พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1120 ต่ำช้าไร้ยางอาย
อวิ๋นจือชิวที่เจ็บจนเอามือลูบก้นสูดหายใจอย่างตกตะลึง ขณะกำลังจะพูดว่าเหมียวอี้ใจร้าย จู่ๆ นางก็ได้ยินว่าเหมียวอี้จะกำจัดหยางชิ่ง ทั้งยังทำท่าทางเหมือนตัดสินใจแน่วแน่ด้วย ทำให้นางตกใจนิดหน่อย รีบก้าวเข้ามาดึงแขนเหมียวอี้ที่กำลังจะออกไป แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ว่าหยางชิ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเวยเวย ถ้าเจ้าฆ่าเขา เจ้าจะอธิบายกับเวยเวยยังไง!”
เหมียวอี้ตอบอย่างไม่ซับซ้อนว่า “ไม่ต้องให้ข้าลงมือเองหรอก หาคนไปแอบจัดการให้ข้าสักรอบก็เรียบร้อยแล้ว วรยุทธ์เล็กน้อยอย่างหยางชิ่งต้านทานไม่ไหวหรอก เรื่องนี้เวยเวยไม่มีทางรู้”
อวิ๋นจือชิวดึงเขาไว้ไม่ยอมปล่อย “เจ้าสามารถปิดบังเวยเวยได้ แต่ถ้าหยางชิ่งตายขึ้นมา ทั้งชีวิตนี้ถ้าหาตัวคนทำไม่ได้ เวยเวยก็จะไม่มีทางหยุด บนโลกนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ถ้าวันหนึ่งเวยเวยรู้ความจริงขึ้นมา เจ้าจะทำยังไง?”
“หยางชิ่งเกิดความคิดที่จะฆ่าเจ้านายตัวเองแล้ว วันนี้ลงมือกับเจ้าได้ ไม่ช้าก็เร็วที่จะต้องลงมือกับข้าเข้าสักวัน เก็บคนแบบนี้ไว้ข้างกายอันตรายเกินไป” เหมียวอี้กล่าว
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า “ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เจ้าคิดหรอก ครั้งนี้เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรกับเจ้า แค่คิดจะกำจัดข้าเฉยๆ อยากจะให้เวยเวยขึ้นตำแหน่งภรรยาเอก ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรกับเจ้า”
“กำจัดเจ้ากับกำจัดข้าต่างกันยังไง?” เหมียวอี้ถามเสียงต่ำ
เพียงพูดประโยคนี้คำเดียว อวิ๋นจือชิวมองเขาก็ด้วยแววตาเคลิบเคลิ้มแล้ว ในใจรู้สึกราวกับได้ดื่มน้ำผึ้ง นางกอดเขาไว้พร้อมทำเสียงเล็กเสียงน้อย “ช่างเถอะ พอได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ ต่อให้ตายข้าก็เต็มใจ หยางชิ่งยังมีจุดที่ใช้ประโยชน์ได้อยู่”
พอเหลือบมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดเงียบๆ เหมียวอี้ก็ทำสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ผลักนางออก แล้วบอกว่า “ถ้าไม่แสดงปฏิกิริยาตอบสนอง เขาก็จะนึกว่าการวางแผนทำร้ายพวกเราไม่ต้องจ่ายอะไรแลกเปลี่ยน จะลุกลามกลายเป็นมีเจตนาไม่ดี ถึงตอนนั้นเวยเวยก็จะพลอยลำบากเพราะเขาไปด้วย ต้องยับยั้งให้ทันเวลา!”
อวิ๋นจือชิวหัวเราะ แล้วถามว่า “กลัวเขาเหรอ?”
“เชอะ!” เหมียวอี้ทำเสียงดูถูก “ข้าจะกลัวเขาเหรอ? ข้าจะบีบจุดอ่อนเขายังไงก็ได้ มีแต่คนสมองหมูอย่างเจ้านั่นแหละที่โดนเขาหลอก!”
