พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1084 วังสวรรค์
ชั่วขณะแรกยังคิดอะไรมากไม่ทัน ท่านนี้กำลังจะไปแล้ว ถ้าไม่ไปส่งก็จะฟังดูเหลวไหล เขาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันตัวเดินตามไป
ไม่กล่าวอะไรตามมารยาทเลยสักคำ เกาก้วนทำให้คนรู้สึกว่าไร้อารมณ์ของความเป็นมนุษย์อยู่ตลอดเวลา มองข้ามเหมียวอี้ที่มาส่ง แม้แต่หน้าก็ไม่หันมาเลยสักนิด บุกเข้ามาทื่อๆ แล้วก็นำคนจากไปทื่อๆ
เหมียวอี้ยืนเงียบอยู่ตรงประตูจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกครู่หนึ่ง ฝูชิงเดินย่องมาข้างกาย แล้วถ่ายทอดเสียงถามว่า “เจ้าห้า ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ น่าจะไม่เป็นอะไรล่ะมั้ง ทางปี้เยว่กล้าทำแบบนี้ เดาว่าคงมีความมั่นใจพอสมควร” เหมียวอี้ส่ายหน้าแล้วหันตัวเดินกลับไป
พอกลับมาถึงโถงหลักในเรือน เห็นระฆังดาราที่อยู่บนโต๊ะ เหมียวอี้ก็เดินไปหยิบมาถือครุ่นคิดอยู่ในมือพักหนึ่ง แลวจู่ๆ ก็เริ่มยิ้ม
ใช่แล้ว คงจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นเกาก้วนจะพูดเรื่องให้ตนเข้าไปทำงานในหน่วยตรวจการฝ่ายขวาได้อย่างไร
สิ่งที่ทำให้เข้ากลัดกลุ้มที่สุดก็ยังเป็นอสุราอัคนีอะไรนั่น เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองฝึกวิชาอัคนีดารา มีคำว่า ‘อัคนี’ เหมือนกัน เกาก้วนบอกว่าเห็นตนลงมือจึงมองออกว่าตนคือผู้สืบทอดของอสุราอัคนี อย่าบอกนะว่าเคล็ดวิชาที่ตนฝึกเกี่ยวข้องกับอสุราอัคนีอะไรนั่น? แล้วเคล็ดวิชานี่มาโผล่อยู่ที่พิภพเล็กได้ยังไง? เกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าปีศาจรวมทั้งสมบัติที่เจอในตอนหลัง ทั้งยังมีภาพสตรีทะยานฟ้านั่นอีก?
คิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ ก็เลยขี้เกียจคิดอีก นี่ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ประวัติภูมิหลังของตน เดิมทีก็พูดได้ไม่ชัดเจนอยู่แล้ว ตอนนี้เกาก้วนดึงดันจะกำหนดให้ตนเป็นลูกศิษย์ของอสุราอัคนีอะไรนั่นให้ได้ งั้นตนเป็นศิษย์ของอสุราอัคนีไปเลยก็สิ้นเรื่อง เวลามีคนถามถึง ตนก็จะตอบไปอย่างนี้ ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่เป็นไร อย่างมากเมื่อถึงตอนนั้นก็แค่ผลักความรับผิดชอบไปให้เกาก้วน เป็นเกาก้วนที่ดึงดันจะคิดอย่างนี้เอง ทั้งยังไม่ให้ตนกลับคำพูดด้วย
แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาอยากจะรู้ให้แจ่มแจ้ง อสุราอัคนีเป็นใครกันแน่?
พอนึกถึงคนที่อยู่รอบข้าง เขาก็พบว่าคงไม่ดีหากจะเอ่ยปากถามเรื่องนี้ ถ้าตนเป็นศิษย์ของอสุราอัคนี แต่ไม่รู้แม้กระทั่งประวัติความเป็นมาของอาจารย์ตัวเองทั้งยังต้องไปถามคนอื่น แบบนี้จะไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า?
เกาก้วนไม่ได้กลับตำหนักคุ้มเมือง และไม่ได้มาบอกกล่าวอะไรด้วย แค่จากไปทื่อๆ อย่างนั้น เหมือนกับตอนที่เขามา มาถึงโดยไม่บอกกล่าว กลับไปโดยไม่บอกกล่าว
หลังจากได้ข้อมูลกลับมาจากทางประตูเมือง ปี้เยว่ฮูหยินและเหมียวอี้ถึงได้รู้ว่าเกาก้วนพาคนกลับไปแล้ว…
ตำหนักสวรรค์วังสวรรค์!
