พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1051 ดูมีเงื่อนงำนิดหน่อย
อิ๋งเหย้าที่โดนอาวุธจ่อไว้ไม่มีทางหลบได้เลย!
เมื่อพูดว่าฝ่าฝืนคำสั่งต่อหน้าฝูงชน ทหารสวรรค์ที่ลงโทษประหารชีวิตก็ลงมืออย่างไม่ลังเล เรียกได้ว่าไม่ให้โอกาสรอดชีวิตกับอิ๋งเหย้าเลยแม้แต่น้อย กะทันหัน ตรงไปตรงมา ประหารไปอย่างนี้เลยทหารสวรรค์!
คนอื่นๆ ตกตะลึงอ้าปากค้าง คำว่า ‘ประหาร’ ที่เย็นเยียบดุจน้ำแข็งของเกาก้วนยังดังก้องอยู่ในหูของทุกคน
เกาก้วนที่อยู่บนบันไดหน้าตำหนักยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายอำนาจสวรรค์ต่อหน้าฝูงชน เขาไม่เห็นฐานะภูมิหลังของอิ๋งเหย้าอยู่ในสายตา!
คนที่รู้จักฐานะของเกาก้วนล้วนเข้าใจ อีกฝ่ายมีอำนาจที่สามารถประหารก่อนแล้วค่อยรายงาน คนคนนี้มีหน้าที่รักษาความเกรงขามอันสูงส่งของราชันสวรรค์ เมื่อเจอคนที่ขัดคำสั่งและไม่เคารพอำนาจสวรรค์ ก็มีให้เพียงคำเดียวเท่านั้น ฆ่า!
ไม่เคยสนใจว่าถูกหรือผิด! ต่อให้ฆ่าผิดตัว…ที่จริงที่ฆ่าผิดตัวก็มีไม่น้อย หลังจากจบเรื่องราชันสวรรค์ก็แค่ปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดาย ไม่ได้สืบสาวหาความเรื่องราว อำนาจสังหารของทูตตรวจการตำหนักสวรรค์ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือเป็นผลจากการที่ราชันสวรรค์ให้ท้ายส่งเสริม!
ขณะที่มองเลือดสดของอิ๋งเหย้าพุ่งออกมา โค่วเหวินหลานก็เอามือลูบคอตัวเองโดยจิตใต้สำนึก เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ตัวเองสั่งให้เหมียวอี้มอบนักโทษสี่คนให้โค่วเหวินหวง เขาก็รู้สึกกลัวนิดหน่อย ราชันสวรรค์ออกคำสั่งด้วยตัวเอง ให้ลดขั้นเป็นผีหลักเมืองกับเทพแห่งผืนดิน ภายในสามพันปีนี้ ถ้าไม่มีคำสั่งพิเศษก็ห้ามเลื่อนขั้น!
ตอนแรกที่ส่งคนมาเข้าร่วมการทดสอบ ก็รู้แค่ว่าถ้าคะแนนไม่ดีก็จะทำให้ตนพลิกสถานะในตระกูลได้ลำบาก แต่กลับนึกไม่ถึงว่าราชันสวรรค์จออกคำสั่งเอง เขาเกือบจะตายเพราะโค่วเหวินหวงแล้ว!
การลงโทษนี้ร้ายแรงกว่าที่เขาจินตนาการไว้ตั้งเยอะ รู้สึกโชคดีที่เหมียวอี้นำนักโทษกลับมาด้วยจำนวนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นถ้ากลับมามือเปล่า ผลลัพธ์ก็อนาถจนไม่อยากจะจินตนาการถึง อย่าว่าแต่พวกเหมียวอี้เลย แม้แต่เขาเองก็ต้องไปนั่งที่ศาลเจ้าแต่โดยดีด้วยเช่นกัน
เขาหันกลับมามองพวกเหมียวอี้ คิดว่าพวกเหมียวอี้เพิ่งจะได้รับรางวัลอย่างงาม แล้วก็มองดูการลงโทษที่ร้ายแรงของราชันสวรรค์อีก ในบรรดากลุ่มผู้บัญชาการใหญ่ที่โดนลดขั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกหลานจากตระกูลใหญ่! ลงมือกับลูกหลานของตระกูลใหญ่มากมายขนาดนี้ในรวดเดียว ดูท่าแล้วราชันสวรรค์คงจะไม่พอใจกับสภาพในปัจจุบันของตำหนักสวรรค์เป็นอย่างมาก นี่เป็นการอาศัยการทดสอบเพื่อส่งสัญญาณ!