“ได้! ข้าโง่เหมือนหมูก็ได้ จบมั้ย?” อวิ๋นจือชิวดึงเขากลับมา กดให้เขานั่งลง แล้วใช้คำพูดดีๆ เกลี้ยกล่อมเขา “ในเมื่อเจ้าไม่กลัวเขา คิดว่าตัวเองควบคุมเขาได้ แล้วจะฆ่าเขาทำไมล่ะ? มีคนแบบนี้ไว้ข้างกายอันตรายจริงๆ แต่ก็มีความสามารถจริงๆ ในอนาคตต้องมีคราวที่เจ้าใช้ประโยชน์ได้แน่ ฟังคำแนะนำของข้าเถอะ ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ”
“เขาต้องการทำร้ายชีวิตเจ้า เจ้าไม่แค้นเขาเหรอ?” เหมียวอี้ถามนาง
อวิ๋นจือชิวถอนหายใจแล้วบอกว่า “น่าสงสารหัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ เขาเองก็คิดเพื่อเวยเวย ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเจ้า”
“เจ้าไม่คิดเหรอว่าเวยเวยรู้สถานการณ์อยู่ก่อนแล้ว?” เหมียวอี้ถามหยั่งเชิง
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า “จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนั้นเวยเวยตกอยู่ในมือเฟิงเป่ยเฉินแล้ว นางจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? ตอนนี้ข้ากังวลอีกเรื่องหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าหยางชิ่งสนใจหงเฉิน แต่เจ้ากลับจะรับหงเฉินเป็นอนุภรรยา แย่งความรักจากเขาไป เรื่องนี้ถ้าจัดการได้ไม่ดี ก็อาจจะทำให้หยางชิ่งเอาใจออกห่างขึ้นมาจริงๆ!”
หลังจากเหมียวอี้เงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนว่า “พี่สาม!”
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในนภาอู๋เลี่ยง ทำให้ทุกคนที่อยู่ทั้งในและนอกตำหนักมองมาทางนี้
เพิ่งจะสิ้นเสียง เงาคนคนหนึ่งก็ปรากฎอยู่นอกประตู อิงอู๋ตี๋เดินเข้ามา พยักหน้าทักทายอวิ๋นจือชิวก่อน แล้วถามเหมียวอี้ทันทีว่า “เจ้าห้า มีเรื่องอะไร?”
เหมียวอี้ยืนขึ้น แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “รบกวนพี่สามไปที่แดนเซียนสักเที่ยว ไปที่ตำหนักเจิ้นกุ่ย ปราสาทดำเนินธารา สายมะโรง พาหยางชิ่งมาพบข้าหน่อย!”
“หนิวเอ้อร์ เจ้าคิดจะทำอะไร?” อวิ๋นจือชิวตกใจ
เหมียวอี้มาสนใจ เพียงพยักหน้าให้อิงอู๋ตี๋ ยืนยันว่าต้องทำแบบนี้
อิงอู๋ตี๋เหลือบมองอวิ๋นจือชิว แล้วก็ถลันตัวออกไปทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
อวิ๋นจือชิวดึงเหมียวอี้มาต่อว่าต่อขาน มู่ฝานจวินก็มาหาด้วยตัวเอง พอเจอหน้าก็บอกทันทีว่า “หงเฉินตอบตกลงแล้ว มาคุยเรื่องวันแต่งงานกันสักหน่อย!”
เหมียวอี้ไม่สะดวกจะจัดการเรื่องนี้ อวิ๋นจือชิวทำได้เพียงวางเรื่องของหยางชิ่งไว้ชั่วคราว แล้วเชิญมู่ฝานจวินไปเจรจากันอีกด้าน
เดิมทีมู่ฝานจวินเองก็ไม่อยากจะปฏิบัติต่อหงเฉินอยากขาดความบุติธรรมเช่นกัน อยากจะจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ให้หงเฉิน แต่หงเฉินกลับอยากให้ทุกอย่างเรียบง่าย ไม่อยากให้จุกจิกวุ่นวายเกินไป ภายใต้ความดึงดันของนาง มู่ฝานจวินจึงทำได้เพียงตามใจนาง ไม่ฝืนใจนางอีก ตอนที่ปรึกษากับอวิ๋นจือชิวก็ย่อมเอ่ยว่าขอจัดงานอย่างเรียบง่าย
หลังจากคุยทุกอย่างเรียบร้อย กำหนดวันแต่งงานได้แล้ว มู่ฝานจวินก็พาหงเฉินกลับไปเตรียมตัวที่แดนโพ้นสวรรค์ ทิ้งจงเจิ้นไว้ที่นี่คนเดียว
เมือ่สังเกตเห็นว่ามู่ฝานจวินออกไปแล้ว พวกจีฮวนที่กำลังตื่นตัวไม่รู้ว่าทำไมมู่ฝานจวินถึงออกไปในเวลานี้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ทุกคนไปหาถึงที่ทันที
อวิ๋นอ้าวเทียนเป็นผู้นำ ปราชญ์ทั้งสี่มาหาพร้อมกัน พอเห็นเหมียวอี้ อวิ๋นอ้าวเทียนก็ถามทันทีว่า “จะออกเดินทางไปพิภพใหญ่เมื่อไร?”