สถานที่ที่คนส่วนใหญ่ของจักรวาลไม่มีทางมาเหยียบได้ คนส่วนใหญ่ถึงขั้นทั้งชีวิตนี้ไม่เคยได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ สถานที่นี้คือสิ่งที่อยู่ในตำนานสำหรับคนส่วนใหญ่
ตามตำนาน นี่ก็คือสถานที่รวบรวมสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจักรวาล เป็นสถานที่ที่ฟุ้งเฟ้อที่สุด
ซึ่งความเป็นจริงก็เป็นอย่างนั้น
ดาราจักรที่อยู่รอบข้างมีสีสันแพรวพราวราวกับภาพมายา ดาวเคราะห์ที่ตั้งมั่นอยู่สี่ทิศมีทหารสวรรค์กลุ่มใหญ่คอยโอบล้อมพิทักษ์วังสวรรค์ที่อยู่ตรงกลาง อาณาเขตดาวผืนนี้ห้ามไม่ให้ใครรุกล้ำโดยพลการ และดาวเคราะห์สี่ดวงนั้นก็คือพื้นที่ต้องห้ามส่วนตัวของสี่อ๋องสวรรค์
ในเวลาเดียวกัน บนดาวเคราะห์สี่ดวงต่างก็มีกองกำลังกลุ่มหนึ่งเกาะออกมา เป็นการแลกเวรของทหารยามที่เฝ้าตรงประตูฟ้าทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศเหนือ
ทหารยามเฝ้าอยู่ตรงฝั่งซ้ายและขวาของประตูฟ้า ถืออาวุธยืนอย่างเคร่งขรึม วรยุทธ์ต่ำที่สุด ยศต่ำที่สุด เป็นแม่ทัพที่สวมเครื่องแบบเกราะม่วงหนึ่งแถบ ส่วนผู้ที่นำกองกำลังเดินไปเดินมาก็คือแม่ทัพที่สวมเกราะรบสีแดง กำลังกวาดสายตาระแวดระวังมองรอบด้าน ฟ้องกันไม่ให้มีใครเข้ามาใกล้โดยพลการ
เงาคนคนหนึ่งแวบเข้ามา เหยียบลงนอกประตูฟ้าทิศใต้ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเกาก้วนนั่นเอง
เมื่อแสดงป้ายคำสั่งพิสูจน์ตัวตน เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่ตัวปลอม เกาก้วนถึงได้เดินเข้าไปข้างใน
ใหญ่โตมโหฬาร กว้างใหญ่ไพศาล ทุกที่เป็นศาลาพลับพลาที่ประณีตยิ่งกว่าเนรมิต เมื่อตัวอยู่ในตำหนักสวรรค์ ถ้าไม่ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มอง ก็ถึงขั้นมองไม่เห็นริมขอบของสิ่งปลูกสร้างที่เรียงติดต่อกันยาวเหยียดเลยด้วยซ้ำ
แสงสีขาวบริสุทธิ์ที่แผ่รัศมีครอบคลุมบางๆ หนึ่งชั้น แสงสว่างที่เป็นมงคล บนฟ้ามีสัตว์เทพในตำนาน หงส์ร่อนมังกรรำ วิหคเซียนนานาชนิดบินติดตาม
สิ่งปลูกสร้างทุกชนิดสีขาวบริสุทธิ์ดุจหยก แต่กลับไม่ใช่ศิลาหยก แต่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่เกิดจากการรวบรวมพลังปรารถนาของสรรพสิ่งนับไม่ถ้วนในจักรวาล
บนเสารูปมังกรที่สูงใหญ่ มีมังกรทองตัวหนึ่งที่หน้าตาดุร้ายมีพลังจนทำให้คนที่เห็นต้องกลั้นหายใจพันขดอยู่ ในรังหงส์มีหงส์ขนสีรุ้งที่งดงามตระการตาจนทำให้คนใจสั่น เกาก้วนเดินไปข้างหน้าโดยไม่ชายตามองด้านข้าง หงส์และมังกรที่อยู่ทางซ้ายและขวาเพียงลืมตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็หลับตาลงเหมือนเดิม
ระหว่างสระหยกที่มีอยู่ทั่วตำหนักสวรรค์ ดอกไม้ใบหญ้าแปลกตากำลังเบ่งบาน สัตว์ประหลาดนานาชนิดกำลังแหวกว่ายอยู่ในสระหยก เด็กน้อยที่ฝึกตนจนแตกฉานกำลังเล่นอยู่ในนั้น ตอนที่เกาก้วนเดินผ่าน เด็กน้อยก็รีบไปหลบอยู่ใต้ใบบัวสีเขียวหยก กลายเป็นปลาหลี่สีทองตัวหนึ่งสั่นหัวส่ายหางว่ายเข้าไปในน้ำสีเขียวหยก
มีตำหนักงดงามหรูหราขนาดนี้ แต่งานอดิเรกของราชันสวรรค์กลับเป็นการทำนาอยู่ในท้องนาที่มีโคลนเลน ทำให้คนมากมายร่ำร้องในใจ สิ่งที่ตัวเองเอื้อมไม่ถึง แต่ราชันสวรรค์กลับไม่สนใจ
