พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1137 วิวัฒนาการ (2)
เหมียวอี้เหยียบพื้นลงก่อนก้าวหนึ่ง พอโบกฝ่ามือออกไป พลังอิทธิฤทธิ์ก็โหมซัดสาดออกมา ชนให้เฮยทั่นกระเด็นออกไปในแนวขวาง ตกลงกระแทกพื้นอย่างลีกเหลี่ยงไม่ได้
ตุ้บ! ผิวดินโดนกระแทกจนเกิดเป็นหลุม เฮยทั่นที่กลิ้งอยู่บนพื้นถือโอกาสลุกขึ้นมา ดวงตาสองข้างสีแดงเลือด เลี้ยวหันทะยานกีบเท้าพุ่งเข้ามาหาคนที่โจมตีมัน เป้าหมายของการโจมตีย่อมเป็นเหมียวอี้อยู่แล้ว
“โจรอ้วน!” เหมียวอี้ตะโกนเรียก แต่ไม่นานก็พบว่าเปลืองคำพูด ตอนนี้เฮยทั่นเหลือเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น มันจำเขาไม่ได้เลย
พรึ่บ! เหมียวอี้พุ่งขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว หนีไปแล้ว
ปั้ง! เฮยทั่นที่กีบเท้าทั้งสี่กระแทกพื้นอยู่พักหนึ่งพลันพุ่งขึ้นมา ภายใต้การโจมตีด้วยกีบเท้าที่แข็งแกร่งของมัน ผิวดินพังยุบลงไป ท่ามกลางผิวดินที่ระเบิดปลิวว่อน มันกระโดดขึ้นสูงประมาณสามร้อยจั้ง พลังกระโดดน่าตกใจมาก มันกำลังไล่สังหารเหมียวอี้ที่ทะยานขึ้นฟ้า
ความเร็วที่กระโดดขึ้นมาก็น่าทึ่งเช่นกัน เหมียวอี้แทบจะโดนมันชนแล้วจริงๆ อาศัยพลังชนโจมตีของเฮยทั่นในเวลานี้ ถ้าถูกชนขึ้นมาเกรงว่าจะทนรับได้ยาก เหมียวอี้ถลันตัวหลบไปด้านข้าง เฮยทั่นแทบจะเฉียดผ่านร่างกายเขาไป
เมื่ออยู่บนท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าพลังอันป่าเถื่อนของเฮยทั่นใช้ไม่ได้ผลแล้ว พลังกระโดดของมันก็ทำได้แค่ขึ้นลงเป็นเส้นตรง ไม่สามารถเเลี้ยวโค้งบนท้องฟ้าได้ ความเร็วของมันลดลงขณะอยู่กลางอากาศ ตัวมันวาดผ่านฟ้าเป็นแนวเส้นโค้งและตกลงกระแทกผิวดินอีกครั้ง
ปั้ง! ผิวดินถูกกระแทกเป็นหลุมลึก ฝุ่นดินปลิวว่อน
เหมียวอี้ยังเป็นห่วงว่ามันตกลงไปแบบนี้จะได้รับบาดเจ็บ ขณะกำลังจะลงไปดูว่ามันเป็นอย่างไร ใครจะคิดว่าเฮยทั่นจะกระโดดออกมาจากฝุ่นดินที่ตลบฟุ้งอีกครั้ง พุ่งโจมตีมาที่เขาราวกับลูกธนูที่ออกจากสาย
เหมียวอี้ถลันตัวหลบอีกครั้ง ทว่าเฮยทั่นให้ความรู้สึกเหมือนถ้าเขาไม่ตายก็จะไม่หยุด ขึ้นๆ ลงๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น เหมือนกับเป็นบ้าไปแล้ว เหมือนจิตใต้สำนึกของมันจำได้แค่ว่าคนคนนี้เพิ่งทำร้ายมันไป ต้องล้างแค้น!
