พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - ตอนที่ 969 ผู้หญิงที่มีสามีแล้ว
แค่มองการแต่งกายและคุณสมบัติเฉพาะตัวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา อยู่เป็นคนงานที่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุหลายปีขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีตาแต่ไร้แวว คนงานรีบเข้ามารับแขกทันที ต้อนรับอย่างอบอุ่น
หวงฝู่จวินโหรวที่เดินเข้าประตูมายิ้มให้พนักงาน แล้วพยักหน้าเบาๆ กวาดสายตามองในร้านค้า พอสบตากับเหมียวอี้ นางก็รีบหลบตา ทำเหมือนไม่เห็นท่านขุนนางเหมียวอยู่ในสายตา สิ่งนี้ทำให้ท่านขุนนางเหมียวโล่งใจมาก ถ้าไม่สนใจเขาได้จะดีที่สุด
ดันเป็นเวลานี้ สวีถังหรานบอกกับอวิ๋นจือชิวว่า “น้ำจิตน้ำใจที่สหายเหมียวมีต่อเถ้าแก่เนี้ย คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็รู้กันหมด เถ้าแก่เนี้ยลองพิจารณาดูให้ดีนะ”
อวิ๋นจือชิวทำได้เพียงอมยิ้ม แต่ไม่แสดงท่าทีอะไร
หารู้ไม่ว่าคำพูดนี้กลับทำให้เหมียวอี้กินปูนร้อนท้อง เขารีบเหลือบมองหวงฝู่จวินโหรว
เป็นอย่างที่คาดไว้ หวงฝู่จวินโหรวที่กำลังก้มหน้าดูเครื่องประดับในตู้แสดงสินค้า พอได้ยินแล้วเอียงหน้ามองมา สายตาไปหยุดอยู่ที่อวิ๋นจือชิว จากนั้นก็ถามพนักงานที่อยู่ข้างกายเพื่อยืนยันว่า “คนไหนคือเถ้าแก่เนี้ยของพวกเจ้า?”
พนักงานย่อมชี้ไปยังอวิ๋นจือชิวที่กำลังอยู่กับลูกค้าที่มาจากจวนผู้บัญชาการ “ท่านนั้นคือเถ้าแก่เนี้ยของพวกเราขอรับ”
หวงฝู่จวินโหรวขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็หันตัวเดินเข้าไป แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกขุนพลช่างมีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ นะ!”
“ผู้จัดการร้านหวงฝู่มาแล้ว!” พวกทหารเลวพากันพยักหน้าทักทาย
หวงฝู่จวินโหรวมองไปที่อวิ๋นจือชิวอีก “ท่านนี้คือเถ้าแก่เนี้ยของ ‘ร้านโฉมเมฆา’ เหรอ ไม่ทราบว่าเถ้าแก่เนี้ยยังจำได้หรือเปล่า พวกเราเคยเจอกันมาก่อน”
อวิ๋นจือชิวเพียงเคยได้ยินเหมียวอี้พูดถึง ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบทำให้เหมียวอี้ตาย ในใจย่อมไม่ปลื้มนางอยู่แล้ว แต่บนใบหน้ายังยิ้มทักทายอย่างสดใส “ผู้จัดการร้านหวงฝู่ช่างความจำดีจริงๆ! ข้าจะลืมได้อย่างไร ตอนแรกยังไปรบกวนที่ร้านค้าสมาคมวีรชนอยู่เลย อวิ๋นจือชิวคำนับผู้จัดการร้านหวงฝู่!” อวิ๋นจือชิวคำนับทักทาย
หวงฝู่จวินโหรวคำนับกลับ แล้วกวาดสายตามองในร้าน ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ที่แท้เครื่องประดับที่ร้านขายของชำซื่อตรงขายก็มาจากเถ้าแก่เนี้ยนี่เอง ยามเห็นเมฆาคนึงหาอาภรณ์ ยามเห็นบุปผาคนึงหาโฉมงาม ร้านโฉมเมฆา ช่างเป็นชื่อร้านที่ดีจริงๆ เถ้าแก่เนี้ยคงไม่รู้ว่าทำให้ผู้หญิงมากมายเท่าไรอิจฉาแทบตาย!”
