พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1076 ประหาร!
การเหยียบลงไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าทำให้คนตั้งมากมายเท่าไรรู้สึกสะเทือนอารมณ์เหมือนโดนเหยียบหัวใจ!
ขนาดอีกฝ่ายอ้างชื่อเจ้านายตัวเองมาแล้วนะ ว่ากันว่าจะตีสุนัขก็ยังต้องดูเจ้าของก่อน แต่ท่านนี้กลับดูหมิ่นท่ามกลางฝูงชน!
สวีถังหรานที่อยู่ข้างๆ ยกมุมปากเล็กน้อย พบว่าคนเราช่างเทียบกันไม่ติดจริงๆ รู้สึกว่าวิธีการวางมาดของตัวเองก่อนหน้านี้ช่างอ่อนด้อยจริงๆ อะไรคือสิ่งที่เรียกว่ามาดอันน่าเกรงขาม? นี่ต่างหากล่ะที่เรียกว่ามาดอันน่าเกรงขาม! บทจะจับผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ก็จับเลย บทจะเหยียบก็เหยียบเลย ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด ถ้าเปลี่ยนเป็นตนก็คาดว่าคงไม่กล้าทำแบบนี้
ตอนนี้นับว่าเขาเข้าใจแล้วว่าตนกับผู้บัญชาการใหญ่หนิวแตกต่างกันขนาดไหน โชคชะตากำหนดให้ตนเป็นแค่ลูกน้องอีกฝ่ายเท่านั้นเป็นเจ้านายของอีกฝ่ายไม่ได้ อาศัยแค่ลักษณะการทำงานที่ใจกล้าคับฟ้าของอีกฝ่าย ต่อให้ตนเป็นหัวหน้าของอีกฝ่าย แต่ก็ควบคุมอีกฝ่ายไม่ไหวอยู่ดี
มู่หรงซิงหัวมองดูพฤติกรรมของเหมียวอี้อย่างจนใจ ขอถามสักคำเถอะ เจ้าไม่รู้ถึงราคาที่ต้องจ่ายหลังจากวางมาดน่าเกรงขามแบบนี้จริงเหรอ?
การเหยียบลงไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าทำให้คนมากมายเท่าไรกังวลแทนเหมียวอี้ แม้แต่หวงฝู่จวินโหรวที่กำลังคุกเข่าอยู่ตอนนี้ก็ลืมความอับอายไปแล้ว ตกตะลึงอ้าปากค้างกับสิ่งนี้ นี่เป็นการตบหน้าเทพประจำดาวฟ้าเถาะท่ามกลางฝูงชนชัดๆ! จะให้เทพประจำดาวฟ้าเถาะทนความรู้สึกได้อย่างไร?
ศีรษะถูกเหยียบติดพื้น เย่สวินเการู้สึกเหมือนใกล้จะโดนเหยียบแหลก ร่างกายกำลังดิ้นรนอย่างเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น แต่กลับไม่มีทางดิ้นหลุด ถึงแม้วรยุทธ์ของเขาจะสูงกว่าเหมียวอี้ แต่ในตอนนี้พลังอิทธิฤทธิ์ถูกผนึกไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับเหมียวอี้จึงไม่มีแรงโต้ตอบเลย
คมกระบี่ขูดพื้นจนเกิดประกายไฟ ขูดมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่สวินเกา เหมียวอี้กล่าวเสียงต่ำอีกครั้งว่า “ตอบข้ามา ว่าเกราะม่วงหนึ่งแถบบนตัวผู้บัญชาการใหญ่คนนี้ได้มาจากใคร!”
ร่างที่กำลังดิ้นรนของเย่สวินเกาหยุดนิ่ง จ้องคมดาบที่อยู่ตรงหน้า พร้อมตอบปนเสียงหอบหายใจว่า “ถึงแม้ราชันสวรรค์จะมอบให้ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าจะทำตามอำเภอใจได้”
เหมียวอี้ก้มหน้ามองลงที่เท้า แล้วตะคอกถามอีกครั้ง “ตลาดสวรรค์แห่งนี้เป็นตลาดสวรรค์ของราชันสวรรค์ หรือเป็นตลาดสวรรค์ของตระกูลเจ้านายเจ้า?”
