Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 49 ถอย!
กองกำลังย่อยสามกองที่ประกอบด้วยผู้บำเพ็ญเมืองเมฆาแดงทั้งหลายถลาขึ้นสู่ฟ้า แล้วพุ่งตรงเข้าไปหาเจ้าทะเลหุบเหวลึก!
แม้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนมากที่อยู่อีกฟากหนึ่งจะถาโถมเข้ามาขัดขวางอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อได้รับผลกระทบจากโลกลวงที่ฉุดรั้งวิญญาณ ในการต่อกรระดับนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากมายนัก นัยน์ตาของผู้บำเพ็ญแต่ละคนเต็มไปด้วยความรอคอยและแรงปรารถนา ผู้แกร่งกล้าระดับยอดทั้งหลายเช่นใบเมฆาวายุ อูเสี่ยวและตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็ร้อนรุ่มในใจ หมายจะอาศัยศึกนี้คว้าโอกาส ‘กระโดดออกจากกรงขัง สำเร็จขั้นคละถิ่น’
“ฮ่าฮ่า ตายให้หมด” เจ้าทะเลหุบเหวลึกร้องคำราม เสียงประหนึ่งสายฟ้าฟาด มือใหญ่ทั้งคู่ของเขากวัดแกว่งเข้ามาตามอำเภอใจ
การต่อสู้ปะทุขึ้นมาแล้ว!
……
ขณะเดียวกัน
ผู้บำเพ็ญอีกสี่เมืองที่เหลือก็อยู่ระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังเมืองเมฆาแดง ผู้บำเพ็ญ ‘เมืองยามเที่ยง’ อยู่ใกล้ที่สุด ส่วนผู้บำเพ็ญ ‘เมืองจันทร์ยะเยือก’ อยู่ไกลที่สุด พวกเขารวมตัวกันขึ้นเป็นค่ายกลรบ แล้วปะทุความเร็วสูงสุดออกมาอย่างเต็มกำลังเพื่อเร่งเดินทางไป! เพราะ ‘ค่ายกลรบ’ ที่ผู้บำเพ็ญนับพันรวมตัวกันขึ้นมานี้ ขอเพียงหลบเลี่ยงรังของนักโทษคละถิ่นไปได้ก็ไม่ต้องกลัวอันตรายใดแล้ว
สิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วไปต่างก็รับคำสั่งมา ระหว่างที่มุ่งหน้าไปยังเมืองเมฆาแดงกันเป็นจำนวนมากจึงไม่เกิดแรงคุกคามต่อผู้บำเพ็ญทั้งสี่เมืองมากสักเท่าใดนัก
รอให้ถึง ‘เมืองเมฆาแดง’ แล้ว เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วนนอกเมืองเมฆาแดงเข้า ก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่อยู่บ้าง
“พวกเขาลงมือแล้ว”
“ผู้บำเพ็ญเมืองเมฆาแดงลงมือได้รวดเร็วจริงๆ”
บรรดาผู้บำเพ็ญทั้งสี่เมืองมีจักรพรรดิเทพระดับครบสมบูรณ์อยู่มากมาย ในจำนวนนั้นก็มีผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการสอดส่องอยู่ด้วย! อย่างเมืองเมฆาแดงมี ‘กระจกมาร’ อีกสี่เมืองที่เหลือก็มีวิธีการของตนเอง
พวกเขาต่างก็มองดูสงครามใหญ่ในเมืองเมฆาแดงอยู่ห่างๆ
“มีจ้าวหิมะเหินอยู่ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั่วไปพวกนั้นก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรแล้วจริงๆ กองกำลังย่อยสามกองของเมืองเมฆาแดงกำลังล้อมโจมตีเจ้าทะเลหุบเหวลึกอย่างบ้าคลั่งอยู่”
“หากพวกเขาสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้สำเร็จจริงๆ เช่นนั้นการต่อสู้ก็ยุติแล้ว พวกเราก็เดินทางมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ!” เหล่าผู้บำเพ็ญทั้งสี่เมืองมองดูอยู่ไกลๆ พลางวิพากษ์วิจารณ์กันเบาๆ
พวกเขาไม่อยากให้เมืองเมฆาแดงพ่ายแพ้!