“ธุรกิจเล็กๆ ของร้านนี้เทียบร้านค้าสมาคมวีรชนไม่ติดหรอก” อวิ๋นจือชิวกล่าวอย่างเกรงใจ จากนั้นก็กล่าวขออภัยพวกสวีถังหราน “ขุนพลทุกท่านเชิญตามสะดวก” จากนั้นหันตัวมายื่นมือเชิญหวงฝู่จวินโหรว พาหวงฝู่จวินโหรวเดินดูสินค้าด้วยตัวเอง แนะนำเครื่องประดับที่วางแสดงด้วยตัวเอง
ฉากนี้ทำให้เหมียวอี้รู้สึกเหงื่อแตก
“พี่หนิว ทำไมสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวล่ะ?” สวี่เต๋อหรานมาโผล่ข้างกายเหมียวอี้และตบบ่าเขา
ข่งเฟยฝานเข้ามาเดาะลิ้นแล้วบอกว่า “พี่หนิวมองจนตาค้างหมดแล้ว แต่จะว่าไปแล้ว ก็อาจจะสวยสู้ผู้จัดการร้านหวงฝู่ไม่ได้ แต่เสน่ห์แบบนั้นพบได้น้อยมากจริงๆ เถ้าแก่เนี้ยแซ่อวิ๋นช่างเป็นผู้หญิงที่สวยโดดเด่น เห็นแล้วมีแรง ไม่แปลกใจที่พี่หนิวจีบไม่เลิกแบบนี้”
เหมียวอี้ได้สติกลับมา แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่สนใจอะไรข้าเลยนะ! แถมยัง… ไม่ปิดบังก็ได้ เถ้าแก่เนี้ยคนนี้เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว”
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก ต้องทำให้ดูเหมือนทั้งสองมีระยะห่างกัน ไม่อย่างนั้นถ้างานของเขามีอะไรผิดพลาด ก็เป็นไปได้สูงว่าจะทำให้ร้านโฉมเมฆาลำบากไปด้วย เรื่องนี้เขาปรึกษากับอวิ๋นจือชิวไว้เรียบร้อยแล้ว
ผู้หญิงที่มีสามีแล้ว? คนที่ล้อมเข้ามาอึ้งทันที หลังจากมองหน้ากันเลิกลั่ก ก็มองไปทางเหมียวอี้ด้วยสายตาแปลกๆ พึมพำในใจว่า เจ้าชอบผู้หญิงที่มีสามีก็ว่าแย่แล้ว แต่การจีบอย่างสง่าผ่าเผยแบบนี้มันเกินไปหน่อยมั้ง
หลัวว่านกวงไอแห้งๆ ทีหนึ่ง แล้วถามเสียงต่ำว่า “พี่หนิว เจ้าคิดจะเล่นๆ หรือจะเอาจริง? ถ้าคิดจะเล่นๆ งั้นก็สงบเสงี่ยมไว้หน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นเจ้าทำแบบนี้จะโจ่งแจ้งเกินไป ดีไม่ดีจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง ต่อให้ผู้ชายจะเจ้าชู้ แต่ก็ต้องได้มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง ภายนอกต้องรักษาภาพพจน์มั่งสิ ถ้ามากเกินไป เกรงว่าพวกเราจะช่วยเจ้าไม่ได้!”
คนที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วย ในใจรู้สึกเบื่อหน่ายมาก เจ้าจะจีบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นขุนพล กลุ่มขุนพลมาช่วยเจ้าจีบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปจะไม่แย่เหรอ? ถึงอย่างไรทุกคนก็ทำงานให้ตำหนักสวรรค์ อย่างน้อยก็ต้องรักษาหน้าตาบ้าง ถ้าตอนได้โยกย้ายเลื่อนขั้นมีคนนำเรื่องนี้มาโจมตีจุดอ่อน อนาคตก็ถูกทำลายหมดแล้ว
เหมียวอี้กลับกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ย่อมต้องอยากคิดจะแต่งงานกับนางอยู่แล้ว”
ทุกคนงงมาก ปู้เหลียนจงกล่าวเสียงต่ำว่า “พี่หนิว เรื่องแบบนี้ต้องรอบคอบไว้นะ ในใต้หล้ามีดอกไม้หอมอยู่ทั่วทุกที่ เหตุใดต้องรักข้างเดียวกับดอกไม้ก้านเดียว แค่เล่นๆ ก็พอแล้ว ถ้าเจ้าเคยแต่งงานมาแล้วก็ว่าไปอย่าง ทั้งคู่สมน้ำสมเนื้อกันก็ไม่เป็นไร แต่คนบริสุทธิ์อย่างเจ้า มันใช่เรื่องเหรอที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่มีสามีแล้ว? ผู้หญิงที่แต่งงานครั้งที่สอง ไม่มีสิทธิ์จะได้เป็นภรรยาเอกด้วยซ้ำ ถ้าแต่งงานกลับมาจริงๆ เกรงว่าแม้แต่บรรพบุรุษก็ยังเสียหน้า ต้องโมโหจนคลานออกมาจากหลุมศพแน่ รอบคอบหน่อย คิดดูอีกทีเถอะ!”