อวิ๋นจือชิวกับจีเหม่ยลี่ที่หยุดลอยอยู่บนฟ้าสบตากันแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้ามองความเคลื่อนไหวข้างล่างต่อไป
“โจรอ้วน เจ้าช่างกล้า!” เหมียวอี้ที่อยู่ระดับต่ำกว่านั้นชี้ด่าเฮยทั่นที่ไม่รู้จักหยุดเสียที เขากางแขนสองข้างเหาะให้สูงขึ้นอีก แล้วหยุดอยู่ข้างกายผู้หญิงทั้งสองคน
เฮยทั่นที่กระโดดอยู่ด้านล่างสองครั้ง ในที่สุดก็ตัดใจแล้ว มันไม่สามารถกระโดดให้สูงถึงระดับที่เหมียวอี้กำลังลอยอยู่ได้ กระโดดไปกระโดดมาก็มีแต่ตัวเองที่ล้มเจ็บ
แต่มันก็ยังไม่มีทางหยุดได้ ทรมานเหมียวอี้ไม่ได้ก็ทรมานตัวเอง กลิ้งเกลือกอยุ่บนพื้นไม่หยุด ทั้งตัวเหมือนมีพลังงานที่ใช้ไม่หมด
เหมียวอี้ที่ลอยอยู่บนฟ้าเห็นแล้วขมวดคิ้วมุ่น หันกลับมาถามว่า “เหม่ยลี่ เจ้าแน่ใจนะว่ามันกำลังวิวัฒนาการ? วิวัฒนาการต้องทรมานแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“ข้าแน่ใจได้ว่าวิวัฒนาการ เพียงแต่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าเจ้าจะให้ข้าอธิบายแบบละเอียด ข้าก็พูดไม่ได้เหมือนกัน” จีเหม่ยลี่ตอบ
ดังนั้นจึงทำได้เพียงรอคอย หลังจากรอได้ครึ่งชั่วยาม จู่ๆ เฮยทั่นก็กระโดดขึ้นมา แล้วปลดปล่อยความเร็วของเท้าทั้งสี่ให้วิ่งตะบึง
สามคนที่อยู่บนท้องฟ้าขยับตัว ไล่ตามไปทันที
ทั้งสามกำลังเหาะตามมันอยู่บนท้องฟ้า เฮยทั่นกำลังตำซ้ายชนขวาอยู่บนพื้นดิน เมื่อเจอแม่น้ำก็ข้ามผ่านไป ต้นไม้ถูกกชนกระเด็นอย่างง่ายดาย ภูเขาและก้อนหินที่ขวางพังถล่มเหมือนดาวตก เมื่อเจอภูเขาก้อนใหญ่ กีบเท้าทั้งสี่ก็ก้าวข้ามไปอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ สลักเส้นทางที่วิ่งผ่านไว้บนผิวดินอย่างชัดเจน รุนแรงเกินต้าน มีความเร็วที่น่าทึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าทั้งสามที่เหาะอยู่บนฟ้าจะต้องเคี่ยวเข็ญความเร็วตามมัน
โชคดีที่วิ่งอยู่บนพื้นดิน จึงถูกจำกัดด้วยสภาพทางภูมิศาตร์ ถ้ามันกำลังวิ่งตะบึงอยู่บนพื้นราบ ทั้งสามจะต้องตามความเร็วของมันไม่ทันแน่นอน เหมียวอี้ทั้งตกตะลึงทั้งตื่นเต้นดีใจ
“แย่แล้ว! มันวิ่งกลับไปอีกแล้ว!” อวิ๋นจือชิวพลันตะโกนบอก
พอเหมียวอี้กับจีเหม่ยลี่มองดูทิศทาง ก็พบว่าแย่แล้วจริงๆ เฮยทั่นกำลังวิ่งไปทางตลาดสวรรค์
เหมียวอี้ก้มหน้ากวาดมองพื้น แล้วจู่ๆ ก็ลดระดับในการเหาะให้ต่ำลง เหาะขนาบไปกับพื้นเพื่อถือโอกาสช้อนหินก้อนใหญ่มาไว้ในมือ รีบไล่ตามเฮยทั่นให้ทัน แล้วทุ่มก้อนหินเข้าไป
โครม! เฮยทั่นที่โดนกระแทกกลิ้งอยู่บนพื้นสูญเสียการควบคุมความเร็ว ป่าไม้ถูกชนโค่นจนล้มราบเป็นวงกว้างตลอดทาง พอกระโดดขึ้นมาก็เลี้ยวทะยานพุ่งชนไปทางเหมียวอี้อีกครั้ง ห้าวหาญดุร้ายไม่ธรรมดา!
