พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - ตอนที่ 894
เมื่อส่งข่าวมาแบบนี้ เหมียวอี้ก็อยู่ต่อไม่ได้แล้ว แบบนี้ไม่ใช่การไปรนหาที่ตายหรอกเหรอ ที่สำคัญคือเยารั่วเซียนรู้ความลับของเขาเยอะมาก ถ้าเจ้าตัวไปตกอยู่ในมือของสำนักงามวิจิตรขึ้นมา ใครจะไปรู้ว่าจะโดนคนง้างปากล้วงความลับหรือไม่ มิหนำซ้ำยังเป็นพ่อบุญธรรมของเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ด้วย
สองสามีภรรยาปรึกษาหารือกัน แล้วตัดสินใจทันทีว่าจะกลับไปก่อน จะไปดูให้แน่ชัดว่าเยารั่วเซียนไปสำนักงามวิจิตรหรือไม่
ทว่าเมื่อทั้งสองออกมาจากเรือนพักส่วนตัวที่งดงาม ก็ได้รับการยืนยันสถานการณ์ทันที แน่ใจแล้วเยารั่วเซียนไปล้างความอัปยศที่สำนักงามวิจิตรจริงๆ
“พี่หญิงใหญ่ พี่เขย พวกท่านจะไปไหนกัน?” ทั้งสองโดนอวิ๋นเฟยหยางพาบรรดาเมียๆ มาขวางประตูไว้
“พี่หญิงใหญ่ พี่เขย!” สตรีที่งดงามดุจดอกไม้คำนับพร้อมกัน เสียงเจื้อยแจ้วน่ารัก ทำให้เหมียวอี้เห็นแล้วปวดประสาท รู้สึกอิจฉาอวิ๋นเฟยหยางนิดหน่อย
อวิ๋นเฟยหยางเป็นคนตรงไปตรงมา พอเห็นปฏิกิริยาของเหมียวอี้ ก็ชี้ที่กลุ่มฮูหยินของตัวเองทันที “พี่เขย อิจฉาใช่มั้ยล่ะ?จะให้ข้าช่วย…ช่วย…ช่วย…” พอบังเอิญไปสบสายตาที่มุ่งสังหารของพี่หญิงใหญ่ ก็ต้องฝืนกลืนคำพูดตัวเองลงไป
สุดท้ายก็ยกมือตบบ่าเหมียวอี้ ถอนหายใจแล้วบอกว่า “เข้าใจ เข้าใจ!”
อวิ๋นจือชิวเดือดพล่านเป็นไฟทันที กัดฟันถามว่า “เจ้าเข้าใจอะไร?” ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นกลุ่มฮูหยินของเขาอยู่ด้วย นางคงเข้าไปซ้อมสั่งสอนเขาเดี๋ยวนี้เลย
เหมียวอี้ไอแห้งๆ แล้วถามอวิ๋นเฟยหยางว่า “เจ้ามีธุระอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร!” อวิ๋นเฟยหยางชี้ไปยังกลุ่มฮูหยินของตัวเอง “พวกนางบอกว่าปิ่นปักผมของพี่หญิงใหญ่สวยมาก จะมาถามให้ได้ว่าซื้อมาจากไหน เกาะแกะข้ามาหลายวันแล้ว ก็เลยพาพวกนางมาพร้อมกันเลย เออใช่ แล้วพวกท่านจะไปไหนล่ะ?”
“ที่อาณาเขตข้ามีธุระนิดหน่อย เตรียมจะไปบอกลาท่านปู่สักคำ จะกลับก่อน” เหมียวอี้ตอบ
“กลับเร็วขนาดนี้เลยเหรอ! จะไปก็ได้ แต่ไปช่วยพูดขอร้องท่านพ่อให้ข้าหน่อย” อวิ๋นเฟยหยางเข้ามาดึงแขนเหมียวอี้เดินออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!” อวิ๋นจือชิวตีมือของเขาที่กำลังดึงสามีตัวเองออกไป แล้วตำหนิว่า “ขอร้องอะไร?”
