พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - ตอนที่ 1021 ปีศาจจิ้งจอกพันหน้า
เห็นได้ชัดว่าชิงเหมยกังวลว่าสามีตัวเองจะทำพลาด จึงรีบเหาะตามลงไป
สวีถังหรานเป็นคน ‘ง่ายๆ’ และเป็นคน ‘ไร้เดียงสา’ ถ้าเหมียวอี้ไม่บังคับเขา เขาก็จะไม่ยอมไปเสี่ยงอันตรายง่ายๆ เขารีบสวมเกราะรบ กระโดดขึ้นบนตัวเดรัจฉานสับปลับ แล้วถือดาบมองไปรอบๆ อยู่ริมหน้าผาฝั่งตรงข้าม ทำท่าทางเหมือนช่วยดูต้นทางให้เหมียวอี้
ร่ายอิทธิฤทธิ์กันเศษหินที่ระเบิดปลิวว่อน เหมียวอี้มองดูหงเชียนเชียนที่หายใจรวยรินอยู่ข้างๆ นางเลือดซึมออกปากออกจมูก จ้องเขาด้วยแววตาที่อ่อนแอ พร้อมกล่าวอย่างปวกเปียกว่า “หนิวโหย่วเต๋อ…ข้าจะเล่นแม่เจ้า…เจอเจ้าแล้วข้าซวยไปสิบแปดชาติ…”
เหมียวอี้ยังแปลกใจที่ปานเยว่กงบอกว่าวรยุทธ์ไม่ถูกคืออะไร แต่พอได้ยินคำว่า ‘หนิวโหย่วเต๋อ’ จากปากอีกฝ่าย เขาก็ชะงักงัน หงเชียนเชียนรู้จักข้าด้วยเหรอ จะเป็นไปได้ยังไ?
ผู้หญิงที่หน้าตาสวยมีเอกลักษณ์แบบนี้ ถ้าเคยเห็นมาก่อนก็ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้เลยสักนิด นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ตอนแรกนึกว่าฟังผิด พอฟังมาถึงตอนท้าย จึงเริ่มจะแน่ใจบ้างแล้ว
อย่าบอกนะว่าเป็นคนรู้จักปลอมตัวมา? เหมียวอี้รีบนั่งย่อเข่า แล้วดึงหนังหน้าของหงเชียนเชียน แต่พบว่าเป็นหนังจริง ไม่ได้ปลอมตัว
นี่มันประหลาดเกินไปแล้ว! เหมียวอี้รีบร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูอาการของนาง ผลก็คือพบว่ามีวรยุทธ์บงกชม่วงขั้นสอง ห่างไกลกับวรยุทธ์บงกชทองขั้นสี่ของนักโทษหลบหนีบนรายชื่อมากกินไป สิ่งนี้ได้พิสูจน์คำพูดของปานเยว่กงแล้ว นี่ไม่ใช่อาการวรยุทธ์ลดตกฮวบยามได้รับบาดเจ็บด้วย หรือว่าข้อมูลบนรายชื่อโทษหลบหนีผิดพลาด? หรือมีเรื่องลับอะไรที่ตนไม่รู้?