เหมียวอี้กำลังเอียงอาย อวิ๋นจือชิวจึงออกหน้าตอบให้ ยิ้มอย่างสนิทสนมพร้อมบอกว่า “ไม่รีบหรอก หลังจากนี้ครึ่งเดือน ทุกคนดื่มสุรามงคลก่อนแล้วค่อยออกเดินทางก็ยังไม่สาย!”
“สุรามงคล?” ปราชญ์ทั้งสี่ประหลาดใจ มองหน้ากันเลิกลั่ก จีฮวนถามว่า “สุรามงคลอะไร? อย่าบอกนะว่ายังมีเรื่องมงคลอะไรอีก?”
เหมียวอี้ยกถ้วยน้ำชาบังหน้าอย่างขวยเขิน อวิ๋นจือชิวตบบ่าเหมียวอี้ แอบออกแรงมากพอ ตบจนน้ำชาในถ้วยของเหมียวอี้สั่นไหวกระเด็นออกมา แล้วตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “สามีขอข้าต้องการรับอนุภรรยาอีกสักคน รอรับเจ้าสาวเข้าบ้านก่อนแล้วค่อยเดินทางก็ยังไม่สาย”
สี่ปราชญ์สบตากันแวบหนึ่ง แล้วซือถูเซี่ยวก็ถามว่า “ไม่ทราบว่าจะแต่งงานรับผู้หญิงจากตระกูลไหน?”
“ทุกคนก็รู้จัก เทพธิดาหงเฉิน ศิษย์รักของมู่ฝานจวิน วันแต่งงานกำหนดให้เป็นฤกษ์มงคลในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้” อวิ๋นจือชิวตอบ
ในที่สุดทั้งสี่ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจู่ๆ มู่ฝานจวินจึงออกไปในเวลานี้ ที่แท้ก็เตรียมไปจัดงานแต่งงาน
เมื่อเจอกับเรื่องแบบนี้ ทั้งสี่ก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร นอกจากอวิ๋นอ้าวเทียน ปราชญ์คนอื่นๆ ก็บอกว่ายินดีด้วย จากนั้นก็ต่างคนต่างไปพร้อมความคิดอะไรบางอย่าง
ยังคงยกเว้นอวิ๋นอ้าวเทียน จีฮวนและคนอื่นๆ ออกจากนภาอู๋เลี่ยง ต่างคนต่างกลับไปยังอาณาเขตตัวเองอย่างรีบร้อน
ความเร็วของอิงอู๋ตี๋ยอดเยี่ยมจริงๆ ใช้เวลาครึ่งวันก็กลับมาถึงแล้ว มุ่งตรงไปจับหยางชิ่งจากตำหนักเจิ้นกุ่ยแล้วเรียกออกมาจากกระเป๋าสัตว์ แล้วโยนไว้ตรงหน้าเหมียวอี้โดยตรง
หยางชิ่งที่โดนผนึกวรยุทธ์ไว้ชั่วคราวตกลงพื้น พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวกำลังนั่งอยู่ เหมียวอี้กำลังจ้องเขาอย่างเย็นเยียบ!
อวิ๋นจือชิวส่งสายตาให้อิงอู๋ตี๋ อิงอู๋ตี๋จึงพยักหน้าเงียบๆ แล้วหันตัวเดินจากไป
“นายท่านเรียกมาด้วยธุระอะไร?” หยางชิ่งแสร้งกุมหมัดคารวะถามอย่างใจเย็น
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ท่านทำเรื่องอะไรไว้ยังต้องให้ข้าเตือนด้วยเหรอ? ใจกล้าไม่เบานะ บังอาจวางแผนทำร้ายฮูหยิน!”
ระหว่างทางที่ถูกจับมา ในหัวหยางชิ่งก็ครุ่นคิดไม่หยุด ทำให้พอจะเดาอะไรบางอย่างออกแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ ‘เชิญ’ เขามาด้วยวิธีการนี้หรอก ตอนนี้ก็ยิ่งแน่ใจแล้วว่าแผนร้ายแดงออกมา เขาเองก็เข้าใจ เรื่องผ่านมาจนป่านนี้ จะแก้ตัวอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว จึงใช้สองมือสะบัดชายเสื้อข้างหลัง นั่งคุกเข่าลงช้าๆ แล้วกล่าวอย่างสิ้นหวังว่า “ข้าน้อยเหมือนถูกผีร้ายดลใจไปชั่วขณะ หยางชิ่งยินดีรับโทษทุกอย่าง เพียงแต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเวยเวย หวังว่านายท่านจะไม่บอกเรื่องนี้ให้เวยเวยรู้ หยางชิ่งยินดีตายเพื่อชดใช้ความผิด!”
