Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 57 สำเร็จขั้นคละถิ่นในที่สุด (2)
ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านที่เงียบสงัด ตงป๋อเสวี่ยอิงสุขล้นหัวใจ เขาพบว่ามีสิ่งที่สามารถรับรู้และขัดเกลาได้มากมายยิ่งนัก
“เอ๊ะ”
สมาธิของตงป๋อเสวี่ยอิงจดจ่ออยู่กับทางด้านการหลอมรวม ‘กายหยาบและวิญญาณ’ แทบจะในทันที
เนื่องจากเมื่อเขาเพิ่งผลักดัน ก็เกิดความคิดต่างๆ ที่จะหลอมรวม ‘วิถีอากาศ’ ในห้วงสมองซึ่งเพิ่งจะบรรลุระดับครึ่งคละถิ่นเข้ากับ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ขั้นสุดยอดทันที
“กายหยาบหลอมรวมกับวิญญาณ ทางเส้นนี้สามารถดำเนินต่อไปได้”
ร่างแยกทั้งหลายในโลกกำเนิดบ้านเกิดและดินแดนจิตโลกาต่างก็พยายามรับรู้ในเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง
เนื่องจากทางเส้นนี้เป็นเส้นทางที่จะกระโดดออกจากกรงขังและสำเร็จขั้นคละถิ่นได้
“เอ๊ะ”
ผลักดันออกมาเล็กน้อย
ด้วยระดับขั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ เขาก็ตั้งตารอคอยอยู่ในใจ
วิถีเขตลวงโลกเทียม ‘ขั้นสุดยอด’ นั้นเป็นตัวแทนของครบสมบูรณ์บนเส้นทางวิถีเขตลวงโลกเทียมนี้!
ส่วน ‘ระดับครึ่งคละถิ่น’ ทางด้านวิถีอากาศ อันที่จริงแล้วกลับดูดซับความเร้นลับของกฎเกณฑ์อื่นๆ บนพื้นฐานของวิถีอากาศ ‘ขั้นสุดยอด’ เดิม ผู้บำเพ็ญทางสายวิถีอากาศอย่างงป๋อเสวี่ยอิง จ้าวเลี่ยซีและสวินอี้ แม้พวกเขาต่างก็เลือกเส้นทางของตนบนพื้นฐานของวิถีอากาศจนบรรลุระดับครึ่งคละถิ่นได้ แต่เส้นทางของพวกเขากลับไม่เหมือนกัน
เส้นทางของตงป๋อเสวี่ยอิงก็คือให้วิถีอากาศก้าวหน้าไปถึงระดับ ‘อากาศคละถิ่น’ หากใช้พลังทำลายกฎ ทุกความเคลื่อนไหวก็ล้วนมีพลังคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุด
“ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกว่าวิถีอากาศบรรลุถึงระดับครึ่งคละถิ่น ก้าวหน้าจนมิอาจก้าวหน้าได้อีกแล้ว ข้างหน้าก็ไม่มีเส้นทางให้ไปแล้ว”
“ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเส้นทางวิญญาณหลอมรวมกับมัน จะสามารถทำให้วิถีอากาศเปลี่ยนแปลงจากแก่นแท้ได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยินดีปรีดาจนล้นใจ
เหมือนกับวาดมังกรแล้วเติมตา แม้จะเป็นมังกรที่วาดออกมาด้วยกลเม็ดที่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ก็ยังคงเป็นวัตถุอันไร้ชีวิต แต่เมื่อ ‘เติมตา’ ลงไป มังกรก็ราวกับมีวิญญาณขึ้นมา ทำลายข้อจำกัด แล้วทะยานขึ้นไปสู่ระดับใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แต่สำหรับ ‘วิถีอากาศ’ ระดับครึ่งคละถิ่นแล้ว วิถีเขตลวงโลกเทียมระดับครบสมบูรณ์ขั้นสุดยอดก็คือการเติมตา!
“กายหยาบของข้า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขั้นสัมผัสได้ว่า บัดนี้กายหยาบที่บรรลุถึงขั้นสุดของตน หลังจากวิญญาณบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว กายหยาบหลอมรวมกับวิญญาณ เมื่อผลักดันวิญญาณ กายหยาบและวิญญาณก็เริ่มช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และค่อยๆ เกิดการวิวัฒน์ไป
“ก่อนหน้านี้วิถีอากาศได้ดูดซับความเร้นลับทั้งหลายเอาไว้ จึงบรรลุถึงระดับครึ่งคละถิ่น ขอเพียงดูดซับวิถีเขตลวงโลกเทียมขั้นสุดยอดหลอมรวมเข้าไป ก็จะเข้าถึง ‘วิถี’ ระดับคละถิ่นและใช้พลังทำลายกฎได้!” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นเป็นอันมาก ทางเส้นนี้มองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงขั้นสำแดงออกมาได้สบายๆ
กายหยาบและวิญญาณหลอมรวมกัน ก็คือมหาวิถี!
