พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - ตอนที่ 911
เมื่อได้ยินเขากล่าวแบบนี้ เหมียวอี้ก็รู้ว่าไม่มีทางเหลือให้เจรจาแล้ว หนึ่งในหกปราชญ์ผู้สง่าผ่าเผยพูดออกมาแบบนี้แล้ว ไม่มีทางกลับคำแน่นอน นอกเสียจากเจ้าจะมีความสามารถทำให้เขากลับคำ ที่สำคัญคือเจ้าไม่มีความสามารถนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องเปลืองคำพูดแบบนี้หรอก
พลังอันแข็งแกร่งของเฟิงเป่ยเฉินก็เห็นๆ กันอยู่ จะไม่ปล่อยชุยหย่งเจินก็ไม่ได้ แต่ถ้าปล่อยไป ไพ่ใบสุดท้ายของตัวเองก็จะถูกเปิดเผยออกมาหมด เดิมทีก็ไม่กลัวว่าจะถูกเปิดโปง เพราะอย่างมากก็หนีไปพิภพใหญ่ได้ แต่ตอนนี้เจ้าสามดันอยู่ในมือมู่ฝานจวิน
เขาเองก็อยากจะเอาชีวิตท่านทูตของแดนเซียนสี่คนไปแลก แต่เขาตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้ ฝั่งอันหรูอวี้ต้องไม่รับปากแน่นอน
ตอนนี้เหมียวอี้เรียกได้ว่าลำบากใจทุกทาง อยากจะโยนเยารั่วเซียนออกมาให้สิ้นเรื่อง ตาปีศาจเฮงซวยนี่วางกับดักให้คนอื่นตาย
จู่ๆ อันหรูอวี้ก็สั่งว่า “เหมียวอี้ ส่งตัวชุยหย่งเจินไปให้เขา!”
มารดาเจ้าเถอะ! เจ้าก็พูดได้อย่างสบายใจน่ะสิ! เหมียวอี้บ่นในใจ พอเอียงหน้ามองเห็นอวิ๋นเป้า ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังมองตัวเองอยู่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาเหมือนอันหรูอวี้
ถ้าพูดถึงในจุดยืนของทั้งสอง การส่งตัวชุยหย่งเจินไปแลกเพื่อไม่ให้เฟิงเป่ยเฉินลงมือเป็นแผนที่ดีที่สุด และไม่ได้เสียหายอะไรด้วย
เหมียวอี้เหลียวซ้ายแลขวาพักหนึ่ง แววตาเป็นประกายเล็กน้อย แล้วจู่ๆ ก็พยักหน้าบอกว่า “เฟิงเป่ยเฉิน ข้าตอบตกลงเงื่อนไขข้อที่สอง ชีวิตของท่านทูตสี่คนของแดนเซียน เจ้าเอาไปเถอะ!”
ท่านทูตทุกคนของแดนเซียนแทบจะตาถลนออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน? ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป!
พวกอวิ๋นเป้าจากนภาจอมมาร พวกปีศาจของทะเลดาวนักษัตร ต่างก็พากันตกตะลึงอ้าปากค้าง แม้แต่เฟิงเป่ยเฉินเองก็อึ้งเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะตอบตกลงเงื่อนไขนี้
“เหมียวอี้ เจ้าพูดอะไรของเจ้า?” อันหรูอวี้ตวาดถาม
“บังอาจ!” เยว่เทียนโปก็โมโหเช่นกัน
“ไอ้เหมียวจัญไร เจ้าบังอาจ!” ท่านทุกคนด่าสาดเสียเทเสีย ด่าว่าเขาวางกับดักแม้กระทั่งพวกเดียวกันเอง
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ตอนนี้รู้จักเห็นข้าเป็นพวกเดียวกันแล้วเหรอ เมื่อคืนตอนที่ร่วมมือกับแดนปีศาจ แดนอู๋เลี่ยงลอบสังหารข้า ไม่เห็นบอกว่าข้าเป็นพวกเดียวกันเลย?”