อวิ๋นเฟยหยางนวดหลังมือตัวเองที่โดนตีจนเจ็บ แล้วอธิบายว่า “คืออย่างนี้นะ ข้าเพิ่งได้ข่าวมา ว่าท่านจื่อหยางศิษย์ของสำนักงามวิจิตรที่หายตัวไปหลายปี ตอนนี้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาเชิญสำนักหลอมของวิเศษใหญ่ๆ ในแดนฝึกตนให้มารวมตัวกันที่สำนักงามวิจิตร บอกว่าต้องการจะประลองของวิเศษกับเซี่ยงไป่ถิง ซึ่งผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก เชิญให้สำนักหลอมของวิเศษมาเป็นพยาน! เรื่องนี้คึกคักใช้ได้เลยนะ พี่เขย ในปีนั้นเพื่อที่จะช่วงชิงตำแหน่งผู้สืบทอดของสำนักงามวิจิตร ท่านจื่อหยางประลองแพ้ให้กับเซี่ยงไป่ถิงศิษย์พี่ของเขา ครั้งนี้หวนกลับมาอีกครั้ง เกรงว่าคงไม่ได้มาดี แถมฮูหยินของเจ้าสำนักงามวิจิตรก็เป็นลูกศิษย์ของเฟิงเป่ยเฉิน แล้วฮูหยินของเซี่ยงไป่ถิงก็คือลูกสาวของเจ้าสำนัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำนักงามวิจิตรคือสำนักที่ขึ้นตรงต่อเฟิงเป่ยเฉิน ทำแบบนี้เท่ากับไปตบหน้าเฟิงเป่ยเฉิน รอบนี้บันเทิงไม่เบา จะพลาดความคึกครื้นนี้ได้อย่างไร แต่ท่านพ่อไม่ยอมให้ข้าไป พี่เขยช่วยไปขอร้องให้หน่อยสิ ท่านพ่อข้าน่าจะไว้หน้าท่าน”
เหมียวอี้พูดไม่ออก สบตากับอวิ๋นจือชิวแวบหนึ่ง เยารั่วเซียนต้องการไปล้างความอัปยศที่สำนักงามวิจิตรจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเยารั่วเซียนหลอมสร้างของวิเศษอะไร ไม่น่าเชื่อว่าจะมั่นใจถึงขั้นไปท้าสู้กับสำนักงามวิจิตร
ก่อนอื่นคือทั้งสองโล่งใจ พบว่าเยารั่วเซียนไม่ได้โง่ขนาดนั้น ถ้าหลับหูหลับตาบุกไปสำนักงามวิจิตรคนเดียว แบบนั้นก็เท่ากับไปรนหาที่ตายจริงๆ ยังดีที่ตาแก่เยารู้จักสร้างเรื่องราวให้ใหญ่โตก่อน ทำให้สำนักงามวิจิตรไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า
แต่ทั้งสองก็ยังกังวลนิดหน่อย เพราะฝ่ายสำนักงามวิจิตรไม่ได้โง่ ในเมื่อเยารั่วเซียนกล้าไปหา ก็ย่อมรู้ว่าเยารั่วเซียนต้องมีความมั่นใจอยู่บ้าง ไม่มีใครอยากไปสร้างความอัปยศอดสูให้ตัวเองหรอก สำนักงามวิจิตรจะต้องกังวลกับผลลัพธ์บางอย่างแน่นอน นั่นก็คือหากสำนักงามวิจิตรแพ้แล้ว คนที่เสียหน้าไม่ได้มีแค่สำนักงามวิจิตร แต่เหมือนเป็นการตบหน้าเฟิงเป่ยเฉินด้วย เกรงว่าทางแดนอู๋เลี่ยงอาจจะไม่ปล่อยให้เยารั่วเซียนมีชีวิตรอดไปประลองกับสำนักงามวิจิตร
หรือพูดได้อีกอย่างว่า ครั้งนี้เยารั่วเซียนมีเคราะหากกว่ามีโชค ทั้งสองรู้สึกว่าเยารั่วเซียนยอมแลกกับทุกอย่างจริงๆ ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องล้างความอัปยศให้ได้!
ประเด็นสำคัญคือตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าตัวเยารั่วเซียนอยู่ที่ไหน ไม่มีทางไปขัดขวางได้เลย อยากจะช่วยแต่ก็หาตัวไม่พบ คาดว่าที่เยารั่วเซียนแอบหนีไปอย่างแนบเนียน ก็เพราะรู้ว่าพวกเหมียวอี้จะต้องห้ามเขาแน่นอน
“อวิ๋นเฟยหยาง การประลองของวิเศษจะจัดขึ้นเมื่อไหร่?” เหมียวอี้ถาม
อวิ๋นเฟยหยางตอบว่า “ท่านจื่อหยางจัดวันที่สิบเก้าเดือนหน้า ได้ยินว่าในปีนั้นเขาก็แพ้ในวันนี้แหละ ลองนับดูแล้วก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน แต่ฝั่งสำนักงามวิจิตรยังไม่มีการส่งข่าวตอบกลับใดๆ ยังไม่แสดงท่าทีว่าจะรับหรือไม่รับคำท้าของท่านจื่อหยาง แต่ท่านจื่อหยางทำให้เรื่องราวใหญ่เสียขนาดนั้น ถ้าไม่รับคำท้าก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่รับคำท้าก็ทนเสียหน้าไม่ไหว”
“เกี่ยวกับการประลองของวิเศษครั้งนี้ ยังมีข่าวอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย?” เหมียวอี้ถามอีก
“ก็มีเท่านี้แหละ ยังจะให้มีอะไรอีก?” อวิ๋นเฟยหยางงุนงง
เหมียวอี้ขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง รีบทำการตัดสินใจ แล้วรีบจูงแขนอวิ๋นจือชิวเดินออกไป “ไปหาอาหกเป็นเพื่อนข้าหน่อย!”
