พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1072 ยามอาทิตย์สาดส่องจากที่สูง
เหมียวอี้ที่ยืนอยู่บนหลังคาไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ เหมือนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าพวกเขามาถึงแล้ว
เมื่อหายเหม่อลอย และมองทั้งสี่อยู่ในลานบ้าน เขาก็ลอยตัวลงมาแล้วกวักมือเรียก “เข้ามาเถอะ!”
จากนั้นทั้งสี่ก็เดินตามเขาเข้าไปที่โถงหลักด้านในของจวนผู้บัญชาการใหญ่
เหมียวอี้ที่เดินมาถึงตำแหน่งของตัวเองยังไม่ได้นั่งลง แต่พลันหันขวับมามองทั้งสี่คน แล้วโบกมือโยนแผ่นหยกสี่แผ่นให้ทั้งสี่คน
ทั้งสี่คนรับมาอ่านในมือ ทั้งหมดเป็นร้านค้าในอาณาเขตของทั้งสี่ ร้านค้าบางร้านยังถูกวงไว้ด้วยกันด้วย แสดงให้เห็นว่าต้องเน้น ‘ดูแล’ เป็นพิเศษ
อีกสามคนที่เหลือยังดีหน่อย ต่างก็มีข้อมูลอยู่ในใจแล้ว เพียงแต่สวีถังหรานแปลกใจว่าทำไมร้านค้าสิบหกร้านจึงกลายเป็นจำนวนมากขนาดนี้ได้ แค่ในแผ่นหยกบนอาณาเขตของตนคนเดียวก็นับได้เกินสิบหกร้านแล้ว
ส่วนมู่หรงซิงหัวก็งุนงงเหมือนโดนหมอกลงสมอง ไม่เข้าใจว่านี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่ เมื่อนับจำนวนร้านค้าบนแผ่นหยก ก็นับได้เกือบแปดสิบร้านแล้ว นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? นางเงยหน้าถาม “ผู้บัญชาการใหญ่ มีเจตนาอะไรเหรอ?”
เหมียวอี้ตอบด้วยสีหน้าเย็นเยียบว่า “มีร้านค้าบางร้านไม่อยู่ในความสงบ! นึกว่าตัวเองมีเงินมีอำนาจมีคนหนุนหลัง จึงกล้าฝ่าฝืนอำนาจของตำหนักสวรรค์ ดูหมิ่นขุนนางตำหนักสวรรค์ ต่อต้านผู้บัญชาการใหญ่ที่คุมที่นี่อย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย กำเริบเสิบสานจริงๆ! ข้าเองก็ไม่มีเวลามาเล่นลิ้นคุยเรื่องเส้นสายภูมิหลังกับพวกเขา ในเวลาจำเป็นก็ต้องใช้วิธีการที่เหมือนฟ้าผ่า ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าคอของพวกเขาแข็ง หรือว่าดาบของผู้บัญชาการใหญ่คนนี้จะแข็งกว่า หนึ่งคนไม่ยอมก็ฆ่าหนึ่งคน สองคนไม่ยอมก็ฆ่าสองคน ถ้าหนึ่งกลุ่มไม่ยอม…ผู้บัญชาการใหญ่คนนี้ก็ไม่ถือสาที่จะฆ่าให้หมดสิ้น!”
“…” มู่หรงซิงหัวฟังออกถึงเจตนาสังหารในคำพูดเขา ริมฝีปากแดงอ้าค้างด้วยความอึ้ง ในดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ เจ้าคนบ้านี่คิดจะทำอะไร?
จนกระทั่งเหมียวอี้อธิบายแผนออกมาทั้งหมดอย่างไม่รีบร้อน ขณะที่คำพูดแต่ละคำที่เหมือนย้อมด้วยกลิ่นคาวเลือดกรอกเข้าหู ดวงตางามทั้งคู่ของมู่หรงซิงหัวก็เบิกกว้าง แล้วก็มองดูรายชื่อในมือของตัวเองอีกครั้ง คนที่หนุนหลังร้านค้าพวกนี้เป็นใครบ้างล่ะ?
