พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1074 ผู้บัญชาการใหญ่โกรธมาก
บนหลังคาของหอกลิ่นสวรรค์ ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังมองไปรอบๆ มองดูอวี้ซวีเจินเหรินและคนอื่นๆ ของร้านขายของชำซื่อตรงถูกจับตัวไป
“ท่านแม่! นี่เป็นอะไรกันไปแล้ว? ทำไมดูเหมือนกำลังพลของสี่เขตเมืองเคลื่อนไหวทั้งหมดเลยล่ะ? อย่าบอกนะว่าเป็นคำสั่งของผู้บัญชาการใหญ่?”
เมื่อทอดสายตามองไปไกลๆ แล้วเห็นทหารสวรรค์เหาะไปเหาะมาอยู่ทั่วทุกที่ บรรยากาศกดดัน เสวี่ยหลิงหลงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
ท่านแม่สวีมองพวกอวี้ซวีเจินเหรินที่ถูกพาตัวไปแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างฉงนใจ “ถ้าเป็นคำสั่งของผู้บัญชาการใหญ่ ก็ไม่น่าจะจับตัวไปแม้กระทั่งคนของร้านขายของชำซื่อตรงนะ! เกิดเรื่องอะไรกันแน่?” ในแววตานางเต็มไปด้วยคำถาม คิดไม่ตกเช่นกัน ได้แค่เคลือบแคลงในความเด็ดขาดดุดันของเหมียวอี้!
ทหารสวรรค์กลุ่มใหญ่กำลังจับกุมและปิดร้านไปทั่วตลาดสวรรค์ นักพรตบางกลุ่มที่มาทำการค้าขายที่ตลาดสวรรค์ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ในใจมีความระแวง รู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว อยากจะหนีไป แต่ใครจะคิดว่าพอวิ่งไปถึงประตูเมือง ถึงได้พบว่าประตูเมืองถูกปิดแล้ว คนที่อยู่ข้างในออกไม่ได้ คนที่อยู่ข้างนอกเข้าไม่ได้
สรุปว่าทำให้ทั้งตลาดสวรรค์ตื่นตกใจราวกับไก่บินเตลิดหมาวิ่งพล่าน บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความกระวนกระวายถึงขีดสุด
“เถ้าแก่เนี้ย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ประตูเมืองทั้งสี่ถูกปิดหมดเลย กำลังพลของสี่เขตเมืองเคลื่อนไหวแทบจะทั้งหมด ผู้บัญชาการทั้งสี่กำลังพลด้วยตัวเอง กำลังทำการตรวจค้นร้านค้าจำนวนมากไปทั่วทั้งเมือง! จับคนกลุ่มใหญ่! ร้านค้าจำนวนมากถูกยึดสินค้าไปหมดเกลี้ยง! ทหารสวรรค์พวกนั้นเริ่มลงดาบฆ่าคนแล้ว ถ้าใครขัดขืนแม้แต่นิดเดียว ก็จะประหารทิ้งคาที่โดยไม่ให้เหตุผลอะไรทั้งนั้น!”
ณ ร้านโฉมเมฆา ช่างไม้กับช่างหินที่ไปสำรวจความเคลื่อนไหวด้านนอก ในตอนนี้รีบร้อนวิ่งกลับมาแล้ว มาหาอวิ๋นจือชิวเพื่อรายงานสถานการณ์
ยังคงเป็นศาลาที่มีภูเขาจำลองคอยเสริมจุดเด่น อวิ๋นจือชิวที่กำลังทำตารางภาพพิกัดดาวหลักจำนวนมหาศาลอยู่กับเชียนเอ๋อร์เสวี่ยเอ๋อร์ ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมาอย่างงุนงง “ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้?”
เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอก ก็สั่งให้คนออกไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ถึงไม่ถึงว่าจะได้รับรายงานข่าวนี้
เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างงุนงงเช่นกัน
“เถ้าแก่เนี้ย เรื่องนี้ท่าไม่ดีแล้วนะ! เป็นคนอื่นก็ว่าไปอย่าง แม้แต่ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ก็ยังนำกำลังลงมือด้วยตัวเอง นอกจากนายท่านก็ไม่มีใครระดมกำลังพวกเขาสองคนได้ เกรงว่าเรื่องนี้นายท่านคงจะออกคำสั่งด้วยตัวเอง!” ช่างไม้กล่าว
กำลังพลของสี่เขตเมืองลงมือกับร้านค้าพวกนั้นพร้อมกัน…ในหัวอวิ๋นจือชิวมีความคิดบางอย่างอวบเข้ามาทันที ตกใจจนลุกขึ้นยืน แล้วรีบถลันตัวออกไปนอกศาลา เหาะขึ้นไปดูบนหลังคาโดยตรง
เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อก็เก็บของแล้วเช่นกัน ตามขึ้นไปดูด้วยกันบนศาลาแล้ว
เมื่อขึ้นมาบนหลังคาถึงได้พบว่า คนที่ยืนดูสถานการณ์อยู่บนหลังคาไม่ได้มีแค่พวกเขา รอบด้านมีคนมายืนดูอยู่บนหลังคาแทบทุกหลัง
และบนถนนที่อยู่ไม่ไกล มีเสียงวิงวอนขอร้องดังโหยหวนมาเป็นพักๆ หลังจากมีเสียงดังโครมครามไม่กี่ครั้ง เสียงวิงวอนขอร้องพวกนั้นก็หายไป เห็นเพียงกลุ่มทหารสวรรค์ออกมาจากร้านค้าที่มีภูมิหลังร้านหนึ่ง มีอาวุธและเกราะรบครบครัน ลักษณะท่าทางดุร้าย
ผู้ที่เป็นแกนนำไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นราชาปีศาจของทะเลดาวนักษัตรนั่นเอง เกราะรบบนตัวยังเปื้อนรอยเลือดอีกด้วย คนคนนี้อวิ๋นจือชิวก็รู้จักเช่นกัน
ท่ามกลางสายตาฝูงชน พอราชาปีศาจคนนั้นโบกมือสั่ง ร้านค้าก็ถูกปิดทันที จากนั้นก็นำคนเหาะขึ้นฟ้าไปยังถนนอีกสาย
ได้แต่มองดูฉากนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง
พอใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองไปรอบๆ ร้านที่อยู่ห่างกันไม่กี่ร้านมีทหารสวรรค์โผล่ออกมาเป็นระยะ ทำให้บรรยากาศของทั้งตลาดสวรรค์ตกอยู่ในความกดดัน ในกลุ่มคนที่กำลังดูเหตุการณ์ มีคนไม่น้อยที่บนใบหน้าฉายแววหวาดกลัวเพราะรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่พวกเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ก็ตกใจจนหน้าถอดสีเช่นกัน
อวิ๋นจือชิวกัดริมฝีปาก ใครบางคนเหมือนจะทำเรื่องกล้าบ้าบิ่นบ่อยๆ ตอนอยู่พิภพเล็ก นางอยากจะถามจริงๆ ว่าเจ้าคนบ้านั่นกำลังทำอะไรกันแน่?
นางรีบหยิบระฆังดาราออกมา รีบติดต่อกับเหมียวอี้ท่ามกลางฝูงชน
ส่วนเหมียวอี้ในตอนนี้ก็กำลังอยู่ในจวนผู้บัญชาการใหญ่ กำลังยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ สวมเกราะรบสีม่วงที่มียศห้าแถบแล้ว กำลังจัดเครื่องแต่งกายตัวเองอยู่หน้ากระจกด้วยสีหน้าเรียบเฉย เผยมาดอันน่าเกรงขามของผู้บัญชาการใหญ่ออกมาเต็มที่
ตรงจุดที่ไม่ไกล เป่าเหลียนกำลังกัดริมฝีปากเงียบๆ มองดูเหมียวอี้จัดเครื่องแต่งกายอย่างเนิบนาบ ก่อนหน้านี้นางขึ้นบนหลังคาไปดูเหตุการณ์ภายนอก เรียกได้ว่าเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวน นางเห็นเรื่องราวทุกอย่างที่ดำเนินทางนี้เองกับตา พอได้เห็นภาพเหตุการณ์ข้างนอกอีกครั้ง ถ้ายังไม่รู้ว่าเหมียวอี้กำลังลงมือกับร้านค้าพวกนั้น ก็แสดงว่านางไม่ต่างอะไรกับคนโง่แล้ว