เมื่อก้าวขึ้นบันไดสูงเข้ามาในวังสวรรค์ ทิวทัศน์ของแดนสวรรค์ข้างในก็ยิ่งทำให้คนละลานตาจนมองไม่หมด บางครั้งก็จะเห็นกลุ่มเทพธิดาที่เป็นสนมสวรรค์เดินแห่กันมาเป็นกลุ่ม
ถึงแม้เกาก้วนจะมีตำแหน่งไม่สูง แต่กลับเป็นขุนนางที่อยู่ใกล้ชิดข้างกายราชันสวรรค์ การปรากฏตัวของเขาดึงดูดความสนใจของเหล่าสนมสวรรค์ ไม่แคล้วต้องมีคนคิดอยากจะสานสัมพันธ์อันดีกับเกาก้วน
ในวังสวรรค์ นางสนมของราชันสวรรค์มีเยอะเกินไป ต่อให้ไม่ถึงหนึ่งหมื่นก็ถึงแปดพัน แต่ละคนงดงามเลิศล้ำ ผู้หญิงจำนวนมากมายขนาดนี้ ถ้าอยากจะได้รับหยาดน้ำฝนแห่งความเมตตาจากราชันสวรรค์ทุกคน ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เกรงว่านางสนมส่วนใหญ่แค่จะให้ราชันสวรรค์จำชื่อตัวเองได้ก็ยังยากเลย อยากจะได้รับความโปรดปรานต่อหน้าราชันสวรรค์ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
อยู่ดีๆ ใครจะไปจดจำชื่อคนเป็นหมื่น มิหนำซ้ำยังเป็นกลุ่มผู้หญิงที่ไม่ได้สำคัญอะไรต่อราชันสวรรค์ด้วย สำหรับราชันสวรรค์แล้ว บางทีการเอานางสนมหนึ่งพันคนมารวมกัน ก็ยังไม่สำคัญเท่าขุนนางหนึ่งคนเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมีเพียงผู้หญิงที่ชาติกำเนิดดี ที่เมื่อเข้าวังสวรรค์มาแล้วถึงจะมีโอกาสได้รับฐานะที่ดีกว่าเดิม ต่อให้ทำไปเพื่อบำรุงขวัญขุนนางก็ตาม เมื่อมีฐานะในวังหลังสูงขึ้น โอกาสในการคลุกคลีกับราชันสวรรค์ก็จะมีมากตามไปด้วย เมื่อมีโอกาสคลุกคลีมากถึงจะมีโอกาสได้รับความโปรดปราน
ในโลกนี้มีหญิงงามมากมายเสียที่ไหนกัน แต่ราชันสวรรค์กลับไม่ขาดหญิงงามคอยปรนนิบัติ ภูมิหลังชาติกำเนิดไม่ดี ถ้าอยากจะให้ราชันสวรรค์คิดถึงก็มีแต่ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น อันดับแรกย่อมต้องให้ราชันสวรรค์มีภาพความประทับใจกับชื่อของตน ถ้าราชันสวรรค์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนชื่อนี้อยู่ท่ามกลางนางสนมของตัวเอง แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ราชันสวรรค์จะเรียกให้ไปปรนนิบัติ
ถ้าขุนนางที่ใกล้ชิดข้างกายราชันสวรรค์อย่างเกาก้วนสามารถเอ่ยชื่อตัวเองขึ้นมาสักครั้ง ก็จะต้องดึงดูดความสนใจของราชันสวรรค์แน่นอน เป็นไปได้สูงว่าราชันสวรรค์จะต้องอยากเห็น ว่าใครกันที่ทำให้เกาก้วนเอ่ยถึงได้ แบบนี้จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ตัวเองได้ใกล้ชิดราชันสวรรค์แล้ว
ดังนั้นจึงมีคนอยากจะทักทายเกาก้วน แต่เกาก้วนยังคงมองไม่เห็นใครในสายตา เอาแต่มองตรงไปเบื้องหน้า นางสนมที่พยักหน้ายิ้มอยู่สองข้างทางเพราะอยากจะหาโอกาสคุยจึงเสียแรงเปล่า ต่อให้สวยกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ในใจเคียดแค้นจนกัดฟันกรอด แต่กลับไม่กล้าล่วงเกินเกาก้วน
อย่านึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของราชันสวรรค์แล้วจะทำอะไรก็ได้ ผู้หญิงของราชันสวรรค์มีตั้งเยอะ จะเพิ่มหรือลดลงสักคนก็ไม่ส่งผลอะไร แต่คนที่สามารถกลายเป็นลูกน้องคนสนิทของราชันสวรรค์ได้กลับมีไม่เยอะ ผู้หญิงที่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็นเพื่อปลอบขวัญขุนนางมีตั้งเยอะ โดนประหารเพราะมีความผิดก็ใช่ว่าจะไม่มี ราชินีสวรรค์ที่คุมวังหลังชอบ ‘ช่วย’ ราชันสวรรค์ทำเรื่องแบบนี้ที่สุดแล้ว
