแสงถูกแทงทะลุราวยี่สิบชั้น
เหล่าผู้บำเพ็ญกลับถอนหายใจออกมา พลังของเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้ลดลงสามส่วน แต่ภัยคุกคามที่มีต่อค่ายกลป้องกันเมืองกลับลดลงมากกว่าหนึ่งเท่าเสียอีก เนื่องจากยิ่งยกระดับขึ้นไปมากกเท่าไหร่ พลังทำลายล้างที่มีต่อค่ายกลของเมืองก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาก บัดนี้โจมตีสุดกำลังก็ยังแทงทะลุค่ายกลได้ราวยี่สิบชั้นเท่านั้นเองน่ะหรือ เพียงพริบตาก็คงจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้แล้ว!
“พลังของเขาลดลงอย่างมาก พวกเราจะต้องสามารถสังหารเขาได้แน่” ใบเมฆาวายุถ่ายเสียงให้ผู้บำเพ็ญทั้งหลาย “ทำตามแผน ฆ่ามัน”
“ฆ่ามัน”
“ฆ่ามัน”
“ฆ่ามัน”
ผู้บำเพ็ญทั้งหลายทะยานขึ้นสู่ฟ้าอย่างรวดเร็วจนแน่นขนัดไปหมด ก่อนจะแบ่งออกเป็นกองกำลังสามกอง แน่นอนว่ายังมีผู้บำเพ็ญอีกสองร้อยกว่าคนรั้งอยู่บนคูหาของตนเองในเมืองพวกเขารั้งอยู่ในเมืองก็เพื่อรักษาค่ายกลทั้งเมืองเอาไว้อย่างสุดกำลัง! แม้ตัวค่ายกลเองจะสามารถดูดซับพลังโลกาได้อยู่แล้ว แต่การจะให้ค่ายกลหมุนเวียนได้ถึงขั้นสุด ก็ยังต้องการผู้ควบคุม
สองร้อยกว่าคนนี้มีพลังระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายแทบทั้งหมด จึงไม่มีประโยชน์อะไรต่อค่ายกลรบนัก
ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในกองกำลังเดียวกับใบเมฆาวายุ เนื่องจากในฐานะที่ ‘ใบเมฆาวายุ’ เป็นหัวใจหลักของกองกำลังนี้ จึงทำให้กองกำลังย่อยนี้สำแดงพลังออกมาได้ค่อนข้างสูง แข็งแกร่งกว่ากองกำลังย่อยที่อูเสี่ยวและจักรพรรดิชิงสวรรค์บัญชาการอยู่เล็กน้อย
“โลกลวง ร่อนลงไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงออกไปทันที
ตู้มมม….
โลกลวงมหึมาซึ่งมีขอบเขตพื้นที่ถึงล้านลี้ร้อนลงไป
อันที่จริงแล้วขอบเขตล้านลี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตนัก หากอยู่ในโลกกำเนิดบ้านเกิดหรือดินแดนจิตโลกา นี่ก็ถือว่าเป็นขอบเขตที่เล็กมาก ในโลกอสนีบาตก็นับได้เพียงว่าเป็นบริเวณที่ค่อนข้างใหญ่เท่านั้น จะมีก็แต่ใน ‘โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ’ ซึ่งมีการกดดันที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งเท่านั้น ที่สามารถปกคลุมบริเวณล้านลี้ได้อย่างน่ากลัว ต้องรู้ไว้ว่าทั้งเมืองเมฆาแดงมีขอบเขตเพียงแสนกว่าลี้เท่านั้น
บริเวณนี้ปกคลุมทั่วทั้งเมือง รวมถึงหลายแสนลี้โดยรอบด้วย
แม้เจ้าทะเลหุบเหวลึกจะสูงตระหง่านถึงหนึ่งพันสองร้อยลี้แต่เมื่อเทียบกับบริเวณล้านลี้แล้ว ก็เล็กกว่ามากมายนัก! สิ่งมีชีวิตคละถิ่นรอบกายเขาจำนวนมากต่างก็ได้รับผลกระทบ เมื่อประสบกับการฉุดดึงของโลกลวงอันใหญ่โต พลังก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อสิ่งมีชีวิตคละถิ่นฝูงใหญ่ที่พลังลดลงอย่างมากเผชิญหน้ากับกองกำลังผู้บำเพ็ญนับพันซึ่งรวมตัวกันเป็นค่ายกลรบ ก็ไม่เป็นอุปสรรคเลยแม้แต่น้อย
“นี่คือกระบวนท่าทางด้านวิญญาณของจ้าวหิมะเหินหรือ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกสัมผัสได้แล้ว วิญญาณของเขาแข็งแกร่งมากจึงย่อมไม่แยแส แต่เขาเห็นว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นรอบกายทั้งหลายพลังลดลงกันถ้วนหน้า “ร้ายกาจโดยแท้”
นัยน์ตาของเจ้าทะเลหุบเหวลึกมีแววแปลกพิกลสายหนึ่งวาบผ่าน
“จ้าวหิมะเหิน! ต้องฆ่าให้ตาย หากฆ่าเขาแล้ว พวกผู้แกร่งกล้าคละถิ่นที่อยู่ลับๆ จะต้องแค้นเคืองหาใดเปรียบแน่นอน” เจ้าทะเลหุบเหวลึกพอจะเดาได้ว่า ผู้ที่มีด้านวิญญาณเยี่ยมยอดเช่นนี้ จะต้องทำให้ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นหลายท่านจับตามองเป็นแน่
แต่จับตามองแล้วอย่างไรเล่า
ขอเพียงออกกระบวนท่าได้รวดเร็วพอแล้วสังหารในพริบตา! จะป้องกันก็คงไม่ทันเสียแล้ว!
………………………