เหมียวอี้แสดงท่าทีแน่วแน่มาก กล่าวอย่างมุ่งมั่นเด็ดขาดว่า “หนิวคนนี้ไม่ได้มั่ว ทำเรื่องเล่นๆ แบบนั้นไม่ได้หรอก!”
ทุกคนได้ยินแล้วพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี สุดท้ายสวีถังหรานก็หัวเราะแห้งๆ แล้วแอบกระซิบถามเบาๆ “ในเมื่อพี่หนิวมีรสนิยมแบบนี้ งั้นก็ง่ายเหมือนกัน เจ้าตัวอยู่ในอาณาเขตของพวกเรา แสดงว่าเป็นเป็ดในหม้อต้ม บินหนีไปไหนไม่ได้แล้ว เจ้ารู้หรือเปล่าว่าสามีของนางเป็นใคร ขอเพียงทำให้นางเป็นแม่หม้าย เรื่องนี้ก็จัดการได้สะดวกแล้ว”
เมียเจ้าสิที่จะกลายเป็นแม่หม้าย! เหมียวอี้สบถในใจ แต่ภายนอกส่ายหน้าตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่เคยเจอผู้ชายของนาง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำงานอะไร”
ทุกคนพูดไม่ออกอีกครั้ง เจ้าอย่าให้พวกเราหลงหลุมไปด้วยเลย
สวีถังหรานทำสีหน้าเหมือนโดนตะคริวกิน เปลี่ยนคำพูดทันที “งั้นก็ต้องระวังตัวจริงๆ แล้ว ผู้หญิงคนนี้ดูมีสง่าราศีไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเคยถูกกล่อมเกลามาก่อน ถ้าผู้ชายของนางเป็นประเภทที่พวกเราไปมีเรื่องด้วยไม่ไหว คงเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนจริงๆ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้หญิงคนนี้มาทำลายอนาคตนะพี่หนิว!”
คนที่เหลือพยักหน้า ส้าวเติงก่วงบอกว่า “เอ่อคือ พี่หนิว ข้ายังมีธุระนิดหน่อย อยู่นานไม่ได้ ขอตัวกลับก่อนนะ”
“ข้าไปด้วยสิ!” ปู้เหลียนจงพูดตามทันที
กลุ่มทหารสวรรค์ตีกลองถอยทัพแล้ว พวกเขาไม่อยากแส่หาเรื่อง ต้องการจะหนีกันหมด แต่เหมียวอี้กลับดึงพวกเขาไว้ “ในเมื่อพี่ใหญ่ทุกท่านมาแล้ว ก็อยู่เป็นหน้าเป็นตาให้น้องชายสักหน่อยสิ? อีกฝ่ายเพิ่งจะเปิดร้าน พวกพี่ๆ ช่วยซื้อเครื่องประดับติดมือกลับไปบ้างสิ” นี่เป็นการหาเงินให้ตัวเอง จะไม่กระตือรือร้นได้อย่างไร
“ไม่ใช่มั้ง?” สวีถังหรานหดหัว แล้วกล่าวเสียงอ่อนปวกเปียก “พี่หนิว สินค้าที่นี่ ราคาถูกสุดก็หนึ่งล้านผลึกแดงแล้ว มีแต่ของที่ผู้หญิงชอบ ไม่มีประโยชน์อะไรกับการฝึกตนเลย ไม่มีความหมายในสายตาผู้ชาย พวกเราจะซื้อไปทำไม?”