ขณะเดียวกันก็พบว่าอาการบาดเจ็บของหงเชียนเชียนสาหัสถึงขีดสุด อวัยวะภายในถูกย้ายสลับที่ กระดูกก็หักรุนแรง ภายในมีเลือดไหลเยอะ สรุปก็คือไม่โดนปานเยว่กงฟาดจนร่างแตกก็นับว่าดีแล้ว ลองคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าใช่ วรยุทธ์บงกชม่วงขั้นสองมาเจอกับวรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้า จะมีกำลังตอบโต้ได้อย่างไร แถมปานเยว่กงก็พบความผิดปกติหลังจากลงมือไปแล้วด้วย นี่คือผลของการยั้งพลังตอนลงมือได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นหงเชียนเชียนคงสิ้นชีพไปแล้ว
ตอนนี้หงเชียนเชียนอาศัยพลังอิทธิฤทธิ์ในร่างกายเพื่อประคองลมหายใจไว้อย่างยากลำบาก อยู่ตรงคาบเกี่ยวที่ใกล้จะกลับสู่ร่างเดิมแล้ว
“เจ้ารู้จักข้าเหรอ?” เหมียวอี้แปลกใจ
“ข้า…” พอหงเชียนเชียนพูดคำนี้ออกมา ตัวนางเองก็ทนไม่ไหวแล้ว ในปากมีเลือดสดไหลออกมากองใหญ่
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว สำหรับเขา ความเป็นความตายของหงเชียนเชียนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย ขอเพียงพาตัวกลับไปได้ก็พอแล้ว เขาไม่ได้คิดจะช่วยชีวิตนาง
ในขณะนี้เอง ตรงแนวภูเขาไกลๆ ก็มีเสียงสะเทือนดังครืนคราน ภูเขาลูกหนึ่งพลิกปลิวไป ระเบิดแตกกระจัดกระจายไปทั่ว
เสียงต่อสู้ที่ฉับพลันสงบลงเร็วมาก ปานเยว่กงและฮูหยินกลับมาแล้ว แต่ในมือมีคนเพิ่มมาด้วยคนหนึ่ง เป็นสตรีวัยกลางคนที่สภาพสะบักสะบอม ถูกปานเยว่กงบีบคอลากกลับมา
“ปีศาจจิ้งจอกตัวนี้เจ้าเล่ห์นัก หาคนอื่นมาปลอมตัวเป็นนางเพื่อดึงดูดความสนใจจากพวกเรา แต่ตัวเองกลับใช้เส้นทางลับหลบหนี ถ้าข้าไม่ได้สังเกตเห็นทันเวลา ก็คงจะตกหลุมพรางไปแล้ว! นี่ต่างหาที่เป็นหงเชียนเชียนตัวจริง”
ปานเยว่กงบอกไว้เท่านี้ แล้วโยนสตรีวัยกลางคนที่หน้าเต็มไปด้วยรอยเลือดไว้ข้างเท้าเหมียวอี้ สตรีสองคนมาตกลงข้างเท้าเหมียวอี้แล้ว
เหมียวอี้ที่เห็นผู้หญิงคนนี้เรียกได้ว่าตกใจมาก ผู้หญิงคนนี้กับคนก่อนหน้ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิด พวกนางหน้าตาเหมือนหงเชียนเชียนทั้งคู่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
สวีถังหรานที่ถลันตัวเข้ามาเดาะลิ้นด้วยความทึ่ง นั่งยองๆ และยื่นมือไปดึงบนหน้าหงเชียนเชียนคนแรกเช่นกัน จากนั้นก็กล่าวอย่างตกตะลึงว่า “ไม่ใช่การปลอมตัว หรือว่าเป็นพี่น้องฝาแฝด?” เขาลุกขึ้นปัดไม้ปัดมือ บันเทิงแล้ว สำหรับเขาถึงแม้นางจะไม่ใช่ฝาแฝด แต่ขอแค่จับตัวได้ก็พอ มีนักโทษหลบหนีสองคนมาอยู่ในมือแล้ว กลับไปก็ยังพอถูไถรายงานผลงานได้ ถึงอย่างไรคนหนึ่งพันคนก็ต้องไล่จับคนหนึ่งร้อยคน จะต้องมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้อะไรเลย แต่ตรงนี้กลับจับได้แล้วสองคน
