พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - ตอนที่ 1022 มาช้าอีกแล้ว
เมื่อเห็นปีศาจจิ้งจอกตนนี้ทำท่าไม่เต็มใจเหมือนได้รับความอยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง เหมียวอี้ก็เอามือเกาศีรษะอย่างพูดไม่ออก ขนาดตัวเขาเองยังหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก จริงหรือโกหก นางโดนตนจับได้อีกแล้วเหรอ? เขาจึงบอกว่า “ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเปลี่ยนร่างเสียหน่อย จะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าพูดจริงหรือโกหก ถ้างั้นตอนนี้เจ้ากลับร่างเดิมให้ข้าดูหน่อยสิ” ที่จริงในใจเขาก็แน่ใจแล้ว คนที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นคนอื่นได้ตามใจชอบ ก็คือลักษณะพิเศษของปีศาจจิ้งจอกพันหน้าตนนั้น
“ตอนนี้ข้าก็กลับร่างเดิมแล้วไง!” แม่นางน้อยเดินโซเซมาตรงหน้าเขา แล้วใช้นิ้วจิ้มตรงหน้าอกเขาไม่หยุด “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้ามันก็ดีแต่รังแกผู้หญิง เจ้ามันคนเลว ทำไมเจ้าไม่ไปตายซะล่ะ! ชาติก่อนข้าไปติดค้างอะไรเจ้าไว้งั้นเหรอ? ข้าไปล่วงเกินเจ้าตรงไหน ทำไมเจ้าเอาแต่หาเรื่องข้า ขนาดข้าหนีมาที่นี่แล้ว หนีมาไกลขนาดนี้แล้ว เจ้าก็ยังตามมาอีก ถ้าเจ้าไม่จับข้าแล้วเจ้าจะตายหรือยังไง! ได้ร้านค้าไปแล้วยังไม่พอใจเหรอ ยังต้องการอะไรอีก? เจ้าแม่งเป็นดาวอริของดวงชะตาข้าจริงๆ!” นางออกแรงใช้สองมือผลักเหมียวอี้ ท่าทางโมโหมาก
แต่ท่าทางอ่อนปวกเปียกของนาง จะผลักเหมียวอี้ขยับได้ยังไง ต่อให้ไม่ได้กำลังอ่อนเพลีย แต่วรยุทธ์ของนางก็ไม่สูงพอให้เหมียวอี้ชายตาแลด้วยซ้ำ เหมียวอี้ยื่นมือไปผลัก ทำให้นางโซเซไปอีกข้าง “ขี้คร้านจะสนใจเจ้า!”
พูดจบก็เดินไปตรงหน้าหงเชียนเชียน แล้วจับเข้ากระเป๋าสัตว์เสียเลย จับนักโทษหลบหนีได้อีกคนแล้ว จากนั้นก็หันกลับมาตะคอกถามอีกว่า “ปีศาจจิ้งจอกพันหน้า แล้วเจ้าจะไปที่ไหน?”
แม่นางน้อยที่เดินโซเซไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา เอาแต่เดินหน้าต่อไป เพียงตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าบอกว่าขี้คร้านจะสนใจข้า ถ้าข้าไม่ไปแล้วจะให้ทำอะไร!”
เหมียวอี้ถลันตัวเข้าไป ใช้มือข้างหนึ่งบีบหลังคอนางอีกครั้ง พร้อมกล่าวเสียงเรียบว่า “ปี้เยว่ฮูหยินกำลังตามหาเจ้าไปทั่ว ในเมื่อเจอตัวเจ้าแล้ว ก็ย่อมต้องนำเจ้ากลับไปสิ”
พอได้ยินแบบนี้ แม่นางน้อยก็ห่อเหี่ยวทันที ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ กล่าววิงวอนว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าไม่รู้จักจบจักสิ้นใช่มั้ย เอาแต่จับตัวละครเล็กๆ อย่างข้าสนุกนักเหรอ ปล่อยข้าไปได้มั้ย?”
เหมียวอี้ “นั่นไม่ได้หรอก ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด ข้าจะจับเจ้ากลับไปเพื่อเอารางวัล แล้วอีกอย่าง ข้าเองก็หวังดีกับเจ้า อยู่ข้างกายปี้เยว่ฮูหยินเจ้าไม่ขาดทรัพยากรฝึกตนแน่ ด้วยวรยุทธ์อย่างเจ้า ปี้เยว่ฮูหยินต้องดูแลทั่วถึงแน่ ข้าจะพาเจ้ากลับไปเสพสุข ดีกว่าหลบอยู่ที่นี่หรอกน่า”
“เจ้าจะไปรู้บ้าอะไรล่ะ!” แม่นางน้อยดิ้นรนหันตัวกลับมา แล้วเปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียง “หนิวโหย่วเต๋อ ข้าจะบอกความลับเจ้าอย่างหนึ่ง เจ้ารู้มั้ยว่าทำไมข้าไม่อยากกลับไป?”