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเชือดไก่ให้ลิงดู? ที่จริงแล้วนี่กำลังเชือดลิงให้ไก่ดูต่างหาก! แม้แต่หลานชายของอ๋องสวรรค์อิ๋งก็ประหารอย่างไม่ปรานีเลยสักนิด แล้วคนอื่นๆ ยังจะกล้าโวยวายอีกเหรอ?
กลุ่มคนที่โดนลงโทษพากันกลืนน้ำลาย คำพูดที่จ่อขึ้นมาถึงปากถูกกลืนลงไปหมดแล้ว แต่ละคนกลัดกลุ้มทุกข์ใจ แอบทอดถอนใจไม่หยุด อิ๋งเหย้าคนนี้เกรงว่าจะต้องตายเปล่าแล้ว โดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งต่อหน้าฝูงชน เดี๋ยวต่อไปอ๋องสวรรค์อิ๋งคงจะต้องไปขออภัยโทษต่อหน้าราชันสวรรค์ด้วยตัวเองแน่นอน! ถึงแม้จะเป็นไปได้ยากที่ราชันสวรรค์จะลงโทษอ๋องสวรรค์อิ๋ง แต่อิ๋งเหย้าจะต้องตายเปล่าแล้วแน่นอน ดีไม่ดีแม้แต่พวกเขาเองก็อาจจะโดนที่บ้านสั่งสอนอย่างเข้มงวดด้วย ว่านี่คือจุดจบของการฝ่าฝืนอำนาจสวรรค์!
พวกเหมียวอี้มองหน้ากันเลิกลั่ก รู้สึกโชคดีไม่หาย โชคดีที่ตอนหลังแก้ไขปัญหาได้ ไม่อย่างนั้นถ้ากลับมามือเปล่าจริงๆ การนั่งอยู่ในศาลเจ้าคอยดูมนุษย์จุดธูปให้ตัวเองก็ยังดีหน่อย แต่ถ้าถูกลดขั้นให้ไปเป็นอากงเจ้าที่กับอาม่าเจ้าที่ในสถานที่เลวร้ายขึ้นมา นั่นต่างหากที่เรียกว่าอนาถของแท้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นนักพรตบงกชทองแล้วนะ!
พอเหลือบมองเกาก้วนที่อยู่บนบันไดหน้าตำหนักโดยจิตใต้สำนึก ทั้งสามก็ไม่รู้ว่าเจ้าบ้านี่มีที่มาที่ไปอย่างไร แค่รู้ว่าเขาโหดใช้ได้เลย แม้แต่หัวของหลานชายอ๋องสวรรค์อิ๋ง บทจะตัดทิ้งก็ตัดทิ้งได้!
คนทั้งงานถูกทำให้ตกใจจนเงียบกริบ เรื่องต่อมาก็จัดการสะดวกแล้ว ไม่มีใครที่เกิดความไม่ยุติธรรมในใจเพราะโดนลงโทษอีก เมื่อเทียบกับอิ๋งเหย้า การที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่ละคนส่งของที่ควรจะส่งคืนกลับมาให้แต่โดยดี ภายในสามปีนี้ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้พลิกสถานะ ราชันสวรรค์กล่าวไว้อย่างเด็ดขาดแล้ว!
ของที่มีประโยชน์บนตัวอิ๋งเหย้าถูกริบไปหมด ศพถูกลากออกไปแล้ว
ตอนแรกยังปะทะฝีปากกับซีเหมินจวิ้นอยู่เลย ทำเอาซีเหมินจวิ้นโดนแส้เฆี่ยนปางตาย ทุกคนยังจำได้ดีว่าตอนนั้นอิ๋งเหย้าลำพองใจขนาดไหน แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือแม้แต่ศีรษะ จุดจบแย่กว่าซีเหมินจวิ้นด้วยซ้ำ มีบางคนแอบทอดถอนใจด้วยความหดหู่อีกครั้ง ว่ากันว่าอยู่ใกล้ราชันก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ พูดไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ!
รางวัลที่ควรจะให้ก็ให้ไปแล้ว คนที่สมควรโดนลงโทษก็ถูกควบคุมตัวออกไปท่ามกลางฝูงชนหมดแล้ว จุยหย่วนประกาศเสียงดังอีกครั้งว่า “การทดสอบจบแล้ว!”
จนกระทั่งตอนนี้ การทดสอบหนึ่งร้อยปีนับว่าจบลงอย่างเป็นทางการแล้ว สถานที่ไร้ชีวิตที่ถูกปิดไว้ก็กำลังจะเปิดแล้วเช่นกัน!