“ครั้งก่อนพวกพี่ๆ ก็หาเงินมาได้ก้อนหนึ่งแล้ว ช่วยกันหน่อยเถอะ!” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะต่อทุกคน
เพื่อนร่วมงานทั้งหกคนปวดประสาทนิดหน่อย ถ้ารู้แต่แรก ต่อให้ตีให้ตายก็ไม่มาประสมโรงด้วยหรอก หนึ่งล้านผลึกแดงสามารถแลกยาแก่นเซียนได้สิบเม็ดเชียวนะ มีแต่คนที่กินข้าวอิ่มแล้วไม่มีงานทำเท่านั้น ถึงจะโยนยาแก่นเซียนสิบเม็ดทิ้งเพราะเครื่องประดับบ้าๆ นี่ชิ้นเดียว
“เครื่องประดับของร้านขายของชำซื่อตรงในปีนั้นมีผู้หญิงชอบเยอะขนาดไหน พี่ใหญ่ทุกคนคงเคยได้ยินมาแล้ว ตัวเองไม่ใช้ แต่ซื้อไปง้อผู้หญิงได้นะ…”
ในขณะที่เหมียวอี้ ‘เป็นคนกลางแนะนำให้’ อย่างหน้าด้านกระตือรือร้น ทหารเลวทั้งหกก็กัดฟันซื้อไปคนละชิ้น พวกเขาไม่ได้กำลังไว้หน้าเหมียวอี้ แต่กำลังไว้หน้าโค่วเหวินหลานเพราะไม่แน่ใจว่าเจ้าเจ้าบ้านี่กับโค่วเหวินหลานมีความสัมพันธ์กันอย่างไร คงไม่ดีถ้าจะไม่ไว้หน้า
อวิ๋นจือชิวที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานกับหวงฝู่จวินโหรว พอเห็นเหมียวอี้ช่วยเรียกลูกค้า ในใจก็แอบขำ แน่นอนว่าดูออกว่าลูกค้าพวกนั้นไม่ค่อยเต็มใจ
หวงฝู่จวินโหรวแอบเหลือบมองหลายครั้ง ขณะกำลังส่องกระจกเทียบปิ่นปักผมบนศีรษะตัวเอง นางก็ถือโอกาสกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ดูออกเลยว่าขุนพลหนิวใส่ใจธุรกิจของถ้าแก่เนี้ยมาก! สงสัยขุนพลหนิวกับเถ้าแก่เนี้ยจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดานะ!”
อวิ๋นจือชิวกลับเกิดความระมัดระวังในใจ นางรู้เพียงว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ถูกกับเหมียวอี้ กังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นจุดอ่อนให้นางบีบ แน่นอนว่าต้องปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์ เพียงตอบพร้อมรอยยิ้มจืดๆ “เป็นแค่สหายธรรมดาเท่านั้น”
หวงฝู่จวินโหรวเอียงหน้ายิ้มอย่างสนิทสนม “แต่ไม่เหมือนสหายธรรมดาเลยนะ ข้าได้ยินว่าขุนพลหนิวท่านนี้กำลังตามจีบเถ้าแก่เนี้ย”
หลังจากนางได้ยินข่าวลือนี้ ในใจก็เกิดความแค้น อยากจะมาดูว่าเถ้าแก่เนี้ยหน้าตางดงามอย่างไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เหมียวอี้หลงใหลจนใจลอย นี่ก็คือสาเหตุที่นางมาที่ ‘ร้านโฉมเมฆา’ ในวันเปิดร้าน เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยคือผู้หญิงที่นางเคยพบมาก่อน ในใจก็จำต้องยอมรับ ว่าถึงแม้อีกฝ่ายอาจจะไม่สวยเท่าตน แต่เสน่ห์ความเย้ายวนที่แฝงอยู่ในความสง่างามแบบนั้น เป็นสิ่งที่ตนเทียบไม่ติด
สิ่งนี้ทำให้นางแค้นจนกัดฟันกรอด ที่แท้เหมียวอี้ก็ชอบผู้หญิงแบบนี้นี่เอง! นางย่อมรู้ชัดอยู่แล้ว ว่าตอนแรกที่เหมียวอี้มาอยู่กับนาง ล้วนเป็นเพราะความผิดพลาดทั้งนั้น เหมียวอี้ไม่นับว่าชอบนางเท่าไรเลย สิ่งนี้ทำให้หวงฝู่จวินโหรวไม่พอใจมาก เพราะนางชอบเหมียวอี้
ตอนแรกนางยังไม่เข้าใจว่าตัวเองชอบเหมียวอี้ แต่หลังจากมีความสัมพันธ์กัน แล้วนึกขึ้นได้ว่าตัวเองหยิบปิ่นแมลงปอสีแดงออกมาทุกครั้งที่นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางถึงได้เข้าใจ ว่าแท้จริงแล้วนางชอบเหมียวอี้ตั้งแต่ตอนที่เขาปักปิ่นให้นางครั้งแรก สิ่งนี้ฝังลึกอยู่ในใจของนาง ยากที่จะลบเลือนไปได้!