สำหรับเรื่องนี้ เหมียวอี้ก็กำลังแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมปีศาจตนนี้มีวาสนาแต่ไม่ยอมเสพ ปีศาจเล็กๆ ทั่วไปต่อให้อยากเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของปี้เยว่ฮูหยินก็ยังไม่มีโอกาสเลย ปีศาจจิ้งจอกพันหน้ามีความสุขอยู่รอบกาย แต่กลับไม่รู้ว่านั่นคือความสุข ฟังจากคำพูดแล้วเหมือนจะมีเรื่องอื่นปิดบังอยู่? ถ่ายทอดเสียงถามว่า “ทำไมล่ะ?”
แม่นางน้อยถ่ายทอดเสียงตอบ “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าทำไมปี้เยว่ฮูหยินถึงเลี้ยงข้าเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณ นางเป็นคนวิปริต! สามีของนางเป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองโหวของตำหนักสวรรค์ ฐานะสูงส่ง ข้างกายมีสาวงามมากมายดุจเมฆ ต้องรอหลายปีกว่าจะกลับมาหานางสักครั้ง ไม่ได้แตะต้องนางมานานแล้ว ผลก็คือตอนที่นางเหงาจนทนไม่ไหว นางก็บังคับให้ข้าแปลงร่างเป็นผู้ชายของตัวเอง ตอนแรกก็ยังดีๆ อยู่ ให้ข้าเปลี่ยนร่างเป็นผู้ชายของนางเท่านั้น ข้าเองก็เข้าใจความรู้สึกของนางเหมือนกันตอนหลัง…ตอนหลังก็อยากเปลี่ยนรสชาติแล้ว ยิ่งนับวันก็จะยิ่งทำเกินไป ทำจนข้าอยากจะอ้วก บังคับให้ข้าเปลี่ยนร่างเป็นผู้ชายแบบต่างๆ นางอยากได้ผู้ชายแบบไหน ข้าก็เปลี่ยนร่างเป็นผู้ชายแบบนั้นแล้วนอนกับนาง เจ้ารู้หรือเปล่าว่าน่าสะอิดสะเอียนขนาดไหน ข้าอยากจะอาเจียนทุกรอบ ถ้าข้ากลายเป็นผู้หญิงแก่ที่ไร้คนต้องการ แล้วต้องเอาแต่กลายร่างเป็นผู้ชายเพื่อทำเรื่องอย่างนั้นกับนางล่ะ ข้าทนมามากแล้วจริงๆ นะ! หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าเห็นใจข้าหน่อยได้มั้ย เจ้าควรจะสงสารข้าสักหน่อยสิ ปล่อยข้าไปได้มั้ย? ข้ารับนางไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปข้าก็คงกลายเป็นคนวิปริตเหมือนกัน!”
เหมียวอี้อ้าปากกว้างมาก ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าบรรยายภาพได้ ‘งดงามเกินไป’ แล้ว เขาถึงขนาดไม่กล้าคิดต่อ ในใจเหงื่อแตกราวกับฝนตก นับว่าเขาใจแล้วว่าทำไมปี้เยว่ฮูหยินถึงตัดใจทิ้งปีศาจจิ้งจอกตัวนี้ไม่ได้ ทุกๆ ครั้งจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อตามหานางกลับมา ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า สงสัยจะเป็นเพราะปีศาจจิ้งจอกพันหน้ายังมีบทบาทที่พิลึกแบบนี้อยู่
พอลองคิดเยอะกว่านี้ เขาก็อยากจะอาเจียนเหมือนกัน จึงไอแห้งๆ สองครั้งแล้วบอกว่า “ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น อย่างมากครั้งหน้าถ้าเจ้าหนีไปอีก ก็อย่าให้ข้าตามเจอแล้วกัน!”
“ปู่เจ้าสิ เจ้าคิดว่าข้าอยากจะให้เจ้าเจอรึไงล่ะ!” ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าเหมือนกำลังจะประสาทเสีย สุดท้ายก็พูดจาให้แตกคอกันเสียเลย ทำเสียงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าต้องคิดให้ดีนะ ตอนนี้เจ้ารู้ความลับสำคัญของปี้เยว่แล้ว ขอแค่ข้ากลับไปบอกครั้งเดียว ปี้เยว่ฮูหยินต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ข้าแนะนำว่าเจ้าปล่อยข้าไปดีกว่า!”
