Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 59.1 ต้านทานไม่ไหวแล้ว! (1)
“บรรลุถึงระดับขั้นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น อีกทั้งวิญญาณสำเร็จขั้นสุดยอด เมื่อทั้งสองสิ่งรวมกัน ก็ไม่มีอุปสรรคใดเลย สามารถสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนได้อย่างง่ายดาย นี่คือเส้นทางอันราบรื่นแท้ๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบสงสัยอยู่ในใจ “ผู้ตระหนักวิถีระดับครึ่งคละถิ่นนั้นพบเห็นได้ทั่วไป ลำพังแค่โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญก็มีหลายสิบคนแล้ว ในมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดจะต้องมีมากกว่ามากมายยิ่งนัก แต่เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ขอเพียงเส้นทางวิญญาณบรรลุถึงขั้นสุดยอด ก็สามารถสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนได้แล้วอย่างนั้นหรือ”
แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีผู้ใดพูดเช่นนี้มาก่อน!
เช่นนั้นก็หมายความว่า…
ก่อนหน้าตน ก็คงจะมิมิผู้ใดสำเร็จมาก่อน!
มิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดอันกว้างใหญ่ไพศาล เป็นไปได้มากว่าผู้ที่วิญญาณบรรลุถึงขั้นสุดยอดมีแค่ตนคนเดียวเท่านั้น!
“ถูกต้อง”
“ดังนั้นเมื่อข้าใช้พลังโลกาต่อสู้กับเจ้าทะเลหุบเหวลึก เจ้าทะเลหุบเหวลึกจึงฉงนสงสัยมาตลอด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยได้ยินสถานการณ์แบบเดียวกันมาก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจ
******
ในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ
เจ้าทะเลหุบเหวลึกที่มีโซ่ตรวนแทรกไปทั่วทั้งร่างกำลังร้องคำราม โซ่ตรวนเส้นแล้วเส้นเล่าตรงแน่ว ทำให้ทุกการกระทำของเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้รับแรงช่วยเหลืออย่างมหาศาล รยางค์ทั้งสิบหกของเขากวัดแกว่งอยู่ระหว่างฟ้าดินพร้อมด้วยเสียงสะท้อนของโซ่ตรวน โจมตีไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง
“ปังๆๆ…”
ทั้งสองฝ่ายประมือกัน เสียงสะท้อนดังก้องไม่ขาดสาย
ยักษ์ร่างสูงแปดพันลี้สองตนกำลังต่อสู้กัน ผิวกายของเจ้าทะเลหุบเหวลึกมีอักขระลับรูปตารางจำนวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา ชั้นเยื่อผิวหนังของเขาแฝงไว้ด้วยความพิสดารอันไร้ที่สิ้นสุด ระหว่างการต่อสู้ อักขระลับต่างๆ ที่ไหลเวียนอยู่เหนือผิวกายก็มีความเร้นลับระดับคละถิ่นปรากฏขึ้น เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงเรียบง่ายกว่าอย่างเห็นได้ชัด! ยามนี้กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เป็นแม้แต่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นเสียด้วยซ้ำ! กระบวนท่าที่ใช้ในการต่อสู้ก็หยาบมาก ยังคงเป็นเพียงระดับครึ่งคละถิ่นเท่านั้น
เคราะห์ดีที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีพลังแหล่งต้นกำเนิดโลกบางส่วนเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย พลังโลกาทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา บวกกับข้อได้เปรียบทางด้านความเร็ว จึงสามารถสู้ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้…แปดกระบวนท่า สิบกระบวนท่า ก็ต้องมีสักกระบวนท่าที่ตงป๋อเสวี่ยอิงต้านเอาไว้ไม่อยู่