ถึงแม้จะมีหลายคนปวดใจ แต่เก้าอี้ที่อยู่ใต้ก้นราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วก็ยังเป็นความฝันของผู้หญิงมากมายในวัง พวกนางหวังว่าตัวเองจะได้กลายเป็นที่เคารพท่ามกลางสตรีในโลกนี้ ความมีหน้ามีตาแบบนั้นมีแรงดึงดูดอย่างร้ายแรงต่อผู้หญิง การเฝ้ารอให้ถูกผู้หญิงทุกคนอิจฉาคือนิสัยธรรมชาติของผู้หญิง
ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังมีคนส่วนใหญ่แอบปลอบใจตัวเอง ว่าอาศัยหน้าตาอย่างราชินีสวรรค์ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องโดนราชันสวรรค์ทอดทิ้งแน่ ผู้หญิงสวยมักจะมีความมั่นใจในตัวเองอย่างหน้ามืดตามัว
ท่ามกลางศาลาพลับพลาที่งดงามหรูหรา ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วที่สวมมงกุฎหงส์และแต่งกายสูงส่งจนหาคำพูดมาบรรยายไม่ได้ ตอนนี้กำลังเดินพูดคุยอยู่กับประมุขชิง ข้างหลังมีเทพธิดาสิบกว่าคนเดินตาม
ประมุขชิงที่เอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เผยรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เป็นระยะ เหมือนจะถูกคำพูดของราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วหยอกล้อให้ขำแล้ว
ประมุขชิงในเวลานี้ไม่ได้แต่งกายเหมือนชาวนาแล้ว บนศีรษะสวมพระมาลาห้อยลูกปัดเก้าสาย บนตัวสวมชุดสีทองที่องอาจผ่าเผยและสูงส่งหรูหรามาก บนนั้นมีภาพมังกรเก้าตัวที่ปักเอาไว้ราวกับใช้กาวติด มีชีวิตชีวิตราวกับเป็นของจริง เหมือนมีมังกรตัวจริงย่อขนาดติดอยู่บนเสื้อผ้า
เมื่อเดินออกจากศาลาพลับพลาเข้ามาในสวน เกาก้วนก็กำลังยืนรออยู่แล้ว
เมื่อเห็นเขามา ประมุขชิงก็โบกมือเบาๆ ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วก็ย่อกายคำนับ แล้วนำเหล่าเทพธิดาถอยออกไป
“สืบสวนเป็นอย่างไรบ้าง?” ประมุขชิงเอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าต่อ
หลังจากกุมหมัดคารวะแล้ว เกาก้วนก็เดินตามอยู่ข้างกาย พร้อมตอบว่า “สถานการณ์โดยรวมไม่ต่างกับที่รู้ก่อนหน้านี้ขอรับ ร้านค้าสิบหกร้านนั้นอยากจะยัดคนเข้าไปนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการจริงๆ หลังจากทำไม่สำเร็จ คนที่หนุนหลังพวกเขาจึงไปร้องเรียนกับเทพประจำดาวคนฉลู พอร้องเรียนไม่สำเร็จ ก็ร่วมมือกับพ่อค้าของตลาดสวรรค์กดดันให้หนิวโหย่วเต๋อลงจากตำแหน่ง ผลก็คือยั่วโมโหจนหนิวโหย่วเต๋อใช้วิธีการที่เด็ดขาดรวดเร็ว หลังจากเกิดเรื่อง หนิวโหย่วเต๋อก็ได้คำให้การที่พ่อค้ารายใหญ่ร่วมมือกันทำเป็นขบวนการแล้ว พ่อค้าที่เข้าร่วมด้วยมีประมาณหกหมื่นกว่าคน ข้าน้อยนำคำให้การทั้งหมดมาแล้วขอรับ เป็นหนิวโหย่วเต๋อที่ลงมือได้รวดเร็ว ไม่ให้เวลาพวกเขาได้เตรียมตัวสักเท่าไร ไม่อย่างนั้นคนที่ร่วมมือกันต่อต้านผู้บัญชาการใหญ่หนิวโหย่วเต๋อก็คงไม่ได้มีแค่หกหมื่นคนแน่”
“ดี! ช่างดีจริงๆ!” ประมุขชิงแสยะยิ้ม “ตอนนี้กลุ่มพ่อค้ามีความสามารถที่จะบงการขุนนางของตำหนักสวรรค์แล้ว ทั้งยังเป็นคนที่ข้าเพิ่งแต่งตั้งและมอบรางวัลให้ด้วย เจ้าว่าคนพวกนั้นสมควรถูกฆ่ามั้ย?”