เหมียวอี้รีบหลบออกไป ล่อให้มันไปยังทิศทางตรงกันข้าม หลังจากเปลี่ยนทิศทางวิ่งตะบึงของเฮยทั่นได้แล้ว เขาถึงได้ลอยสูงขึ้นจนเฮยทั่นทำอะไรไม่ได้
รอจนกระทั่งเฮยทั่นก้มหน้าวิ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง เหมียวอี้และคนอื่นๆ ถึงได้ตามหลังมันไป
อาจเป็นเพราะเฮยทั่นเคลื่อนไหวรุนแรงตลอดทาง ในป่าภูเขาไกลๆ จึงมีนักพรตหลายคนโผล่ออกมา ลอยขึ้นฟ้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเห็นอาชามังกรตัวหนึ่งที่วิ่งตะบึงด้วยความเร็วขนาดนี้ ถ้าจะไม่ให้คิดว่าเป็นของล้ำค่าก็คงยาก จึงมีคนสะบัดตาข่ายออกมาทันที ส่วนคนอื่นๆ ก็ถืออาวุธพุ่งเข้ามาพร้อมกัน มีท่าทีว่าจะปล้นแย่งพวกเหมียวอี้
จีเหม่ยลี่ที่จูงมือเหาะอยู่กับอวิ๋นจือชิวเห็นสถานการณ์แล้วทำหน้าเครียด ขณะกำลังจะเตรียมต่อสู้ ใครจะคิดว่าอวิ๋นจือชิวจะกล่าวเสียงเรียบว่า “ที่นี่คือดาวเทียนหยวน โจรกระจอกพวกนี้ไม่กล้าสู้กับผู้ชายของเจ้าหรอก!”
พอเหมียวอี้ที่กำลังจ้องดูข้างหน้าพลิกฝ่ามือ หมอกสีม่วงกลุ่มหนึ่งก็พ่นออกมา ชั่วพริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นเกราะรบสีม่วงคลุมใส่ร่างกาย
กลุ่มคนที่พุ่งเข้ามาข้างหน้า เมื่อเห็นเกราะรบตำหนักสวรรค์ของแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบ ก็พากันตกใจทันที
เหมียวอี้โบกมือชี้ ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะคอกเสียงต่ำว่า “หนิวโหย่วเต๋ออยู่นี่ ใครขวาง ตาย!”
ที่ดาวเทียนหยวน ชื่อนี้ช่างเป็นชื่อที่บรรยายเจ้าของชื่อได้ดี!
กลุ่มคนที่พุ่งเข้ามาตกใจแทบแย่ คนที่สามารถเกราะรบแม่ทัพแบบนี้ได้ ที่ดาวเทียนหยวนมีอยู่ไม่เยอะ คนที่สวมเกราะรบแม่ทัพทั้งยังชื่อหนิวโหย่วเต๋อ ก็มีเพียงผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์เท่านั้น พวกเขาไม่สงสัยแล้ว ถลันตัวหลีกทางเป็นสองฝั่งอย่างลุกลี้ลุกลน แล้วหนีไปทางซ้ายและขวาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง มีบางคนเอาแขนเสื้อบังหน้าขณะหลบหนีด้วย เหมือนกลัวว่าเหมียวอี้จะจำหน้าได้
ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาแล้ว วันนี้จีเหม่ยลี่นับว่าได้เห็นอำนาจบารมีของเหมียวอี้กับตาตัวเอง แค่ประกาศชื่อออกมาก็ทำให้คนหนีโดยที่ยังไม่แน่ใจว่าจริงหรือปลอมด้วยซ้ำ จะเห็นได้ว่ามีอำนาจคับฟ้าที่ดาวเทียนหยวนจริงๆ!