“คำพูดไร้สาระ! คำพูดยุยงเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน เจ้าเชื่อเข้าไปได้อย่างไร?” อันหรูอวี้ตะคอกอย่างดุดัน
เหมียวอี้ตอบเสียงเรียบว่า “คุณชายรอง เมื่อคืนหญิงรับใช้ของท่านหลอกข้าไปที่นั่น เป็นใครที่วางกับดักทำร้ายข้า เกรงว่าในใจท่านคงจะรู้ชัดดีที่สุด”
“พูดจาเหลวไหล เจ้ามีหลักฐานรึเปล่า?” อันหรูอวี้ตะคอกอย่างโมโห
“เรื่องที่ข้าประสบมาด้วยตัวเอง ยังต้องการหลักฐานอะไรอีก?” เขาเอียงหน้าไปมองเฟิงเป่ยเฉิน “เฟิงเป่ยเฉิน เจ้าจัดการตามเห็นสมควรแล้วกัน” เหมียวอี้กล่าว
“เจ้าแน่ใจเหรอ?” เฟิงเป่ยเฉินถาม
เหมียวอี้พยักหน้าอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย “แน่ใจ!”
“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนเลย!” อันหรูอวี้เดือดดาลสุดขีด ถลันตัวเข้ามาฟาดหนึ่งฝ่ามือ
สงเวยที่พิทักษ์อยู่ข้างกายเหมียวอี้ถลันตัวออกมาทันที ชกออกไปหนึ่งหมัด บึ้ม! เกิดเสียงดังสะเทือนฟ้าดิน คลื่นแรงพัดม้วน ลมกระโชกแรง ต้นไม้ป่าภูเขาที่อยู่ด้านล่างก็ถูกถอนขึ้นมาทั้งราก คนกำลังอ่อนแอกว่าที่อยู่ไกลๆ ทนรับไม่ไหว รีบถอยไปไกลกว่าเดิมแล้ว
อันหรูอวี้สะเทือนจนลอยออกไป สงเวยก็กระเด็นถอยหลังอยู่กลางอากาศ รีบวาดแขนสองข้าง ขจัดพลังโจมตีที่อยู่ในร่างกายตัวเอง ถึงแม้วรยุทธ์ของสงเวยจะสูงกว่าอันหรูอวี้หนึ่งขั้น แต่อันหรูอวี้ก็ฝึกเคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้หกชั้นฟ้าแล้ว ภายใต้พลังโจมตีที่ปะทะเข้ามาหลายชั้น ตอนนี้ในร่างกายของเขาราวกับพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทร เลือดลมปั่นป่วน
เมื่อเห็นทุกคนของแดนเซียนจะพยายามหาช่องโหว่หนี เหมียวอี้ก็รีบบอกว่า “เฟิงเป่ยเฉิน เจ้ารับปากจะส่งพวกเรากลับแดนโพ้นสวรรค์ หรือว่าจะกลืนคำพูดตัวเอง?”
เพิ่งจะพูดจบ เฟิงเป่ยเฉินก็แสยะยิ้มทันที ร่างหายไปจากที่เดิมภายในชั่วพริบตาเดียว พุ่งตัวเข้าใส่กลุ่มท่านทูตที่กรูกันเข้ามา
ทุกคนของแดนเซียนตกใจมาก ย่อมต้องโจมตีสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดออยู่แล้ว เฟิงเป่ยเฉินยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านอยู่กลางอากาศ ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กลุ่มคนถืออาวุธต่างๆ พุ่งเข้ามาใส่ตน
ขณะที่ดาบหอกกระบี่พุ่งเข้ามาโจมตีใส่ รอบกายเฟิงเป่ยเฉินก็มีลมพายุรุนแรงกลุ่มหนึ่งหมุนวน อาวุธหลายชิ้นโดนโจมตีกระเด็นไปแล้ว แทบจะไม่มีอาวุธใดทำร้ายเขาได้เลย กลุ่มท่านทูตก็ตอบสนองเร็วเช่นกัน ใช้ทั้งหมัดทั้งเท้าโจมตีเข้ามาพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง
เฟิงเป่ยเฉินยังคงยืนอยู่บนฟ้าไม่ขยับไปไหน ครั้งนี้ก็ยิ่งปล่อยให้หมัดเท้าของพวกท่านทูตโจมตีมาโดนร่างกายตัวเอง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าโจมตีรุนแรงมาก แต่กลับไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอะไร
เหมียวอี้เคยเห็นฉากนี้มาก่อน ในหัวมีภาพตอนตัวเองต่อสู้กับเฟิงเสวียนแวบเข้ามา ดวงตาพลันเบิกกว้าง มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยง!
เป็นอย่างที่คาดไว้ วินาทีที่โดนหมัดพวกนั้นโจมตี เฟิงเป่ยเฉินก็ยิ้มเย้ย “ไม่ประมาณกำลังตัวเอง!”