แต่ก็ไม่หวังให้ทางฝ่ายเมืองเมฆาแดงสามารถสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้! ศึกชิงมหาวิถี พวกเขาจะต้องแก่งแย่งชิงดีกัน เพื่อที่จะช่วงชิงโอกาสให้ได้สักครั้ง!
เมืองเมฆาแดงเป็นฝ่ายได้เปรียบ แล้วยังสังหารไม่ได้ เช่นนั้นก็จะดีที่สุด! รอให้พวกเขาไปถึงก็จะไปเข้าร่วมด้วย
“อะไรกัน”
“กระบวนท่าป้องกันของเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้ก็ร้ายกาจเช่นนี้เชียวหรือ”
“นี่ นี่…”
“แข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาออกตระเวนครั้งก่อนไม่น้อยเลยทีเดียว การโจมตีของทางฝ่ายเมืองเมฆาแดงแค่พอจะทำให้ผิวเขาปริแตกออกมาได้อย่างพอถูไถเท่านั้นเองน่ะหรือ”
ผู้บำเพ็ญทั้งสี่เมืองพากันตกอกตกใจใหญ่
******
ณ เมืองเมฆาแดง
สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยรอบมากมายโหมซัดเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าราวกับคลื่นสมุทร
กองกำลังย่อยสามกองของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงราวกับมังกรสามตัวเคลื่อนไหวอยู่ มังกรแต่ละตัวยาวพันลี้ โอบล้อมเจ้าทะเลหุบเหวลึกและล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
“เสียฝาน” ใบเมฆาวายุเป็นหัวใจหลักของกองกำลังย่อยกองหนึ่ง เขาควบคุมมังกรทั้งตัวเอาไว้พลางถ่ายเสียงให้เสียฝาน
“รู้แล้ว”
กรงเล็บขวาของเทพมารเสียฝานยื่นออกไป อานุภาพจำนวนมากของทั้งค่ายกลรบเริ่มรวมตัวกันบนร่างของเขา แต่ข้างกายเขายังมีผู้บำเพ็ญระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์อยู่หลายคนและสำแดงกระบวนท่าออกมาเช่นเดียวกัน มีอานุภาพบางส่วนรวมตัวกันบนร่างของผู้บำเพ็ญเหล่านี้ ผู้บำเพ็ญกว่าร้อยคนสำแดงการโจมตีออกมาพร้อมกัน! อานุภาพของค่ายกลรบราวสองส่วนอยู่บนร่างของเสียฝาน อานุภาพส่วนที่เหลือกระจัดกระจายกันอยู่บนร่างของผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ กว่าร้อยคน
มิใช่ว่าไม่อยากให้อานุภาพทั้งหมดรวมอยู่บนร่างของคนหนึ่งคน เพียงแต่อานุภาพของค่ายกลรบร่วมโจมตีของผู้บำเพ็ญนับพันน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว ลำพังแค่เพียงคนเดียวไม่มีทางทนรับได้เลย!
ตู้มๆๆ…
การโจมตีมากมายกระหน่ำลงบนร่างของเจ้าทะเลหุบเหวลึก ซึ่งในจำนวนนั้นกรงเล็บของเสียฝานก็ได้ทำให้เกิดบาดแผลขึ้นสายหนึ่ง
“หิมะเหิน” ใบเมฆาวายุถ่ายเสียงพูดทันที
“มาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงถือหอกยาวเอาไว้ในมือ ทันใดนั้นหอกยาวของเขาก็กวัดแกว่งคราหนึ่ง ทั้งร่างมีชั้นหยดน้ำอันแปลกประหลาดชั้นหนึ่งปกคลุมเอาไว้! ซึ่งก็คือเคล็ดลับหยดน้ำที่ได้รับรู้จากซากเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน เคล็ดลับนี้มีอานุภาพแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เฉียบคมหาใดเปรียบ แต่วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงแข็งแกร่งพอ ระดับขั้นก็ยังนับว่าสูงส่ง และปรับเปลี่ยนอานุภาพราวสองส่วนของค่ายกลรบได้แล้วสำแดงออกมาผ่านหอกยาว
ช่วยไม่ได้