พวกมันช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่แล้วโดยกำเนิด
เมื่อหลอมรวมกับก็ราบรื่นยิ่งนัก!
“เส้นทางระดับคละถิ่น” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้น ผู้บำเพ็ญมากน้อยเท่าไหร่ที่ปรารถนา อย่างสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด ก็ล้วนขุดค้นพลังสายเลือดของตนขึ้นมา เมื่อขุดค้นถึงขีดสุดก็ยังคงสำแดงพลังสายเลือด ยังคงค้นคว้าตัว ‘วิถี’ เองไม่มากพออยู่ดี
เท่าที่เขาได้ล่วงรู้จากโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ…
มีเพียงเจ้าดินแดนเท่านั้นที่เข้าถึงวิถีระดับคละถิ่นได้! แต่ละคนมีวิธีการอันน่าเหลือเชื่อ
“แม้จะราบรื่นมาก”
“การหลอมรวมของกายหยาบและวิญญาณเป็นเส้นทางอันราบเรียบ ข้ารู้สึกว่าเมื่อบำเพ็ญต่อไป ก็คงไม่พบอุปสรรคอันใด เชื่อว่าคงจะสามารถฝึกสำเร็จได้ในรวดเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้า ว่ายามนี้เขากำลังก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา “ถึงอย่างไรวิถีระดับคละถิ่นกว้างขวางเกินไป ต่อให้ตอนนี้ข้าก้าวหน้าด้วยความเรวดุจเทพ ก็คาดว่าต้องใช้เวลาหลายพันล้านปีจึงจะสามารถหลอมรวมได้สำเร็จในท้ายที่สุด”
เนื่องจากราบรื่นยิ่งนัก จึงสามารถคาดการณ์ได้ว่าตนต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะ ‘ใช้พลังทำลายกฎ’ ได้!
หลายพันล้านปี
ทำให้ผู้บำเพ็ญที่ไม่เคยกระโดดออกจากกรงขังคนหนึ่ง ผลักดันวิถีระดับคละถิ่นออกมาได้ ความเรวในการบำเพ็ญเช่นนี้นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว สำหรับผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่ง เวลาหลายพันล้านปีช่างแสนสั้นนัก
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงอารมณ์ดียิ่งนัก ยามนี้มิติคละถิ่นและกาลมิติอันไร้ที่สิ้นสุด…กลับยังไม่รู้ว่าภายในโลกกำเนิดที่จวนจะแตกสลายครั้งใหญ่แห่งหนึ่ง กำลังจะมีเจ้าดินแดนคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว!
“เก็บเป็นความลับไว้ก่อน แพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด”
“หากเปิดเผยออกไปเมื่อไหร่ ไม่แน่ว่าอาจจะมีพวกสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นที่ไม่อยากให้มีเจ้าดินแดนคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา คิดหาวิธีกำจัดข้าก่อนก็เป็นได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
แค่ตัวเขาเองไม่พูด ผู้ใดจะล่วงรู้ได้เล่า
ยิ่งไปกว่านั้น
วิญญาณของเขาสามารถหลอมรวมเข้าไปในแหล่งต้นกำเนิดโลกได้ หากแหล่งต้นกำเนิดโลกไม่สลายไป เขาก็ไม่ตาย! ร่างแยกของเขาแบ่งออกไปอยู่ในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ ดินแดนจิตโลกาและโลกกำเนิดบ้านเกิด คิดจะกำจัดเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“เส้นทางวิญญาณช่างน่ากลัวแท้ๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบอุทานในใจ “เมื่อสำเร็จขั้นสุดยอดก็เรียกได้ว่าเป็นอมตะ หากรวมกับกายหยาบครึ่งคละถิ่นก็ยิ่งสามารถใช้พลังทำลายกฎได้”
ตัวเขาเองเข้าใจว่า
เส้นทางวิญญาณขั้นสุดยอดน่าหวาดหวั่นกว่า ‘วิถีอากาศ’ บรรลุระดับครึ่งคละถิ่นมากมายยิ่งนัก ในภายหน้าตนสามารถใช้พลังทำลายกฎสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนได้ เป็นผลมาจาก ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ถึงเก้าจุดเก้าส่วน
จวบจนบัดนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตแรกในมิติคละถิ่นอันไร้ขอบเขตที่บำเพ็ญเส้นทางวิญญาณจนถึงขั้นสุดยอดได้!