“หึหึ!” เหมียวอี้รู้สึกบันเทิงแล้ว จึงพูดหยอกล้อว่า “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเจ้ากลับไปก็เชิญพูดได้เลย เจ้าพูดเลยว่าเจ้าเอาเรื่องเน่าเหม็นของนางมาป่าวประกาศให้คนรู้กันหมดแล้ว คอยดูแล้วกันว่าคนที่ซวยจะเป็นเจ้าหรือเป็นข้า แล้วอีกอย่าง การที่ข้าสามารถส่งเจ้ากลับไปได้ นั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายแล้วว่าข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ไม่อย่างนั้นข้าจะกล้าส่งเจ้ากลับไปได้ยังไง ถึงยังไงข้าก็มีโค่วเหวินหลานหนุนหลัง ปี้เยว่ฮูหยินคงไม่กล้าทำอะไรข้าเหมือนกัน เจ้าว่ามั้ยล่ะ?”
แม่นางน้อยอ้าปากค้างพูดไม่ออก พบว่าการข่มขู่ของตัวเองไม่ได้ผล
“ปีศาจเล็กๆ อย่างเจ้าน่ะ เล่นมุกนี้ต่อหน้าข้านับว่าอ่อนหัดไปหน่อย กลับไปกับข้าแต่โดยดีก็พอแล้ว!” เหมียวอี้แสยะยิ้มแล้วรีบลงมือจี้สกัดจุดวรยุทธ์ของนาง กำลังจะเก็บนางแล้ว
“เดี๋ยวก่อน!” ปีศาจจิ้งจอกพันหน้ารีบพูดห้าม ถามอย่างหมดอาลัยตายอยากว่า “เจ้าจับข้าไปก็พอแล้ว แต่เจ้าปล่อยหงเชียนเชียนไปได้มั้ย?”
เหมียวอี้ได้ยินแล้วแปลกใจ “เมื่อครู่นางเพิ่งใช้ประโยชน์จากเจ้าชัดๆ ผลักเจ้าให้มาหาที่ตาย ตัวเองจะได้หนีสะดวก เจ้าไม่แค้นนางเหรอ?”
“เห้อ!” ปีศาจจิ้งจอกพันหน้ากลอกตามองบน แล้วจู่ๆ ก็ถอนหายใจ “ที่นางตกอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะโดนข้าทำร้ายนี่แหละ ในปีนั้นเป็นเพราะข้าไปบอกเล่าความทุกข์ในใจให้นางฟัง บอกสิ่งที่ไม่ควรบอกให้นางรู้ สิ่งเดียวกับที่บอกเจ้าวันนี้นี่แหละ ทำให้ปี้เยว่ฮูหยินสงสัย ภายใต้การทดสอบหยั่งเชิงของปี้เยว่ นางย่อมรู้ตัวว่าอยู่ที่ตลาดสวรรค์ต่อไปไม่ได้แล้ว กลัวว่าอยู่ต่อแล้วจะโดนฆ่าปิดปาก ก็เลยขายร้านค้าแล้วหนีมา ไม่อย่างนั้นนางจะทิ้งร้านค้าดีๆ ที่ตลาดสวรรค์มาเป็นนักโทษหลบหนีทำไม”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! งั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องขายร้านค้าให้ผู้ซื้อพร้อมกันตั้งยี่สิบกว่าคนนี่นา?”
“จะต้องทิ้งทรัพย์สินที่เอาไว้ทำมาหากินแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้าก็คงอยากจะกอบโกยสักหน่อยเหมือนกัน”
“ขออภัยนะ เรื่องนี้ข้าช่วยเหลือเจ้าไม่ได้ ที่นี่ยังมีคนอื่นดูอยู่ด้วย แล้วอีกอย่าง ถ้าข้าปล่อยนางไป กลับไปข้าก็ต้องปล่อยเจ้าด้วย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพอเจ้ากลับไปอยู่ต่อหน้าปี้เยว่ฮูหยิน…เจ้าก็จะนำเรื่องนี้มาขู่ข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าได้เหรอ?” เหมียวอี้เคาะศีรษะนาง “ปีศาจน้อย เจ้ายังห่างชั้นเกินไปที่จะมาเล่นลูกไม้นี้ต่อหน้าข้า!”
ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าถลึงตาถามเขา “เจ้าคิดมากเกินไปแล้วมั้ง?”