ดังนั้นทุกคนจึงรวมกลุ่มกันจากไป หลังจากข้ามผ่านประตูดวงดาวของน่านฟ้าขาลติงออกไปแล้ว ทุกคนก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างกลับไปที่อาณาเขตตัวเอง
ดาราจักรยังคงกว้างใหญ่ระยิบระยับ แต่บรรดาคนที่กลับไปหลังจากการทดสอบจบลง กลับมีทั้งคนที่ดีใจและคนที่ทุกข์ใจ
โค่วเหวินหลานย่อมนำลูกน้องเหาะตามหลังปี้เยว่ฮูหยินอยู่แล้ว พอเหลือบมองปี้เยว่ฮูหยินทีเหาะนำอยู่ข้างหน้าแวบหนึ่ง โค่วเหวินหลานก็ถ่ายทอดเสียงบอกลูกน้องทั้งสามเงียบๆ ว่า “ต่อไปนี้ทุกคนต้องระวังตัวหน่อยนะ ที่จริงแล้วดาวเทียนหยวนที่พวกเราอยู่เป็นขอบเขตอำนาจที่แตกสาขามาจากตระกูลอิ๋ง ท่านโหวเทียนหยวนสามีของปี้เยว่ฮูหยินก็คือลูกน้องของอ๋องสวรรค์อิ๋ง การตายของอิ๋งเหย้าครั้งนี้เกี่ยวข้องกับพวกเรานิดหน่อย เดี่ยวกลับไปรอข้าติดต่อกับคนในตระกูลก่อน ข้าจะพยายามพาพวกเจ้าออกไปให้เร็วที่สุด!”
ไม่ใช่มั้ง? ทั้งสามพูดไม่ออก แต่ก็รู้สึกโชคดีอีกครั้ง โชคดีที่มีโค่วเหวินหลานอยู่ สามารถช่วยให้พวกเขาหลีกภัยได้
หลังจากโค่วเหวินหลานบอกทั้งสามแล้ว ก็ตามหลังปี้เยว่ฮูหยินไปกล่าวอำลา “ฮูหยิน การทดสอบที่นี่จบลงแล้ว ข้าน้อยอยากจะขอตัวลากลับบ้าน”
ปี้เยว่ฮูหยินที่อุ้มจิ้งจอกหันกลับมายิ้มบางๆ “ผู้บัญชาการใหญ่โค่วได้อันดับหนึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เกรงว่าคงจะอยู่กับข้าได้ไม่นานแล้วเหมือนกัน กลับไปเถอะ รีบกลับไปรายงานคนที่บ้าน รอให้ถึงตอนที่เจ้าย้ายออกไป ข้าจะไปส่งเจ้าด้วยตัวเอง”
“ขอให้เป็นมงคลตามปากฮูหยิน!” โค่วเหวินหลานกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็บอกลาพวกลูกน้อง แยกทางกันกลับไป
เมื่อโค่วเหวินไปแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็หันกลับมามองสามคนข้างหลัง แล้วยิ้มบางๆ ให้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เหาะนำอยู่ข้างหน้าพร้อมกระโปรงที่ปลิวสะบัด
ระหว่างทางยาวนาน บางครั้งมู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานก็ใช้สมุนไพรเซียนซิงหัวมาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเงียบๆ ของที่โค่วเหวินหลานให้เพียงพอให้พวกเขารักษาจนหายเป็นปกติก่อนจะกลับถึงดาวเทียนหยวน
เหมียวอี้หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับปานเยว่กงก่อน บอกว่าตัวเองผ่านการทดสอบได้อย่างราบรื่น ส่วนเรื่องของพวกเขาสองสามีภรรยา โค่วเหวินหลานรับประกันให้แล้ว ให้พวกเขาวางใจได้เลย
จากนั้นถึงได้ติดต่อกับอวิ๋นจือชิว บอกว่าการทดสอบจบแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทางกลับ ให้นางเตรียมตัวเต้นระบำมารสวรรค์เพื่อสร้างความบันเทิง