ถึงแม้เย่สวินเกาจะเจ็บปวด แต่เห็นได้ชัดว่าตระหนักได้ว่าถูกคำพูดของเหมียวอี้พาออกนอกประเด็น จึงแกล้งดิ้นรนอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง จะได้หลบเลี่ยงไม่ต้องตอบ
คมกระบี่ที่กระทุ้งอยู่บนพื้นยกขึ้น ไปจ่ออยู่ที่ขมับของเขาแล้วจิ้มลงไปช้าๆ เลือดสดเริ่มซึมออกมา
เย่สวินเกาเบิกตากว้างทันที หอบหายใจตอบว่า “ราชันสวรรค์!”
ในขณะนี้เอง เป่าเหลียนวิ่งออกมาจากจวนผู้บัญชาการด้านหลังแล้ว พอเห็นภาพเหตุการณ์ก็ตกใจมากจริงๆ นางเดินมาข้างหลังเหมียวอี้แล้วถ่ายทอดเสียงบอก “นายท่าน ผู้การสองเร่งเร้าอยากจะพบท่าน ข้าถ่วงเวลาไม่ไหวแล้ว!”
เหมียวอี้ยกกระบี่ในมือขึ้นมา พร้อมถือโอกาสเตะเย่สวินเกาออกไป จากนั้นโบกกระบี่ชี้ไปรอบๆ พร้อมตะโกนพูดอย่างฮึกเหิม “ข้าไม่สนใจว่าใครอยู่เบื้องหลังพวกเจ้า ไม่สนว่ามีภูมิหลังอะไร ทุกแห่งในใต้หล้านี้ มิมีที่ใดไม่ใช่ผืนดินของราชัน ที่เชิญมาเป็นผู้นำของท้องที่ต่างๆ มิมีผู้ใดมิใช่ขุนนางของราชัน ข้าคือแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบที่ราชันสวรรค์แต่งตั้ง แต่พ่อค้าเล็กๆ อย่างพวกเจ้าบังอาจมาข่มขู่ข้า บังอาจดูหมิ่นอำนาจสวรรค์ ควรจะโดนโทษฐานอะไร!”
ข้อหานี้ร้ายแรงเกินไป เย่สวินเกาที่โดนเตะกลิ้งแก้ตัวทันที “ผู้บัญชาการใหญ่ พวกเราไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นอำนาจสวรรค์เลย เจ้าอย่ามายัดเยียดข้อหา ใครถูกใครผิดมีแค่สองฝ่ายที่รู้ ตำหนักสวรรค์ย่อมตัดสินอย่างยุติธรรม!”
กลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้นก็รู้เช่นกันว่าข้อหานี้ร้ายแรงเกินไป การดูหมิ่นอำนาจสวรรค์มีโทษตาย ถ้าไม่แก้ตัวและยอมรับโดยดุษณี แบบนั้นก็แย่แล้ว
“พวกเราไม่ได้ดูหมิ่นอำนาจสวรรค์แน่นอน!”
“ใช่! ตำหนักสวรรค์ย่อมตัดสินอย่างยุติธรรมอยู่แล้ว!”
“ใช่! ตำหนักสวรรค์ได้โปรดสืบสวนอย่างละเอียดและตัดสินอย่างยุติธรรม!”