“ฟิ้ว”
รยางค์เส้นหนึ่งแทงตรงเข้ามาราวกับเงาลวง
หอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงกวัดแกว่งคราหนึ่งหมายจะต้านทานเอาไว้ แต่เมื่อรยางค์แทงเข้ามานั้น ก็ก่อให้เกิดรอยคลื่นอันแปลกประหลาด ราวกับระลอกที่กำลังโหมซัด ความเร็วก็ช้าบ้างเร็วบ้าง กาลมิติล้วนได้รับผลกระทบ ตงป๋อเสวี่ยอิงกวัดแกว่งหอกหนึ่งออกไปขัดขวางแต่กลับคว้าน้ำเหลวเสียแล้ว
“ฟึ่บ” รยางค์นั้นแทงตรงลงบนอกของตงป๋อเสวี่ยอิง เคราะห์ดีที่ทั้งร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงมีชั้นพลังโลกาอันหนาเตอะปกคลุมอยู่จนทั่ว หลังจากรยางค์แทงทะลุชั้นพลังโลกาได้อย่างพอถูไถแล้วก็แทงเข้าไปในแผ่นอกของตงป๋อเสวี่ยอิง ทว่ารอบแผลที่แทงเข้าไปก็มีพลังแหล่งต้นกำเนิดโลกคอยปรับเปลี่ยนพลังทั้งหมดแล้วกดดันเอาไว้ ทำให้บาดแผลมิได้ขยายออกไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงถอยหลังไป บาดแผลสมานกัน
“ความเร็วของข้าสูงกว่าเขามากมายถึงเพียงนี้ แต่ละกระบวนท่าของเขาเชื่องช้าถึงเพียงนั้น ข้ายังต้านทานเอาไว้ไม่ได้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกอดสูใจ ราวกับตนเป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่น กระบวนท่าทั้งหลายที่ตนภาคภูมิใจ เมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ายตรงข้าม ก็เหมือนกับเล่นตลกอย่างไรอย่างนั้น! เคราะห์ดีที่เป็นฝ่ายได้เปรียบทางด้านความเร็วอย่างสิ้นเชิง จึงสามารถสู้กันได้
“สวบๆๆ…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เอาข้อเด่นมาชดเชยข้อด้อย สำแดงข้อได้เปรียบทางด้านความเร็วออกมา เมื่อเจ้าทะเลหุบเหวลึกพยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง แต่สุดท้ายแล้วความเร็วก็ยังช้าเกินไปอยู่ดี ‘บุรุษชุดดำร่างผอมสูง’ ถึงขั้นลอบควบคุมค่ายกลโซ่ตรวนเหล่านั้น สายพลังที่ดึงรั้งนั้นแข็งแกร่งบ้าง อ่อนแอบ้าง ทำให้เจ้าทะเลหุบเหวลึกทั้งโมโห ทั้งอดสูใจ ข้อได้เปรียบมหาศาลทางด้านความเร็วทำให้เขาถูกกระบวนท่าเข้าไปบ้างเป็นบางครั้ง
“ฟึ่บ” หอกยาวแทงลงบนคอของเจ้าทะเลหุบเหวลึก
ผิวหนังทุกอณูบนร่างของเขาล้วนมีชั้นเยื่อผิวหนังหนาเตอะ เมื่อชั้นเยื่อผิวหนังถูกแทงทะลุเข้าไป ก็มีประกายน้ำอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นมาทันที ราวกับแท่นโม่ที่บดขยี้อานุภาพหอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิง! กระบวนท่าหนึ่งที่แฝงไว้ด้วยพลังโลกา…ก็ถูก ‘ชั้นเยื่อผิวหนัง’ เหนือผิวหนังสกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างสิ้นเชิงเช่นนี้เอง แม้แต่ผิวหนังก็ยังไม่ปริแตก
“แม้ค่ายกลปิดผนึกนี้จะกดดันพลังของเขา แต่กายหยาบของเขากลับยังคงแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้แจ้งในใจ ค่ายกลโซ่ตรวนที่ปิดผนึกในตอนนี้มิอาจทำให้เจ้าทะเลหุบเหวลึกบาดเจ็บได้ เพียงแค่กดดันอยู่บ้างเท่านั้น! บาดแผลบนกายหยาบของเจ้าทะเลหุบเหวลึกก็สมานกันอย่างสมบูรณ์ ยืนอยู่ตรงนั้นปล่อยให้ตงป๋อเสวี่ยอิงโจมตี ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิอาจโจมตีให้แตกพ่ายได้
นี่ก็คือพลังรบของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงที่แตกต่างกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาอย่างมหาศาล