ส่วนเรื่องรางวัลกับอันดับของการทดสอบ เขายังไม่ได้บอกใครทั้งนั้น
ณ ดาวสองขั้ว ยังคงเป็นตรงตีนภูเขาไฟ ปานเยว่กงเก็บระฆังดารา แล้วหันตัวเดินมาบอกชิงเหมยที่อยู่ข้างหลังด้วยรอยยิ้มว่า “ฮูหยิน ผู้บัญชาการหนิวผ่านการทดสอบแล้ว…” แล้วถือโอกาสพูดถึงเรื่องที่เหมียวอี้รับปากพวกเขาไว้
ชิงเหมยยิ้มบางๆ “หลังจากผ่านการทดสอบแล้วก็แจ้งให้พวกเรารู้ทันทีเลย ผู้บัญชาการหนิวคนนี้เป็นคนรักษาคำพูดจริงๆ สงสัยเรื่องพลิกคดีให้ข้าคงจะมาถึงในไม่ช้านี้”
“เรืองนี้แน่นอนอยู่แล้ว อาศัยภูมิหลังและกำลังของตระกูลโค่ว เรื่องในอดีตที่ไม่สำคัญแล้วก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย” ปานเยว่กงจูงมือนาง “ไป! ไปบอกหวงเสี้ยวเทียนให้รู้สักหน่อย”
หลังจากรู้ว่าพวกเหมียวอี้ผ่านการทดสอบได้อย่างราบรื่น หวงเสี้ยวเทียนก็เรียกได้ว่ากระโดดโลดเต้นอยู่ตรงประตูห้องถ้ำ “ไปๆๆ! ในเมื่อการทดสอบจบแล้ว พวกเราไปเดินเล่นที่ดาวเทียนหยวนกัน ไปแสดงความยินดีกับพวกเขา”
สวีถังหรานรับปากไปส่งเดชแล้วว่าจะหาร้านค้าให้เขาสักร้าน เขาตั้งตารอกับเรื่องนี้สุดๆ
สองสามีภรรยากลับสบตากันแวบหนึ่ง ปานเยว่กงบอกว่า “รออีกหน่อยแล้วกัน พวกเขาเพิ่งผ่านการทดสอบ ในมือยังมีเรื่องต้องจัดการแน่ๆ ไม่สู้รอให้พวกเขาว่างแล้วค่อยไปเยี่ยมดีกว่า!” สาเหตุที่แท้จริงก็คือ ชิงเหมยยังไม่พ้นคดี ถ้าตอนนี้โผล่หน้าเพ่นพ่านไปทั่วจะเป็นการรนหาที่ตาย
หวงเสี้ยวเทียนได้ยินแล้วชะงักทันที จากนั้นก็พยักหน้า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล! งั้นก็รอก่อนแล้วกัน!” พูดจบแล้วก็ยังถูไม้ถูมืออย่างตื่นเต้นดีใจ
ณ ดาวเทียนหยวน ร้านโฉมเมฆา เรือนร่างอรชรอ่อนช้อยกำลังอยู่ภายใต้แสงจันทร์ อวิ๋นจือชิวที่เก็บระฆังดาราเอ่ยเรียก “มีใครอยู่มั้ย!”
โน้มตัวดมดอมดอกไห่ถัง เรือนร่างเย้ายวนงดงาม ใบหน้าเผยรอยยิ้มสวยหยาดเยิ้ม เมื่อรู้ว่าเหมียวอี้ได้กลับมาอย่างราบราบรื่น ความกังวลใจก็หายไปทันที
เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์รีบเดินเข้ามา แล้วโค้งตัวคำนับพร้อมกัน “ฮูหยิน!”
ตอนนี้อวิ๋นจือชิวที่งดงามกว่าดอกไม้หันกลับมาบอกด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่านผ่านการทดสอบได้อย่างราบรื่นแล้ว กำลังอยู่ระหว่างทางกลับ ไปบอกพวกลูกน้องหน่อย เลิกเตรียมป้องกันได้แล้ว แล้วไปบอกหรูฮูหยินทั้งสองท่านด้วย เออใช่ เตรียมน้ำไว้ให้ข้าอาบด้วย ข้าจะพักผ่อนสักหลายๆ วัน บำรุงดูแลร่างกายให้งดงาม จะได้ปรนนิบัติให้เจ้าคนไม่รักดีนั่นให้ดีๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นคงจะโดนคนอื่นล่อลวงหนีไปสักวัน!”