อานุภาพของค่ายกลรบเพียงสองส่วนกว่าๆ ก็คือขีดจำกัดที่เขาสามารถปรับเปลี่ยนได้แล้ว อานุภาพยิ่งใหญ่เกินไป ทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งหามดเปรียบ
บรรดาจักรพรรดิเทพระดับครบสมบูรณ์ใต้บังคับบัญชาของเขาต่างก็หยิบยืมอานุภาพแล้วสำแดงการโจมตีออกมา
“ฟึ่บๆๆ…” หอกยาวคมกริบเชือดเฉือนผิวหนังช่วงเอวของเจ้าทะเลหุบเหวลึก ผิวหนังนั้นคมกริบหาใดเปรียบ เหนือผิวยังมีลำแสงเป็นล้านๆ ชั้นซ้อนทับกันแล้วก่อให้เกิดผนังเยื่อขึ้นมา แต่ก็ยังคงถูกหอกยาวซึ่งมีหยดน้ำชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่บาดจนเกิดบาดแผลสายหนึ่งขึ้นมา บาดแผลนั้นยาวราวสิบกว่าลี้ ลึกกว่าหนึ่งลี้ แต่ก็จนใจที่สำหรับเจ้าทะเลหุบเหวลึกซึ่งมีร่างสูงกว่าหนึ่งพันสองร้อยลี้แล้ว บาดแผลเล็กน้อยเท่านี้นับได้เพียงว่าทำให้ผิวหนังปริแตกเล็กน้อยเท่านั้น
บาดแผลเล็กน้อยเท่านี้ เจ้าทะเลหุบเหวลึกคร้านที่จะไปขัดขวาง
สามค่ายกลรบ!
มีเพียงการโจมตีที่เกิดจากอานุภาพของค่ายกลรบของใบเมฆาวายุ อูเสี่ยวและจักรพรรดิชิงสวรรค์ทั้งสามคนรวมตัวกันเท่านั้น เจ้าทะเลหุบเหวลึกจึงตั้งใจเข้าไปสกัดกั้น เวลาอื่นๆ เจ้าทะเลหุบเหวลึกกลับรุกโจมตีสุดกำลัง
“ไม่มีประโยชน์เลย”
“เขารับรู้กระบวนท่าป้องกันที่น่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้น เยื่อป้องกันเหนือผิวหนังของเขาร้ายกาจกว่าค่ายกลรบในครั้งที่แล้วมากทีเดียว”
“ท่านเจ้าเมือง ทำเช่นไรดี”
ทุกคนพากันร้อนใจขึ้นมา
แม้พวกเขากองกำลังย่อยทั้งสามล้อมโจมตีและเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ก็ไม่เห็นความหวังที่จะสังหารได้แม้แต่นิดเดียว
แฮ่…ตายเสียเถอะ!” เจ้าทะเลหุบเหวลึกคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เดิมทีเขาใช้สองมือ แต่บัดนี้กลับแปรเป็นร่างจริง มือทั้งสองมลายหายไป ร่างกายกลับมีหนวดรับสัมผัสสิบหกเส้นงอกขึ้นมา! ร่างจริงของเขาและรูปร่างในตอนนี้แตกต่างกันไม่มากนัก เพียงแต่ใบหน้าอัปลักษณ์ขึ้นมา และแขนทั้งสองกลายเป็นหนวดรับสัมผัสสิบหกเส้นเท่านั้น
เนื่องจากทั้งร่างมีโซ่ตรวนทะลุผ่าน การเปลี่ยนแปลงของร่างกายนี้ ทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มทวีขึ้นทันควัน บาดแผลที่ปริออกมาและสมานกันอย่างพอถูไถภายในร่างกายมีเลือดซึมออกมา
ต่อสู้จนถึงตอนนี้ อาการบาดเจ็บเพียงผิวหนังถลอกนั้น เขาสามารถฟื้นฟูได้ในพริบตา แต่อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการกลับคืนสู่ร่างจริงในตอนนี้ ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาไม่เบาเลยทีเดียว
แต่เมื่อกลับสู่ ‘ร่างจริง’ กลับสามารถทำให้พลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกไม่ยอมปล่อยเหล่าผู้บำเพ็ญตรงหน้าไป
“ระวัง” ใบเมฆาวายุถ่ายเสียงให้คนทั้งหมด
“ตู้ม…” หนวดรับสัมผัสสิบหกเส้นกวัดแกว่งขึ้นมา อานุภาพรุนแรงบ้าคลั่ง ทำให้คนตกใจ
มังกรสามตัวสังหารอย่างสุดกำลัง
