Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 60.2 อาวุธ (2)
“ข้าย่อมทำสุดกำลังแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “ใช่แล้ว ผู้ลาดตระเวนฉื้อเฟิง ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องการให้ผู้ลาดตระเวนฉื้อเฟิงช่วยเหลือ”
“พูดมาได้เต็มที่” นักพรตฉื้อเฟิงเอ่ย “พวกเราที่เป็นผู้บำเพ็ญซึ่งกระโดดออกจากกรงขังและสำเร็จขั้นคละถิ่นล้วนแต่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ในมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้ว
เห็นทีในหมู่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่น โดยทั่วไปแล้วคงจะมีสัมพันธ์อันดียิ่งต่อกัน
“ข้าขาดแคลนอาวุธ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “บัดนี้พลังบรรลุแล้ว แต่กลับไม่มีหอกยาวที่เหมาะสมเลย” พลังระดับเขา อาวุธทั่วไปล้วนทนรับไม่ไหว จนต้องแตกสลายไประหว่างการต่อสู้ หากไม่มีอาวุธชั้นดี ก็ได้แต่อาศัยตนเองสู้รบแล้ว
“อาวุธหรือ” นักพรตฉื้อเฟิงสีหน้าขมขื่นขึ้นมา “น่าละอายๆ ข้าก็เป็นเพียงร่างแยกที่อ่อนแอซึ่งลาดตระเวนอยู่ภายนอกเท่านั้น ไหนเลยจะพกพาอาวุธที่ร้ายกาจมาด้วย อาวุธที่ร้ายกาจพอนั้นไม่มีเลยสักชิ้น”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง
ก็จริง ร่างแยกที่อ่อนแอจะพกของสำคัญอะไรติดตัวได้เล่า
“ผู้ลาดตระเวนฉื้อเฟิงพอจะมีพวกเคล็ดวิชาหลอมอาวุธคละถิ่นที่พอจะบอกให้ข้าทราบได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม “ข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการหลอมอาวุธคละถิ่นสักเท่าใดนัก แต่หากมีเคล็ดวิชา ข้ามั่นใจว่าจะสามารถหลอมขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว”
“หลอมอาวุธมิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นหรอก” นักพรตฉื้อเฟิงพูดพลางส่งกำไลวงหนึ่งให้ตงป๋อเสวี่ยอิง “นี่คือวัตถุสงสารที่ ‘หยวน’ เจ้าดินแดนอีกท่านหลอมขึ้นมา ท่านอาจจะยังไม่มี ใช้ไปชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน อีกประเดี๋ยวเมื่อท่านไปรับมือศัตรู ข้าจะได้ติดต่อท่านได้สะดวก ส่วนเคล็ดวิชาหลอมอาวุธคละถิ่น ข้าจะส่งสารให้ท่านก็แล้วกัน ในหมู่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่น ทุกคนล้วนสามารถได้เคล็ดวิชาเหล่านี้มาอย่างง่ายดาย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมาแล้วหลอมแปรดู จากนั้นก็ได้รับสารจำนวนมาก
ซึ่งก็คือเคล็ดวิชาการหลอมอาวุธคละถิ่นถึงสิบสองชนิดด้วยกัน
“ยังมี นี่คือวัสดุพิเศษที่ข้าเก็บรวบรวมมาได้ระหว่างการลาดตระเวนไปตามบริเวณต่างๆ ของมิติคละถิ่น ถึงอย่างไรก็ลาดตระเวนมานานแสนนาน และเก็บรวบรวมมาได้เป็นบางครั้ง มอบให้จ้าวหิมะเหินก็แล้วกัน” นักพรตฉื้อเฟิงโยนที่เก็บสมบัติล้ำค่าอันหนึ่งมาให้
ตงป๋อเสวี่ยอิงตรวจสอบดู
สหายเอ๋ย
ด้านในมีวัสดุมากมายหลากหลายสีสันวางอยู่ แต่ละชิ้นล้วนมีกลิ่นอายไม่ธรรมดา เพราะถึงอย่างไรในมิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัดอันกว้างใหญ่ไพศาลก็มีความพิสดารอยู่มากมาย สามารถถูกนักพรตฉื้อเฟิงเก็บมาได้ ก็ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น อย่างจำพวก ‘เม็ดทรายอลวน’ นักพรตฉื้อเฟิงก็คร้านที่จะไปเก็บมา เพราะพบเห็นได้บ่อยเกินไป ในมิติคละถิ่น เม็ดทรายอลวนแทบจะมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
“ขอบคุณผู้ลาดตระเวนฉื้อเฟิง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าข้าเดาว่า อีกไม่นานศัตรูก็จะมาถึงแล้ว เจ้าจะหลอมอาวุธทันการได้อย่างไรกัน” นักพรตฉื้อเฟิงส่ายหน้า