“นี่ๆๆ พี่เขย อย่าลืมเรื่องของข้านะ! ฝากบอกอาหกด้วยก็ได้!” อวิ๋นเฟยหยางตะโกนตามหลัง
อวิ๋นจือชิวที่โดนจูงให้เดินเร่งฝีเท้าถามอย่างแปลกใจว่า “ไปหาอาหกทำไมเหรอ?”
“ไปให้อาหกช่วยสักหน่อย!”
“อาหกจะช่วยอะไรได้?”
“ให้อาหกช่วยกระจายข่าวให้ ต้องรีบทำให้คนทั้งใต้หล้าได้รับรู้ ปกป้องชีวิตของเยารั่วเซียนก่อน ให้เขาไปถึงสำนักงามวิจิตรอย่างปลอดภัยแล้วค่อยว่ากัน ส่วนจะสู้แพ้หรือชนะก็ไม่สำคัญหรอก!”
ถ้าพูดถึงเรื่องอายุ อาหกอวิ๋นเซี่ยวยังต้องเรียกอวิ๋นเสียว่าพี่หญิงสาม แต่นภาจอมมารมีผู้ชายของตระกูลอวิ๋นเป็นใหญ่ ในบรรดาลูกชายที่ยังมีชีวิตรอดของอวิ๋นอ้าวเทียน พี่หกอวิ๋นเซี่ยวนับว่าเป็นพี่ใหญ่สุด อวิ๋นเซี่ยวเป็นคนจัดการธุระต่างๆ ของนภาจอมมาร
พอสองสามีภรรยาเจอกับอวิ๋นเซี่ยว อวิ๋นเซียวก็ยิ้มอย่างสนิทสนมพลางยื่นมือเชิญให้นั่ง แต่เหมียวอี้พูดเข้าประเด็นเลยว่า “เพิ่งได้ยินอวิ๋นเฟยหยางพูดถึงเรื่องประลองของวิเศษที่สำนักงามวิจิตร ไม่ทราบว่าอาหกเคยได้ยินมาบ้างรึเปล่า?”
“ต้องเคยได้ยินอยู่แล้ว” อวิ๋นเซี่ยวถามกลั้วหัวเราะว่า “ทำไมล่ะ? พวกเจ้าสองผัวเมียสนใจเรื่องนี้เหรอ?”
“อาหก ท่านจื่อหยางคือสหายที่ดีของข้า!” เหมียวอี้ตอบตรงๆ
“หา!” อวิ๋นเซี่ยวตะลึงงัน จากนั้นก็ส่ายหน้าช้าๆ “เกรงว่าเพื่อนเจ้าจะเกิดปัญหาแล้วล่ะ ถ้าบุกเข้าไปในอาณาเขตของแดนอู๋เลี่ยง ที่นั่นก็มีสายของนภาอู๋เลี่ยงอยู่ทุกที่ อาจจะไม่รอดชีวิตไปถึงสำนักงามวิจิตรก็ได้”
เหมียวอี้พยักหน้า “ข้าเลยอยากจะขอให้อาหกช่วยสักหน่อย ช่วยกระจายข่าวบางอย่างออกไป ต้องรีบทำให้ใต้หล้ารู้เรื่องนี้กันให้หมด!”
อวิ๋นเซี่ยวมองอวิ๋นจือชิวที่ทำสีหน้างุนงงแวบหนึ่ง แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ข่าวอะไร!”