เหมียวอี้เองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจกลุ่มโจรที่ขวางทาง สาเหตุหลักเป็นเพราะกำลังสนใจเฮยทั่นอยู่ การเปลี่ยนแปลงบนตัวเฮยทั่นเริ่มทำให้เขากังวลแล้ว
ภายใต้การพุ่งชนตลอดทาง บนตัวของเฮยทั่นแทบจะเต็มไปด้วยเลือด ไม่น่าเชื่อว่าผิวหนังที่แข็งแรงทนทานจะเต็มไปด้วยรอยแยก ทุกที่มีเม็ดเลือดซึมออกมา
หัวชนจนบวมเป็นซาลาเปา แต่ไม่นานเหมียวอี้ก็พบว่ามันไม่ใช่ซาลาเปาอะไรเลย แต่เป็นอะไรบางอย่างที่งอกนูนขึ้นมาบนยอดหัวของเฮยทั่น ดันผิวหนังที่ทนทานขึ้นมาสองจุดอย่างเห็นได้ชัดเจน
ตามการวิ่งตะบึงที่รวดเร็วของเฮยทั่น การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติบนตัวมันก็ยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สามคนที่เหาะตามหลังจ้องไม่ละสายตา
หัวไม่ได้นูนบวมเพราะชนกระแทก ทั้งหัวกำลังขยายใหญ่ ร่างกายกำลังขยายใหญ่ ขาทั้งสี่กำลังขยายใหญ่ หางของมันขยายตัว รอยแยกบนตัวมันยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ ผิวหนังที่ทนทานจนอาวุธแทบจะฟันแทงไม่เข้ากำลังปริแตกต่อหน้าต่อตา ทำให้คนตกตะลึงพรึงเพริด
หัวเหมือนกำลังแบกซาลาเปาลูกใหญ่ ทั้งตัวผิดรูปร่างไปหมด มองไม่เห็นสภาพตอนเป็นอาชามังกรแล้ว…
ปั้ง! เสียงระเบิดดังอย่างรุนแรง เฮยทั่นใช้หัวชนหินก้อนใหญ่ที่ขวางข้างหน้าจนแตกพัง ตอนที่พุ่งออกมา หัวที่นูนขึ้นมาเหมือนซาลาเปาและมีรอยแยกได้แตกออกหมดแล้ว เขาสองแท่งที่ยาวเท่าแขนเผยออกมา เป็นเขาสีดำที่ย้อมไปด้วยเลือดสดสีแดง!
พวกเหมียวอี้ตกใจมาก มีเขางอกออกมาแล้ว ในที่สุดก็มั่นใจได้เต็มที่แล้วว่าเฮยทั่นกำลังวิวัฒนาการ!
การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ขาใหญ่หยาบทั้งสี่ที่กำลังวิ่งตะบึงพลันหักลง กีบเท้าที่ใหญ่เท่าหม้อดินพลันพลิกไปข้างหลัง ผิวหนังบนกีบเท้าปริแตก กรงเล็บแดงสดโผล่ออกมา กีบเท้าที่พังแล้วโดนลากวิ่งตะบึงอยู่ข้างหลังเท้าที่มีเล็บแหลมตลอดทาง
ภาพยามกรงเล็บหนึ่งข้างกับกีบเท้าสามข้างกำลังวิ่งตะบึงนั้นดูไม่เข้ากันสุดๆ!