สิ่งที่นางกังวลตอนนี้ก็คือ ผู้บัญชาการใหญ่ไม่สนใจผลทุกอย่างที่ตามมาแบบนี้ อย่าบอกนะว่าไม่กลัวที่จะตกอยู่ในสภาพที่ลืมตาอ้าปากไม่ได้อีก
ชั่วพริบตาเดียว ก็เห็นเหมียวอี้หยิบระฆังดาราอันหนึ่งที่กำลังสั่นขึ้นมา
หลังจากใจจดใจจ่ออยู่ครู่หนึ่ง เหมียวอี้ก็ไม่ตอบกลับใดๆ เก็บระฆังดาราไว้เสียเลย
อวิ๋นจือชิวที่ยืนอยู่บนหลังคาร้านโฉมเมฆาโมโหจนกระทืบเท้า ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าผีนั่นจะไม่สนใจนาง ตอนนี้นางนับว่าเข้าใจแล้ว มิน่าล่ะเมื่อวานเรียกเขาไปหาเขาถึงไม่ยอมไป ดีไม่ดีเมื่อคืนวานคงวางแผนที่สำหรับการเคลื่อนไหวของวันนี้แล้ว จงใจปิดบังนางเพราะไม่อยากให้นางรู้
นางอยากจะพุ่งตัวไปที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกแล้วถามว่าเรื่องเป็นอย่างไร แต่นางเองก็รู้ดี ว่าถ้าเหมียวอี้ไม่อยากพบนาง แม้แต่ประตูใหญ่ของผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกนางก็เข้าไปไม่ได้ ต่อให้ไปที่นั่นโดยทางใต้ดิน แต่ถ้าเหมียวอี้ไม่หยุดใช้ค่ายกลป้องกัน นางก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี
วันนี้นางนับว่าได้สัมผัสถึงความทรงพลังของสามีตัวเองแล้ว!
ณ ร้านค้าสมาคมวีรชน ทหารสวรรค์กลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา แล้วพังร้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ยึดยาเจี๋ยตันที่วางอยู่ในตู้จัดแสดง
เหล่าพนักงานของร้านค้าสมาคมวีรชนที่ก่อนหน้านี้ยังมาดูเอาสนุก ในตอนนี้ตกใจจนมึนไปหมดแล้ว นึกไม่ถึงว่าร้านของตัวเองก็มีส่วนด้วย
หวงฝู่จวินโหรวที่สังเกตการณ์อยู่ด้านนอกรีบปรากฏตัวในโถงหลักของร้านค้า มองคนที่เดินวางมาดใหญ่โตเข้ามาจากประตูร้านแวบหนึ่ง แล้วถามเสียงต่ำว่า “สวีถังหราน เจ้าทำบ้าอะไร?”
“เหอะๆ!” สวีถังหรานหัวเราะแห้งๆ แล้วบอกว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ได้รับรายงาน ว่าสมาคมร้านค้าตลาดสวรรค์กำลังร่วมมือกับร้านค้าต่างๆ วางแผนก่อกบฏอย่างลับๆ ร้านค้าสมาคมวีรชนก็เกี่ยวข้องอยู่ในนั้นด้วย ผู้บัญชาการใหญ่สั่งให้ข้ามาตรวจสอบยึดทรัพย์สินด้วยตัวเอง ตั้งใจฝากข้ามาบอกผู้จัดการร้านหวงฝู่ด้วยว่า กรุณาให้ความร่วมมือ!”
หวงฝู่จวินโหรวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “หนิวโหย่วเต๋อให้เจ้านำคนมาตรวจสอบยึดทรัพย์สินร้านค้าสมาคมวีรชนของข้าเหรอ?”
นางแทบจะด่าแม่ในใจ ทีแรกนางยังนึกว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง ยังกังวลอยู่เลยว่าหลังจากนี้หมียวอี้จะยุติเรื่องยังไง ใครจะคิดว่าไอ้เวรนั่นที่มันนอนกับนางแล้วแท้ๆ แต่เวลาตรวจสอบยึดทรัพย์สินร้านนางก็ไม่ชักช้าเลยสักนิด เวลาจะลงมือก็ไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย สัมพันธ์สวาทกลายเป็นเรื่องไร้สาระหมดแล้ว!
สวีถังหรานกุมหมัดตอบว่า “ผู้จัดการร้านหวงฝู่ ท่านอย่าทำให้ข้าทำงานลำบากเลย! ผู้บัญชาการใหญ่สั่งมาเป็นพิเศษ ว่าให้เจรจากันด้วยเหตุผลก่อน เมื่อล้มเหลวค่อยใช้กำลัง หากท่านไม่เกรงใจ เช่นนั้นพวกเราก็เกรงใจไม่ได้แล้วเหมือนกัน! การวางแผนก่อกบฎอย่างลับๆ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ผู้บัญชาการใหญ่โกรธมาก!”