กลุ่มผู้จัดการร้านค้าตะโกนเสียงดังต่อเนื่องเป็นระลอกทันที
เหมียวอี้กวาดมองกลุ่มคนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง พ่นเสียงทางจมูกอย่างไม่แยแส ก่อนจะบอกว่า “ตำหนักสวรรค์ย่อมตัดสินอย่างยุติธรรมอยู่แล้ว! ผู้บัญชาการใหญ่คนนี้คุมพื้นที่ให้ตำหนักสวรรค์ อยู่ที่นี่…ผู้บัญชาการใหญ่คนนี้เป็นตัวแทนของตำหนักสวรรค์!” พูดจบก็สะบัดมือไปข้างหลัง ทำให้กระบี่ยาวบินออกมา
เสียงดังพรึ่บ กระบี่ยาวบินกลับไปเสียบลงในฝักกระบี่ข้างเอวทหารผู้คุมอย่างแม่นยำ! เหมียวอี้ที่สะบัดมือกลับไปข้างหลังอย่างส่งเดช ท่าทางง่ายดายราวกับบีบมดฝูงหนึ่งให้ตาย จากนั้นร่ายอิทธิฤทธิ์กล่าวออกมาเบาๆ ทว่าเสียงดังก้องว่า “ประหาร!”
ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ มู่หรงซิงหัว สวีถังหรานทำตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ทันที พวกเขาลงมือพร้อมกัน ถึงแม้มู่หรงซิงหัวจะโบกดาบอย่างลังเลนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยังโบกดาบลงไปแล้ว
ทหารสวรรค์ที่เฝ้าคุมคนที่นั่งคุกเข่าพุ่งเข้าไปอย่างดุร้ายราวกับเสือทันที ควงดาบทวนกระบี่ขวานไปฟันสังหารอย่างบ้าระห่ำ!
“หนิวโหย่วเต๋อ…” เย่สวินเการ้องอย่างตระหนก อารมณ์หวาดกลัวยากจะบรรยายได้ มานึกเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว ศีรษะของเขากระเด็นออกไปคนแรก
“ไว้ชีวิตด้วย!”
“ผู้บัญชาการใหญ่ไว้ชีวิตด้วย!”
“ข้าผิดไปแล้ว…”
ผู้จัดการร้านสิบหกคนนั้นเป็นคลื่นระลอกแรกที่ประสบหายนะ ร้องขอชีวิตไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ละคนศีรษะกับร่างกายแยกกันอยู่คนละที่แล้ว
“อา…” ตรงนั้นมีเสียงอุทานตกใจและเสียงกรีดร้องดังขึ้น
คนที่นั่งคุกเข่าถูกผนึกวรยุทธ์ไว้ทั้งหมด ทั้งถูกมัดทั้งไม่มีกำลังโต้ตอบ เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มทหารสวรรค์ที่มีวรยุทธ์ ก็ไม่มีหวังที่จะหลบหนีเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนตื่นตระหนกราวกับแพะรอเชือด ลนลานไปรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน
ในขณะนี้ คนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่ล้มลงเพิ่งจะรู้ซึ้งถึงคำว่าเสียใจทีหลัง!
ในขณะนี้ คนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่หวาดผวาเพิ่งจะรู้ว่าการต่อต้านผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ท่านนี้จะมีมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร!
ในขณะนี้ คนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่สิ้นหวังเพิ่งจะรู้ว่าประเมินตัวเองสูงเกินไป ระหว่างมีเงินมีอิทธิพลกับมีอำนาจที่แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกันแล้วช่างเป็นเหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาจริงๆ!
ในขณะนี้ แพะรอเชือดฝูงแล้วฝูงเล่าเพิ่งจะรู้ว่าผลลัพธ์ของการต่อต้านอำนาจที่แข็งแกร่งนั้นน่ากลัวขนาดไหน!
ศีรษะลอยขึ้นใบแล้วใบเล่า เลือดสดสาดกระจายกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า พรตปีศาจที่โดนตัดหัวล้มล้งพื้นและกลับคืนสู่ร่างเดิม ส่วนนักพรตผีก็กลายเป็นหมอกสีเทา
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่ดังอย่างต่อเนื่อง กลุ่มคนที่ล้อมดูตกใจจนเริ่มหดตัวไปข้างหลัง ถอยหลังไปแล้ว!