“ความคิดของข้าเรียบง่ายจริงๆ เจ้ามีเป้าหมายคือการหลบหนี ข้าคิดไปในทางนี้ก็ไม่ผิดหรอก”
เหมียวอี้พูดจบแล้วก็ไม่ยอมให้นางเถียง จัดการเก็บนางโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็หันตัวเดินกลับมาหาพวกปานเยว่กง “ไปกันเถอะ! ไปหาเป้าหมายต่อไปที่ดาวกระดูกหยก”
หลังจากพวกเขาออกไปจากที่นี่ได้ไม่กี่ชั่วยาม ก็มีคนอีกกลุ่มปรากฏตัวที่น่านฟ้าผืนนี้ ขณะที่ตัวอยู่บนฟ้าก็สามารถมองเห็นร่องรอยภูเขาที่พังทลายได้ง่ายมาก
เยี่ยนจื่อเกอจ้องมองเบื้องล่างครู่หนึ่ง หยิบรายชื่อนักโทษเก้าคนออกมา หลังจากดูแผนที่ที่เกี่ยวข้องกับที่ซ่อนตัวของหงเชียนเชียนแล้ว ก็กล่าวเสียงเครียดว่า “พิกัดที่เป้าหมายอยู่ก็คือหุบเขาข้างหน้านี้ ข้างล่างเคยเกิดการต่อสู้มาก่อน อย่าบอกนะว่าพวกเขาทำสำเร็จเร็วขนาดนี้ พวกเราช้าไปก้าวหนึ่งอีกแล้วเหรอ? ออกไปค้นหาให้ทั่วหุบเขาสี่คน!”
เฉิงจวินซิ่นพาคนอีกสามคนเหาะไปยังหุบเขาทางนั้นทันที แล้วก็แยกกันค้นหาที่หุบเขาสองฝั่ง
ส่วนเยี่ยนจื่อเกอก็พาอีกสามคนลงไปค้นหาตรงที่ภูเขาถล่มลงมา
ผ่านไปไม่นาน เฉิงจวินซิ่นก็หาจุดที่ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าโดนโจมตีจนกระอักเลือดพบ หินก้อนใหญ่ที่โดนชนพังสังเกตเห็นได้ชัดเจนมาก และเขาก็เชี่ยวชาญในการแยกแยะรอยเลือด แตะรอยเลือดแห้งที่อยู่บนพื้นมาดมอีกครั้ง แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์เรียกเสียงดังว่า “ผู้บัญชาการเยี่ยน”
เยี่ยนจื่อเกอนำคนเหาะไปทันที พอเหยียบลงพื้นก็กวาดตามองสภาพของพื้นที่ตรงนี้ แล้วถามว่า “มองอะไรออกบ้างหรือเปล่า?”
เฉิงจวินซิ่นแสดงรอยเลือดบนเล็บที่ขูดมาจากพื้น พร้อมบอกว่า “ไม่ผิดแน่ ที่คือรอยเลือดของปีศาจจิ้งจอก คนพวกนั้นน่าจะทำสำเร็จอีกแล้ว”
“เจ้าสองคนนั้นมันเก่งใช้ได้เลยนะ” เยี่ยนจื่อเกอกล่าวด้วยความทึ่ง แล้วหันกลับมาถามอีกว่า “มู่หรง หาเป้าหมายได้แม่นยำรวดเร็วครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ มันไม่ธรรมดาแล้วนะ ถ้าครั้งเดียวยังพอพูดได้ว่าโชคดี แต่ถ้าสองครั้งติดต่อกันก็เริ่มแปลกแล้ว เพื่อนร่วมงานสองคนนั้นของพวกเจ้ามีความสามารถพิเศษอะไรหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นถ้าอาศัยแค่สิ่งที่แสดงบนรายชื่อนักโทษเก้าคน ก็คงไม่มีทางพบเป้าหมายได้แม่นยำรวดเร็วขนาดนี้หรอก ถึงอย่างไรเป้าหมายก็ยังไม่ตาย”
มู่หรงซิงหัวครุ่นคิดเงียบๆ ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้าบอกว่า “จากที่รู้จักกันมาหลายปี ก็ไม่ได้ยินว่าพวกเขาสองคนมีความสามารถพิเศษอะไรนะ”
หยางไท่พูดเสริมอีกว่า “ถ้าจะบอกว่ามีความสามารถพิเศษอะไรสักอย่าง บนตัวหนิวโหย่วเต๋อก็มีเกราะรบผลึกแดงระดับสูงชุดหนึ่ง แล้วก็มีผู้ช่วยเพิ่มมาอีกสองคน ไม่รู้ว่าจัดเป็นความสามารถพิเศษอย่างที่ผู้บัญชาการเยี่ยนบอกหรือเปล่า”
“บนตัวหนิวโหย่วเต๋อนั่นมีเกราะรบผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงชุดหนึ่ง!” เยี่ยนจื่อเกอตาเป็นประกาย “เขาเอามาจากไหน?”