เสียงดังโครมคราม ตู้แสดงสินค้าพังกระจายอีกตัวแล้ว หวงฝู่จวินโหรวมองจนตาแทบลุกเป็นไฟ ได้แต่มองดูยาเจี๋ยตันขั้นหกในตู้ถูกทหารสวรรค์คนหนึ่งควักมาชื่นชมในมือ
“ได้! ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าหนิวโหย่วเต๋อจะกล้าทำอะไรข้า!” หวงฝู่จวินโหรวโมโหจนตัวสั่น ไม่ได้โมโหเพราะของในร้านถูกยึดไปหมด แต่ก็อย่างที่บอก เจ้าเวรนั่นมันนอนกับนางแล้ว แต่กลับ…
“ล่วงเกินแล้ว!” สวีถังหรานที่เดินมาตรงหน้านางเหลือบมองเรือนร่างเย้ายวนใจที่นูนหน้าแอ่นหลัง ทั้งยังมีใบหน้าที่งามล่มเมืองอีก จิตใต้สำนึกอยากจะลวนลาม แต่สุดท้ายก็ไม่มีความกล้านั้น ทำได้เพียงรีบลงมือผนึกวรยุทธ์ของนาง จากนั้นก็ชี้กำไลบนมือนาง “นี่ก็อยู่ในขอบเขตที่ต้องยึดเหมือนกัน ผู้จัดการร้านหวงฝู่โปรดเชิญตามสะดวก!”
หวงฝู่จวินโหรวกัดฟันพลางรูดกำไลโยนออกมา นางเองก็ไม่กล้าต่อต้านทหารสวรรค์ต่อหน้าทุกคนเช่นกัน
สวีถังหรานใช้มือรับและเก็บเอาไว้ทันที จากนั้นโยนเชือกมัดเซียนออกมามัด หวงฝู่จวินโหรวยังไม่ทันรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็โดนสวีถังหรานดึงแขนโยนเข้าไปในกระเป๋าสัตว์แล้ว ไปเบียดอยู่กับผู้ชายตัวเหม็นกลุ่มหนึ่ง เสียเปรียบใหญ่หลวงแล้ว!
การเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สะเทือนไปถึงตำหนักคุ้มเมือง คนคนหนึ่งนำกลุ่มคนเหาะออกมาจากตำหนักคุ้มเมือง
ใครจะคิดว่าจะมีคนอีกกลุ่มเหาะเข้ามา ขวางทางพวกเขาเอาไว้แล้ว ผู้ที่นำหน้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน ราชาปีศาจเลี่ยหวนนั่นเอง
“ผู้บัญชาการฟาง! หยุด!” เลี่ยหวนยื่นมือไปห้ามผู้ที่มา
ผู้บัญชาการฟางมีหน้าที่เฝ้ายามที่ตำหนักคุ้มเมือง เป็นคนของปี้เยว่ฮูหยิน ถึงแม้ในนามจะอยู่ใต้บังคับบัญชาของเหมียวอี้ แต่กลับไม่รับการควบคุมจากเหมียวอี้ควบคุม ฟังคำสั่งปี้เยว่ฮูหยินเท่านั้น
ผู้บัญชาการฟางมองความเคลื่อนไหวรอบๆ อย่างระแวงสงสัย แล้วถามว่า “เลี่ยหวน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เลี่ยหวนกุมหมัดตอบด้วยรอยยิ้ม “เรื่องเล็กๆ! ผู้บัญชาการใหญ่ได้รับรายงาน ว่ามีโจรกบฏซ่อนตัวอยู่ในเมือง กำลังตรวจค้นอย่างอุกอาจ ผู้บัญชาการใหญ่กล่าวเอาไว้ล่วงหน้า ว่าขอให้ผู้บัญชาการฟางอย่าเข้ามาแทรกแซง ช่วงนี้ผู้บัญชาการใหญ่กำลังโมโหมาก พวกเราเป็นฝ่ายเดียวกัน ถ้าเกิดความเข้าใจผิดอะไรขึ้นมาก็จะไม่ดีแล้ว!”