หวงฝู่จวินโหรวที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ หญิงงามภายใต้มีดเชือดอะไรกัน นางตกใจจนหน้าซีดแล้ว โดนกลุ่มคนที่กำลังถอยหลังเทเข้ามาใส่จนล้มลง นางจึงถอยไปข้างหลัง! ร่างกายที่โดนมัดกำลังเหยียดขาเพื่อให้ตัวถอยไปข้างหลัง!
แค่จะอยากจะหลบหลีกการสังหาร แต่ละคนแค่อยากจะมีชีวิตรอด!
แต่ถูกทหารสวรรค์ล้อมไว้ ถูกอาวุธกดดัน ทั้งยังหนีไม่พ้น สุดท้ายก็เบียดมารวมเป็นก้อนเดียวกัน ความตายที่น่าหวาดกลัวมาถึงตัว คนที่ขี้ขลาดตกใจจนร้องไห้แล้ว!
แต่ไม่นานพวกเขาก็พบว่าตัวเองไม่ได้จัดอยู่ในเป้าหมายที่จะถูกเชือด หลังจากคนกลุ่มใหญ่ที่นั่งคุกเข่าแยกกับพวกเขาอยู่ข้างหน้าล้มจมกองเลือดหมดแล้ว ทหารสวรรค์ดุร้ายที่เหมือนจะโดนกลิ่นคาวเลือดกระตุ้นให้สังหารจนเสียสติก็ไม่ได้มาลงมือกับพวกเขาอีก แต่สวมเกราะรบที่เปื้อนเลือดทั้งตัวถืออาวุธเดินเหยียบบนร่างศพ เดินค้นหาไปทั่วท่ามกลางกองเลือดว่ายังมีใครรอดชีวิตอยู่หรือไม่
คนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและโชคดีรอดชีวิตมาได้ ก็คือคนของร้านค้าหนึ่งร้อยร้านที่เหมียวอี้ใส่ชื่อเข้ามาทีหลัง
ศพที่ล้มอยู่บนพื้นคือคนจากร้านค้าสองร้อยร้านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับร้านค้าสิบหกร้านนั้น
ร้านค้าสองร้อยกว่าร้าน ศีรษะสามพันกว่าใบ ถูกตัดทิ้งจนหมดเกลี้ยงในชั่วพริบตาเดียว ถูกฆ่าจนไม่เหลือสักคน
หรือพูดได้อีกอย่างว่า คนของร้านค้าที่เป็นตัวแทนของสิบหกตระกูลชนชั้นสูงถูกเหมียวอี้สั่งฆ่าตายหทดแล้ว!
ศพนอนกองกันเต็มพื้น ศีรษะที่ถูกฟันกลิ้งไปทั่ว เลือดไหลกลายเป็นแม่น้ำ กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นอบอวลอยู่ในอากาศ
ศีรษะของคนมากมายตกอยู่พื้น เหมียวอี้เอามือไขว้หลังยืนอยู่ตรงนั้น กำลังมองดูด้วยสายตาเย็นเยียบ เลือดสดไหลมาถึงใต้เท้าของเขา เขาไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย
คนที่ไม่ได้ถูกสังหาร คนที่ยังรอดชีวิตมาได้ ทั้งยังมีคนที่มาล้อมดูรอบๆ แต่ละคนมองเหมียวอี้ด้วยสายตาที่เหมือนเห็นปีศาจมารร้าย ดวงตาฉายแววหวาดผวา!
เสวี่ยหลิงหลงที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างตกใจจนเอามือปิดปาก ส่วนท่านแม่สวีก็อ้าปากกว้าง!
เป่าเหลียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเหมียวอี้ตกใจจนเหม่อค้าง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!
ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋มองดูภาพเหตุการณ์ แล้วสบตากันโดยจิตใต้สำนึก ทั้งสองต่างเข้าใจความคิดของกันและกัน ว่าถ้าเจ้าห้าคิดจะสังหารใครขึ้นมา ก็โหดใช้ได้เลย!