นางคุมเขตเมืองเหนือมานานมาก แค่มองปราดเดียวก็ย่อมรู้ถึงเครือข่ายเส้นสายที่อยู่เบื้องหลังร้านค้าพวกนี้ ไม่มีร้านไหนธรรมดาเลย นี่ยังเป็นแค่ร้านค้าบนอาณาเขตของตนนะ พอเงยหน้ามองแผ่นหยกในมือคนอื่นอีก นี่ต้องการจะลงมือกี่ร้านกัน?
โอ้สวรรค์! มู่หรงซิงหัวร้องในใจอย้างบ้าคลั่ง ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าบ้านี่ต้องการจะเปิดฉากสังหารร้านค้าของชนชั้นสูงที่ตลาดสวรรค์ บ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้ว! เจ้าเวรนี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ!
“ผู้บัญชาการใหญ่ไตร่ตรองดูให้ดีนะ!” พอเหมียวอี้พูดจบ มู่หรงซิงหัวก็กุมหมัดกล่าวอย่างร้อนใจทันที “ทำเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เบื้องหลังร้านค้าพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นบุคคลสำคัญที่สามารถเข้าร่วมประชุมขุนนางที่ตำหนักสวรรค์ได้ ถ้าทำเรื่องนี้ออกมาจริงๆ ถึงตอนนั้นต่อให้ผู้บัญชาการใหญ่จะมานึกเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้ว! ข้าน้อยวิงวอนจากใจ…”
“ผู้บัญชาการมู่หรง!” เหมียวอี้พูดตัดบทด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ถึงอย่างไรก็เห็นแก่หน้าหัวหน้าภาคเฉา ถ้าเจ้ารู้สึกว่าไม่สะดวกจะลงมือ ข้าเองก็ไม่บังคับ เจ้าให้รองผู้บัญชาการสองคนของตัวเองทำแทนเถอะ! แต่ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกแก้ไข ก็ขอให้เจ้าให้ความร่วมมือสักหน่อย พักอยู่ในผู้บัญชาการใหญ่นี้ชั่วคราวก่อน!”
ตอนที่เพิ่งรับตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ เขาก็จับราชาปีศาจของทะเลดาวนักษัตรสองคนเข้าไปเป็นรองผู้บัญชาการของมู่หรงซิงหัวแล้ว ปล่อยคนของตัวเองเข้าไป ก็เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนนำเคลื่อนกองกำลังของเขตเมืองเหนือ
นี่ก็คือข้อดีของการมีคนของตัวเองอยู่ใต้บังคับบัญชา ไม่อย่างนั้นต่อให้มีกำลังพลมากกว่านี้ เหมียวอี้ก็ไม่มีทางปฏิบัติการตามแผนครั้งนี้ได้เลย
มู่หรงซิงหัวได้ยินแล้วรีบมองฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานที่อยู่ทางซ้ายและขวา เดิมทีอยากจะโน้มน้าวอีกสามคนให้ช่วยกันเกลี้ยกล่อมผู้บัญชาการใหญ่ ผลก็คือพบว่าทั้งสามกำลังจ้องนาง ราวกับไม่ตกใจกับการตัดสินใจของผู้บัญชาการใหญ่เลยแม้แต่น้อย มีแต่นางคนเดียวที่มีท่าทางกระวนกระวายมาก
ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ก็ไม่เป็นไรหรอก ทำไมแม้แต่คนที่รักตัวกลัวตายอย่างสวีถังหรานก็ไม่กลัวล่ะ? นี่…มู่หรงซิงหัวชะงักงัน นางเข้าใจแล้ว เจ้าสามคนนี้รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ขนาดสวีถังหรานยังไม่กลัว พอนึกดูอีกก็พบว่าเหมียวอี้ไม่ใช่คนบุ่มบ่าม นางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นตัวเองก็แค่ปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่เชื่อมโยงมาถึงตัวนาง ต่อให้ฟ้าถล่มก็ยังมีคนตัวสูงคอยคุ้มกะลาหัวให้ ตนก็มมีอะไรต้องกลัวเหมือนกัน!