“แหล่งต้นกำเนิดโลก”
เพียงชั่วความคิดเดียวของตงป๋อเสวี่ยอิง
วิญญาณก็สามารถหลอมรวมเข้าไปใน ‘แหล่งต้นกำเนิดโลก’ ของโลกกำเนิดบ้านเกิดได้อย่างง่ายดาย ‘แหล่งต้นกำเนิดโลก’ ของโลกกำเนิดดูเหมือนจะเล็กมาก เล็กจนถึงขั้นวัตถุใดๆ ก็มิอาจเข้าไปได้ มันเล็กกว่าอณูหมอกดำทรงกลมเสียอีก! แต่ก็ดูเหมือนจะใหญ่มาก…เนื่องจากมันหลอมรวมเข้ากับทุกหนแห่งของโลกกำเนิด พละกำลังของมันปกคลุมทั่วทั้งโลกกำเนิด
มิอาจบรรยายขนาดของมันอย่างแม่นยำได้
มันคือต้นกำเนิด หัวใจหลักและรากฐานของโลกกำเนิด!
“เป็นแหล่งต้นกำเนิดโลกที่แข็งแกร่งนัก” หลังจากวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงหลอมรวมเข้ากับแหล่งต้นกำเนิดโลกแล้ว เขาก็อดรำพึงออกมามิได้
หากพูดถึงขนาดล้วนๆ
โลกที่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นบางคนสร้างขึ้นมา ใหญ่กว่าโลกกำเนิดเสียด้วยซ้ำ แต่โดยทั่วไปแล้วโลกแบบนั้นล้วนแต่หยาบมาก! อย่าง ‘ดินแดนจิตโลกา’ ซึ่งโลกกำเนิดมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง อันที่จริงแล้วก็มีเพียงเจ้าดินแดนเก่าแก่ที่สุดอย่าง ‘หยวน’ เท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังมีมูลค่ามหาศาลอีกด้วย
แหล่งต้นกำเนิดโลกของโลกกำเนิดนั้นไม่หยาบเลย กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่แฝงอยู่ภายในช่างสมบูรณ์แบบนัก
วิถีสายแล้วสายเล่าล้วนแต่เป็นครบสมบูรณ์ขั้นสุดยอด
วิถีมากมายรวมตัวกันเข้ามา…
ก่อให้เกิดเป็นกฎเกณฑ์แหล่งต้นกำเนิดโลก มันเคลื่อนไหวไปโดยสัญชาตญาณตามธรรมชาติ ดูดซับพลังในมิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัด หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตในโลกกำเนิด
“เพียงแต่ว่าโลกกำเนิดบ้านเกิดผุพังเสียแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าโลกกำเนิดอันใหญ่โตผุพังไป ทั้งยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถึงท้ายที่สุดจะต้องแตกสลายอย่างแน่นอน หลังจากแตกสลายไปแล้ว พลังทั้งหมดก็จะถูกดูดกลืนกลับสู่ ‘แหล่งต้นกำเนิดโลก’ ซึ่งแหล่งต้นกำเนิดโลกจะทำให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่ความอลวนและดูดซับพลังคละถิ่นจากโลกภายนอก ให้กำเนิดโลกอันสมบูรณ์แบบขึ้นมาอีกครั้ง
โลกผุพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้มันสลายไป แล้วให้กำเนิดโลกใบใหม่ขึ้นมาเถิด
นี่ก็คือการหมุนเวียนตามสัญชาตญาณของแหล่งต้นกำเนิดโลกอย่างหนึ่ง
“ต่อให้ผุพังไปแล้ว แหล่งต้นกำเนิดโลกก็ได้รับความเสียหาย แต่พลังแหล่งต้นกำเนิดโลกก็ยังคงแข็งแกร่งเกินไปอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงทอดถอนใจ บัดนี้ทำได้เพียงปรับเปลี่ยนพลังแหล่งต้นกำเนิดบางส่วนได้อย่างพอถูไถเท่านั้น แต่เขารู้สึกว่า…แข็งแกร่งกว่าโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญเป็นพันเป็นหมื่นเท่า ช่วยไม่ได้ โลกทั้งสองใบแตกต่างกันเกินไปแล้ว
“เอ๊ะ”
ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำหนดจิตคราหนึ่ง
ปลดปล่อยบริเวณเขตลวงโลกเทียมของตนออกมา…
ฟิ้ว