แต่เรื่องนี้ก็ทำให้กังวลใจมากเหมือนกัน ตอนนี้ยังดีๆ อยู่ เมื่อถึงตอนที่การทดสอบจบลง เกรงว่าจะแก่งแย่งกันเอง ระหว่างทางกลับอาจจะสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แถมหนิวโหย่วไฉกับภรรยาก็พูดเจตนาไว้ชัดเจนแล้ว ว่าสามารถช่วยพวกเขาจับคนได้ แต่กลับไม่ยอมสู้กับคนของตำหนักสวรรค์เพื่อพวกเขา เรื่องนี้ก็สามารถเข้าใจได้เหมือนกัน ฝ่ายนี้ไม่สะดวกจะช่วยพวกเขาทำร้ายคนของตำหนักสวรรค์ ถ้าทำแบบนี้จริงๆ ในภายหลังตัวเองก็จะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน
แต่อาศัยแค่สวีถังหรานกับเหมียวอี้สองคน จะสามารถรอดชีวิตไปจนถึงด่านสุดท้ายได้เหรอ? ต่อให้ทั้งสองหาที่หลบภัยได้ สุดท้ายระหว่างทางกลับก็ต้องโผล่หน้าไปอยู่ดี ถึงตอนนั้นถ้าเจอกลุ่มอื่นมาแย่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผลจะเป็นยังไง
ที่จริงเขาก็อยากจะเอาเยี่ยงอย่างมู่หรงซิงหัวกับหยางไท่ ไปขอพึ่งพากลุ่มที่มีพลังแข็งแกร่ง แต่ถ้าเขาทำแบบนี้ กลับไปก็ต้องตายอยู่ดี
แม้แต่ปานเยว่กงกับฮูหยิน เมื่อได้ฟังคำพูดของเขาแล้วก็ยังแปลกใจ ยื่นมือไปลูบบนตัวของหงเชียนเชียนเช่นกัน หงเชียนเชียนที่ใกล้จะขาดใจตาเหลือก แล้วอาเจียนเลือดสดออกมาอีกหลายคำ
“เจ้าคือหงเชียนเชียนเหรอ?” เหมียวอี้ถามผู้หญิงที่นอนหอบหายใจเฮือกใหญ่อยู่บนพื้น
ผู้หญิงคนนั้นตอบพร้อมรอยยิ้มขื่นขม “ช่างสมกับเป็นตาข่ายสวรรค์[1] ตำหนักสวรรค์ร้ายกาจจริงๆ ด้วย ขนาดทำแบบนี้แล้วยังโดนพวกเจ้าจับได้อีก พวกเจ้าจับข้าก็แค่เพื่อจะได้เลื่อนขั้นและร่ำรวย เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ ข้ามีสถานที่ซ่อนสมบัติอยู่แห่งหนึ่ง ซ่อนทรัพยากรฝึกตนเอาไว้มหาศาล ขอเพียงพวกเจ้าปล่อยข้าไป ข้าก็จะมอบที่ซ่อนสมบัตินั้นให้พวกเจ้า ดีมั้ยล่ะ?”
เหมียวอี้พ่นเสียงทางจมูก “สมกับเป็นนักต้มตุ๋น ในเวลานี้ยังจะใช้มุกนี้กับข้าอีก เรื่องที่ซ่อนสมบัติเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้บอกมาก่อนว่าพวกเจ้าสองคนนี่ยังไงกันแน่?”
ผู้หญิงคนนั้นทำสีหน้าจนใจ “คนก็ตกอยู่ในมือของเจ้าแล้ว มาบอกตอนนี้ยังจะมีความหมายอะไร ข้าจ้างนางเอง ทำให้นางพลอยลำบากไปด้วย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง นางใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว รีบช่วยชีวิตนางก่อนเถอะ”
เป็นอย่างที่ปานเยว่กงบอก หลังจากนางพบความไม่ชอบมาพากล ก็สั่งให้อีกคนปลอมตัวเป็นนางออกมาดูสถานการณ์ พอเสียงต่อสู้ด้านนอกดังขึ้น นางก็ทิ้งคู่หูโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หลบหนีโดยใช้เส้นทางลับทันที แต่ใครจะคิดว่าทำแบบนี้จะดึงดูดความสนใจของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ทั้งยังทำให้สังเกตพบทิศทางการเคลื่อนไหวของนางอีก สุดท้ายก็มาตามจับนางได้ทันเวลา
เหมียวอี้ขมวดคิ้วมุ่น เอียงหน้าจ้องหงเชียนเชียนคนแรกด้วยสีหน้าสงสัย ทำไมคนคนนี้ถึงรู้จักเขาได้?