ถึงแม้จะรู้ตั้งแต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ แต่สวีถังหรานก็ยังขนหัวลุกอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเย่สวินเกาจะต้องตายอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เขาก็คงจะไม่กล้าลงมือกับเย่สวินเกาเช่นกัน เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาล้างแค้นตอนหลัง ตอนนี้กำลังพึมพำในใจว่า นี่…นี่จะยุติเรื่องราวได้จริงเหรอ?
มู่หรงซิงหัวพึมพำในใจ คนเสียสติ!
ขณะมองเหมียวอี้ที่กำลังยืนอย่างเลือดเย็น หวงฝู่จวินโหรวก็ทำสีหน้าหวาดกลัวเช่นกัน พึมพำในใจเหมือนกันว่า คนเสียสติ!
อวิ๋นจือชิวและพวกที่อยู่บนหลังคาเรียกได้ว่าตะลึงจนตาค้างแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้นึกว่าเหมียวอี้แค่จับคนพวกนี้มาคุกเข่าเพื่อระบายความโมโห แต่ใครจะคิดว่าผลที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงกว่าที่พวกนางจินตนาการไว้พันเท่า ศีรษะสามพันกว่าใบตกอยู่บนพื้น ศีรษะสามพันใบของทาสประจำตระกูลชนชั้นสูงของตำหนักสวรรค์ตกอยู่บนพื้น ไม่น่าเชื่อว่าเหมียวอี้จะสั่งให้ฆ่าทั้งหมดนี้!
อวิ๋นจือชิวที่กำลังเผยอริมฝีปากแดงค่อยๆ ย้ายสายตาจากศพที่เกลื่อนเต็มพื้นไปบนตัวเหมียวอี้
ในวันนี้ นางจำเป็นต้องยอมรับ ว่านางไม่ได้รูจักผู้ชายของตัวเองดีสักเท่าไร
ในวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้นางมองเห็นอีกด้านหนึ่งของผู้ชายของนาง นี่คือคนที่หากกุมอำนาจมหาศาลไว้ในมือ ก็จะตัดสินใจสังหารหมู่ได้อย่างไม่ลังเล!
สองพี่น้องโอวหยางมองเหมียวอี้ด้วยความหวาดผวาเล็กน้อย นับว่าได้ทำความรู้จักใหม่แล้วเช่นกัน
เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์กลับทำท่าเหมือนพฤติกรรมของเหมียวอี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกนาง ที่จริงตอนที่เห็นคนพวกนี้คุกเข่าอยู่เต็มพื้น พวกนางก็เริ่มสงสัยแล้วว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้
ทั้งสองติดตามเหมียวอี้มาตั้งแต่ตอนที่เหมียวอี้ยังมีตำแหน่งต่ำต้อย รู้จักนิสัยและลักษณะการทำงานของเหมียวอี้ดีเกินไป ขอเพียงเหมียวอี้ได้เลื่อนตำแหน่ง ขอเพียงมีคนมาท้าทายเหมียวอี้ เขาก็จะใช้วิธีการสังหารหมู่มาแก้ปัญหา ภาพเหตการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ทำให้ทั้งสองรู้สึกผิดคาดเลย
ถ้าเปลี่ยนให้เหยียนซิวมาอยู่ตรงนี้ ก็คงจะไม่รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
“หนิวเอ้อร์คนนี้ทำอะไรไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาสักนิดเลยจริงๆ!” ช่างไม้หันมาถ่ายทอดเสียงบอกช่างหินด้วยความปลง
เมื่อรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ข้างกาย อวิ๋นจือชิวก็ได้สติกลับมา นางหันกลับมาถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ถ้าผู้มีอำนาจมากมายขนาดนี้ร่วมมือกันล้างแค้นขึ้นมา เกรงว่าคนที่เกี่ยวข้องกับนายท่านจะต้องโชคร้ายกันหมด ทุกคนกลับไปเตรียมตัว เตรียมหนีกลับพิภพเล็ก!”
