Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 53 เหยียบย่างบนเส้นทางนี้ ไม่มีวันนึกเสียใจ!
- Home
- Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน
- ตอนที่ 53 เหยียบย่างบนเส้นทางนี้ ไม่มีวันนึกเสียใจ!
เพราะว่าการผลาญสังหารผู้บำเพ็ญทุกคน เจ้าทะเลหุบเหวลึกต้องการเพียงแค่ก้าวหนึ่งก้าว สังหารหนึ่งคนเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องระเบิดความเร็วอย่างสุดกำลัง เขาดูเหมือนกระทั่งว่ากำลังเดินเล่นในสวนก็มิปาน
คนร่างยักษ์สูงตระหง่านความสูงแปดพันลี้ ดูคล้ายว่าจะเชื่องช้า แต่อันที่จริงแล้วแม้แต่เวลาก็ยังได้รับผลกระทบ ในเวลาชั่วพริบตาเดียวก็เหยียบผู้บำเพ็ญตายไปอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยคนแล้ว
“ฟิ้ว” ผู้บำเพ็ญที่บินทะยานอยู่ด้านหลังเขาแต่ละคนถูกเหยียบตายอย่างต่อเนื่อง สำหรับเจ้าทะเลหุบเหวลึกแล้ว เขาถึงกับรังเกียจที่จะสำแดงเคล็ดวิชาอื่นๆ เพียงแค่เหยียบให้ตายอย่างง่ายๆ เท่านั้นก็ใช้ได้แล้ว
“ข้าหนีไม่พ้นแล้ว”
จักรพรรดิเป่ยเหอก็ตระหนักในใจเป็นอย่างดี
“ข้าเป่ยเหอ ยามที่อ่อนแอก็กระเสือกกระสนอยู่ที่ดินแดนจิตโลกา พอพลังยุทธ์กล้าแกร่งแล้วจึงกลับมายังหุบเขาเขี้ยวหัก ข้ารุ่งโรจน์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาระดับจักรพรรดิของหุบเขาเขี้ยวหัก แม้กระทั่งห้ายอดเคารพก็ยังมิกล้าละเลยข้าเลย”
“เพื่อเข้าไปยังสถานที่ต้องห้ามทางเดินเขี้ยวอสรพิษ ข้าจึงได้ช่วงชิงหยาดน้ำพันเนตรมาจากอิงซานเสวี่ยอิง”
“ข้าเข้าไปในทางเดินเขี้ยวอสรพิษ จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าไปเสี่ยงอันตรายในก้อนหินใหญ่ก้อนนั้น”
“โลกอสนีบาต! โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ!”
“ข้าจะหยุดยั้งลงด้วยเหตุนี้หรือ”
“ไม่ยอมจำนน ไม่ยอมจำนนจริงๆ” จักรพรรดิเป่ยเหอเอ่ยพึมพำ ถ้าหากเพื่ออิทธิพล เพื่อความสุขสันต์ ตอนนั้นเขาย่อมไมมีทางทรยศต่อตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างแน่นอน
สิ่งที่เขา จักรพรรดิเป่ยเหอไขว่คว้าอยู่ตลอดกาลก็คือขั้นสุดยอดของเส้นทางการบำเพ็ญ ไขว่คว้าการเป็นยอดเคารพ ไขว่คว้าการหนีออกจากกรงขังสำเร็จสิ่งมีชีวิตคละถิ่น!