คิดไปคิดมาก็ยังฝืนใจหยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวออกมา แล้วเป่าหมอกดาวเข้าไปช่วยรักษาเยียวยาอย่างรวดเร็ว
สำหรับเรื่องนี้ ปานเยว่กงและอีกสองคนรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสามไม่ได้ยินว่าหงเชียนเชียนเรียกชื่อเหมียวอี้ ดังนั้นจึงแปลกใจที่เหมียวอี้นำสมุนไพรเซียนซิงหัวที่มีราคาแพงออกมาใช้
ขอเพียงไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่พิเศษ ขอเพียงคนยังไม่ตาย ก็ไม่ต้องสงสัยในสรรพคุณของสมุนไพรเซียนซิงหัวเลย
หลังจากผ่านไปพักเดียวเท่านั้น อาการบาดเจ็บของหงเชียนเชียนคนแรกก็ทุเลาแล้ว นางไอเป็นเลือดสองสามคำ กลับมาหายใจเป็นปกติแล้ว นางหลับตานอนอยู่บนพื้นพร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ช่วยสมุนไพรเซียนช่วยดูแลอาการบาดเจ็บ
“ข้าจะรายงานผลการต่อสู้ให้ผู้บัญชาการใหญ่รู้สักหน่อย!” สวีถังหรานขอความเห็นจากเหมียวอี้
เหมียวอี้ที่กำลังเป่าสมุนไพรเซียนไม่หยุดพยักหน้าเบาๆ สวีถังหรานจึงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับโค่วเหวินหลานอย่างตื่นเต้นดีใจทันที แบบนี้เขาจะได้มีส่วนร่วมในผลงาน ไม่ว่าสุดท้ายจะรอดชีวิตกลับไปได้หรือไม่ เตรียมตัวไว้สำหรับตอนรอดชีวิตกลับไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
ในจำนวนนักโทษหลบหนีหนึ่งร้อยคน พวกเขาจับมาได้สองคนแล้ว โค่วเหวินหลานได้ยินข่าวแล้วดีใจมาก พูดคำว่า ‘ดี’ ติดต่อกันห้าหกคำ กล่าวชมทั้งสองอย่างเต็มที่ บอกว่าหลังจากกลับมาแล้วจะตบรางวัลอย่างงาม ให้ทั้งสองพยายามอีกหน่อย ตอนการทดสอบจบลง เขาจะมารับทั้งสองด้วยตัวเอง!
ส่วนปานเยว่กงก็อ้าปากอีกครั้ง หมอกที่พ่นออกมาไปก่อนหน้านี้พัดม้วนกลับมาทันที ถูดูดกลับเข้ามาในท้องอีกครั้ง
รอจนกระทั่งอาการบาดเจ็บของหงเชียนเชียนคนแรกคงที่แล้ว เหมียวอี้ถึงได้พลิกฝ่ามือเก็บสมุนไพรเซียนซิงหัวในมือ ยังไม่รู้ชัดด้วยซ้ำว่าเป็นใคร เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสิ้นเปลืองสมุนไพรเซียนเพื่อช่วยรักษาให้หายดี เขาถามว่า “บอกมา เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงรู้จักชื่อข้า?”
เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ พวกปานเยว่กงก็งุนงง
หงเชียนเชียนตัวปลอมที่นอนอยู่บนพื้นค่อยๆ ลืมตา จู่ๆ ก็มีพลังอิทธิฤทธิ์ลอยขึ้นมาบนตัว ทั้งร่างกายพลันเปลี่ยนไป เนื้อหนังบนใบหน้ากำลังเลื้อยขยุกขยิก เปลี่ยนเป็นผู้หญิงอีกคนในชั่วพริบตาเดียว เป็นแม่นางน้อยน่ารักที่เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายของวัยแรกแย้ม เพียงแต่หลังจากได้รับบาดเจ็บแล้วสีหน้าย่ำแย่มาก
ปานเยว่กงและฮูหยินมองหน้ากันอย่างประหลาดใจไม่หาย ทั้งสองก็เป็นปีศาจเหมือนกัน แต่เป็นครั้งแรกที่ตอนเปลี่ยนร่างก็สามารถตัดสินเค้าโครงของเจ้าได้แล้ว นั่นคือกายเนื้อที่มีโอกาสกะเทาะเปลือกครั้งเดียวในแดนฝึกตน กะเทาะเปลือกใหม่เพื่อให้ปั้นรูปได้ง่าย ก็เหมือนกับทองที่ถูกหลอมเข้าไปกำหนดรูปแบบที่แน่นอนครั้งสุดท้ายในเบ้าหลอม หล่อให้เป็นรูปอย่างไรก็จะหน้าตาเป็นอย่างนั้น ไม่มีโอกาสมาเสียใจทีหลัง เป็นหลักการเดียวกับที่คนเราไม่สามารถกลับไปเยาว์วัยได้อีกครั้ง
แต่คนตรงหน้ากลับเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา พบเห็นได้น้อยมากจริงๆ เรื่องแบบนี้สองสามีภรรยาเคยได้ยินมาก่อน แต่เพิ่งได้เห็นกับตาเป็นครั้งแรก
สวีถังหรานก็ย่อมเดาะลิ้นด้วยความทึ่งไม่หยุดอีกครั้ง
เหมียวอี้กลับขมวดคิ้วอีกครั้ง ขณะมองดูแม่นางน้อยโซเซลุกขึ้นมา ในใจก็รู้สึกสงสัย นี่คือโฉมหน้าเดิมของนางเหรอ?