“เกี่ยวกับเบื้องหลังของการประลองหลอมของวิเศษระหว่างท่านจื่อหยางกับเซี่ยงไป่ถิงในปีนั้น…” เหมียวอี้เล่ามูลเหตุภายในให้ฟังทันที
หลังจากฟังจบ อวิ๋นเซี่ยวก็เดาะลิ้นแล้วบอกว่า “ที่แท้ก็มีเบื้องหลังอย่างนี้นี่เอง!”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วบอกอีกว่า “เพราะฉะนั้น ในปีนั้นท่านจื่อหยางไม่ได้แพ้ แต่นางรังเกียจที่ท่านจื่อหยางหน้าตาขี้เหร่ ไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับท่านจื่อหยาง จึงแอบนำ ‘กาวสันตฤดู’ ของเจ้าสำนักโม่หมิงมาสลับกันเพื่อช่วยให้เซี่ยงไป่ถิงชนะท่านจื่อหยาง ตอนหลังสำนักงามวิจิตรก็แอบใช้วิธีการสกปรกคอยบ่อนทำลายชื่อเสียงของท่านจื่อหยางไปทั่วทุกแห่ง กดดันจนเขาซุกหัวนอนอยู่ที่ทะเลทรายม่านเมฆาไม่ได้ ทั้งยังส่งคนมาไล่สังหารตลอดทาง ข้าไม่ได้รบกวนให้ท่านอาหกปล่อยข่าวนี้ให้รู้ทั้งใต้หล้าอย่างเดียวนะ ข้ายังต้องการให้เพิ่มข่าวไปด้วยว่า เพื่อที่จะปิดปากท่านจื่อหยาง ขณะเดียวกันก็กลัวว่าจะสู้ท่านจื่อหยางไม่ได้ นภาอู๋เลี่ยงกับสำนักงามวิจิตรจึงกำลังแอบไล่ล่าท่านจื่อหยางอยู่ทั่วทุกที่ ต้องการจะหยุดยั้งไม่ให้เขาไปประลองของวิเศษล้างความอัปยศที่สำนักงามวิจิตร!”
ตอนนี้อวิ๋นจือชิวเข้าใจในทันที ที่แท้สามีตัวเองก็ต้องการให้นภาอู๋เลี่ยงกับสำนักงามวิจิตรลูบหน้าปะจมูก ถ้าสำนักงามวิจิตรอยากจะลบล้างข่าวลือฉาวโฉ่นี้ วิธีการเพียงอย่างเดียวก็คือต้องให้เซี่ยงไป่ถิงเอาชนะเยารั่วเซียนได้อย่างสง่าผ่าเผย มีเพียงการเอาชนะอย่างสง่าผ่าเผยเท่านั้น ถึงจะทำให้ข่าวลือแย่ๆ พวกนั้นกลายเป็นแค่ข่าวลือไร้สาระ ไม่อย่างนั้นคงต้องโดนคนหัวเราะเยาะไปทั้งชาติ
ขณะที่เอียงศีรษะมองเหมียวอี้ อวิ๋นจือชิวก็พบว่า การที่ผู้ชายของตัวเองมีวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย เขารับมือกับสถานการณ์เร่งด่วนได้ดีกว่านางเสียอีก ขนาดในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังควบคุมสถานการณ์ได้
อวิ๋นเซี่ยวเอามือลูบหนวดสั้นที่คางตัวเอง ชำเลืองมองอวิ๋นจือชิว ชำเลืองมองเหมียวอี้ แล้วจู่ๆ ก็พูดแขวะว่า “สงสัยเจ้าเด็กนี่จะไม่ใช่คนดีอะไรหรอกมั้ง ชอบสาดโคลนใส่คนอื่น!”
“…” เหมียวอี้อ้าปากค้าง อวิ๋นจือชิวจึงช่วยพูดแก้ต่างทันที “อาหก นี่เป็นการสาดโคลนเสียที่ไหนกัน นี่คือเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นชัดๆ”
“พอแล้ว! วันนี้นางหนูอย่างเจ้าไปเข้าข้างคนอื่นแล้ว ข้าเถียงไม่ชนะพวกเจ้าสองผัวเมียหรอก” อวิ๋นเซี่ยวลุกออกจากเก้าอี้ ประสานมือทั้งคู่ไว้ในแขนเสื้อกว้างหลวม เดินช้าๆ พร้อมบอกว่า “จะให้ช่วยเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่อาหกก็มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง!”
ทั้งสองลุกขึ้นยืนเช่นกัน อวิ๋นจือชิวพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “อาหก ช่วยแค่นิดหน่อยเอง ตระกูลอวิ๋นไม่ได้เสียหายอะไรเสียหน่อย สำหรับท่าน นี่เป็นเรื่องที่เอ่ยปากคำเดียวก็จัดการได้แล้ว ท่านยังมีหน้ามาเสนอเงื่อนไขกับพวกเราอีกเหรอ?”