บนเส้นทางสายนี้ เขามุ่งไปข้างหน้าไม่มีถอยกลับ ปรารถนาจะใช้ความเป็นความตายไปบุกเบิกเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไป
เพียงแต่ว่าวันนี้… เส้นทางนี้ ในที่สุดก็จะหยุดยั้งลงแล้ว เพราะว่าชีวิตของเขากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
“อย่างน้อยชีวิตนี้ของข้าก็วิเศษมากพอแล้ว ชนเผ่าหุบเขาเขี้ยวหักจำนวนนับไม่ถ้วน จะมีสักกี่คนกันที่สำเร็จเป็นยอดเคารพได้ และจะมีสักกี่คนที่เคยมีประสบการณ์สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกากันเล่า” จักรพรรดิเป่ยเหอมองดูเท้าใหญ่มหึมาที่เหยียบลงมาจากฟากฟ้า ในห้วงสมองพลันรำลึกถึงภาพเหตุการณ์มากมาย ยามอ่อนแอที่ใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนจิตโลกาอย่างระแวดระวัง ตรากตรำบำเพ็ญ ยกระดับขึ้นมาทีละก้าวๆ การห้ำหั่นต่อสู่ต่างๆ นานา การวางแผนต่างๆ มากมาย…
เท้าใหญ่เหยียบลงมา! สะท้อนอยู่ในดวงตาของจักรพรรดิเป่ยเหอ มุมปากของจักรพรรดิเป่ยเหอปรากฏเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
ฟึ่บ!
จักรพรรดิเป่ยเหอกลายเป็นผุยผงแล้วหายสาบสูญไปในระหว่างฟ้าดินทันที
จากนี้ไป จักรพรรดิเป่ยเหอดับสูญ ก็ไม่มีผู้บำเพ็ญลำดับนี้อีกต่อไปแล้ว
……
การตายของจักรพรรดิเป่ยเหอก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาเหลือเกินในขณะนี้ เพราะภายใต้การเดินเล่นในสวนของเจ้าทะเลหุบเหวลึก ผู้บำเพ็ญแต่ละคนดับสูญไปอย่างต่อเนื่อง จักรพรรดิเป่ยเหออาจเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศในหุบเขาเขี้ยวหัก แต่กลับธรรมดาทั่วไปยิ่งนักในที่แห่งนี้
มีเพียงแค่ตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้นที่วิ่งพล่านอยู่ด้านหน้า เขาระแวดระวังเจ้าทะเลหุบเหวลึกที่อยู่ด้านหลังตลอดเวลา ก็ย่อมสังเกตเห็นจักรพรรดิเป่ยเหออยู่แล้ว
จักรพรรดิเป่ยเหอมิได้มีร่างแยกเหมือนกันกับเขา
“ก็ตายไปเช่นนี้น่ะหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ
“ถึงแม้ว่าเขาจะโหดเหี้ยมไร้ปรานี ลงมือโดยไม่เลือกวิธีการ แต่ก็มีจิตใจแน่วแน่ในการบำเพ็ญเป็นอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจด้วยเหตุนี้ จากนั้นก็ไม่คิดอะไรมากอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าผู้บำเพ็ญที่ดับสูญไปมากมายเหลือเกิน มีจำนวนมากที่ต่างก็เป็นคนรู้จักของเขาที่โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ
……
ระยะเวลาเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็เหยียบผู้บำเพ็ญตายไปกว่าพันคนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาก้าวย่างอย่างสบายๆ แต่เหล่าผู้บำเพ็ญกลับดับสูญไปมากมายเหลือเกินแล้ว เช่นนี้หากนับขึ้นมา ผู้บำเพ็ญเกือบสองหมื่นคนก็มิอาจต้านทานได้นานสักเท่าใดแล้ว
บนเส้นทางนี้ของตงป๋อเสวี่ยอิง ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ธรรมดาทั่วไปดูเหมือนว่าจะตายไปจนหมดสิ้นแล้ว เหลืออยู่เพียงแค่สิบกว่าคนที่มีอัตราเร็วสูงสุด และสุดยอดผู้แกร่งกล้าจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่กำลังหลบหนีอยู่
“จะมาถึงข้าแล้วหรือ” จักรพรรดิกานฉวีหันหน้าไปมอง ในที่สุดก็หยุดลง
“ถ้าหากข้าสามารถใช้พลังทำลายกฎได้ เช่นนั้นก็จะสามารถไปถึงระดับเจ้าดินแดนโดยตรง สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาที่พลังยุทธ์ถูกกดดันตนหนึ่งย่อมมิใช่ภัยคุกคามอยู่แล้ว” จักรพรรดิกานฉวีเอ่ยพึมพำ แววตาของเขามีประกายอันน่าหวาดหวั่นลุกโชน เดินบนเส้นทางการบำเพ็ญมาจนถึงวันนี้ การไขว่คว้าอย่างหลงใหลตลอดระยะเวลาอันยาวนานล้วนกำลังแผดเผา เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย จักรพรรดิกานฉวีก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง
ถ้าไม่บรรลุก็ต้องตาย!