ที่จริงนางก็ไม่กลัวหรอก เพียงแต่กังวลแทนเหมียวอี้เท่านั้น ไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขา แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว…มู่หรงซิงหัวเม้มริมฝีปากแน่น แล้วกุมหมัดกล่าวว่า “ผู้บัญชาการใหญ่คิดมากไปแล้ว ในเมื่อผู้บัญชาการใหญ่ถ่ายทอดคำสั่งลงมา ไม่ว่าข้าน้อยจะเป็นเฉาฮูหยินหรือไม่ แต่ก็ควรเชื่อฟังคำสั่งเหมือนกัน ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งแน่นอน!”
เหมียวอี้ส่งสายตาให้ฝูชิงทันที ฝูชิงพยักหน้าเล็กน้อย เข้าใจความหมายที่เขาสื่อ นี่เป็นการป้องกันเหตุไม่คาดคิด อีกประเดี๋ยวให้รองผู้บัญชาการทั้งสองของมู่หรงซิงหัวคอยจับตาดูมู่หรงซิงหัวให้ดี เมื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ให้ติดต่อที่นี่ทันที
“ดีมาก!” เหมียวอี้ที่ได้ข้อคิดเห็นเป็นเอกฉันท์พยักหน้า แล้วกเตือนอย่างจริงจังอีกครั้ง “สินค้าในร้านค้าทุกร้านบนรายชื่อ ให้กำหนดเป็นของผิดกฎหมายที่ต้องยึดทั้งหมด แม้แต่ขนเส้นเดียวก็ห้ามเหลือไว้! พนักงานทุกคนในร้านค้าให้กำหนดเป็นผู้ต้องสงสัยที่ต้องจับกุมให้หมด ถ้ามีใครขัดขืน ก็ให้ประหารตรงนั้นทันที! สั่งปิดร้านค้าทั้งหมดบนรายชื่อให้ข้า ยึดทรัพย์เป็นของทางการให้หมด!”
“รับทราบ!” ทั้งสี่คนที่ค่อนข้างอกสั่นขวัญแขวนกุมหมัดเอ่ยรับ เล่นใหญ่เกินไปจริงๆ
“ผู้บัญชาการใหญ่…” หลังจากได้รับคำสั่ง สู่ๆ สวีถังหรานก็เรียกด้วยเสียงอ่อนปวกเปียก ก่อนหน้านี้เขานึกไม่ถึงว่าจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ ใหญ่เกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ไกลมาก จากสิบหกร้านเปลี่ยนเป็นเยอะขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำเรื่องบ้าบิ่นขนาดนี้มาก่อนเลย
เหมียวอี้กวาดสายตาเย็นเยียบมองมา พร้อมถามเสียงเย็น “เจ้ายังมีความเห็นอะไรอีก?”
“ไม่ใช่ขอรับ! เพียงแต่อยากจะถามสักหน่อย” สวีถังหรานแผ่แผ่นหยกที่อยู่ในมือ “ร้านขายของชำซื่อตรง ผู้บัญชาการใหญ่มาจากที่นั่น จะตรวจสอบและสั่งปิดเหมือนกันเหรอ?”
ร้านขายของชำซื่อตรงในตอนนี้ผ่านการพัฒนามาหลายปีแล้ว ด้วยศักยภาพที่มีสามารถจัดให้อยู่ในร้อยอันดับแรกของตลาดสวรรค์ได้ ดังนั้นจึงอยู่บนรายชื่อที่ต้องตรวจสอบ
เหมียวอี้ไม่สะทกสะท้าน ตอบเพียงว่า “จัดการตามนั้น!”
