พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1145 คนรักลับๆ
ธาราเมฆรินไหล บ้านเซียนในดินแดนมหัศจรรย์ จวนถ้ำที่หวังเยี่ยนถงมาเปลี่ยนเวรเฝ้า บรรยายออกมาได้เพียงเท่านี้
ในร่มของต้นสนโบราณนอกจวนถ้ำ ใช้หินที่สลักเป็นกระดานมหมากล้อมมาทำเป็นโต๊ะ เห็ดท้องถิ่นชนิดต่างๆ ถูกนำมาปรุงอย่างพิถีพิถันและวางไว้บนโต๊ะ ไก่ฟ้าตุ๋นหลิงชาน ตะขาบตัวใหญ่เท่าแขนเด็กที่นำไปย่างแล้วเลาะเปลือกเอาเนื้อขาวนุ่มมาผัดใส่น้ำแกง กลิ่นหอมอบอวล รสชาติยอดเยี่ยมจนบรรยายไม่ออก แล้วก็มีสุราหลิงชานด้วย
ทั้งสี่นั่งล้อมโต๊ะกัน ชูจอกสุราพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ลมพัดอ่อนๆ เห็นปุยเมฆรอบๆ พรั่งพรูราวกับคลื่น สัตว์ปีกบินร่อนวนเวียนไปมา ห่างออกไปไม่กี่จั้งมีรุ้งสายหนึ่งที่อยู่ใกล้จนสามารถมองเห็นได้ ภาพฉากนี้ควรค่าแก่การมัวเมาจริงๆ
ในระหว่างที่รับประทานอาหาร หวังเยี่ยนถงถามถึงที่มาที่ไปของเหมียวอี้และหวงฝู่จวินโหรวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหมียวอี้พูดไปส่งเดชว่าเป็นนักพรตอิสระจากดาววิงวอนชีพ แล้วหวังเยี่ยนถงก็ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอีก
ทางฝั่งเหมียวยังไม่ทันพูดอะไร หวงฝู่จวินโหรวก็พูดออกมาตรงๆ แล้วว่า “สามีภรรยา!”
“อุบ…แค่กๆ!” เหมียวอี้แทบจะพ่นสุราในปากออกมา แบบนี้กะทันหันเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าหวงฝู่จวินโหรวจะพูดแบบนี้ได้ แทบจะทำให้เขาสำลักตาย
จงหลีค่วยเหล่ตามองทั้งสอง ในปากกำลังอมสุราจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา
หวงฝู่จวินโหรวเหล่ตามองเหมียวอี้ “ทำไมล่ะ? หรือว่าข้าพูดอะไรผิดไป?”
เหมียวอี้รีบโบกมือให้หวังเยี่ยนถง “ท่านอย่าไปฟังนางพูดเหลวไหล ข้าเอื้อมปีนป่ายไม่ถึงหรอก”
หวังเยี่ยนถงงุนงง นึกในใจว่าสองคนนี้พูดจริงหรือล้อเล่นกันแน่ ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้พูดแบบนี้แล้ว ทว่าเจ้าหนุ่มนี้กลับปฏิเสธ เขาถึงได้มองจงหลีค่วยด้วยแววสงสัย กำลังถามหาคำตอบ
“พี่หวังอย่าถามข้าเลย ข้าเองก็ไม่รู้ชัดเหมือนกัน ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ไม่ค่อยชัดเจนอยู่แล้ว โบราณกล่าวว่าไว้ว่า เรื่องในครอบครัวสลับซับซ้อน แม้แต่ขุนนางที่สุจริตก็ยังโต้แย้งผิดถูกได้ยาก เรื่องแบบนี้ท่านกับข้าอย่าเข้าไปยุ่งเลย” จงหลีค่วยกล่าว
“พูดถูกแล้ว!” หวังเยี่ยนถงกล่าวกลั้วหัวเราะ แล้วยกจอกสุรา “หมดจอก!”
