พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - ตอนที่ 1004 เกราะรบแบบใหม่
ทว่าเวลาผู้หญิงคนนี้อ่อนโยน นางก็อ่อนโยนดุจสายน้ำ แต่ถ้าปรี๊ดแตกขึ้นมาก็เอาจริงเหมือนกัน
เช้าตรู่วันต่อมา เหมียวอี้ที่นอนหลับอย่างสงบใจก็พลันพลิกตัวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ พลิกตกลงพื้นทั้งคนทั้งเก้าอี้
มารดาเจ้าเถอะ! ขนาดอยู่ที่นี่ยังกล้าลอบโจมตีอีกเหรอ? เหมียวอี้ที่ตอบสนองด้วยความตกใจพลันกระโดดลุก ถือทวนอยู่ในมือแล้ว แต่ปรากฏว่าเห็นอวิ๋นจือชิวกำลังหัวเราะเยาะอยู่ตรงหน้าตัวเอง
แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้ว ผู้หญิงคนนี้ประสาทเสียเตะเก้าอี้ล้ม เขาเก็บทวนแล้วขมวดคิ้วถามว่า “เจ้าเป็นบ้าเหรอ?”
อวิ๋นจือชิวก้าวเข้ามา ใช้นิ้วชี้จิ้มตรงหน้าอกเขา “ไม่เจอกันหนึ่งปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาได้ ตอนที่โอบกอดกัน ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะอดใจไม่ทำอะไรข้าไหว นี่ไม่เหมือนเจ้าเลยนะ! หนิวเอ้อร์ มาตอบมาอย่างซื่อสัตย์นะ ไปแอบกินนอกบ้านมาแล้วใช่มั้ย?”
นี่มันหลักการอะไรกัน? เหมียวอี้ร่ำร้องในใจ หรือว่าตอนที่ข้าอยู่กับพวกเจ้า นอกจากทำเรื่องแบบนั้นแล้วจะหยุดพักบ้างไม่ได้ ถ้าไม่ทำก็ไม่ปกติแล้วเหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ให้ข้าทำแบบนั้นกับพวกเจ้าทีละคน ข้าจะทำไหวเหรอ?
แต่ความจริงคือโดนพูดแทงใจดำแล้ว กินปูนร้อนท้อง แต่กลับถลึงตาตอบอย่างไม่ยอมแพ้ “อยู่กับผู้หญิงบ้าอย่างเจ้า ไม่มีอะไรที่คุยกันด้วยเหตุผลได้เลย พอกลับมาข้าก็ไปตำหนักคุ้มเมือง แล้วก็กลับมาคุยกับพวกฝูงชิงอีก แล้วก็ไปร้านผลึกสกัดต่อ จะให้ไปแอบกินที่ไหนล่ะ?”
“งั้นข้าก็ไม่มีแรงดึงดูดต่อเจ้าแล้วน่ะสิ เจ้าไม่สนใจข้าแล้ว ไม่อยากทำอะไรข้า อยากจะเปลี่ยนคนที่สดใหม่กว่าใช่มั้ย?” อวิ๋นจือชิวเลิกคิ้วถาม
“เจ้านี่ไม่รู้จักจบจักสิ้นจริงๆ ใช่มั้ย? ขี้เกียจเถียงกับเจ้าแล้ว!”เหมียวอี้สะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังเดินหนีไป พูดเยอะกลั้วจะเผยพิรุธ
“หยุดนะ! พูดให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยไป!” อวิ๋นจือชิวไล่ตามไปดึงไป แต่ช่วยไม่ได้ วรยุทธ์ของเหมียวอี้ในตอนนี้สูสีกับนางแล้ว ถ้าอยากจะควบคุมกันง่ายๆ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว
ทั้งสองเถียงกันจนกระทั่งออกจากชัยภูมิถ้ำสวรรค์ถึงได้หยุด ไม่อยากทะเลาะกันให้ข้างนอกเห็น
เถียงก็ส่วนเถียง ทะเลาะก็ส่วนทะเลาะ งานหลักที่ควรทำก็จะขาดไม่ได้ ทั้งสองไปที่ชัยภูมิถ้ำสวรรค์ของเยารั่วเซียนด้วยกัน พอเข้ามาก็ได้ยินเสียงนอนกรนที่คุ้นเคยออกเฮยทั่น
พอเหมียวอี้เดินเข้ามาในศาลา ก็เตะเฮยทั่นสองที ระบายความไม่พอใจที่มีต่ออวิ๋นจือชิว “กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน ไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงอะไรสักนิด เห็นแล้วรำคาญ”
อวิ๋นจือชิวเหล่ตาจ้อง “ตีวัวกระทบคราดเหรอ? รำคาญข้าก็บอกมาตรงๆ ไปหาคนที่ไม่รำคาญไป”
เยารั่วเซียนเดินออกมาจากห้องเพราะได้ยินเสียง แล้วคำนับอวิ๋นจือชิว “ฮูหยิน!”