โดนหมัดที่มีพลังโจมตีรุนแรงมากมายมายขนาดนี้ เฟิงเป่ยเฉินกลับเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรเลย จู่ๆ ก็กางแขนสองข้าง บึ้มๆๆ! เสียงระเบิดดังต่อเนื่องกัน พวกท่านทูตที่โจมตีเฟิงเป่ยเฉินเงยหน้ากระอักเลือกสดออกมาพร้อมกัน มีห้าหกคนที่สะเทือนจนกระเด็นออกไป
คนที่โดนโจมตีไม่เป็นอะไร แต่คนที่เป็นฝ่ายโจมตีกลับบาดเจ็บสาหัส!
ลมพายุรุนแรงระเบิดไปทั่วสารทิศ ด้านล่างภูเขาถล่มพื้นดินทลาย พวกเหมียวอี้ที่กำลังจับตัวประกันรีบถอยไปข้างหลัง หลบแรงชนปะทะที่รุนแรง
ภาพนี้ทำให้คนมากมายแอบตกตะลึงพรึงเพริด เหมียวอี้ก็ยิ่งสูดหายใจอย่างตกตะลึง หนึ่งในหกเคล็ดวิชาพิเศษของพิภพใหญ่ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ
เห็นเพียงวินาทีที่เฟิงเป่ยเฉินขยับตัว เงาร่างแฉลบวนด้วยความเร็วสูง ไล่ตามไปหาท่านทูตที่กระเด็นออกไป ฟาดฝ่ามือใส่คนละที ฟาดไปทั้งหมดสี่ฝ่ามือ มีเสียงดังสี่ครั้ง ศีรษะของคนสี่คนโดนฟาดจนกลายเป็นแตงโมเละในชั่วพริบตาเดียว
ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ท่านทูตสี่คนของแดนเซียนตายแล้ว เยว่เทียนโปก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ตกลงจากบนฟ้าทันที
“ไม่!” ฉางฮวน ฉางเล่อ หญิงรับใช้ของเยว่เทียนโปกรีดร้องอย่างเศร้าโศก ต่างคนต่างถือทวนยาวพุ่งเข้ามา
ที่พุ่งเข้ามาพร้อมกันยังมีหญิงรับใช้ของท่านทูตอีกสามคน เฟิงเป่ยเฉินไม่แม้แต่จะหันมอง เพียงสะบัดแขนเสื้อไปทางซ้ายทางขวานิดหน่อย
บึ้มๆๆ! เสียงสั่นสะเทือนดังต่อเนื่อง ผู้หญิงหลายคนกระอักเลือดสดออกมา ขนาดเข้าใกล้เฟิงเป่ยเฉินยังทำไม่ได้ ตกลงจากฟ้าคนแล้วคนเล่าราวกับว่าวที่สายป่านขาด
เหมียวอี้เม้มริมฝีปากแน่น สีหน้าเย็นเยียบดุร้าย เขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่ตัวเองทำหมายความว่าอย่างไร!
“หนี!” อันหรูอวี้ตะโกนเสียงแหลม คนฝ่ายแดนเซียนที่เหลือเรียกได้ว่าหนีกระเจิดกระเจิง เมื่อรู้ว่าการต่อสู้นี้ต้องเจอกับเฟิงเป่ยเฉิน ก็ไม่มีทางต่อสู้กันได้เลย
เฟิงเป่ยเฉินก็รักษาคำพูดจริงๆ บอกไว้แล้วว่าจะเอาชีวิตท่านทูตสี่คนมาแลกกับชีวิตท่านทูตสี่คน เขาไม่ได้ลงมือกับท่านทูตคนอื่นอีก เพียงแต่เงาร่างหายไปจากที่เดิมอีกครั้ง ไล่ตามอันหรูอวี้ที่กำลังหลบหนี ฟาดไปที่แผ่นหลังของอันหรูอวี้หนึ่งฝ่ามือ
“อั่ก…” อันหรูอวี้กระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง ยังหลบหนีไม่ทัน โดนเฟิงเป่ยเฉินขยุ้มฝ่ามือดูดกลับเข้ามา
“ฮูหยิน!” โอวหยางกวงที่หนีไปไกลร้องเรียกอย่างเศร้าโศก
“รีบหนีไป!” อันหรูอวี้ตวาดเสียงเข้ม
เฟิงเป่ยเฉินไม่ได้ไล่ตามคนอื่นอีก รีบลงมือผนึกวรยุทธ์ของอันหรูอวี้ แล้วบีบคออันหรูอวี้ดึงกลับมา
การลงมือไม่กี่ครั้งที่ง่ายเหมือนหั่นผัก ทุกคนที่เห็นภาพนี้พากันตาลาย เพิ่งรู้ว่าพลังของหกปราชญ์แข็งแกร่งขนาดไหน นักพรตบงกชทองโดยทั่วไป ยามตกอยู่ในมืออีกฝ่าย แม้แต่จะโต้ตอบสักครั้งก็ทำไม่ได้ น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ
เหมียวอี้เม้มริมฝีปากแน่น เมื่อเห็นเฟิงเป่ยเฉินลงมือได้ปราดเปรียวขนาดนั้น เขาก็เริ่มสงสัยนิดหน่อย ว่าต่อให้ดึงตัวจงหลีค่วยจากปราสาทดำเนินนภามา ก็เกรงว่าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงเป่ยเฉินก็ได้ หนึ่งในหกเคล็ดวิชาพิเศษ!