บริเวณเขตลวงโลกเทียมใหญ่โตเกินไปแล้ว! ต้องรู้ไว้ว่า ตอนที่วิถีอากาศของตงป๋อเสวี่ยอิงยังไม่บรรลุถึงขั้นสุดยอด เมื่อร่างแยกทั้งหลายรวมตัวกันขึ้นมา บริเวณอากาศก็แผ่คลุมอากาศอันสับสนอลหม่านไปกว่าครึ่งแล้ว
แต่บัดนี้ บริเวณ ‘เขตลวงโลกเทียม’ ขั้นสุดยอด…ก็แผ่คลุมไปทั่วทั้งโลกกำเนิดภายในชั่วความคิดเดียวแล้ว ทั้งยังเหมือนจะมีพลังเหลืออีกด้วย! เห็นได้ชัดว่าขอบเขตเล็กน้อยเท่านี้ ยังไม่ถึงขีดจำกัดของบริเวณเขตลวงโลกเทียมในตอนนี้เลย
“นี่คือรูปร่างของบ้านเกิดข้าหรือ” บริเวณเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิงปกคลุมทั่วทั้งบ้านเกิด และปกคลุมผืนดินอลหม่านจำนวนนับไม่ถ้วนนั้นด้วย จักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วน ภายในจักรวาลต่างๆ…มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากมายยิ่งนัก
ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตธรรมดาสามัญทั้งมวล
ไปจนถึงเหล่าเทพจักรวาล แต่ละชีวิตล้วนอยู่ภายใต้การปกคลุมของเขตลวงของตงป๋อเสวี่ยอิง แม้จะปกคลุมอยู่ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมิได้ฉุดรั้งวิญญาณของพวกเขาเข้าสู่ภาพลวง
เพียงแค่ปกคลุมเพื่อสำรวจดูเท่านั้น…
“ช่างมีสีสันหลากหลายจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงชื่นชม ยามนี้เขาสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกกำเนิดได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดอย่างจอมกระบี่ก็ยังมิอาจต้านทานบริเวณเขตลวงในตอนนี้ได้ ทำให้พวกเขาจมดิ่งลงไปได้อย่างง่ายดาย! ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมสามารถควบคุมสรรพชีวิตได้ผ่านบริเวณเขตลวง
“โอ๊ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงนัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมา เขาคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง จึงตื่นเต้นขึ้นมาทันที หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้น เสียงดังตึ้กตั้กๆ
“ตามตำนาน เผยแพร่ความเชื่อ! ทำให้สรรพชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนนับถือและสวามิภักดิ์ ปณิธานของสรรพชีวิตก็ส่งผลกระทบต่อปณิธานของโลก จนสามารถทำให้แหล่งต้นกำเนิดโลกศิโรราบได้ และสามารถหลอมแปรได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นเจ้าโลกา และอาศัยสิ่งนี้สำเร็จขั้นคละถิ่นได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ เมื่อโลกกำเนิดแห่งหนึ่งวิวัฒน์ไปจนถึงช่วงท้าย สิ่งมีชีวิตมากมายจนถึงขีดจำกัดที่โลกสามารถรับได้ ปณิธานของสิ่งมีชีวิตเป็นตัวแทนแห่งปณิธานของพลังแหล่งต้นกำเนิดส่วนใหญ่! สรรพชีวิตสวามิภักดิ์ ก็ย่อมเท่ากับแหล่งต้นกำเนิดโลกศิโรราบแล้ว
“ทางสายนี้ยากเกินไปแล้ว”
“โลกกำเนิดแต่ละแห่งมีส่วนที่ยากแตกต่างกันไป อย่างบ้านเกอดของข้า บัดนี้พลังแหล่งต้นกำเนิดส่วนใหญ่มีจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วนบ่มเพาะอยู่” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ
ภายในโลกกำเนิด จักรวาลดูเหมือนจะเล็กและอ่อนแอ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่มีจำนวนมากมายนัก!
จักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วนจึงจะเผาผลาญพลังแหล่งต้นกำเนิดโลกไปเป็นส่วนใหญ่
“อันที่จริงแล้ว ในจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้ที่เผาผลาญพลังแหล่งต้นกำเนิดไปมากที่สุดก็คือคนธรรมดานี่แหละ!” เนื่องจากวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงหลอมรวมเข้าไปในแหล่งต้นกำเนิดโลก จึงสามารถวิเคราะห์ออกมาได้อย่างง่ายดาย
ก็เหมือนกับ…
สรรพชีวิตธรรมดาสามัญนับร้อยล้านชีวิต จึงจะมีเหนือธรรมดาถือกำเนิดขึ้นสักคนหนึ่ง! เหนือธรรมดาจำนวนมากมายจึงจะมีเทพถือกำเนิดขึ้นสักคนหนึ่ง
เทพจำนวนมหาศาลจึงจะมีเทพโลกาถือกำเนิดขึ้นสักคนหนึ่ง
เทพโลกาจำนวนมหาศาลจึงจะมีเทพแท้ถือกำเนิดขึ้นสักคนหนึ่ง
เมื่อพูดจากมุมมองของพลังแหล่งต้นกำเนิดโลก พลังของแหล่งต้นกำเนิดโลกที่วิญญาณของสรรพชีวิตธรรมดาสามัญนับร้อยล้านชีวิตเผาผลาญไปนั้นมากกว่าเหนือธรรมดาคนหนึ่งเผาผลาญไปมากมายนัก
พลังแหล่งต้นกำเนิดโลกที่เทพโลกาจำนวนมหาศาลเผาผลาญไป รวมกันแล้วก็มากกว่าเทพแท้คนหนึ่งมากมายนัก
ดังนั้น…
อย่างน้อยโลกกำเนิดบ้านเกิดของตน พลังแหล่งต้นกำเนิดโลกกว่าแปดส่วนก็อยู่บนร่างของคนธรรมดา!
หากจะส่งผลกระทบต่อปณิธานโลกให้ได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องส่งผลกระทบต่อปณิธานของคนธรรมดาจำนวนนับไม่ถ้วน ที่จนใจที่สุดก็คือ อายุขัยของพวกเขาสั้นมาก ต่อให้ส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหนึ่ง หลังจากคนรุ่นนี้สิ้นใจไปแล้ว รุ่นใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา ก็ต้องส่งผลกระทบต่อไปอีก
“คิดจะอาศัยการเผยแพร่ความเชื่อ แล้วปกครองโลกกำเนิดแห่งหนึ่งในท้ายที่สุด วิธีการอันแสนหยาบเถื่อนของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ช่างน่าขันนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า เขาได้พบผู้แกร่งกล้าในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญมากมายยิ่งนัก ก็ยิ่งรู้สึกว่าวิธีการของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ช่างต่ำช้าเสียเหลือเกิน
“สรรพชีวิตสวามิภักดิ์ ก็เท่ากับแหล่งต้นกำเนิดโลกศิโรราบ”
“แต่ตอนนี้ข้า…สามารถทำให้สรรพชีวิตสวามิภักดิ์อย่างสิ้นเชิงได้แล้ว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจเต้นรัว
“ลองดูก็แล้วกัน”
จากนั้นเขาก็กำหนดจิตคราหนึ่ง
……
ในจักรวาลแห่งหนึ่ง
บนดาวเคราะห์แห่งหนึ่งในจำนวนนั้น
“การทดสอบเพื่อเข้าร่วมสำนักยุทธ์แห่งเมืองประจำตำบลของเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนต่อแถวยืนยันตัวตนแล้วค่อยเข้าไป” อาจารย์ประจำสำนักยุทธ์ท่านหนึ่งเอ่ยเสียงดัง คนวัยเยาว์กลุ่มหนึ่งด้านนอกเข้าแถวด้วยความตื่นเต้น รอบด้านยังมีทหารมากมายเตรียมพร้อมอยู่ การทดสอบเพื่อเข้าร่วมสำนักยุทธ์เป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองประจำตำบลเลยทีเดียว
ไม่ไกลออกไปนักยังมีบิดามารดาและผู้อาวุโสของเหล่าคนวัยเยาว์ทั้งหลายตั้งตารอคอยอยู่ด้วย
ทันใดนั้นบรรดาบิดามารดา ผู้ปกครองและทหารทั้งหลายไปจนถึงอาจารย์ประจำสำนักยุทธ์ต่างก็ตกเข้าสู่เขตลวงกันถ้วนหน้า
ไม่ใช่เพียงพวกเขาเท่านั้น
ทั้งเมืองประจำตำบล ทั้งอาณาจักร ไปจนถึงทั้งดวงดารา ทั้งจักรวาล! หรืออาจรวมถึงจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วน แผ่นดินอลหม่านและโลกทิพย์ด้วย…
ขณะนี้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงล้วนตกอยู่ในเขตลวง
ในเขตลวง…เบื้องหน้าของพวกเขาก็มีชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น พวกเขาต่างก็ถูกสอดแทรกความคิดหนึ่งเข้าไป ว่าชายหนุ่มอาภรณ์ขาวตรงหน้าผู้นี้มีนามว่าตงป๋อเสวี่ยอิง ซึ่งเป็นประมุขของโลกกำเนิดแห่งนี้
“ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นประมุขของโลกกำเนิด!”