……
ระหว่างที่กำลังประมือกันอย่างดุเดือดนั้น ขณะที่กำลังต้านทานการโจมตีของรยางค์ทั้งแปดอย่างสุดกำลังนั้น จู่ๆ ก็เกิดเสียงดัง “ปัง” ขึ้นมา หอกยาวในมือตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดออกกลายเป็นผุยผง ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงถอยกรูดไปจนระยะห่างระหว่างกันเพิ่มขึ้น
“อาวุธดีๆ สักชิ้นยังไม่มีเลย” เจ้าทะเลหุบเหวลึกยิ้มหยัน
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไร้หนทาง
หอกยาวในมือเกิดจากพลังแหล่งต้นกำเนิดโลกบางส่วนของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญแห่งนี้รวมตัวกันขึ้นมา ด้านนอกมีพลังโลกาชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่! ระดับความแข็งแกร่งย่อมมีจำกัด เป็นเพราะพลังที่เจ้าทะเลหุบเหวลึกสามารถสำแดงออกมาได้จัดว่าค่อนข้างต่ำ จึงยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้แล้วค่อยถูกระเบิดออก
“เอ๊ะ”
ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็หัวใจกระตุกวูบ เผยสีหน้ายินดีออกมา
ยามนี้ร่างแยกที่อยู่ไกลถึงโลกกำเนิดบ้านเกิดกลับอาศัยเขตลวงโลกเทียมแผ่คลุมทั้งโลกกำเนิด และใช้ปณิธานของสรรพชีวิตส่งผลกระทบต่อปณิธานของแหล่งต้นกำเนิดแห่งโลกกำเนิด และเริ่มหลอมแปรแหล่งต้นกำเนิดโลกขึ้นมา
“จะบรรลุแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจกระตุกวูบ แล้วก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย กายหยาบนี้แปรเป็นพลังโลกา กลับคืนสู่ฟ้าดิน วิญญาณหวนคืนสู่แหล่งต้นกำเนิดโลกของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญแห่งนี้
“เอ๊ะ”
“อาวุธระเบิดจึงหนีไปแล้วหรือ”
เจ้าทะเลหุบเหวลึกสะดุ้ง ผู้บำเพ็ญนามจ้าวหิมะเหินคนนี้หายวับไปกับตาอย่างนั้นหรือ
“ภายใต้กฎเกณฑ์ของข้าที่ปกคลุมอยู่ เขาหายตัวไปได้อย่างไรกัน” จนถึงตอนนี้ เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็ยังคงไม่เข้าใจ “ดูจากการประมือเมื่อครู่นี้ ระดับขั้นของเขาก็ยังคงเป็นเพียงระดับครึ่งคละถิ่นเท่านั้น อ่อนแอมาก กระบวนท่าก็หยาบ…หากมิใช่เพราะความเร็วสูงกว่าข้ามาก บวกกับที่รอบกายเขามีพลังโลกาอันเข้มข้นคุ้มกันอยู่ ข้าก็คงฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ ได้แล้ว”
ทันใดนั้นเจ้าทะเลหุบเหวลึกก็สีหน้าแปรเปลี่ยนไป เขาหันมองไปทิศหนึ่ง
“ตู้ม…”
ทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญกำลังสั่นสะท้าน ฟ้าดินบิดเบี้ยวเล็กน้อย พลังโลกาที่โหมซัดรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งกำลังถือกำเนิดขึ้น
“ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นหรือ” สีหน้าของเจ้าทะเลหุบเหวลึกเปลี่ยนแปรเล็กน้อย
“ไม่” เจ้าทะเลหุบเหวลึกเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นี่คือผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกา!”
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ร่างแยกที่อ่อนแอร่างหนึ่งของผู้แกร่งกล้าคละถิ่นจะดูดซับพลังคละถิ่นและค่อยๆ ยกระดับขึ้น ก็ต้องใช้เวลานานมากจึงจะสามารถกลายเป็นร่างแยกพลังรบหลักได้
มีเพียงเมื่อระดับชีวิตเหินทะยานขึ้นไปเท่านั้น จึงจะดูดกลืนพละกำลังทั้งหมดได้อย่างบ้าคลั่ง!