“แล้ว…ร้านค้าสมาคมวีรชนล่ะ?” สวีถังหรานถามหยั่งเชิงอีก ถ้าจำไม่ผิด และไม่มีทางที่จะจำผิด ครั้งก่อนตอนที่ชิงตัวเสวี่ยหลิงหลง ท่านนี้ก็เคยออกหน้าให้เพราะหวงฝู่จวินโหรวไปหา อย่าก่อเรื่องแล้วมาระบายความโกรธกับข้าอีกนะ
ร้านค้าสมาคมวีรชนกับร้านขายของชำซื่อตรงอยู่บนพื้นที่เขตเมืองตะวันตกของเขาทั้งคู่
แต่สำหรับเหมียวอี้แล้ว การก่อเรื่องในครั้งนี้จะไม่แตะต้องร้านค้าสมาคมวีรชนไม่ได้ มีเพียงการแตะต้องร้านค้าสมาคมวีรชนเท่านั้น เรื่องนี้จึงจะไปถึงหูราชันสวรรค์อย่างรวดเร็ว สวีถังหรานไม่รู้ถึงสถานการณ์ที่อยู่ในนั้น แต่กลับเข้าใจชัดเจน ดังนั้นหวงฝู่จวินโหรวจึงผ่านภัยครั้งนี้ไปได้ยาก!
ยิ่งไปกว่านั้น นโยบายใหญ่ก็ถูกร่างออกมาแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ง่ายๆ รายชื่อในหนึ่งร้อยอันดับแรก ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยไปสักร้าน ไม่มีหลักการเลือกที่รักมักที่ชัง
กลุ่มร้านค้าอยากจะร่วมมือกันต่อต้านไม่ใช่เหรอ? เช่นนั้นก็ทำให้คนทั้งตลาดสวรรค์ได้เห็นสักหน่อยว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่ามหาอำนาจ ให้คนทั้งตลาดสวรรค์ได้เห็นชัดๆ ว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจตัดสินใจที่นี่ แค่กลุ่มพ่อค้ากระจอกไ ยังคิดจะมาพลิกฟ้าอีกเหรอ!
ดังนั้น…เหมียวอี้จึงกล่าวด้วยแววตาที่เด็ดเดี่ยวว่า “ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน!”
“รับทราบ!” สวีถังหรานกุมหมัดเอ่ยรับ ไม่มีคำถามแล้ว
เหมียวอี้ออกคำสั่ง “กลับไปเรียกรวมกำลังพลแล้ววางแผนเดี๋ยวนี้ หลังจากนี้ครึ่งชั่วยาม ดวงอาทิตย์ก็น่าจะส่องสว่างจากที่สูงแล้วเหมือนกัน ถึงตอนนั้นกำลังพลของสี่เขตเมืองเคลื่อนไหวพร้อมกัน ต้องทำอย่างรวดเร็ว กวาดล้างร้านค้าทั้งหมดบนรายชื่ออย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด เคลื่อนพล!”