ความหวังในการบรรลุอาจไม่ถึงหนึ่งในล้านล้านเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ยังคงดิ้นรนต่อสู้อยู่เช่นเดิม
ฝ่าเท้าใหญ่เหยียบลงมา
จักรพรรดิกานฉวีจ้องมอง จ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ปึง”
จักรพรรดิกานฉวีดับสูญ!
“น้องกานฉวี” จ้าวสวรรค์พิสุทธิ์ที่วิ่งหนีไปยังอีกทิศทางหนึ่งมองดูอย่างเจ็บปวดขมขื่น
“น้องกานฉวีก็ไปแล้วเช่นกัน”
“อีกคนหนึ่งแล้ว”
พูดถึงชื่อเสียงทางด้านอิทธิพลของจักรพรรดิกานฉวีนั้นแกร่งกว่าจักรพรรดิเป่ยเหอมากมายเหลือเกิน การดับสูญของเขาก่อให้เกิดความเศร้าโศกขึ้นในใจของผู้บำเพ็ญมากมาย พวกเขาทอดถอนใจเพราะการตายของจักรพรรดิกานฉวี แต่ก็เข้าใจว่าเกรงว่าอีกไม่นานก็จะถึงคราวของพวกเขาแล้ว
……
ปึงๆๆ…
ทิศทางที่ตงป๋อเสวี่ยอิงหนีมานี้ ผู้ที่ถูกเหยียบตายไปในวันนี้มิใช่ระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ที่มีความเร็วสูงสุด ก็คือเหล่าสุดยอดผู้แกร่งกล้า แต่ละคนมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่
แต่ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถต้านทานได้ สามารถมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมาได้
ปาฏิหาริย์ จะเป็นปาฏิหาริย์ได้อย่างไรกัน ในท้ายที่สุดก็ปรากฏขึ้นมาได้ยากเย็นเกินไปเสียแล้ว!
การบำเพ็ญ… ในท้ายที่สุดแล้วก็ยังต้องอาศัยการสั่งสมอยู่ดี! ถ้าหากตนเองสั่งสมไม่เพียงพอ ต่อให้ความตายมาเยือน นึกอยากจะบรรลุอย่างนั้นหรือ ในความเป็นจริงก็เป็นภาพลวงตาแล้ว! ผู้ที่สามารถบรรลุได้เมื่อเผชิญกับความตายมากมาย นั่นก็คือผู้ที่เดิมทีก็สั่งสมมามากเพียงพอแล้ว ขาดก็เพียงแค่ก้าวสุดท้ายเท่านั้นเอง
“บำเพ็ญมาจนกระทั่งบัดนี้ ไม่มีทางนึกเสียใจ ไม่มีทางนึกเสียใจแล้ว!” รองเจ้าเมืองสวินอี้หัวเราะเสียงดัง มองดูเท้าของเจ้าทะเลหุบเหวลึกที่สูงตระหง่านเหยียบลงมา
สวินอี้ก็คือรองเจ้าเมืองของเมืองยามเที่ยง
ทั้งยังเป็นผู้ตระหนักวิถีทางสายห้วงอากาศด้วย! พูดถึงการสั่งสมวิถีอากาศยังลึกล้ำกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่มากพอสมควร เพียงแต่ลำพังแค่ด้านความเร็ว ถึงแม้ว่าจะนับว่าเขารวดเร็ว แต่ก็ยังเชื่องช้ากว่าตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่พอสมควร ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตระหนักรู้เคล็ดลับหยดน้ำจาก ‘ซากเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันแล้ว
ความเร็วจึงได้พุ่งทะยานขึ้น
ลำพังแค่ความเร็ว อย่างเช่นเจ้าเมืองสามท่านของเมืองเมฆาแดงในตอนนั้น ผู้ที่มีความเร็วมากกว่าเจ้าเมืองภายในเมืองเมฆาแดงก็มีอยู่มากพอสมควรทีเดียว
แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญต่างกัน!