เหมียวอี้ที่ชูจอกสุราแอบถลึงตาจ้องหวงฝู่จวินโหรวอย่างดุร้าย พบว่าผู้หญิงคนนี้บ้าระห่ำเกินไปจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะพูดแบบนี้ต่อหน้าฝูงชน ส่วนหวงฝู่จวินโหรวก็โค้งมุมปากทำสีหน้าหยอกล้อ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
หลังจากดื่มสุราเสร็จ ก็เก็บจานชามออกไป เผยกระดานหมากล้อมบนโต๊ะออกมา หวังเยี่ยนถงเป็นฝ่ายเชิญ “ไม่ทราบว่าฝีมือการเล่นหมากล้อมของพี่เหมียวเป็นอย่างไร?” ความหมายที่อยู่ในคำพูดก็คือต้องการจะประลองหมากล้อมกับเหมียวอี้สักหน่อย
หวงฝู่จวินโหรวค่อนข้างเฝ้าคอย ไม่เคยเห็นเหมียวอี้เล่นหมากล้อมมาก่อน
พอพูดถึงหมากล้อม นี่ก็คือแผลเป็นที่อยู่ในหัวใจเหมียวอี้จริงๆ คนอื่นเขาดื่มสุราแล้วทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิง แต่เขาเล่นหมากล้อมแล้วทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิง ตั้งแต่อวิ๋นจือชิวถือกระบี่เล่นหมากล้อมปลุกให้เขาได้สติ เขาก็ไม่เคยแตะต้องสิ่งนี้อีกเลย จึงโบกมือปฏิเสธทันที “ข้าเล่นหมากล้อมไม่เป็นหรอก แต่ข้าเคยเห็นหวงโหรวเล่น พี่หวังประลองกับหวงโหรวดูสักหน่อยก็ได้” เขาอยากจะอาศัยโอกาสนี้ดักหวงฝู่จวินโหรวไว้ที่นี่ แล้วตัวเองจะได้ออกไปเดินดูให้ทั่วทุกที่
หวังเยี่ยนถงย่อมตาเป็นประกายอยู่แล้ว การเล่นหมากล้อมกับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้เป็นเรื่องที่ทำให้จิตใจเบิกบาน แต่ใครจะคิดว่าหวงฝู่จวินโหรวจะโบกมือบอกว่า “เขาเป็นคนปากไม่ตรงกับใจมาตลอด ข้าเล่นหมากล้อมไม่เป็นเลย เขาพูดเหลวไหลจะตาย”
ทั้งสองปฏิเสธ แต่ในเมื่อเจ้าบ้านเชิญชวนแล้ว จงหลีค่วยก็ทำได้เพียงเล่นเอง
“พวกท่านค่อยๆ เล่นกันไปนะ ข้าเพิ่งนี่เป็นครั้งแรก อยากจะชื่นชมทิวทัศน์ของที่นี่สักหน่อย” เหมียวอี้ยืนขึ้นเตรียมจะทำธุระของตัวเอง
“ดูเฉยๆ นะ อย่าไปแตะต้องต้นหลิงชานที่ปลูกไว้ซี้ซั้วล่ะ” จงหลีค่วยเหล่ตากล่าว
เหมียวอี้กลอกตามองเขา “สภาพข้าเหมือนคนเป็นโจรเหรอ?”
หวังเยี่ยนถงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “สหายของปราสาทดำเนินนภาไม่ทำอะไรชั่วช้าอย่างนั้นแน่นอน พี่เหมียวเชิญตามสะดวก” จากนั้นก็โยนป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งให้เหมียวอี้อีก “ศิษย์ของสำนักนี้อาจจะไม่รู้สักพี่เหมียว ถ้าบังเอิญพบแล้วเกิดความลำบากขึ้น ก็เผยป้ายคำสั่งของข้าได้”
แบบนี้ดีเลย! เหมียวอี้กุมหมัดขอบคุณทันที แต่ใครจะคิดว่าหวงฝู่จวินโหรวจะยืนขึ้นเช่นกัน “ข้าก็จะออกไปดูกับเจ้าด้วย”
เหมียวอี้อยากจะแยกกับนางใจจะขาด จะอยากพานางไปด้วยได้อย่างไร กล่าวพร้อมสีหน้าบึ้งตึงทันที “ข้าจะเดินดูของข้า เจ้าก็เดินดูของเจ้า หนทางกว้างใหญ่ ต่างคนต่างเดิน” พอนึกถึงคำพูดเมื่อครู่นี้ของนาง เขาก็โมโหมาก
หวงฝู่จวินโหรวเลิกคิ้วเบาๆ “ดาวดำเนินเซียนไม่ใช่บ้านของเจ้าเสียหน่อย ข้าอยากจะไปไหนก็เรื่องของข้า เจ้าควบคุมได้เหรอ?”