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม “ผู้ลาดตระเวนฉื้อเฟิงเชิญตามข้ามา”
พูดพลางสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง อากาศตรงหน้าแยกออก โซ่ตรวนที่มีอักขระลับจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งปิดผนึกด้านนอกของโลกทั้งใบเอาไว้ก็มิได้ขัดขวาง ตงป๋อเสวี่ยอิงและนักพรตฉื้อเฟิง ทั้งสองออกจากโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญต่อเนื่องกัน
เมื่อออกไป
ก็มาถึงกลางมิติคละถิ่นอันกว้างใหญ่ไพศาล
“รอยแยกเหล่านี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปยังรอยแยกสายแล้วสายเล่าที่ทะลุผ่านมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดตรงที่ไกลๆ ออกไปแวบหนึ่งอย่างอดมิได้ รอยแยกทั้งหลายเหล่านี้แผ่คลุมไปทั่วบริเวณอันไร้ขอบเขต ตอนที่ยังไม่สำเร็จขั้นคละถิ่น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของรอยแยกนี้เลย บัดนี้กลับสามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดได้แล้ว! ทว่าบริเวณที่รอยแยกเหล่านี้ปกคลุมก็ยังกว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง
“นี่คือรอยมีดที่เจ้าดินแดนทิ้งเอาไว้” นักพรตฉื้อเฟิงมองดู แต่แล้วสีหน้ากลับฉายแววตะลึงออกมา “รอยมีดหลงเหลืออยู่ในมิติคละถิ่น นานแสนนานก็ยังไม่สลายไป สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาทั่วไปล้วนมิกล้าบุกรุก ผู้ที่กล้าล่วงล้ำรอยมีดเหล่านี้ ก็จะถูกเชือดจนกลายเป็นความว่างเปล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เจ้าเมืองหลัวแค่ทิ้งรอยมีดเอาไว้ ก็น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้แล้วหรือ
“เจ้าดินแดนทั้งแปด แต่ละคนล้วนเข้าถึง ‘วิถี’ คละถิ่น ซึ่งเจ้าดินแดน ‘หยวน’ นั้นมีวิธีการรอบด้านที่สุด ตัวเขาเพียงคนเดียวถึงขั้นสามารถสร้างเจ้าดินแดนของโลกกำเนิดขึ้นมาได้ อย่างเจ้าดินแดน ‘ประกายดารา’กลับเป็นผู้ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดทั้งหลายหวาดหวั่นได้มากที่สุด เนื่องจากเจ้าดินแดน ‘ประกายดารา’ เชี่ยวชาญด้านการลอบโจมตีเป็นที่สุด หากเขาลอบโจมตีขึ้นมา แม้แต่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดระดับปฐมบรรพชนก็ยังยากจะพบได้ แต่มีดของเจ้าเมืองหลัวกลับเป็นมีดที่น่าหวาดหวั่นที่สุดเล่มหนึ่งของมิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัดแห่งนี้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ฟังไปพลาง เขาก็รับรู้เคล็ดวิชาหลอมแปรอาวุธคละถิ่นที่นักพรตฉื้อเฟิงมอบให้ก่อนหน้านี้ไปพลาง
มันซับซ้อนมาก
แต่ว่า…‘จักรวาลโลกเทียม’ ภายในกายเขา ก้าวหน้าถึงระดับที่สูงยิ่งขึ้นก่อนแล้ว กลายเป็นมิติโลกเทียมอันกว้างใหญ่ไพศาล เมื่อนำมาใช้หลอมอาวุธก็ง่ายขึ้นมากทีเดียว เนื่องจากมีหลายส่วนที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่า
“เอาล่ะ ทำเช่นนี้แหละ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันตัดสินใจ
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงโบกมือคราหนึ่ง ทันใดนั้นตรงหน้าก็มีมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดสั่นสะท้านขึ้นมา ท่ามกลางบริเวณอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เม็ดทรายอลวนจำนวนมหาศาลถุกตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนย้ายและเก็บขึ้นไป บัดนี้การควบคุมอากาศของเขาถึงขั้นที่เร้นลับยิ่งขึ้นแล้ว
ฟิ้วๆๆ…เม็ดทรายอลวนคือวัตถุที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในมิติคละถิ่น เพียงสามชั่วลมหายใจ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เก็บรวบรวมเม็ดทรายอลวนได้ถึงสิบล้านล้านชั่ง