ประมุขถิ่นสี่ทิศของทะเลดาวนักษัตรสบตากันวบหนึ่ง ทุกคนสีหน้าแย่มาก ไม่ได้ประมือกับหกปราชญ์มาหลายปีแล้ว ตอนนี้ผ่านไปหลายหมื่นแล้ว ดูจากตัวของเฟิงเป่ยเฉินก็จะรู้ ว่าพลังของหกปราชญ์ต่างไปจากอดีตแล้ว แข็งแกร่งกว่าในปีนั้นเยอะ ประมุขถิ่นทั้งสี่ต้านทานไม่ไหวตั้งนานแล้ว!
เฟิงเป่ยเฉินหิ้วอันหรูอวี้ที่สภาพสะบักสะบอมเหาะกลับมา มองชุยหย่งเจินที่อยู่ในมืออวิ๋นเป้าแวบหนึ่ง แล้วยกอันหรูอวี้ขึ้นมาเก็บเอาไว้โดยตรง!
เฟิงเป่ยเฉินกวาดมองคนอื่นด้วยแววตาเย็นชา แล้วบอกว่า “อาณาเขตของข้า ไม่ใช่ที่ที่เด็กอย่างพวกเจ้าจะมากำเริบเสิบสานได้ง่ายๆ ไสหัวไปให้หมด!”
ฝาไห่กับอวี้หนูเจียวสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็รู้ว่าไม่มีทางแย่งตัวท่านจื่อหยางได้แล้ว ในเมื่อเฟิงเป่ยเฉินรับปากว่าจะคุ้มกันเหมียวอี้ส่งกลับแดนโพ้นสวรรค์ เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาแล้ว
จีเต๋อไห่พลันเอ่ยว่า “เหมียวอี้! ปล่อยน้องสาวข้า ข้าไม่ต้องการท่านจื่อหยางแล้ว!”
เหมียวอี้ที่จ้องเฟิงเป่ยเฉินค่อยๆ ย้ายสายตากลับมา เขามองจีเต๋อไห่พร้อมกล่าวเสียงเรียบ “เดิมทีข้าก็ไม่มีความแค้นอะไรกับน้องสาวเจ้า แต่น้องสาวเจ้ากับลูกชายนางจะเล่นงานข้าให้ตายครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าไม่หวังให้ความแค้นนี้ถูกแก้ไขหรอก ไม่สู้ผูกเอาไว้เลยดีกว่า!”
พอพูดจบ เลือดก็สาดพุ่ง กระบี่ในมือสะท้อนแสงคมมีด ลำคอที่ขาวหมดจดของจีเหม่ยเหมยขาดเป็นสองท่อน ร่างที่ยังไม่ทันได้ดิ้นรนตกลงบนพื้น แต่ศีรษะที่กำลังถลึงตากลับยังอยู่ในมือเหมียวอี้
“ไอ้จัญไร!” จีเต๋อไห่ตวาดอย่างเดือดดาล
ทุกคนตกใจมาก ต่างก็ไม่รู้ว่าเหมียวอี้ทำแบบนี้ทำไม นี่เป็นการผูกความแค้นที่ไม่มีวันแก้ได้กับนภาหมื่นปีศาจ! แม้แต่อวิ๋นเป้าก็สูดหายใจอย่างตกตะลึง เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วใช่มั้ย?
กลุ่มปีศาจของทะเลดาวนักษัตรก็อ้าปากค้างพูดไม่ออก คุณชายห้าโคตรโหด เรื่องที่แม้แต่ประมุขถิ่นสี่ทิศยังไม่กล้าทำ แต่ประมุขถิ่นกลางคนนี้บทจะทำขึ้นมาก็ไม่ปรานีเลยสักนิด!