หวังเยี่ยนถงพูดไม่ออก นับว่ามองออกแล้ว ทั้งสองคนค่อนข้างไม่ลงรอยกัน จึงหันกลับมามองจงหลีค่วย เจ้าตัวส่ายหน้าไม่พูดอะไรเหมือนกัน แสดงท่าทีว่าไม่อยากล่วงเกินทั้งสองฝ่าย
“สรุปว่าอย่าตามข้ามาก็พอ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” เหมียวอี้ชี้จมูกนางพร้อมกล่าวเตือน แล้วหันตัวกระโจนไปในทะเลเมฆใต้หน้าผา
“เชอะ!” หวงฝู่จวินโหรวพ่นเสียงดูถูก แล้วกระโดดตามลงไปโดยตรง นางไม่ได้ถูกตบตบเรื่องจุดประสงค์ที่มาที่นี่เหมือนกับจงหลีค่วย ดังนั้นจึงไม่เชื่อเลยว่าเหมียวอี้มาไกลขนาดนี้เพื่อชื่นชมทิวทัศน์ เตรียมจะจับตาดูเหมียวอี้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“ทำไมข้ารู้สึกเหมือนสองคนนั้นเป็นศัตรูกันล่ะ?” หวังเยี่ยนถงกล่าวอย่างรู้สึกขำ
“ไม่ใช่เรื่องของท่านกับข้า เล่นหมากล้อม! ลงหมาก!” จงหลีค่วยถอนหายใจ คิดไม่ตกนิดหน่อยว่าทำไมเหมียวอี้ถึงไปกับหวงฝู่จวินโหรวได้ ถ้าเขาจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้ร่วมมือกับปีศาจโลหิตเล่นงานเหมียวอี้จนเกือบตาย
เมฆหมอกกันแยกแสงแดดส่วนใหญ่เอาไว้ แสงอึมครึมอยู่ภายใต้เมฆหมอก บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้เจอแสงแดด พืชพรรณที่อยู่ใต้เมฆหมอกจึงเติบโตอย่างประหลาดเล็กน้อย บนใบไม้เต็มไปด้วยหยดน้ำ พื้นดินเปียกชุ่ม
พืชจำพวกตะไคร่น้ำมีเยอะเป็นพิเศษ เห็ดสีสันต่างๆ ก็ยิ่งมีให้เห็นทุกที่ สถานที่แบบนี้คือสวรรค์ของพืชพรรณประเภทนี้
ตามที่จงหลีค่วยบอก ดาวดำเนินเซียนไม่มีฝนตก แต่ปริมาณน้ำอุดมสมบูรณ์มาก ทุกที่ระหว่างภูเขามีน้ำไหลมารวมกันเป็นล้ำธารน้อยใหญ่ รินไหลใสเย็นอยู่ตามซอกภูเขา เหล่าปลาแหวกว่ายเล่นกันในนั้นอย่างสนุกสนาน
เมื่อเดินอยู่ระหว่างภูเขาของที่นี่ ใบหน้ารู้สึกได้ถึงความเย็นสบายของละอองฝน อากาศชื้นเกินไปจริงๆ ผ่านไปครู่เดียวเสื้อผ้าก็เปียกแล้ว จำเป็นต้องร่ายอิทธิฤทธิ์ทำให้แห้ง
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่ารำคาญที่สุด สิ่งที่ทำให้เหมียวอี้รำคาญใจที่สุดก็คือ เขาวรยุทธ์ไม่สูงเท่าหวงฝู่จวินโหรว พอโดนผู้หญิงคนนี้ตามติด ตัวเองก็ปลีกตัวหนีได้ยาก อีกฝ่ายตามก้นเจ้าอยู่ ถ้ารู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดคำว่า “สามีภรรยา” ออกมาต่อหน้าฝูงชนได้ ต่อให้ตีให้ตายเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้นางตามมาที่ดาวดำเนินเซียน
พอหยุดอยู่ริมลำธารระหว่างภูเขา เหมียวอี้ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดมองไปรอบๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคน ถึงได้หันตัวมาบอกว่า “อย่าคิดว่าการที่ข้ายอมถอยให้แปลว่าข้าถูกรังแกได้ง่ายๆ นะ ถ้าเจ้าอยากจะเปิดเผยเรื่องนี้ งั้นก็เปิดเผยไปได้เลย ตั้งแต่นี้ไปพวกเราไม่เกี่ยวข้องกันเหมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง!”