ขณะที่หญิงรับใช้ทั้งสองกำลังดีใจ ก็พยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม พวกนางรู้ว่าฮูหยินอกสั่นขวัญแขวนมาตลอดหนึ่งร้อยปี ในที่สุดตอนนี้ก็คลายกังวลและจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ทางด้านหรูฮูหยินสองท่านนั้นก็ไม่ต่างกันเท่าไร
หลังจากเหาะอยู่บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลได้สิบกว่าวัน จู่ๆ ปี้เยว่ฮูหยินที่กำลังอุ้มจิ้งจอกก็หยิบระฆังดาราออกมา นางขมวดคิ้วทันที คนที่ส่งข่าวมาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นท่านโหวเทียนหยวนสามีของนางนั้นเอง
ในสถานการณ์ปกติ ถ้าไม่มีธุระอะไรผู้ชายของนางก็จะไม่ค่อยติดต่อมาหานาง เป็นสามีภรรยากันหลายปีจนเบื่อเซ็งกันแล้ว ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าที่เขานำนางมาทิ้งไว้ที่ดาวเทียนหยวน ก็เพื่อจะได้หาความสำราญกับอะไรใหม่ๆ ได้สะดวก นางก็แค่ปิดตาข้างเดียวเท่านั้นเอง แต่ในใจรู้อยู่แจ่มแจ้ง สาเหตุหลักเป็นเพราะเทียนหยวนมีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมาก นางไม่มีทางระบายอารมณ์โกรธได้เหมือนภรรยาทั่วไป อยากจะควบคุมก็ควบคุมไม่ไหว ตอนนี้ติดต่อนางมาอย่างกะทันหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ามีธุระอะไร
นางร่ายอิทธิฤทธิ์เขย่าระฆังดาราถามว่า : ผีบ้า คิดถึงเมียแก่อย่างข้าแล้วเหรอ?
เทียนหยวนไม่ต่อปากต่อคำกับนาง : ได้ยินว่าลูกน้องเจ้าสามคนได้อันดับสามในการทดสอบครั้งนี้เหรอ?
ปี้เยว่ฮูหยิน : ทำไมล่ะ? ตระกูลอิ๋งไม่พอใจแล้วเหรอ?
เทียนหยวน : เจ้ามาที่นี่สักเที่ยว สั่งให้สามคนนั้นไปหาเฉาว่านเสียง
ปี้เยว่ฮูหยิน : มีเรื่องอะไรกันแน่?
เทียนหยวน : ไม่ต้องถามมากแล้ว มีอะไรค่อยคุยกันตอนเจอหน้า แวะมาสักเที่ยวไม่ทำให้เจ้าเสียงานหรอก ถือว่าเป็นผลดีกับตัวเจ้าเองด้วย
หลังจากติดต่อกันเสร็จแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาบอกสามคนข้างหลังว่า “ข้ามีธุระนิดหน่อย กลับไปพร้อมพวกเจ้าไม่ได้แล้ว พวกเจ้าไปรายงานผลการปฏิบัติงานกับเฉาว่านเสียงก่อน จากนั้นค่อยกลับดาวเทียนหยวน”
ไปรายงานผลการปฏิบัติงานกับเฉาว่านเสียง นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? ดูมีเงื่อนงำ!
พวกเหมียวอี้มองหน้ากันเลิกลั่ก มู่หรงซิงหัวอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงกุมหมัดตอบว่า “รับทราบ!”
ปี้เยว่ฮูหยินเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรชัดเจน ที่จริงนางก็ไม่รู้ชัดว่าเรื่องเป็นอย่างไร จู่ๆ ก็เร่งความเร็วเหาะจากไปเพียงลำพัง
“ทำไมต้องไปหาเฉาว่านเสียงล่ะ?” สวีถังหรานพึมพำ แล้วมองสำรวจมู่หรงซิงหัวเงียบๆ
“จะทำลับๆ ล่อๆ ทำไม? ไม่ต้องกลัวข้าอึดอัดหรอก ขนาดข้ายังไม่สนใจเลย พวกเจ้าจะกังวลอะไรกัน ไม่ได้ทำให้พวกเจ้าสองคนเสียหน้าสักหน่อย” มู่หรงซิงหัวพูดเย้ยตัวเอง “ไปก็ไปเถอะ”
“ไม่กลัวไม่ได้หอรก! ชายชู้ของเจ้าอาจจะรอจัดการพวกเราสองคนอยู่ก็ได้” เหมียวอี้พูดหยอก
สวีถังหรานพยักหน้าซ้ำๆ “ใช่แล้ว! ใช่สุดๆ!”
มู่หรงมองบนใส่พวกเขา “พวกเจ้าสร้างผลงานใหญ่กลับมา ต่อให้เขาพุ่งเป้าไปที่พวกเจ้า แต่ก็ไม่กล้าตบหน้าราชันสวรรค์ในเวลานี้หรอกมั้ง?”
เหมียวอี้กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่า ถ้าเป็นไปได้ เจ้าก็ช่วยไกล่เกลี่ยให้พวกเราสองคนด้วยนะ”
มู่หรงพยักหน้าเงียบๆ
…………………………