“ที่ดินแดนจิตโลกาในตอนนั้น จะเก็บรวบรวมแสนชั่งก็ยังไม่ง่ายเลย ตอนนี้เก็บสิบล้านล้านชั่ง กลับง่ายดายถึงเพียงนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ ก็เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาที่ขุดดินบนผืนดินอันกว้างใหญ่ไพศาล เม็ดทรายอลวนมีมากมายทั่วทุกหนแห่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสามารถเคลื่อนย้ายและเก็บเอาได้ตามอำเภอใจ ต้องรู้ไว้ว่า แม้แต่เทพจักรวาลขั้นสุดยอดทางสายอากาศก็สามารถเก็บรวบรวมเม็ดทรายอลวนได้ จะเห็นได้ว่าเม็ดทรายอลวนเก็บรวบรวมได้ง่ายดายเพียงใด
“หลอม”
เขากำหนดจิตคราหนึ่ง
เม็ดทรายอลวนสิบล้านล้านชั่งเป็นหลัก วัสดุบางส่วนที่นักพรตฉื้อเฟิงมอบให้เมื่อครู่เป็นรอง บวกกับวัตถุเสริมบางอย่างที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่ากลางมิติโลกเทียมภายในกายตน ได้เริ่มก้อร่างเป็นอาวุธคละถิ่นขึ้นมา
อย่างพวกอักขระลับบนอาวุธ เพียงชั่วความคิดเดียวก็ปรากฏขึ้นบนเม็ดทรายอลวน
เพียงห้าชั่วลมหายใจ
“สำเร็จแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา เกรงว่าตนคงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิถีโลกเทียมที่หลอมอาวุธได้รวดเร็วที่สุดกระมัง
ฟิ้ว
โบกมือคราหนึ่ง
หอกยาวสีดำเล่มหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นท่ามกลางมิติคละถิ่น หอกยาวเล่มนี้ราวกับเสาค้ำฟ้าต้นหนึ่ง ซึ่งมีอักขระลับจำนวนมากไหลเวียนอยู่
“อาวุธคละถิ่น รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ” นักพรตฉื้อเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งอ้าปากค้าง
ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกไปสำแดงกระบวนท่าหนึ่ง อาวุธเล่มนี้หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนเหลือขนาดราวสองเมตรกว่าๆ เท่านั้น เขาถือมันไว้ด้วยมือข้างเดียว
“อาวุธเล่มนี้หยาบนัก ข้าได้แต่อาศัยการสะสมจำนวนแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด สำหรับผู้อื่นแล้วการจะหลอมเม็ดทรายอลวนสิบล้านล้านชั่งนั้นเป็นเรื่องละเอียดยิบย่อยมาก แต่เพียงชั่วความคิดเดียว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถหลอมมันขึ้นมาในโลกเทียมได้แล้ว “อานุภาพของอาวุธเล่มนี้ธรรมดาสามัญ แต่ข้อดีก็คือแข็งแกร่งทนทานพอ”
ในบรรดาอาวุธของผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกา หอกเล่มนี้ของตนก็นับว่าเป็นระดับต่ำสุด
แต่ช่วยไม่ได้ จะหลอมให้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้น ก็ได้แค่นี้เป็นธรรมดา
แข็งแกร่งพอก็ใช้ได้แล้ว
เพราะถึงอย่างไรอีกไม่นานนัก ตนก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นเจ้าดินแดนได้แล้ว ถึงตอนนั้นก็ย่อมมีเวลาตั้งใจหลอมอาวุธที่ดีพอสักชิ้นขึ้นมาได้ ส่วนชิ้นนี้ ก็ใช้ไปก่อนชั่วคราวก็แล้วกัน
“เอ๊ะ” ทันใดนั้นสีหน้าของนักพรตฉื้อเฟิงก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เขาทอดสายตามองออกไปไกล แล้วก็พูดขึ้นว่า “จ้าวหิมะเหิน ข้าสัมผัสได้ว่าศัตรูกำลังจะปรากฏกายขึ้นแล้ว ข้าจะพาท่านไป”
“มาเร็วเหลือเกิน” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงอยู่บ้าง อาวุธของตนเพิ่งจะหลอมเสร็จเท่านั้นเอง
เมื่อกำหนดจิตคราหนึ่ง
ร่างแยกที่อ่อนแอก็แยกตัวออกมา แล้วทะยานตรงเข้าไปในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ ทิ้งร่างแยกที่อ่อนแอร่างหนึ่งเอาไว้ที่นี่ เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด
“ไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงและนักพรตฉื้อเฟิงก็เร่งตรงออกไปไกลทันที
……………………