เฟิงเป่ยเฉินจ้องเหมียวอี้พลันหรี่ตา แล้วจู่ๆ ก็หันพ่นเสียงทางจมูก หันขวับไปจ้องจีเต๋อไห่ที่กำลังจะพุ่งเข้าหาเหมียวอี้
เขารับปากแล้วว่าจะคุ้มกันส่งเหมียวอี้กลับแดนโพ้นสวรรค์ ตอนนี้ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องเหมียวอี้ได้ง่ายๆ
จีเต๋อไห่จำต้องถอย แล้วโบกมือชี้เหมียวอี้พลางตวาดด้วยสีหน้าดุร้าย “ไอ้เหมียวจัญไร วันหลังข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนอยู่ต่อไม่ไหว แต่จะตายก็ตายไม่ได้!”
เหมียวอี้สะบัดมือที่กำลังหิ้วผมของจีเหม่ยเหมย โยนศีรษะของจีเหม่ยเหมยทิ้งแล้ว นี่คือคำตอบของเขา กระบี่ที่ถือเฉียงอยู่ในมือยังมีเลือดหยด!
ศีรษะที่โดนโยนพลันค้างอยู่กลางอากาศ กลายเป็นศีรษะของมังกรคะนองน้ำที่มีเขาเดียว ส่วนร่างที่ตกลงพื้นก็ปรากฏร่างเดิมเช่นกัน เป็นร่างยาวสีดำ เหมือนจะเป็นงูแต่ก็ไม่ใช่งู มีขาหน้าสองข้าง!
จีเต๋อไห่ที่อุ้มศีรษะมังกรคะนองน้ำโกรธจนตัวสั่น มองดูเฟิงเป่ยเฉินแวบหนึ่ง แล้วถลันตัวลงไปที่พื้น เก็บกวาดเศษร่างของจีเหม่ยเหมย
เหมียวอี้กลับยื่นมือไปหาอวิ๋นเป้า “อาแปด ส่งตัวประกันมาให้ข้า!”
อวิ๋นเป้าจับตัวชุยหย่งเจินลอยเข้ามา แล้วกล่าวอย่าอกสั่นขวัญแขวนว่า “เจ้าอย่าทำซี้ซั้วนะเหมียวอี้!”
เขากังวลจริงๆ ว่าเจ้าบ้านี่จะทำอะไรซี้ซั้ว เมื่อครู่นี้อยู่ดีๆ ก็ฆ่าจีเหม่ยเหมยไป ทำให้เขาตกใจเหมือนกัน เจ้าเวรนี่ไม่กลัวว่าจะโดนนภาหมื่นปีศาจล้างแค้นด้วยซ้ำ ยังจะหวังให้เขากลัวนภาอู๋เลี่ยงอีกเหรอ? ถ้าจะพูดแรงๆ หน่อยก็คือ เพิ่งนึกออกว่าชายคนนี้กล้าแย่งแม้แต่ลูกสะใภ้ของเฟิงเป่ยเฉิน ทั้งยังฆ่าหลานชายของเฟิงเป่ยเฉินไปแล้วด้วย
เหมียวอี้สีหน้าเย็นเยียบเคร่งขรึม ไม่ได้สนใจอะไรมากขนาดนั้นหรอก ดึงตัวชุยหย่งเจินมาไว้ในมือ แล้วเอากระบี่จ่อที่คอชุยหย่งเจิน
“เหมียวอี้ เจ้าอย่าทำซี้ซั้ว!” ฟู่หยวนคังร้องอุทาน เขาเองก็ตกใจที่เหมียวอี้ฆ่าจีเหม่ยเหมยอย่างเหี้ยมโหด กังวลว่าเหมียวอี้จะตัดคอชุยหย่งเจินอีก
เฟิงเป่ยเฉินกล่าวเสียงเข้มว่า “ไอ้จัญไร ถ้าเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ก็ลองดูได้!”
“เฟิงเป่ยเฉิน เจ้าเองก็อย่าเล่นไม่ซื่ออะไรก็แล้วกัน ถึงอย่างไรชีวิตข้าก็ไร้ค่า ถ้าพบความไม่ชอบมาพากลอะไร ข้าก็จะลากลูกศิษย์เจ้ามารับกรรมด้วยกัน!” เหมียวอี้หันซ้ายหันขวา “พวกเราไปกันเถอะ!”
พอเขาขยับตัว กลุ่มปีศาจทะเลดาวนักษัตรและพวกอวิ๋นเป้าที่อยู่ในอาการตกใจก็คุ้มครองเขาออกไปจากตรงนั้น