“ไม่รู้เหมือนกัน!” หยางไท่ส่ายหน้า
เยี่ยนจื่อเกอเอามือลูบคางพลางคิดเพ้อฝันอยู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบเก้ารายชื่อในมือออกมาอีก ขณะที่ตรวจอ่านก็กล่าวอย่างลังเลว่า “เป้าหมายต่อไปเริ่มยุ่งยากแล้ว มีนักพรตบงกชทองขั้นห้าสองคน ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะไปหาเป้าหมายไหนก่อนหลัง”
หยางไท่เสนอความเห็นอีกครั้ง “นักพรตบงกชทองขั้นห้าสองคนถัดไป คนหนึ่งเป็นโจรปล้น อีกคนเป็นโจรที่แอบเก็บผลไม้เซียนของตำหนักสวรรค์ไว้ครอบครองเอง ถ้ามองจากมุมเรื่องความยากง่าย คนที่กล้าเป็นโจนปล้นน่าจะมีความสามารถมากกว่า ดังนั้นเป็นไปได้สูงว่าพวกหนิวโหย่วเต๋อจะไปจับโจรที่ดาวกระดูกหยกก่อน อีกทั้งเมื่อเทียบกันแล้ว ดาวกระดูกหยกก็อยู่ใกล้กับที่นี่มากกว่า”
มีบางคนรับไม่ได้กับคนที่ทรยศเพื่อนร่วมงานแต่ยังพูดจาเหมือนมีหลักการแบบเขา ผู้บัญชาการหันเฉาเฟิ่งถามอย่างเหน็บแนมนิดหน่อยว่า “ถ้าเจ้าเดาผิดจะทำยังไง?”
หยางไท่กุมหมัดคารวะ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เดาผิดแล้วก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรหนิวโหย่วเต๋อก็ต้องไปหาเป้าหมายอีกคนในไม่ช้าก็เร็ว พวกเรารอซ้ำยามอ่อนแอก็ได้นี่ รอให้พวกเขามาหาถึงที่ จะได้ไม่ต้องคอยตามหลังพวกเขา”
หันเฉาเฟิ่งกลอกตามองบน ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา อีกฝ่ายก็พูดได้อย่างมีเหตุผลทั้งนั้น
เยี่ยนจื่อเกอกลับพยักหน้าเห็นด้วย “พูดจามีเหตุผล ไปกันเถอะ! อย่าให้ชักช้าเสียการเสียงาน ไปดูที่ดาวกระดูกหยก”
คนในกลุ่มพุ่งขึ้นฟ้าตามกันไปทันที
ดาวกระดูกหยก สถานที่เป็นเหมือนชื่อ ดาวเคราะห์ทั้งดวงมีแต่หินหยก มีต้นไม้บางตา อากาศก็เบาบางเช่นกัน ทั่วทุกด้านดูค่อนข้างรกร้างว่างเปล่า
สำหรับพวกเหมียวอี้ที่มาถึงสถานที่เป้าหมายแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย ที่สำคัญคือนกที่ตื่นเช้าจะได้หนอนตัวใหญ่ก่อน มีคนมาจับเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจะจับก่อนแล้ว พวกเขายืนอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นการต่อสู้ของสองฝั่งที่มีจำนวนคนต่างกันจบลงกับตาตัวเอง นักโทษที่แอบเก็บผลไม้เซียนของตำหนักสวรรค์โดนโจมตีสาหัสและโดนจับตัวไปแล้ว
ส่วนกระบวนทัพของฝ่ายผู้จับกุมก็ยิ่งใหญ่มาก มีกันเป็นร้อยคน ภูตผีมารปีศาจล้วนมีหมด แค่มองดูการแต่งตัวที่แปลกประหลาด ก็รู้แล้วว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่คนของตำหนักสวรรค์ แต่กลับมีผู้บัญชาการหลายคนของตำหนักสวรรค์เป็นหัวหน้า เหมียวอี้เคยเจอผู้บัญชาการพวกนั้นมาก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาหาผู้ช่วยมาจากไหนมากมาย กระบวนทัพจับกุมที่ใหญ่ขนาดนี้ เพียงพอที่จะแสดงพลานุภาพของตำหนักสวรรค์แล้ว!
…………………………