ถึงแม้จะแสดงท่าทีแบบนี้ แต่เขาก็ไม่กังวลเลยสักนิด ที่เขากล้าลองหยั่งเชิงในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพราะมั่นใจในสถานการณ์ แต่เป็นเพราะรู้จักนิสัยของอวิ๋นจือชิว รู้ว่าสามารถพูดโน้มน้าวให้อวิ๋นจือชิวใจอ่อนได้ เช่นเดียวกัน เป็นเพราะเขารู้นิสัยของเหมียวอี้ ขอเพียงมีฉินเวยเวยอยู่ ขอเพียงอวิ๋นจือชิวไม่เป็นอะไร เหมียวอี้ก็จะไม่ทำอะไรเขา
เขาวางตัวสุขุมเยือกเย็นมาตลอด ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่มั่นใจก็จะไม่ลงมือทำง่ายๆ หลังจากไตร่ตรองแล้ว ก็พบว่าเรื่องนี้มีสองด้าน หนึ่งก็คือแผนการสำเร็จและอวิ๋นจือชิวตาย ขอเพียงอวิ๋นจือชิวตายแล้ว ก็จะถือว่าตายอย่างไร้หลักฐาน ไม่มีใครรู้ว่าอวิ๋นจือชิวเต็มใจไปเป็นตัวประกันหรือไม่ เหมียวอี้ก็จะโทษเขาไม่ได้ สองก็คือแผนการล้มเหลว ขอเพียงอวิ๋นจือชิวไม่เป็นอะไร และเวยเวยยังอยู่ เหมียวอี้ก็ไม่ถึงขั้นทำเรื่องนี้ให้เด็ดขาดเกินไป
และยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ถ้าแผนการไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ มู่ฝานจวินก็คงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เรื่องนี้ก็อาจจะถูกฝั่งให้จมลงไป
ดังนั้นไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาเขาก็จะไม่เป็นะอะไรเลย ก่อนลงมือเขาได้ยืนอยู่ในจุดที่ไม่มีวันแพ้อยู่แล้ว ย่อมลงมือได้อย่างเด็ดขาด!
“ตาย? ท่านได้เปรียบเกินไปหน่อยแล้วมั้ง!” เหมียวอี้ยืนขึ้น แล้วแสยะยิ้มไม่หยุด “เรื่องลงโทษน่ะเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ท่านชอบเทพธิดาหงเฉินไม่ใช่เหรอ? ต่อไปก็ตัดใจเสียเถอะนะ เดี๋ยวข้าจะไปปรึกษามู่ฝานจวินสักหน่อย จะเอาหงเฉินมาเป็นอนุภรรยา!”
หยางชิ่งกระตุกมุมปากอย่างรุนแรง เงยหน้าขึ้นมอง เหมือนอยากจะตัดสินจากสีหน้าของเหมียวอี้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น!
เหมียวอี้พูดอย่างก้าวร้าวว่า “ทำไมเหรอ? ท่านมีความเห็นแย้งอะไรงั้นเหรอ? จะทวงความยุติธรรมให้เวยเวยสักหน่อยมั้ยล่ะ?”
“ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่มีความเห็นแย้งอะไร!” หยางชิ่งส่ายหน้ากล่าวอย่างขื่นขม เรียกได้ว่าเหมือนกลืนมะระขมลงคออย่างยากลำบาก
เงาร่างอรชรอ่อนช้อยที่สวมชุดกระโปรงสีแดงลอยลงมาจากฟ้าปรากฏขึ้นมาในหัวเขา แล้วสะท้อนกลับในดวงตาของเขา ดวงตาฉายแววเศร้าโศก
ตอนที่เขาถูกจับมาก็ได้คิดถึงความเป็นไปได้หลายทางเผื่อเอาไว้ แต่นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะใช้วิธีการต่ำช้าไร้ยางอายอย่างการแย่งความรักมารับมือกับเขา เขาพบว่าชาตินี้ตัวเองนับว่าล้มลงด้วยน้ำมือเจ้าเวรนี่แล้ว หลังจากได้สู้กับคนที่ไม่น่าเชื่อถือ แผนการของตนที่ครุ่นคิดมาอย่างดีก็ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิดพลาด อีกฝ่ายอยากจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้น ไม่รับมือกับแผนของเขาเลย
อวิ๋นจือชิวรีบหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาบังหน้า พบว่าผู้ชายของตัวเองไร้ยางอายเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้วิธีการแบบนี้มาจัดการหงเฉินกับหยางชิ่ง นี่เป็นการแย่งคนรักชัดๆ กลายเป็นจงใจทำโทษหยางชิ่งเพราะความผิดของหยางชิ่ง ต่ำช้าไร้ยางอาย วันนี้นับว่าได้เข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘เป็นโสเภณีแต่ยังจะสร้างซุ้มประตูให้ตัวเอง[1]!’