ปล่อยเจ้าคนไร้มโนธรรมไปชั่วคราว อวิ๋นจือชิวถามว่า “เขาจะต้องออกไปทำงานข้างนอกแล้ว เจ้าหลอมสร้างของวิเศษให้เข้าเสร็จแล้วใช่มั้ย”
เยารั่วเซียนเอ่ยรับ แล้วดีดแหวนเก็บสมบัติออกมาวงหนึ่ง เหมียวอี้รับมาไว้ในมือ แล้วเรียกทวนออกมาด้ามหนึ่ง
ยังเป็นทวนเกล็ดย้อนเหมือนเดิม ตะขอคมสามแฉกอยู่ตรงหัวทวน มีเกล็ดย้อนหลายชั้น แต่ทั้งตัวทวนกลับเป็นสีทับทิมกึ่งโปร่งแสง
เมื่อทวนอยู่ในมือ เหมียวอี้ก็กระปรี้กระเปร่าทันที พอลองโบกมือไปเรื่อยเปื่อย เสียงมังกรคำรามที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นสามครั้ง
เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยจริงๆ! เหมียวอี้ที่กำลังพิจารณาทวนในมือยิ้มแล้ว เขาคุ้นเคยกับการใช้อาวุธแบบนี้มากกว่า ที่สำคัญคือบนทวนด้ามนี้มีศิลปะเฉพาะตัวและกำลังสมองของเยารั่วเซียน ทวนที่เยารั่วเซียนหลอมสร้างขึ้นมา เวลาใช้งานจะต้องมีอานุภาพเพิ่มแน่นอน ถ้าแทงโดนหนึ่งครั้งโดยไม่มีการจำกัดของพลังอิทธิฤทธิ์ ก็จะก่อให้เกิดระเบิดขึ้น
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทวนที่เยารั่วเซียนหลอมสร้างขึ้นมา เหมาะที่สุดที่จะใช้สู้กับคนที่มีวรยุทธ์สูงกว่าเขา ตอนที่ประมือกับศัตรู โครงสร้างเกล็ดย้อนหลายชั้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมัน คือสื่อนำที่ทำให้พลังโจมตีของศัตรูอ่อนลง แต่ละชั้นช่วยสลายพลัง จากหัวทวนถึงหางทวน คาดว่าสามารถคลายพลังลงได้ครึ่งหนึ่ง เพียงแต่ตอนที่ใช้งานมัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจับหางทวนรับมือการต่อสู้อยู่ลอด แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันสามารถคลายพลังโจมตีได้สองส่วนอย่างไม่มีปัญหา
เมื่อก่อนเขาเคยสู้กับคนที่วรยุทธ์เหนือกว่าตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดก็อยู่บนนี้นี่เอง
หลังจากใส่ต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ของตัวเองแล้ว เหมียวอี้ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงถามอย่างแปลกใจว่า “ตาแก่เยา ข้างในเหมือนจะแตกต่างจากอันเดิมนะ!”