แต่ใครจะคิดว่าเชียนเอ๋อร์กลับตอบว่า “ฮูหยิน บางทีอาจจะไม่ต้องกังวลเกินไปก็ได้เจ้าค่ะ นายท่านเป็นคนที่หยาบช้าอย่างแยบยล ไม่ใช่คนไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่แน่อาจจะเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่นายท่านทำแบบนี้ จะต้องมีเหตุผลแน่นอนเจ้าค่ะ”
อวิ๋นจือชิวอึ้งไปชั่วขณะ มองไปที่นาง…
เขย่าขวัญ! ฉากเหตุการณ์ตรงนั้นเขย่าขวัญทุกคนอย่างรุนแรง ภาพที่ศีรษะปลิวว่อนฟ้าเมื่อครู่นี้ ภาพที่เลือดสดพุ่งกระฉูดไปทั่วยังปรากฏซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของทุกคน
“คนของร้านค้าพวกนั้นยังมีใครรอดไปอีกมั้ย?” จู่ๆ เหมียวอี้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำเลือดก็เอ่ยถาม
สวีถังหรานตอบอย่างเคารพว่า “ตอบผู้บัญชาการใหญ่ มีบางคนไม่อยู่ในร้านค้า ออกจากร้านค้าไปทำธุระข้างนอก ตอนนี้ยังจับตัวไม่ได้ พวกเรารวมจำนวนไว้แล้ว มีรอดไปประมาณสามสิบสี่สิบคนขอรับ”
“ประตูเมืองปิดหมดแล้วใช่มั้ย?” เหมียวอี้ถามอีก
“ปิดหมดแล้ว!” ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ มู่หรงซิงหัว สวีถังหรานตอบพร้อมกัน
เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ถ้านักโทษพวกนั้นมามอบตัว ตราบใดที่ยินดีให้การว่าคนพวกนี้มีพฤติกรรมร่วมมือกันก่อกบฏ ก็จะพ้นโทษ จะไว้ชีวิตพวกเขาสักครั้ง! พร้อมทั้งถ่ายทอดคำสั่งไปยังสี่เขตเมืองของตลาดสวรรค์ด้วย ถ้าใครกล้าให้ที่พักกับนักโทษ หรือว่าพบร่องรอยนักโทษแล้วปิดบังไม่ยอมรายงาน ก็จะมีความผิดร่วมกัน!”
“รับทราบ!” ทั้งสี่เอ่ยรับ
คนมากมายที่กำลังล้อมดู พอได้ยินแบบนี้ก็สูดหายใจปนกลิ่นคาวเลือดด้วยความตกตะลึง นี่ต้องแค้นมากขนาดไหนกัน! ขนาดฆ่าไปหลายพันคนแล้ว แม้แต่ไม่กี่สิบคนที่เหลือก็ไม่ยอมปล่อยไปเหรอ? ประตูของสี่เขตเมืองถูกปิดหมดแล้ว ทั้งตลาดสวรรค์ถูกปิดหมดแล้ว และตลาดสวรรค์ก็เจริญเกินไปจนมีคนอยู่ทั่วทุกที่ ร่องรอยคนคนไม่กี่สิบคนนั้นปิดบังสายตาของทุกคนไม่ได้เลย ภายใต้การใช้โทษตายข่มขู่ คาดว่าคงไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัว อีกไม่กี่สิบคนที่เหลือนั่นจะยังหนีรอดอีกเหรอ?
“ข้ามอบตัว!”
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ ท่ามกลางกลุ่มคนที่ล้อมดูก็มีคนวิ่งออกมาคุกเข่าทันที คนที่รู้จักสังเกตเห็นทันทีว่าเป็นพนักงานของร้านค้าบางร้าน
“ข้ามอบตัว!”
เมื่อมีคนหนึ่งนำ ก็มีคนที่สองวิ่งออกมาคุกเข่าทันที ตามด้วยคนที่สามและสี่…
…………………………