แค่นี้ยังไม่พอ จู่ๆ เหมียวอี้ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกน “ฉินซี!”
หยางชิ่งที่กำลังใจลอย พอได้ยินชื่อนี้ก็พลันเงยหน้ามองเขา ในดวงตาฉายแววหวาดระแวงกลัว ไม่รู้ว่าเหมียวอี้ยังจะทำอะไรอีก?
เขาเดาความคิดของเหมียวอี้ไม่ออกจริงๆ สรุปก็คือสู้สึกอกสั่นขวัญแขวน หัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ!
ผ่านไปครู่เดียว ฉินซีที่ได้ยินเสียงเรียกก็มาถึง พอเข้ามาในโถงแล้วเห็นหยางชิ่งที่กำลังคุกเข่า นางก็อึ้งไปชั่วขณะเช่นกัน หลังจากสบตากับหยางชิ่ง นางก็ก้าวขึ้นมาคำนับ “นายท่าน ฮูหยิน!”
เหมียวอี้บุ้ยปากไปที่ฉินซี แล้วบอกหยางชิ่งว่า “คนนั้นท่านไม่ต้องคิดถึงแล้ว คนนี้ล่ะ ท่านมองดูซิ หญิงม่ายเมียของเฟิงเป่ยเฉิน และเป็นคนรักเก่าของท่านเช่นกัน แต่งงานกับคนนี้แล้วกัน! ข้าให้ท่านรักการวางแผนและคิดการณ์ไกลต่อไป ครั้งนี้จะช่วยให้ท่านสมปรารถนาแล้วกัน แล้วก็จะกล่าวชมสักหน่อย จำเป็นต้องยอมรับว่าท่านคาดการณ์เก่งจริงๆ คาดการณ์ไว้แล้วว่าวันนี้นางจะได้กลายเป็นฮูหยินของท่าน ก็เลยไปแอบคบชู้กันไว้ล่วงหน้า นับถือ!”
“…” หยางชิ่งตกตะลึงอ้าปากค้าง
อวิ๋นจือชิวที่กำลังยกถ้วยน้ำชาอมลมในกระพุ้งแก้ม น้ำชาในปากแทบจะพุ่งออกมา
ฉินซีงุนงงเหมือนโดนหมอกลงสมอง ยังไม่ทันจะรู้ตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหมียวอี้ก็กล่าวเสียงเรียบแล้วว่า “ฉินซี ข้าตัดสินใจแล้ว จะให้ท่านแต่งงานกับหยางชิ่ง มีความเห็นแย้งอะไรรึเปล่า?”
ฉินซีสับสนวุ่นวายทันที รีบโบกมือบอกว่า “นายท่าน ข้าไม่ได้วางแผนจะแต่งงานอีก!”
ล้อเล่นอะไรกัน จะให้ตนแต่งงานกับหญิงม่ายเมียเก่าเฟิงเป่ยเฉินเหรอ! หลังจากหยางชิ่งตกตะลึง ก็รีกุมหมัดขอร้อง “นายท่านได้โปรดคืนคำสั่ง!”
เหมียวอี้หันกลับมาบอกอวิ๋นจือชิวที่กำลังถือถ้วยน้ำชาว่า “เจ้าไปด้วยตัวเองสักรอบ ไปเชิญฉินเวยเวยมาพบบิดามารดาที่แท้จริงสักหน่อย ให้ฉินเวยเวยตัดสินใจว่าจะให้สองคนนี้แต่งงานกันหรือไม่!”
…………………………
[1] เป็นโสเภณีแต่ยังจะสร้างซุ้มประตูให้ตัวเอง 婊子还立牌坊 อุปมาว่าทำเลวแต่ก็อยากให้ผู้คนนับถือ