สองมือของเยารั่วเซียนประสานอยู่ในแขนเสื้อที่ใหญ่หลวมง มือกุมอยู่ตรงหน้าท้อง พร้อมกล่าวอย่างเนิบนาบว่า “หัวมังกรตรงแกนหางอ้าปากได้ ข้างในสร้างช่องว่างไว้ห้าชั้น สามารถแบ่งใส่ของได้ห้าอย่าง ไม่ใช่แค่สามารถใส่ผลึกบรมอัคคีนะ แต่สามารถใส่ยอดผลึกห้าธาตุ น้ำไฟทองไม้ดินเข้าไปได้ด้วย สามารถกระตุ้นเพิ่มประสิทธิภาพของของห้าอย่างนี้ และแน่นอน ถ้าเจ้ามีของที่ดีกว่านี้ จะไม่ใส่ยอดผลึกห้าธาตุเข้าไปก็ได้ เจ้าเลือกใส่ได้ตามใจชอบเลย”
เหมียวอี้เดาะลิ้นทันที สงสัยทวนเกล็ดย้อนนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพแล้วด้วย
เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูสภาพภายในและเรียนรู้วิธีการใช้แล้ว เขาก็ใส่น้ำไฟทองไม้ดินซึ่งเป็นยอดผลึกห้าธาตุเข้าไปในทวนพร้อมกันเลย
จากนั้นพอเขย่าทวนในมือหนึ่งครั้ง ในกล็ดย้อนหลายชั้นก็มีเปลวเพลิงร้อนแรงพรั่งพรูออกมา ครอบทั้งตัวเขาเอาไว้ในเปลวเพลิง
พอเปลวเพลิงหายไป ในเกล็ดย้อนหลายชั้นก็มีหมอกที่เย็นเยียบกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นมา เป็นหมอกสีดำที่เย็นยะเยือก พอเหมียวอี้โบกทวนชี้ หมอกสีดำก็พ่นออกมาราวกับต้นเสา ต้นไม้ใหญ่ในลานบ้านโดนน้ำค้างขาวเกาะเต็มกิ่งทันที
เยารั่วเซียนกลอกตามองบน ต้นไม้นี้ตายแน่แล้ว เขาอยากจะด่าเหมียวอี้สักสองประโยค แต่พอเห็นอวิ๋นจือชิวหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ เขาก็ต้องกลืนคำหยาบในปากลงไป
พอหมอกสีดำหายไป เหมียวอี้ก็เขย่าทวนชี้อีก ไอสีเขียวสายหนึ่งพ่นออกมา กรอกใส่เข้าไปในต้นไม้ใหญ่ที่โดนแช่แข็งอย่างไม่ขาดสาย น้ำแข็งที่เกาะต้นไม้แตกร่วงลงทันที งอกกิ่งก้านใหม่ออกมาและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า
จากนั้นก็เห็นเหมียวอี้โบกทวนชี้ดินชี้ฟ้า ทำให้หมอกสีขาวกับหมอกสีเหลืองปลิวว่อนอยู่ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์
“อีกประเดี๋ยวเจ้าช่วยเก็บกวาดให้ข้าให้สะอาดด้วยนะ!” ในที่สุดเยารั่วเซียนก็อดไม่ได้ที่จะคำรามออกมา
“ท่านอย่ากังวลไป อีกประเดี๋ยวข้าจะจัดคนมาทำความสะอาดให้ท่าน” อวิ๋นจือชิวพูดปลอบใจคำเดียว เยารั่วเซียนยังคับแค้นใจ แต่ก็ยังต้องหุบปาก
“เป็นทวนที่ดี!” เหมียวอี้ลูบทวนพลางกล่าวชม แต่ไม่นานก็ทำสีหน้าเสียดายอีก
หลังจากอวิ๋นจือชิวสังเกตเห็น ก็ถามว่า “เป็นอะไรไป? มีปัญหาเหรอ?”
เหมียวอี้ส่ายหน้า “แค่รู้สึกเสียดายนิดหน่อย ในบรรดายอดผลึกห้าธาตุ ข้าสำแดงอานุภาพของผลึกบรมอัคคีได้อย่างเดียว น้ำทองไม้ดินไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้า แต่มีความคมของทวนวิเศษผลึกแดงบริสุทธ์ขั้นห้าคอยช่วย ก็เหมือนเสือติดปีกจริงๆ ข้าอยากจะเห็นนัก ว่านักพรตที่ระดับต่ำกว่าบงกชรุ้งคนไหนจะต้านทานข้าได้บ้าง!”
“พูดโอ้อวดอย่างไม่อาย!” เยารั่วเซียนพูดเหน็บแนม
แต่อวิ๋นจือชิวกลับได้ยินแล้วดีใจ เพราะมันแฝงความหมายว่าผู้ชายของนางมีหลักประกันในการปกป้องชีวิตเพิ่มขึ้นสำหรับการไปครั้งนี้ นางย่อมดีใจอยู่แล้ว จึงรีบบอกว่า “หนิวเอ้อร์ ลองเกราะรบชุดใหม่ที่เขาหลอมสร้างให้สิว่าพอดีตัวมั้ย!”
พอเหมียวอี้พลิกฝ่ามือ เกราะรบชุดหนึ่งก็มาวางอยู่บนฝ่ามือ หลังจากกรอกต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ของตัวเองเข้าไป ก็รู้สึกได้ว่าเกราะรบชุดนี้ต่างกับเกราะรบที่ตัวเองเคยใส่ หลังจากถามว่าควบคุมมันอย่างไร เขาก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ ทำให้เกราะรบพันรอบฝ่ามือและคดเคี้ยวยาวเหยียดขึ้นมา ไม่นานก็แผ่คลุมทั่วทั้งตัวเขาครบทั้งชุด
หัวมังกรอยู่บนเกราะหัวจนถึงบ่า เสือนั่งอยู่บนบ่าสองข้าง งูเหลือมดุร้ายพันรอบเอว เรียกได้ว่ามังกรหมอบเสือนั่งจริงๆ ข้างล่างมีสรรพสัตว์หมอบกราบ เป็นเกราะเกล็ดตั้งแต่บนลงล่าง หนาแน่นหลายชั้น ประณีตงดงามงามน่าประทับใจ ทั้งยังดูมีพลังอำนาจ มองเห็นเงาฝืมือของตงกัวหลี่แห่งสำนักงามประณีรางๆ สวยงาม!