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้ายิ้ม “ข้าเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ข้ากับเขาไม่มีทางเป็นไปได้”
หวงฝู่จวินโหรวงุนงงกับสิ่งนี้ โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานจะไม่นำเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น แต่ผ่านไปชั่วพริบตาเดียว ในใจนางก็คับแค้นหนักกว่าเดิม ได้แต่ฝืนยิ้มพร้อมบอกว่า “แต่ขุนพลหนิวดูเหมือนจะไม่ถือสาเรื่องนี้เท่าไรนะ แน่วแน่กับเถ้าแก่เนี้ยมาก ไม่อย่างนั้นจะลากเพื่อนร่วมงานมาเป็นหน้าเป็นตาให้เถ้าแก่เนี้ยได้อย่างไร?”
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้าตอบ “ถึงอย่างไร สำหรับข้าก็เป็นไปไม่ได้”
หวงฝู่จวินโหรวจ้องนางผ่านทางกระจกแวบหนึ่ง บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร นางถอดปิ่นลงมาพร้อมบอกว่า “เอาด้ามนี้แล้วกัน!”
อวิ๋นจือชิวไปที่โต๊ะชำระเงินกับนางทันที แล้วบอกบัณฑิตว่า “ให้ราคาที่พิเศษที่สุดกับผู้จัดการร้านหวงฝู่!”
“ขอรับ!” บัณฑิตเอ่ยรับด้วยความยินดี
ต่อให้เป็นราคาพิเศษ แต่ปิ่นปักผมด้ามนี้ก็ทำให้หวงฝู่จวินโหรวต้องจ่ายยี่สิบกว่าล้านผลึกแดง
และตรงประตู หลังจากพวกสวีถังหรานออกจากร้านค้ามาแล้ว ทั้งหกก็พากันทอดถอนใจ แบบนี้เรียกว่ามาให้เชือดถึงที่!
“พี่ชายทุกท่านกลับดีๆ นะ ครั้งหน้าค่อยมาใหม่!” เหมียวอี้ยืนโบกมือส่งแขกตรงหน้าประตู
พวกเขาหันกลับมาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มฝืนๆ พอหันตัวไป สวีถังหรานก็พึมพำว่า “ครั้งหน้าต่อให้ตีให้ตาย ข้าก็จะไม่มาที่นี่อีก”
เหมียวอี้แอบยิ้มในใจ ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้าจะกล้ามาประสมโรงที่นี่อีกหรือเปล่า แต่พอหันหน้ากลับมา เขาก็ยิ้มไม่ออกทันที อวิ๋นจือชิวออกมาส่งหวงฝู่จวินโหรวด้วยตัวเอง พวกนางคุยกันประมาณว่าวันหลังจะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เหมียวอี้ได้ยินแล้วแอบตื่นตระหนกในใจ พวกเจ้าจะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เหรอ?
ทั้งสามเจอกันตรงประตูพอดี หวงฝู่จวินโหรวยิ้มอย่างสนิทสนมพร้อมบอกว่า “ขุนพลหนิวใส่ใจธุรกิจของพี่อวิ๋นดีเชียวนะ”
“ก็ช่วยๆ กัน!” เหมียวอี้ตอบหัวเราะแห้งๆ ขายผ้าเอาหน้ารอด
ใครจะไปคิดล่ะ หวงฝู่จวินโหรวกลับถ่ายทอดเสียงหาเขาต่อหน้าอวิ๋นจือชิว “เจ้าแซ่หนิว ยังมียางอายอยู่มั้ย? ข้าเคยเจอคนไร้ยางอายมาก่อน แต่ไม่เคยเจอใครไร้ยางอายเท่าเจ้าเลย แม้แต่ผู้หญิงที่มีสามีแล้ว เจ้าก็ไม่เว้นเหรอ?”
…………………………