“ข้าไม่ได้อยากจะเปิดเผยนะ!” หวงฝู่จวินโหรวกล่าวอย่างแปลกใจ
“…” เหมียวอี้รู้สึกเหมือนใกล้จะประสาทเสีย ถามอย่างดุดันว่า “แล้วเจ้าพูดต่อหน้าคนอื่นทำไมว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากัน?”
“ถึงอย่างไรเจ้ากับข้าก็ใช้ชื่อปลอม จะกลัวอะไร” หวงฝู่จวินโหรวกล่าวขึ้นมาคล้องแขนเขาโดยตรง
เหมียวอี้กลับใจดำอำมหิตกับนาง กลัวว่าจะหลบไม่ทัน ขณะที่หันซ้ายหันขวากลัวคนจะมาเห็น ก็รีบดึงแขนเสื้อทั้งผลักทั้งกัน
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ หวงฝู่จวินโหรวก็โมโหแล้ว ดึงแขนเขามากอดไว้แน่นตรงหน้าอกตัวเอง พร้อมถามว่า “เจ้าทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
เสียงดังมากพอ ทำให้เหมียวอี้ตกใจแทบแย่ แต่ไม่ใช่เพราะกลัวนาง เขาแค่กลัวว่าคนอื่นจะมาได้ยิน รีบตะคอกถามเสียงต่ำว่า “เจ้าเบาๆ หน่อยไม่ได้รึไง?”
“หนิว…เหมียวอี้ ข้าว่าพวกเราต้องมาคุยกันดีๆ สักหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดี พวกเราต้องทำความสัมพันธ์ระหว่างเราให้ชัดเจน ข้าตามเจ้ามาครั้งนี้ก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นตอนอยู่ที่ตลาดสวรรค์เจ้าก็หลบข้าตลอด!” หวงฝู่จ้องเขาพร้อมกล่าวเสียงดังฟังชัด
การที่นางพูดแบบนี้กลับเป็นสิ่งที่เหมียวอี้หวัง อยากจะทำความสัมพันธ์ของทั้งสองให้ชัดเจนจริงๆ จึงพยักหน้าบอกว่า “ข้าก็มีเจตนาแบบนี้เหมือนกัน วันนี้พวกเรามาพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน”
“ดี!” หวงฝู่ปล่อยแขนเขาแล้ว มายืนอยู่ตรงข้ามเขาแล้วบอกว่า “ข้าถามเจ้าหน่อย ก่อนที่เจ้ากับข้าจะเกิดความสัมพันธ์กันแบบนั้น ข้าก็ไม่ได้มาเกาะแกะพัวพันอยู่กับเจ้าใช่มั้ยล่ะ? ตอนแรกเป็นใครกันที่ฝืนพาข้าขึ้นเตียงทั้งๆ ที่ข้าขัดขืน?”
“…” เหมียวอี้พูดไม่ออกทันที อ้าปากค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า “พูดเรื่องในอดีตอีกก็ไม่มีความหมายอะไร พวกเราพูดถึงตอนนี้ก็พอ ถ้าอยากจะจัดการให้ชัดเจนก็จัดการเฉพาะเรื่องตอนนี้!”