เดิมทีเหมียวอี้ก็มีสง่าราศีองอาจห้าวหาญอยู่แล้ว เมื่อประกอบกับทวนที่ถืออยู่ในมือ ก็ทำให้อวิ๋นจือชิวมองจนตาเป็นประกายจริงๆ หันไปชมเยารั่วเซียนว่า “ฝีมือของท่านช่างประณีตยิ่งกว่าเนรมิต!”
เยารั่วเซียนกุมหมัดขอบคุณทันที แต่ใครจะคิดว่าอวิ๋นจือชิวจะขมวดคิ้วอีก “แต่ทำเกราะรบสวยงามขนาดนี้ จะสะดุดตาเกินไปหรือเปล่า? ถ้ากลายเป็นจุดสนใจเวลาต่อสู้เข่นฆ่ากัน เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร”
เยารั่วเซียนพลันสีหน้าเปลี่ยน อวิ๋นจือชิวรีบเปลี่ยนคำพูดทันทีที่สังเกตเห็น “แน่นอน ตราบใดที่ใช้งานจริงได้ก็พอแล้ว เดี๋ยวรบกวนให้ท่านหลอมสร้างให้ข้าสักชุดนะ ต้องสวยกว่าของหนิวเอ้อร์นะ!”
เยารั่วเซียนร่าเริงทันที พยักหน้าตอบซ้ำๆ “แน่นอนขอรับ ของฮูหยินย่อมต้องสวยกว่าของเขาอยู่แล้ว”
“ขนสั้นๆ นี่หมายความว่ายังไง?” เหมียวอี้เอ่ยถามขณะเอามือลูบเกราะรบบนร่างกาย เขาพบว่าส่วนหางของเกล็ดทุกแผ่นล้วนแซมหนวดสั้นๆ ไว้ ราวกับมีขนงอกออกมาทั้งตัว
อวิ๋นจือชิวก็ทำสีหน้าไม่เข้าใจเช่นกัน เยารั่วเซียนจึงยื่นมือเชิญทันที “ฮูหยินเชิญทดลองฟาดเขาสักฉาดขอรับ!”
“อ๋อ!” อวิ๋นจือชิวนึกสนุกทันที อีกฝ่ายพูดแบบนี้แล้ว แสดงว่าต้องมีจุดประสงค์แน่ นางจึงเดินมาตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วเดินวนอ้อมเหมียวอี้
ก่อนหน้านี้เพิ่งจะทะเลาะกันมา เหมียวอี้กลัวว่านางจะฉวญโอกาส จึงรีบเตือนทันที “เบาๆ นะ!”
แกร๊ง! อวิ๋นจือชิวพลันร่ายอิทธิฤทธิ์ฟาดไปหนึ่งฝ่ามือ ฟาดไปที่แผ่นหลังเหมียวอี้
เหมียวอี้ถอยหลังหนึ่งก้าว แต่สองสามีภรรยาก็สังเกตเห็นความผิดปกติทันที พอฟาดฝ่ามือที่แผ่นหลังของเหมียวอี้ เกราะเกล็ดบนตัวเหมียวอี้ก็เหมือนกับขยับลอยลงตามแรง ไม่น่าเชื่อว่าเกล็ดทุกแผ่นจะเคลื่อนไหว ส่วนคนสวมเกราะก็รู้สึกได้อย่างลึกซึ้งถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงที่เกราะรบได้รับ พบว่าหลังจากเกราะรบโดนโจมตี เกราะเกล็ดจะขยับแรงขึ้นเป็นพิเศษที่ส่วนหางเกล็ด เหมียวอี้รู้สึกว่าได้ว่าลูกเล่นพวกนี้กำลังช่วยคลายพลังโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
“เกราะรบนี้ช่วยลดพลังโจมตีที่ได้ฝ่ายตรงข้ามใช้เหรอ?” เหมียวอี้ประหลาดใจ