เดิมทีเป็นฝ่ายได้เปรียบ ตอนนี้กลับเป็นรองอยู่บ้างแล้ว เพียงแต่กองกำลังย่อยของผู้บำเพ็ญทั้งสามกองร่วมมือกันได้อย่างพิสดาร ด้วยระดับขั้นของพวกเขา ต่อให้รวมตัวกันกว่าหมื่นปี ก็ไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดได้
“สมควรตาย” เจ้าทะเลหุบเหวลึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากห้ำหั่นกันชั่วขณะ
หากคงร่างจริงเอาไว้ อาการบาดเจ็บก็จะทวีคูณขึ้นทุกชั่วขณะ เหล่าผู้บำเพ็ญนั้นยินดีจะห้ำหั่นอย่างยาวนาน! แต่เจ้าทะเลหุบเหวลึกกลับเห็นว่ามิอาจสังหารได้ในชั่วพริบตา ร่างกายของเขากลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง ยังคงมีแขนสองข้าง อย่างน้อยภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ ร่างกายของเขาก็สามารถคงเอาไว้ได้โดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ
“ท่านเจ้าเมือง ทำอย่างไรดี พวกเราสังหารเขามิได้”
“สังหารไม่ได้เลย”
“ตอนนี้เขามิได้ปรากฏร่างจริงแล้ว ต่อให้ห้ำหั่นไปนานกว่านี้ ก็ไม่มีผลกระทบอันใดต่อเขาอยู่ดี”
ผู้บำเพ็ญแต่ละคนไม่ยอมจำนนใจเป็นอย่างมาก
ใบเมฆาวายุ อูเสี่ยว ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูเจ้าทะเลหุบเหวลึกร่างสูงตระหง่านตรงหน้า ในใจไม่ยอมจำนนเป็นอย่างมาก
“พลังของเขายกระดับขึ้นจากครั้งก่อนอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่อานุภาพของกระบวนท่าโจมตีเท่านั้นที่ยกระดับขึ้น แต่ยังรับรู้กระบวนท่าป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นด้วย” ใบเมฆาวายุถ่ายเสียงพูด “ถอยกันก่อนเถอะ”
“ถอย!”
“ถอย!”
แม้จะไม่ยอมจำนนใจ แต่กองกำลังย่อยทั้งสามก็ยังคงเริ่มถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว
ยามนี้เจ้าทะเลหุบเหวลึกยังเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่เล็กน้อย กองกำลังย่อยทั้งสามของเมืองเมฆาแดงจะถอยไปก็ย่อมง่ายดายมาก พวกเขาถลาลงไปเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ทะลุผ่านที่ครอบแสงเหนือเมืองเมฆาแดง แม้ที่ครอบแสงเมืองเมฆาแดงจะสกัดกั้นศัตรูภายนอก แต่พวกผู้บำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับสามารถทะลุผ่านไปได้อย่าง่ายดายโดยไม่ถูกสกัดกั้นเลยแม้แต่น้อย
……
กลับไปในเมืองเมฆาแดง
ผู้บำเพ็ญทั้งหลายปลอดภัยหมดแล้ว แต่ทุกคนกลับอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย
เพราะเดิมทีพวกเขาคิดว่าจะสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกให้ได้ในรวดเดียว พวกเขายังตั้งตารอคอยว่า เมื่อเทียบกับการออกตระเวนครั้งก่อน เจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้อาจจะสามารถรับรู้กระบวนท่าการโจมตีอันร้ายกาจได้ แต่ทางด้านการป้องกันก็ไม่แน่ว่าจะยกระดับขึ้นด้วย หากเป็นเช่นนั้นแล้ว จากประสบการณ์ในครั้งก่อน ครั้งนี้ก็น่าจะสังหารได้สำเร็จ แต่ความเป็นจริงก็คือ…เจ้าทะเลหุบเหวลึกนั้นก้าวหน้าขึ้นอย่างรอบด้าน
“เห็นทีคงจะต้องรอผู้บำเพ็ญเมืองอื่นๆ มาถึงแล้วเคลื่อนไหวพร้อมกันกระมัง” เสียฝานเงยหน้ามองเจ้าทะเลหุบเหวลึกสูงตระหง่านผู้นั้นแล้วเอ่ยปากว่า “อาศัยแค่เมืองเมฆาแดงของพวกเรา สังหารเขามิได้แน่”