แต่ภาพนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว กีบเท้าอีกสามข้างที่เหลือทยอยกันหักลง เท้าที่มีเล็บแหลมปรากฏออกมาทีละข้าง
เสียงกีบเท้าวิ่งที่ดังเหมือนฟ้าผ่าหายไป สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความปราดเปรียวแข็งแร็ง การเคลื่อนไหวไม่น่าตกใจอีกต่อไป แต่เวลาวิ่งจะมีลมกระพือขึ้นมา พวกเหมียวอี้ที่เบิกตากว้างมองตามอยู่ข้างหลังรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงกระแสลมที่ผิดปกติ
ตอนที่กรงเล็บทั้งสี่แข่งกันเดิน กีบเท้าพังที่โดนถ่วงลากอยู่หลังกรงเล็บแหลมก็โดนเหยียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายใต้การโดนเหยียบหลายครั้ง เสียงฉีกดึงดังขั้นติดต่อกัน ผิวหนังบนร่างกายที่เต็มไปด้วยรอบปริแตก ในที่สุดก็ทนโดนดึงไม่ไหว ผิวบนร่างกายเริ่มโดนดึงออกเป็นวงกว้าง
ส่วนหัวที่ชนกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า ภายใต้ผลกระทบจากแรงภายนอก ผิวส่วนหัวถูกดึงออกก่อนเป็นอย่างแรก เผยใบหน้าสัตว์ป่าดุร้ายที่มีกระดองนูนออกมา ดวงตาสิงโตสีแดงเลือด เขากวางแยกออกจากกัน ทั้งหัวที่ใหญ่โตเป็นกระดองแข็งแรงสีดำที่ย้อมไปด้วยเลือด ขากรรไกรรวมทั้งส่วนคอมีขนสีดำที่ย้อมด้วยเลือด
ผิวหนังที่ลากพื้นกำลังโดนกรงเล็บเหยียบไม่หยุด ปริแตกเผยร่างจริงที่อยู่ใต้ผิวออกมาเรื่อยๆ เกราะเกล็ดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือเริ่มปรากฏจากคอลงมาข้างล่าง ปรากฏหนาแน่นราวกับเกล็ดปลา สุดท้ายก็เหลือแค่ส่วนหางที่โดนผิวครอบหนึ่งชั้น มันวิ่งลากผิวที่โดนลอกจากทั้งร่างไว้ข้างหลัง
พื้นไม่เสมอกัน สภาพทางภูมิศาสตร์ก็เปลี่ยนบ่อยเช่นกัน ผิวลอกคราบที่เต็มไปด้วยรอยปริแตกถูกลากดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายใต้สภาพทางภูมิศาสตร์ที่ซับซ้อน สุดท้ายผิวกำพร้าทั้งหมดถูกดึงลงมาจากส่วนหาง โดนแขวนไว้บนพุ่มไม้หนามพร้อมกับรอยเลือด
หางที่หยาบหนาเท่าต้นขา มีความยาวครึ่งจั้ง เต็มไปด้วยเกล็ดสีดำ มีขนสีดำที่ปลายหางกำลังกวัดแกว่งอยู่ข้างหลังเฮยทั่นแล้ว
เกราะเกล็ดบนตัวเฮยทั่นที่ดิ้นรนหลุดพ้นจากพันธนาการค่อยๆ ส่อเค้าเปิดปิด พอกางขึ้นนิดเดียวก็มีลมพัด ฝีเท้าของเฮยทั่นก็ยิ่งเบาและปราดเปรียวขึ้นเช่นกัน ค่อยๆ หลุดพ้นจากจังหวะการวิ่ง มีแนวโน้มไปทางกระโดดสูง แล่นอยู่ระหว่างแนวภูเขาด้วยความเร็วที่เหมือนกะพริบแสง เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าเฮยทั่นยังปรับตัวกับวิธีการเดินทางแบบนี้ไม่ได้
ชั่วพริบตาเดียว เกราะเกล็ดที่เปื้อนไปด้วยเลือดข้นเหนียวก็กางออกทั้งหมด เฮยทั่นที่มีลมกระพืออยู่ใต้เท้าสั่นหัวส่ายหางหนีอยู่บนท้องฟ้า ครั้งนี้ไม่ใช่การดีดตัวกระโดดขึ้นมา แต่เป็นการส่ายร่างกายเบาๆ เหาะอยู่กลางอากาศ
ยังคงไม่คุ้นชิน ร่างกายที่กำลังเหาะพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่บ่อยครั้ง เอียงไปเอียงมาอยู่เป็นระยะ ความเร็วแบบนั้นยังสู้ตอนวิ่งบนพื้นไม่ได้
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังทำให้สามคนข้างหลังที่ไล่ตามสังเกตขั้นตอนการวิวัฒนาการอยู่ตลอดเบิกตากว้างจ้องแบบไม่กะพริบตา พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง บนใบหน้าเหมียวอี้เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความประหลาดใจปนดีใจ โจรอ้วนเหาะได้แล้ว!