เยารั่วเซียนพยักหน้า “เป็นความคิดที่บังเอิญเกิดขึ้นหลอมสร้างทวนเกล็ดย้อน ก็เลยทดลองนำมาใช้ประโยชน์บนเกราะรบ เพียงแต่เวลาสวมเกราะรบไว้บนร่างกาย ก็สู้มีอาวุธอยู่ในมือไม่ได้ เมื่อโดนโจมตีขึ้นมา ร่างกายคนก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรับแรงโดยตรง ดังนั้นภายใต้การทดลองหลายครั้ง วิธีการสลายพลังของเกล็ดย้อนบนทวนเกล็ดย้อนจึงถูกแก้ไขเป็นการกระจายพลังตามเกล็ด ตอนโดนโจมตีพลังจะได้ไม่มารวมกันเยอะเกินไป ส่วนหนวดสั้นที่เพิ่มไว้บนหางของเกล็ด ก็เพื่อช่วยให้เกล็ดทุกแผ่นกระจายพลังได้รวดเร็ว พอเป็นแบบนี้ เวลาเกราะรบชุดนี้โดนโจมตี ก็น่าจะช่วยลดพลังที่โจมตีเข้ามาโดยตรงให้เจ้าได้สองส่วน ขณะเดียวกันก็สามารถร่ายอิทธิฤทธิ์ให้เกล็ดบนเกราะตั้งขึ้น เวลาที่จำเป็นขึ้นมา เกล็ดบนเกราะทุกแผ่นก็จะกลายเป็นคมมีดได้ และหนวดสั้นบนเกล็ดก็จะกลายเป็นหนามแหลม ทำให้เจ้าติดอาวุธได้เหมือนเม่น!”
“สามารถลดพลังโจมตีได้สองส่วน!” เหมียวอี้ได้ยินแล้วดีใจมาก ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะเป็นเม่นหรือไม่เป็นเม่น แค่ลดพลังโจมตีลงสองส่วนก็ดูถูกไม่ได้แล้ว ยามหน้าสิ่วหน้าขวานอาจจะช่วยชีวิตเขาก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นพลังโจมตีสิบส่วนที่ทำให้ถึงตาย แต่ถ้าลดลงสองส่วน ก็แปลว่ายังรักษาชีวิตไว้ได้บ้าง เมื่อความสามารถในการต้านทานแข็งแกร่งแบบนี้ ก็หมายความว่าเขาจะสามารถแสดงศักยภาพตัวเองได้มากขึ้น เขาพยักหน้าซ้ำๆ ทันที “ของดี ของเด็ด!”
อวิ๋นจือชิวได้ยินแล้วก็ดีใจเช่นกัน ย่อมเข้าใจว่าการลดพลังโจมตีได้สองส่วนหมายความว่าอย่างไร
เยารั่วเซียนบอกอีกว่า “ปากเสือที่อยู่บนบ่าซ้ายขวาก็ขยับได้เช่นกัน ข้าเพิ่มประสิทธิภาพแบบใหม่ของทวนเกล็ดย้อนเข้าไปในนี้ด้วย ข้างในใส่ยอดผลึกห้าธาตุได้ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะได้ใช้งานมัน”
เหมียวอี้ได้ยินแล้วหัวเราะเสียงดัง เล่นทวนที่อยู่ในมือ ลูบเกราะรบที่อยู่บนตัว พร้อมชมว่า “ตาแก่เยา ทุ่มกำลังความคิดไปเยอะเลยนะ!”
เยารั่วเซียนทำเสียงฮึดฮัด “เพื่อของวิเศษชุดนี้ของเจ้า ต้องใช้ยาเจี๋ยตันขั้นห้าไปสิบกว่าเม็ด สิ้นเปลืองสติปัญญาและกำลังของข้าไปหลายปี ถ้าเจ้าตั้งใจจะขอบคุณข้าจริงๆ ที่พิภพใหญ่ก็มีของประหลาดมหัศจรรย์ไม่น้อย หามาให้ข้าทดสอบความเร้นลับหลายๆ ชิ้นหน่อย”
“ท่านช่างมีฝีมือ!” ไม่รอให้เหมียวอี้เอ่ยปาก อวิ๋นจือชิวกุมหมัดขอบคุณอย่างถ่อมตนมีมารยาทแล้ว และกล่าวรับประกันด้วยว่า “ท่านไม่ต้องห่วง ตราบใดที่เป็นของวิเศษที่พิภพใหญ่มี ตราบใดที่พวกเราสองสามีภรรยาซื้อไหว หรือนำมาครอบครองได้ ขอเพียงท่านต้องการ อวิ๋นจือชิวจะหามาให้ท่านศึกษาค้นคว้าแน่นอน”
…………………………