“ปึง”
เท้าหนึ่งเหยียบย่างลงมา
สวินอี้หัวเราะเสียงดัง ถึงขนาดที่รอบๆ ตัวเขามีห้วงอากาศชั้นแล้วชั้นเล่าปรากฏขึ้น ทั้งยังทดสอบสำแดงเคล็ดวิชา แต่ก็ยังคงแหลกสลายไปจนหมดสิ้น
นี่คือรองเจ้าเมืองคนแรกของเมืองทั้งห้าที่ดับสูญไป
……
ปึงๆๆ…
หลังจากที่รองเจ้าเมืองสวินอี้ดับสูญไปแล้ว ผู้แกร่งกล้าคนอื่นๆ แต่ละคนก็ดับสูญไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาผู้บำเพ็ญที่วิ่งหนีไปยังทิศทางอื่นๆ ทวีความโศกเศร้าอย่างยากที่จะรับได้
“เป็นจ้าวหิมะเหิน”
“จ้าวหิมะเหินก็กำลังจะตายแล้วใช่หรือไม่”
ถึงแม้ว่าผู้บำเพ็ญมากมายจะวิ่งหนีไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน ทว่าแต่ละคนต่างก็คอยสังเกตเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นั้น ก็มองเห็นว่าบนเส้นทางสายนั้น เจ้าทะเลหุบเหวลึกใกล้จะมาถึงตัวตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นผู้ที่มีความเร็วเป็นลำดับสองทางด้านการเหินทะยานหลบหนีบนเส้นทางสายนั้น
พูดถึงชื่อเสียงอิทธิพลของจ้าวหิมะเหินก็ยิ่งใหญ่มากกว่าเสียอีก!
ความสำเร็จทางด้านวิญญาณของเขานั้นทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญของเมืองทั้งห้าทั่วทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญอดที่จะนับถือมิได้ วิญญาณก็คือพื้นฐานของชีวิต สามารถมีความสำเร็จถึงเพียงนี้ทางด้านวิญญาณได้นั้นช่างล้ำเลิศยิ่งนัก! สามารถพูดได้ว่า…ในครึ่งเดือนมานี้ จ้าวหิมะเหินก็คือผู้ที่เปล่งประกายเจิดจรัสที่สุดของทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญแล้ว
ผู้บำเพ็ญของเมืองอื่นๆ อีกสี่แห่งต่างก็อิจฉาเหล่าผู้บำเพ็ญของเมืองเมฆาแดง เพราะว่าเมืองเมฆาแดงมีจ้าวหิมะเหินอยู่
“เขาก็จะถูกเหยียบตายแล้วเช่นกันหรือ”
“เฮ้อ ต่อให้พรสวรรค์ล้ำเลิศ พูดถึงการดับสูญ สุดท้ายแล้วก็ต้องดับสูญอยู่ดี ในการเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่แท้จริง การต้านทานทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเรื่องน่าขันทั้งสิ้น”
แต่ละคนให้ความสนใจ
ใบเมฆาวายุ เสียฝาน อูเสี่ยว จักรพรรดิชิงสวรรค์และคนอื่นๆ ทั้งยังมีผู้แกร่งกล้ามากมายของเมืองอื่นๆ อีกสี่แห่งที่ต่างก็กำลังดูภาพเหตุการณ์นั้นอยู่เช่นเดียวกัน
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็หยุดลง ไม่หนีอีกต่อไปแล้ว