อวิ๋นเซี่ยวไม่สนใจ หันตัวมาแล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “เหมียวอี้ ในเมื่อเจ้ากับท่านจื่อหยางเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เอ่อคือว่า เดี๋ยวเจ้าช่วยเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยสิ ให้เขามาอยู่ที่นภาจอมมาร พวกเราจะเลี้ยงดูเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย”
นี่เป็นการฉวยโอกาสเสนอเงื่อนไขชัดๆ! อวิ๋นจือชิวโมโหจนกระทืบเท้า แล้วดึงแขนเหมียวอี้ให้เดินออกไป “พวกเราไปกันเถอะ! ไม่ต้องขอร้องเขาหรอก ไปให้ประมุขถิ่นสี่ทิศของทะเลดาวนักษัตรช่วยก็ได้เหมือนกัน”
อวิ๋นเซี่ยวหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “น้องชิว ถ้าข้าไม่ให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าจะไปได้เหรอ? ถ้าไม่ตอบตกลงเงื่อนไขนี้ ข้าก็จะขังพวกเจ้าไว้ที่นี่แหละ รอให้ผ่านการประลองของวิเศษไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน! ถ้าข้าไม่ได้ท่านจื่อหยางมาทำงานให้นภาจอมมาร ข้าก็ไม่ปล่อยให้เขาตกอยู่ในมือคนอื่นเหมือนกัน พวกเจ้าไตร่ตรองให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“มีเขยคนใหม่มาเยือนบ้าน แต่ท่านรังแกกันอย่างนี้น่ะเหรอ ข้าจะไปฟ้องท่านปู่!” อวิ๋นจือชิวโวยวายอย่างโมโห
อวิ๋นเซี่ยวกล่าวพร้อมรอยยิ้มสดใส “ไปหาใครก็ไม่มีประโยชน์ ท่านปู่เจ้าต้องยืนฝั่งข้าแน่นอน ไม่มีอะไรน่าต่อรองหรอก ข้าจะถามอีกสักครั้ง พวกเจ้าตกลงหรือไม่ตกลง?”
“อาหก ท่านต่ำทรามไร้ยางอายมาก!” อวิ๋นจือชิวชี้หน้าพลางด่าสาดเสียเทเสีย
“น้องชิว ถ้าพูดถึงเรื่องต่ำทรามไร้ยางอาย งั้นข้าขอถามกลับสักหน่อยนะ ใครกันที่ตอนนั้นเพิ่งจะโตเป็นสาว แต่วิ่งไปแอบดูผู้ชายอาบน้ำ…”
“ว้าย! หุบปากนะ!” อวิ๋นจือชิวประสาทเสียทันที พุ่งเข้าไปหมายจะสู้ตายกับอวิ๋นเซี่ยว
อวิ๋นเซี่ยวถลันตัวหลบข้างหลังเหมียวอี้ ตบบ่าเหมียวอี้พลางยอกว่า “ทั้งยังซ่อนตัวอยู่ริมแม่น้ำเพื่อแอบดูฝูงผู้ชายอาบน้ำด้วยนะ ผลก็คือโดนจับได้คาที่เลย!”
ขณะมองดูอวิ๋นจือชิวที่ตกใจจนหน้าถอดสี เหมียวอี้ก็ราวกับโดนตะคริวกินใบหน้า เรียกได้ว่าค่อนข้างตตกตะลึง นึกไม่ถึงว่านางจะเคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนเมื่อตอนเป็นสาวแรกรุ่น!
อวิ๋นจือชิวพูดอย่างอับอายเหลือทน “หนิวเอ้อร์ เจ้าอย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล ไม่ได้มีเรื่องแบบนั้น…” แต่พบว่าคำอธิบายของตนค่อนข้างไร้น้ำหนัก การกระทำของตนได้อธิบายปัญหาไว้ชัดแล้ว นางหน้าแดงจนเหมือนก้นลิง “ที่จริงก็แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีอะไรต่างกัน ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย”
อวิ๋นเซี่ยวโผล่หน้าตรงข้างหลังเหมียวอี้ แล้วพูดหยอกว่า “เห็นชัดรึยังล่ะ มีตรงไหนไม่เหมือน?”
“คนบ้าเอ๊ย!” อวิ๋นจือชิวราวกับแมวโดนเหยียบหาง ด่าอย่างบ้าคลั่ง “ต่อไปข้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว! นี่ไม่ใช่บ้านฝ่ายภรรยาหรอก นี่เป็นบ้านศัตรูชัดๆ!”