“ตงป๋อเสวี่ยอิงคือประมุขโลกกำเนิด!”
ยามนี้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนเชื่อมั่นเช่นนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ
……
แม้แต่บรรพชนเทียนอวี๋ จอมกระบี่และคนอื่นๆ ก็ล้วนตกเข้าสู่เขตลวงทั้งสิ้น ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมิได้ยัดเยียดความคิดให้พวกเขา เนื่องจากแหล่งต้นกำเนิดโลกที่เทพจักรวาลเหล่านี้สางผลกระทบ รวมกันแล้วยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วนเลย
“สำเร็จแล้ว”
ในขณะเดียวกับที่สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในโลกใบนี้เชื่อว่า ‘ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นประมุขโลกกำเนิด’ นั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สัมผัสได้แล้ว
แหล่งต้นกำเนิดโลกของโลกกำเนิด…ก็ได้อ้าแขนโอบกอดมาทางเขา และเชื่อว่าเขาคือประมุขของโลกกำเนิดแห่งนี้เช่นกัน
“ปณิธานของสรรพชีวิตก็คือปณิธานของโลก”
“สรรพชีวิตเชื่อว่าข้าคือประมุขโลกกำเนิด ข้าก็เป็นประมุขโลกกำเนิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม ไม่จำเป็นต้องสวามิภักดิ์ แค่เห็นตรงกันหมดก็ใช้ได้แล้ว
แต่กระนั้น การจะทำให้ถึงขั้นนี้ได้ก็ยากมากทีเดียว
แต่กระบวนท่าทางด้านวิญญาณขั้นสุดยอดกลับสำเร็จในทันที
“วิ้ง”
วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มหลอมแปรเป็นหัวใจหลักของแหล่งต้นกำเนิดโลก ก่อนหน้านี้ ในฐานะ ‘เทวทูตโลกา’ เขาก็แค่พอจะหลอมรวมเข้าไปได้อย่างพอถูไถเท่านั้น แต่ตอนนี้แหล่งต้นกำเนิดโลกเป็นฝ่ายเห็นเขาเป็นเจ้าของเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงหลอมแปรได้สบายยิ่งนัก…วิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงแทบจะหลอมแปรทั้งแหล่งต้นกำเนิดโลกได้ในชั่วอึดใจเดียว
ยามนี้ แหล่งต้นกำเนิดโลกก็ได้กลายเป็นร่างอีกร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงไปแล้ว
“ตู้ม!”
โลกกำเนิดอันกว้างใหญ่หาใดเปรียบ
ก็เหมือนกับกายหยาบของตน
“ช่างเป็นความรู้สึกที่พิสดารนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง ความรู้สึกว่าโลกกำเนิดก็คือกายหยาบ ตนถึงขั้นสามารถสัมผัสได้ถึงการผุพังของโลกกำเนิดแห่งนี้ มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเปราะบางลงเรื่อยๆ
แต่ต่อให้ผุพัง พลังแหล่งต้นกำเนิดโลกอันน่าหวาดหวั่นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็ว
ทำให้วิญญาณร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มเกิดการเหินทะยาน…
การเหินทะยานของระดับชีวิต!
ในฐานะประมุขแห่งโลกกำเนิด ก็ต้องเป็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่น หลังจากแหล่งต้นกำเนิดโลกกลายเป็นส่วนหนึ่งของตนแล้ว ก็ทำให้ระดับชีวิตของตนเหินทะยานขึ้นไปถึงระดับผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกา!
……………………