ถึงแม้ท่าเหาะจะดูอัปลักษณ์มาก เหาะเอียงไปเอียงมา แต่เหมียวอี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องด้วยความดีใจ “รีบมาดูสิ! โจรอ้วนเหาะได้แล้ว!”
ผู้หญิงทั้งสองกำลังมองด้วยความอึ้ง ไม่ต้องให้เขาเตือนหรอก
ปรับตัวเรื่องการเหาะได้เร็วมาก ใช้เวลาไปไม่นาน เฮยทั่นก็สามารถอาศัยการแกว่งหางเพื่อควบคุมสมดุลในการเหาะได้แล้ว ตามการเรียนรู้เคล็ดลับการเหาะ มันก็ยิ่งเหาะเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทิ้งระยะห่างกับสามคนที่เหาะตามหลังไปแล้ว เหมียวอี้ไล่ตามไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง อวิ๋นจือชิวจูงจีเหม่ยลี่อยู่ข้างหลัง ในที่นี้จีเหม่ยลี่วรยุทธ์ต่ำสุด มีแค่ระดับบงกชทองขั้นหนึ่งเท่านั้น
สุดท้าย เหมียวอี้ก็ทำได้แค่มองตามอยู่ข้างหลังเฮยทั่น เหาะตามไม่ทันมันเลย
บังเอิญว่าข้างหน้าปรากฏมหาสมุทรกว้างใหญ่สีเขียวมรกต เฮยทั่นที่เหาะอยู่บนฟ้าพลันเหาะลงข้างล่าง โครม! ละอองน้ำพุ่งขึ้นฟ้า เอาหัวมุดลงทะเลไปแล้ว
เหมียวอี้ตามหลังมาติดๆ เดิมทีคิดจะตามลงไปดูในทะเลว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ใครจะคิดว่าผิวทะเลจะสั่นไหวอีกครั้ง เฮยทั่นฝ่าคลื่นพุ่งขึ้นฟ้า พอเหาะวนอยู่บนฟ้าพักหนึ่งก็พุ่งลงทะเลไปอีก จากนั้นก็เห็นมันปลุกลมสร้างคลื่นอยู่ที่ผิวทะเล พลิกตัวเล่นคลื่นไม่หยุด
ภาพนี้ไม่เหมือนท่าทางเจ็บปวดทรมานอย่างตอนแรก แต่เหมือนกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน
เหมียวอี้เหยียบลงบนชายหาด อวิ๋นจือชิวและจีเหม่ยลี่ที่ตามมาทีหลังก็ลงมาด้วยเช่นกัน พวกนางยืนอยู่ทางซ้ายและขวาของเขาพลางทอดสายตามองดูฟองคลื่นที่โหมซัดสาดบนผิวทะเล
…………………………