เขาหมุนกายเผชิญกับด้านหลัง มองดูเจ้าทะเลหุบเหวลึกร่างสูงตระหง่านที่ตาตุ่มเกือบจะถึงชั้นเมฆ ปึงๆๆ สุดยอดผู้แกร่งกล้าที่อยู่ห่างออกไปดับสูญไปอย่างต่อเนื่องกันอีกสามท่าน จากนั้นเท้าใหญ่ข้างนั้นก็ปรากฏสู่สายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงในทันใด ปกคลุมท้องฟ้า ท้องฟ้าก็ราวกับเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน เท้าใหญ่เคลื่อนต่ำลงมา…
ในขณะนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เศร้าโศกเพราะตนเอง ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่ร่างแยกร่างหนึ่งเท่านั้น
เพียงแต่ว่าที่ยืนอยู่ที่นี่ในตอนนี้ บนเส้นทางที่ตนเองวิ่งหนีเส้นนี้ ผู้บำเพ็ญหนึ่งพันกว่าคนถูกเหยียบตายไปจนหมดสิ้นแล้ว ทั้งที่สามัญธรรมดาอย่างจักรพรรดิเป่ยเหอ ยังมีสุดยอดผู้แกร่งกล้าอย่างเช่นจักรพรรดิกานฉวีเป็นต้น ทั้งยังมีผู้ที่พลังยุทธ์ระดับเจ้าเมืองอย่างสวินอี้ด้วย! พลังยุทธ์ของพวกเขาอาจจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ทว่าแต่ละคนต่างก็พรสวรรค์ล้ำเลิศน่าหวาดหวั่นทั้งสิ้น
พวกเขามาจากโลกที่แตกต่างกัน มีประสบการณ์แตกต่างกัน แต่ก็มีจิตใจมุ่งมั่นบนวิถีเฉกเช่นเดียวกัน
พวกเขามุ่งมาดปรารถนา พวกเขาไขว่คว้า ไขว่คว้าการหนีออกจากกรงขังสำเร็จเป็นคละถิ่น
ก้าวย่างบนเส้นทางสายนี้…
พวกเขาล้วนเตรียมตัวเตรียมใจรับความตายเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว
เช้ายังได้เห็น เย็นกลับสิ้นลม
พวกเขาตาย ก็สามารถตายได้อย่างสงบ ตายด้วยรอยยิ้มได้
“เกิดมา ตายไป แต่พวกเขาต่างก็เต็มอกเต็มใจก้าวย่างบนเส้นทางสายนี้กันทั้งสิ้น ไม่มีวันนึกเสียใจหรอก!” ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้ามอง มองดูเท้าใหญ่ข้างนั้นเหยียบลงมาแล้วเผชิญหน้าอย่างสงบนิ่ง
มีบางเวลาที่เผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่แท้จริง มิอาจต้านทานได้
ทว่าตนเองกลับสามารถเลือกได้ว่าจะใช้สภาวะเช่นไรไปเผชิญ
“มดปลวกที่อ่อนแอยิ่งกว่านี้ ในใจของเขาเอง ตัวเขาเองก็สามารถไร้ซึ่งศัตรูได้”
“อิสรภาพ”
“อิสรภาพ”
นัยน์ตาตงป๋อเสวี่ยอิงมีประกายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ปึง!
เท้าใหญ่เหยียบลงมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลายเป็นผุยผงไปเสียแล้ว!
ในขณะนี้เอง เหล่าผู้บำเพ็ญที่กำลังสังเกตดูเจ้าทะเลหุบเหวลึกอยู่ต่างก็พากันทอดถอนใจ ผู้ล้ำเลิศน่าอัศจรรย์อย่าง ‘จ้าวหิมะเหิน’ ก็ดับสูญไปเสียแล้ว!
…………………………