“สมควรฆ่าขอรับ!” เกาก้วนตอบเสียงเรียบ
ประมุขชิงพ่นเสียงทางจมูก แล้วถามอีกว่า “สถานการณ์ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
มีร้านค้าของสมาคมวีรชนอยู่ที่นั่น เกาก้วนไม่เชื่อว่าทางนี้จะไม่รู้สถานการณ์ แต่ก็ยังตอบตามความจริงว่า “หลังจากหนิวโหย่วเต๋อรักษาการณ์ที่นั่น ก็สั่งห้ามไม่ให้พ่อค้าจัดตั้งสมาคมร้านค้าส่วนตัว แต่ให้แบ่งสมาคมร้านค้าเป็นสี่ส่วน ให้อยู่ในการคุมของสี่เขตเมืองในตลาดสวรรค์โดยตรง แล้วก็แบ่งย่อยอีกที ให้ผู้ช่วยผู้บัญชาการในสังกัดแบ่งกันรับผิดชอบขอรับ”
“เขาไม่กลัวว่าจะทำให้อำนาจที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนั้นโต้กลับเหรอ?” ประมุขชิงถาม
“วิธีการของเขาเรียบง่ายมาก เบื้องบนควบคุมไม่ได้ แต่ถ้าเบื้องล่างกล้ามีคนต่อต้าน ฆ่า!” เกาก้วนตอบ
“ช่างเรียบง่ายจริงๆ! เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบมาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“เป็นอย่างที่ฝ่าบาทคาดไว้ นี่ไม่ใช่ความคิดของปี้เยว่ คนที่ออกความคิดยังเป็นหนิวโหย่วเต๋อคนนั้น ปี้เยว่เพียงให้ท้ายเขาเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นใต้หนังตาแบบนี้ ไม่มีทางที่นางจะไม่รู้ ถึงแม้ปี้เยว่จะไม่ยอมรับ แต่ข้าน้อยก็สามารถแน่ใจได้แล้ว เบื้องหลังปี้เยว่มีท่านโหวเทียนหยวนแนะนำให้ทำแน่นอน ถ้าไม่ใช่แบบนี้ ปี้เยว่ก็ไม่ได้มีความกล้ามากขนาดนั้น ดังนั้นผลลัพธ์ที่แท้จริงก็คือ หนิวโหย่วเต๋อเป็นคนออกความคิดนี้ ส่วนท่านโหวเทียนหยวนกับฮูหยินคอยเล่นไปตามน้ำอยู่เบื้องหลัง เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง หนิวโหย่วเต๋อจึงลงมือได้เด็ดขาดขนาดนี้ พูดให้ชัดก็คือท่านโหวเทียนหยวนและภรรยามีความตั้งใจที่จะทำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่คนพวกนั้นมาร้องเรียน หนิวโหย่วเต๋อก็คงลงจากตำแหน่งไปแล้ว เป็นสองสามีภรรยาที่ปกป้องอยู่เบื้องหลัง”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ก่อนหน้านี้ข้ายังแปลกใจ ว่าผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์คนหนึ่งจะเอาความกล้าจากไหนมาต่อต้านผู้มีอำนาจอิทธิพลของตำหนักสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าเทียนหยวนก็ใจกล้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าเขาตบตาข้า ดูท่าแล้วคงเป็นคนที่มีหลักการ”
…………………………