“รับทราบ!” ทั้งสี่เอ่ยรับคำสั่งแล้วรีบออกไป
ในห้องโถงที่ว่างเปล่า มีเพียงเหมียวอี้ที่ยืนหลับตาเงียบๆ อยู่คนเดียว
จนกระทั่งในจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกมีเสียงเกราะรบเคลื่อนไหว ทั้งยังมีเสียงระดมกำลังดังอึกทึกครึกโครม เหมียวอี้ถึงได้พลันลืมตาสองข้าง เดินเข้าไปในลานบ้าน แล้วเอนกายลงบนเก้าอี้ใต้เพิงเถาวัลย์ หลับตพักผ่อนร่างกายอยู่อย่างนั้น
ผ่านไปไม่นาน เป่าเหลียนที่หวาดระแวงกลัวก็เข้ามาในลานบ้าน มารายงานอยู่ข้างกายเข้าว่า “นายท่าน ฝูชิงผู้บัญชาการเหมือนจะระดมกำลังพลของเขตเมืองตะวันออกค่ะ”
“อืม! ข้าได้ยินแล้ว ไม่มีอะไรหรอก! เจ้าไปรินน้ำชามาให้ข้าหน่อย” เหมียวอี้โบกมืออย่างสงบเยือกเย็น
เป่าเหลียนนำน้ำชาร้อนๆ มาส่งถึงมืออย่างรวดเร็ว เหมียวอี้ลืมตามองนางพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าติดตามอยู่กับข้ามาหลายปีแล้ว นั่งลงเถอะ เรามานั่งคุยกันสักหน่อย”
หลังจากเป่าเหลียนนั่งลงบนม้านั่งยาวใต้รั้วของเพิงเถาวัลย์ตามที่เขาบอก เหมียวอี้ที่จิบน้ำชาไปคำหนึ่งถึงได้ยิ้มพร้อมบอกว่า “ครั้งก่อนรับปากว่าจะไปสำนักลมปราณแต่ก็ไม่มีเวลาเลย หวังว่าเจ้าจะช่วยอธิบายกับเจ้าสำนักอวี้หลิงแทนสักหน่อย”
“ท่านปู่ของข้าก็รู้สถานการณ์ทางนี้ ผู้บัญชาการใหญ่มีธุระตลอดจึงปลีกตัวไปไม่ได้” เป่าเหลียนพยักหน้า
เหมียวอี้พยักหน้าแล้วถอนหายใจ “เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ นะ! นึกถึงตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรก เจ้าน่ะปลิ้นปล้อนอันธพาลมาก ถือกระบี่มากดดันให้ข้าประลองด้วย”
“ตอนนั้นเป่าเหลียนไม่รู้ความ หวังว่าผู้บัญชาการใหญ่จะไม่ถือสา” เป่าเหลียนกล่าวอย่างอับอายเล็กน้อย
“มันผ่านไปแล้ว จะไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้ได้ยังไง เพียงรู้สึกว่าตอนนั้นที่อยู่สำนักลมปราณสงบสุขมาก ไม่ได้มีเรื่องน่ารำคาญใจมากมายมาหาถึงประตูบ้าน ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้!” เหมียวอี้กล่าวอย่างจนใจพลางโบกมือ จากนั้นนำป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งออกมา แล้วยื่นให้ “นี่คือป้ายคำสั่งสำหรับเปิดใช้งานชัยภูมิถ้ำสวรรค์ของข้า อีกประเดี๋ยวอาจจะมีคนของตำหนักคุ้มเมืองมาหาข้า เจ้าเชิญแขกเข้ามานั่งในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ได้เลย…”
ที่ประตูเมืองของเขตเมืองตะวันออก เงาคนคนหนึ่งเหาะจากฟ้ามาเหยียบลงบนหอประตูเมือง ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหูเฟยที่สวมเกราะรบสีทอง
เมื่อหัวหน้าที่เฝ้ากำแพงเมืองเห็นนาง ก็รีบเข้ามาคำนับทันที แต่คาดไม่ถึงว่าหูเฟยจะชูมือโยนแผ่นหยกให้ แล้วแสยะยิ้มพร้อมตวาดเสียงแหลม “ผู้บัญชาการฝูมีคำสั่ง ให้ปิดประตูเมืองตะวันออกเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการ ไม่ว่าใครก็ห้ามเปิดประตูเมืองโดยพลการ ใครฝ่าฝืนคำสั่ง ประหาร!”
หลังจากหัวหน้าได้ตรวจอ่านเนื้อหาในคำสั่ง ก็กุมหมัดคารวะทันที “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งของผู้บัญชาการ!”
จากนั้นก็ถลันตัวไปโบกมือตะโกนสั่งลูกน้องที่อยู่ข้างกำแพง “ผู้บัญชาการมีคำสั่ง ปิดประตูเมืองตะวันออกเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออกโดยพลการ ใครขัดคำสั่ง ประหาร!”