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เขายังคงแน่ใจว่าตัวเองไม่รู้จักแม่นางน้อยคนนี้
แม่นางน้อยกัดฟันตอบว่า “ขุนนางสวรรค์ เจ้ากับข้าไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน ไม่รู้จักกันมาก่อน ทำไมพวกเจ้าต้องทำร้ายข้า? ปล่อยข้าไปดีมั้ย!”
เหมียวอี้ไม่ใช่คนหูหนวก ก่อนหน้านี้ได้ยินปีศาจตนนี้ตะโกนชื่อตัวเองออกมาอย่างชัดเจน ทั้งยังบอกอีกว่าเจอตนแล้วซวยไปสิบแปดชาติ ตอนนี้กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้จักงั้นเหรอ? เหมียวอี้เลิกคิ้ว แล้วเอียงหน้าบอกสวีถังหราน “ปีศาจตนนี้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของหงเชียนเชียน ต้องรับโทษร่วมกัน ลากไปประหาร!”
สวีถังหรานอ่านสายตาเขาออก เข้าใจสิ่งที่จะสื่อแล้ว จึงพยักหน้าตอบรับทันที “รับทราบ!”
สวีถังหรานก้าวเข้ามาบีบหลังคอของแม่นางน้อยดึงออกไป นางตกใจจนร้องโวยวายทันที “หนิวโหย่วเต๋อ ไอ้เวรเอ๊ย ถ้าเจ้ากล้าฆ่าข้าก็ลองดูสิ!”
เหมียวอี้ยกมือห้ามสวีถังหราน แล้วแสยะยิ้มถาม “ยังกล้าบอกอีกเหรอว่าไม่รู้จักข้า? บอกมา! เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงรู้จักข้า?”
แม่นางน้อยกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “ทำไมข้าดวงซวยอย่างนี้ ทำไมหนีไปไหนก็เจอแต่ไอ้เวรตะไลอย่างเจ้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ? หลายร้อยปีก่อนเจ้าจับข้าที่ดาวไร้ลักษณ์ไปแลกกับร้านค้าจนร่ำรวยไงล่ะ ตอนนี้จะมาแกล้งโง่อะไรอีก!”
“…” เหมียวอี้สีหน้าเปลี่ยนเร็วมาก จ้องนางพร้อมถามอย่างตะลึงค้าง “เจ้า…เจ้าคือปีศาจจิ้งจอกพันหน้า สัตว์เลี้ยงวิญญาณของปี้เยว่ฮูหยินเหรอ?”
“เป็นข้าเอง! เจ้าฆ่าข้าสิ เจ้าเก่งนักก็ฆ่าข้าสิ!” สาวน้อยโวยวายอยู่อย่างนั้น
ปาดเหงื่อ! มือของสวีถังหรานที่กำลังบีบหลังคอนางราวกับโดนงูกัด พอได้ยินว่าเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของปี้เยว่ฮูหยินที่หนีไป เขาก็ตกใจจนรีบหดมือกลับมา
ที่ตลาดสวรรค์มีใครไม่รู้บ้างปี้เยว่ฮูหยินทั้งรักทั้งโอ๋สัตว์เลี้ยงวิญญาณตัวนี้เป็นพิเศษ มีคนตายไปมากมายเพราะสิ่งนี้ เขาย่อมไม่กล้าทารุณนางอีก คิดในใจว่าทำไมเจ้าหนิวโหย่วเต๋อมันชอบทำให้ตนตกหลุมพรางอยู่ตลอด ถ้าทำให้ปี้เยว่ฮูหยินกลายเป็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงคนที่สองขึ้นมา งั้นเขาก็แย่แล้วล่ะ
…………………………
[1] ตาข่ายสวรรค์ มาจากสำนวน 天网恢恢疏而不漏 ตาข่ายสวรรค์ ห่างแต่ไม่รั่ว อุปมาว่า สวรรค์มีความยุติธรรม ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