“กองกำลังย่อยของพวกเราตั้งสามกองยังทำไม่สำเร็จ ต่อให้มีหกกองกำลังย่อย เก้ากองกำลังย่อยมาแล้ว…เกรงว่าก็คงจะล้มเหลวเช่นกัน” อูเสี่ยวพูดเสียงเรียบ “เจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้รู้แจ้งกระบวนท่าการป้องกันแบบใหม่ กระบวนท่าป้องกันนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เมื่อครู่ก็มีเพียงข้า เมฆาวายุและชิงสวรรค์สามคนเท่านั้น เมื่อพวกเราสามคนอาศัยพลังของค่ายกลรบโจมตี เขาก็แค่โบกมือออกมาสกัดกั้นเล็กน้อยเท่านั้น การโจมตีของคนอื่นๆ เขาล้วนแต่ใช้ร่างกายต้านรับทั้งสิ้น! การโจมตีของคนอื่นๆ ทำให้ผิวหนังถลอกไปบ้าง ด้วยพลังฟื้นฟูของเขา ก็สามารถทำให้ทุลาลงไปได้อย่างง่ายดาย ต่อให้มีผู้บำเพ็ญมาอีกสามสี่เมือง จะสังหารเขาน่ะหรือ ก็ยังยากมากอยู่ดี”
“อื้ม”
ทุกคนในที่นั้นพากันพยักหน้า
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยอมรับว่า กองกำลังย่อยจะมีสามกอง เก้ากอง สิบสองกองหรือสิบห้ากอง จะแตกต่างกันได้มากนักหรือไร อาจจะเป็นภัยคุกคามมากขึ้นหลายเท่าก็จริง แต่ก็มิได้เกิดความเปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้! ด้วยวิธีการป้องกันของอีกฝ่าย ความเป็นไปได้ที่จะสังหารเขาก็ยังต่ำมากอยู่ดี
“จะสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกมีสองวิธีด้วยกัน” ใบเมฆาวายุเอ่ย “วิธีแรกก็คือรอ รอให้ผู้บำเพ็ญจากเมืองอื่นๆ มาถึง กองกำลังย่อยหลายกอง จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ…พวกเราก็จะได้เปรียบในการจัดการกับเจ้าทะเลหุบเหวลึกมากขึ้นเรื่อยๆ! ไม่แน่ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง อาจจะถึงขีดจำกัดที่เขาสามารถทนรับได้ และสังหารเขาได้ในที่สุด”
ทุกคนในที่นั้นมิได้พูดอะไร วิธีการพรรค์นี้ก็ได้แต่ ‘ลองดู’ เท่านั้น
“วิธีที่สองก็คือขัดเกลาค่ายกลรบขนาดใหญ่กว่าเดิมขึ้นมา” ใบเมฆาวายุกล่าว “ข้าได้ยินมาว่า นานแสนนานก่อนหน้านี้ เหล่าผู้บำเพ็ญในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญของยุคนั้นเคยสร้าง ‘ค่ายกลผลาญชีพห้าธาตุ’ ขึ้นมา ซึ่งเกิดจากเหล่าผู้บำเพ็ญของสถานที่รวมตัวทั้งห้าในตอนนั้นรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดก็สามารถสำแดงออกมาได้อย่างพอถูไถ อานุภาพแตกต่างจากกองกำลังย่อยเดี่ยวๆ จากแก่นแท้ ท้ายที่สุดแล้วก็สามารถสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกแห่งยุคนั้นได้ในรวดเดียว พวกเราก็สามารถลองดูได้เช่นกัน”
“ค่ายกลผลาญชีพห้าธาตุ ข้ารู้จัก” จักรพรรดิชิงสวรรค์เอ่ย “แต่นั่นก็คือค่ายกลรบซึ่งมีผู้บำเพ็ญที่ทางด้านค่ายกลร้ายกาจที่สุดห้าท่านเป็นหัวใจหลัก ตอนนี้ทั้งห้าท่านนั้น…เหลือเพียงสองท่านเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ ยากยิ่งที่จะสำแดงออกมาได้ ทั้งยังต้องใช้ผู้บำเพ็ญจำนวนมากอย่างยิ่ง ผู้แกร่งกล้าระดับยอดก็ต้องใช้ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบคน!”
“อย่างน้อยวิธีที่สองนี้ก็มีหวังมากกว่า” อูเสี่ยวเอ่ยปาก
…………………