อย่างบรรพชนงูเก้าเศียรที่บรรลุและสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง
อย่างเจ้าทะเลหุบเหวลึกที่บรรลุถึงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกา ต่อให้โลกกดดันอยู่ ก็ยังคงสามารถดูดกลืนพละกำลังทั้งหมดลงไปได้
การบรรลุระดับชีวิตเช่นนี้…การดูดซับนั้นเกินจริงมาก สามารถยกระดับขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้นอย่างยิ่ง!
“ตรงนั้นมีผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกาคนหนึ่งกำลังถือกำเนิดขึ้นมา” เจ้าทะเลหุบเหวลึกมั่นใจหาใดเปรียบ พลังโลกาที่โหมซัดนั้นถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย ปริมาณที่ถูกดูดกลืนเข้าไปนั้นมากมายยิ่งนัก ทำให้แหล่งต้นกำเนิดโลกของทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญกำลังดูดซับพลังคละถิ่นของมิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัดจากทั่วทุกสารทิศในโลกภายนอกอย่างบ้าคลั่ง
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่บนทุ่งร้างอันกว้างใหญ่ไพศาล ควบคุมพลังโลกาให้ตัดขาดจากรอบด้าน มิให้ผู้อื่นสอดแนมได้
“ร่างแยกพลังรบหลัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ร่างแยกพลังรบหลักนี้ ครองพลังเก้าส่วนของปัจจุบันนี้
ส่วนร่างแยกทั้งหลายในโลกกำเนิดบ้านเกิดและในดินแดนจิตโลกา เมื่อรวมกันแล้วก็มีพลังเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ช่วยไม่ได้ แม้ร่างแยกทั้งหลายจะกระจัดกระจายกันไปตามที่ต่างๆ แต่อันที่จริงแล้วก็มีสติรับรู้ร่วมกัน เป็นร่างหนึ่งเดียวกัน! พลังที่สามารถทนรับได้ในตอนนี้จึงถึงขีดจำกัดแล้ว
“หากข้ามีเวลาเพียงพอ ก็สามารถขุดค้นความพิสดารต่างๆ มากมายที่แฝงอยู่ในร่างกายและวิญญาณ” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายหน้ายิ้มๆ “ทว่าก็ไม่จำเป็นหรอก บัดนี้สมาธิแทบทั้งหมดของข้าก็ล้วนใช้ไปกับการทำให้ ‘วิถีอากาศ’ และ ‘วิถีเขตลวงโลกเทียม’ ผสานรวมกันให้ได้โดยเร็วที่สุดกระมัง เพียงสองชั่วยามก็สามารถรวมกันได้สำเร็จและเข้าถึง ‘วิถี’ ระดับขั้นคละถิ่นแล้ว”
“พลังในตอนนี้เพียงพอจะจัดการกับเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมั่นใจในตนเอง
ให้อย่างไร เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาหน้าใหม่เท่านั้น
ตนก็เช่นกัน!
นอกจากนี้พลังของตนยังไม่ถูกสิ่งใดกดดันหรือพันธนาการอีกด้วย
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่ในพริบตาคราหนึ่ง ก็มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของเจ้าทะเลหุบเหวลึกอีกครั้ง
******
เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง และมาอยู่ต่อหน้าเจ้าทะเลหุบเหวลึก เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่วิญญาณอาวุธอย่าง ‘บุรุษชุดดำร่างผอมสูง’ และบรรดาผู้แกร่งกล้าคละถิ่นทั้งหลายที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ ก็ตกใจเช่นกัน
“ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกา!”
“เขาบรรลุแล้วหรือ”
“รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“จะหลอมแปรแหล่งต้นกำเนิดโลกก็ต้องค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อปณิธานของสรรพชีวิต นี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานานแสนนานยิ่งนัก เหตุใดเขาจึงรวดเร็วถึงเพียงนี้ได้เล่า”
แม้อยู่ในมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุด ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นบางคนกระจัดกระจายกันอยู่ตามสถานที่เร้นลับต่างๆ เมื่อพวกเขาได้เห็นผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกาคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ก็ปีติยินดีเป็นอย่างมาก! เพียงแต่การบรรลุของตงป๋อเสวี่ยอิงรวดเร็วเกินไปแล้ว!
……………