ผู้บัญชาการฟางครุ่นคิดเล็กน้อย ในเมื่อเหมียวอี้กล่าวมาแบบนี้แล้ว เขาเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร แต่ไหนแต่ไรมาฝั่งเขากับฝั่งตลาดสวรรค์ก็มีอำนาจแยกกันเหมือนน้ำคลองไม่ยุ่งน้ำบ่อ
มิหนำซ้ำช่วงนี้เขาก็รู้ด้วยว่าเหมียวอี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ตัวเองไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว จึงพยักหน้าแล้วนำคนกลับไปทันที
พอกลับถึงตำหนักคุ้มเมือง ผู้บัญชาการฟางก็มาพบปี้เยว่ฮูหยินทันที แล้วรายงานสถานการณ์ให้ฟัง
ปี้เยว่ฮูหยินกำลังนั่งสมาธิฝึกตนอยู่บนเตียงผ้าแพรในโถงหลัก เมื่อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วลืมตาถามอย่างสงสัยว่า “โจรกบฎ?”
ต่อให้นอนฝันนางก็นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะทำเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้ได้ เรียกได้ว่าแอบทอดถอนใจ คิดว่าหนิวโหย่วเต๋อก็คงโดนกดดันจนหมดหนทางแล้วเช่นกัน กำลังทุ่มเทชีวิตทำงานอย่างเต็มที่ ไม่น่าเชื่อว่ากำลังเฝ้ารอคอยจับโจรกบฎเพื่อสร้างผลงาน ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วตอนแรกจะทำไปทำไม?
แต่นางก็ไม่ใช่คนที่ตัดสินชี้ขาดเรื่องต่างๆ ตามการคาดเดาของตัวเอง จึงเอ่ยเรียกทันที แล้วผู้การสองหลันเซียงก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ได้ยินว่าด้านนอกวุ่นวายจนไก่หมากระเจิง ยศของผู้บัญชาการฟางก็เห็นๆ กันอยู่ ไม่สะดวกจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของหนิวโหย่วเต๋อ เจ้าไปถามหนิวโหย่วเต๋อด้วยตัวเองสักหน่อยว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ อย่าให้เขาทำเลยเถิดเกินไป!” ปี้เยว่ฮูหยินกล่าว
“รับทราบ!” หลันเซียงเอ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป
กำลังพลของสี่เขตเมืองเคลื่อนไหวอย่างมีแผนการ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก รอจนกระทั่งนางออกหน้า ความวุ่นวายของตลาดสวรรค์ก็ใกล้จะสงบลงแล้ว กำลังพลกลุ่มใหญ่กำลังไปรวมตัวกันที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกแล้ว
ผู้การสองหลันเซียงบุกตรงไปยังจุดหมาย กระทั่งมาถึงจวนของเหมียวอี้แล้วเห็นเป่าเหลียน ก็บอกว่า “ข้าต้องการพบผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเจ้า!”
เป่าเหลียนหันตัวเชิญ แล้วนำหลันเซียงผ่านโถงด้านหน้าไปยังลานบ้านด้านหลังโดยตรง เพียงแต่ตอนที่เดินผ่านโถงด้านหน้า เป่าเหลียนก็เหลือบมองตำหนักด้านข้างแวบหนึ่งโดยจิตใต้สำนึก
หลังจากทั้งสองเดินออกไป ในตำหนักด้านข้างที่เงียบงันก็มีเสียงฝีเท้าดังเบาๆ เหมียวอี้ที่สวมเกราะรบสีม่วงเลี้ยวออกมา สีหน้าเรียบเฉย แววตาเย็นชา เดินออกนอกตำหนักไปอย่างไม่รีบร้อน
เมื่อเข้ามาในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ของเหมียวอี้ เป่าเหลียนก็นำน้ำชามาวางให้หลันเซียงอย่างเคารพนอบน้อม
ผู้การสองหลันเซียงมองไปรอบๆ แล้วขมวดคิ้วถามว่า “ผู้บัญชาการใหญ่หนิวล่ะ?” นางนึกว่าเหมียวอี้กำลังรอนางอยู่ในนี้ แต่ใครจะคิดว่าแม้แต่เงาเหมียวอี้ก็ไม่เห็นเลย
“ผู้การสองเชิญนั่งดื่มน้ำชาก่อนค่ะ ผู้บัญชาการใหญ่กำลังจะมาเดี๋ยวนี้!” เป่าเหลียนพูดปลอบใจ
นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหมียวอี้มีเจตนาอะไร สรุปก็คือทำตามที่เหมียวอี้กำชับไว้
…………………………