ทหารที่เฝ้าอยู่นอกประตูเมืองรับคำสั่งทันที ทำไล่คนที่เข้าออกประตูให้กระจัดกระจายไปอย่างรวดเร็ว ประตูใหญ่ปิดลงพร้อมเสียงดังครืน
ค่ายกลของทั้งประตูเมืองกับค่ายกลที่ปิดตลาดสวรรค์เชื่อมติดกัน พอประตูเมืองปิด ค่ายกลที่อยู่ตรงปากทางเข้าออกจองประตูเมืองตะวันออกก็ปิดตามไปด้วย
หูเฟยที่สวมเกราะหนักทั้งตัวเดินส่ายเอวไปมาอยู่บนหอประตูเมือง นางรับผิดชอบเฝ้าที่นี่
บนหอประตูเมืองของเขตเมืองตะวันตก ราชาปีศาจทะเลครามเหาะลงมาจากฟ้า เผยคำสั่งพร้อมประกาศว่า “ผู้บัญชาการสวีมีคำสั่ง ปิดประตูเมืองตะวันตกเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการ ไม่ว่าใครก็ห้ามเปิดทางเข้าออกที่ประตูเมืองโดยพลการ ใครฝ่าฝืนคำสั่ง ประหาร!
ในขระเดียวกันนี้เอง บนหอประตูเมืองของเขตเมืองเหนือ ราชาปีศาจกระดูกขาวเหาะลงมาจากฟ้า แล้วเผยคำสั่ง “ผู้บัญชาการมู่หรงมีคำสั่ง ปิดประตูเมืองฝั่งเหนือเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการ ไม่ว่าใครก็ห้ามเปิดทางเข้าออกที่ประตูเมืองโดยพลการ…”
บนฟ้ามีกลุ่มทหารสวรรค์กระจายกันไปสี่ทิศ
เขตเมืองใต้ อิงอู๋ตี๋ที่ใบหน้าดุร้ายและจมูกงุ้มเหมือนเหยี่ยวสวมเกราะทองเหาะลงมาจากฟ้า นำกำลังพลเหาะมาเหยียบลงที่ประตูของร้านค้าร้านหนึ่งด้วยตัวเอง
สวนเทพเซียน! อิงอู๋ตี๋เงยหน้ามองป้ายที่อยู่ตรงประตูร้านด้วยแววตาเย็นเยียบ
“ผู้บัญชาการอิง เอ่อคือ…” พนักงานคนหนึ่งวิ่งออกมาถาม
ตุ้บ! ยังพูดไม่ทันขาดคำ อิงอู๋ตี๋ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่อธิบายแม้แต่ประโยคเดียว เตะพนักงานไปหนึ่งที เป็นความรวดเร็วอันไร้ที่เปรียบ เตะโดนหน้าอกเข้าอย่างจัง
อั้ก! พนักงานกระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง ยังไม่ทันจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เป็นเพราะอิงอู๋ตี๋ลงมือรวดเร็วมากจริงๆ ทั้งตัวกระเด็นเข้าไปในร้านโดยตรง ตกกระแทกลงในโต๊ะคิดเงินด้านใน เสร็จแล้วถึงได้ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา
“ค้น!” อิงอู๋ตี๋สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบพร้อมโบกมือ กำลังพลพุ่งตัวเข้าไปอย่างดุร้ายราวกับเสือและหมาป่าทันที
…………………………
Comments for chapter "บทที่ 1072 ยามอาทิตย์สาดส่องจากที่สูง"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
wingman
ตอนแรกๆ ที่เป็นหัวหน้าถ้ำ ลูกน้องตายเยอะมาก ใช้ลูกน้องเปลือง พอมางานนี้จัดการร้านค้า ไม่รู้ลูกน้องจะตายไปเยอะไหม ตอนแรกพี่เหมียวไปแข่งเอเชียนเกม ได้รางวัลผู้บัญชาการใหญนี้มา ต่อไปต้องไปแข่งโอลิมปิค เขาจะเก็บไว้แข่งต่อไหม หรือว่าจะลงโทษ ปลดกับติดคุก
Tanawat
ตลกดี