“ถ้าไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แล้วจะจัดการให้ชัดเจนได้ยังไง? ถ้าไม่มีมูลจะจัดการให้ชัดเจนได้เหรอ?” หวงฝู่จวินโหรวพูดกดดันต่อไป “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ตอนแรกที่เจ้าบังคับขืนใจข้า ข้ามีร่างกายที่บริสุทธิ์รึเปล่า? ข้าได้มอบความบริสุทธิ์ของข้าให้เจ้าหรือเปล่า? เรื่องนี้มีจุดไหนที่เจ้าเสียเปรียบมั้ย? ด้วยประเพณีนิยมของสังคมแบบนี้ การที่ผู้หญิงร่างกายไม่บริสุทธิ์หมายความว่าอะไร ก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้นี่?”
นางจับเรื่องนี้มาพูด เหมียวอี้ก็เสียเปรียบเรื่องเหตุผลแล้วจริงๆ ไม่สะดวกจะพูดอะไร
หวงฝู่จวินโหรวพูดต่อว่า “เจ้าบังคับล่วงเกินข้า ทำลายความบริสุทธิ์ของข้า ข้าไม่เรียกร้องอย่างอื่นหรอก ขอแค่ให้เจ้ารับผิดชอบ ข้าทำอะไรผิดงั้นเหรอ?”
เหมียวอี้กล่าวอย่างอึดอัดใจ “ข้าก็ไม่ได้บอกนี่ว่าข้าจะไม่รับผิดชอบ ตอนแรกข้าก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะแต่งงานกับเจ้า? แต่เจ้าไม่ยอมเอง บอกว่าผู้หญิงตระกูลหวงฝู่ไม่แต่งงานออก แต่ข้าต้องแต่งเข้าบ้านเจ้า ผู้ชายชาตรีอย่างข้าใช่ว่าจะเลี้ยงตัวเองไม่ได้ จะให้แต่งงานเข้าบ้านผู้หญิงได้ยังไง ตอนนี้เจ้ากลับมาบอกว่าข้าไม่รับผิดชอบเสียอย่างนั้น”
หวงฝู่พยักหน้า “ดี! ในเมื่อเจ้าอยากรับผิดชอบก็ดี! เอาอย่างนี้แล้วกัน เราต่างคนต่างถอยคนละก้าว!”
“ต่างคนต่างถอยคนละก้าวยังไง?” เหมียวอี้สงสัย
หวงฝู่บอกว่า “เจ้าไม่ต้องแต่งงานกับข้า แล้วก็ไม่ต้องแต่งงานเข้าบ้านข้าด้วย ภายนอกเจ้ารับผิดชอบไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ลับหลังก็ต้องรับผิดชอบ จะเอาแต่หลบไม่สนใจข้าอย่างนี้ไม่ได้ ภายนอกเจ้ากับข้ารักษาระยะห่างกัน ข้ารับรองว่าต่อไปจะไม่เกาะแกะสร้างความยุ่งยากให้เจ้าอีก แต่เจ้ากับข้ายังต้องรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้อย่างลับๆ ก็เหมือนกับวันนี้ ในสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนนอก เจ้าเหมียวอี้กับข้าหวงโหรวเป็นสามีภรรยากัน ภายนอกข้าไม่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้ แต่ลับหลังข้าต้องได้รับการปฏิบัติแบบนี้ ไม่อย่างนั้นข้าต้องเก็บกดตายแน่ หลายปีมานี้เจ้าทำให้ข้าไม่มีกะจิตกะใจจะฝึกตนแล้ว”
“พูดมาตั้งนาน สรุปว่าเจ้าอยากจะเป็นหญิงชู้ของข้างั้นเหรอ?” เหมียวอี้หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“ไม่ใช่หญิงชู้ เป็นคนรัก! เจ้ายังไม่แต่งงาน ข้ายังไม่แต่งงาน จะนับเป็นหญิงชู้ได้ยังไง” หวงฝู่พูดแก้ไข
ข้ายังไม่แต่งงานเหรอ? เหมียวอี้รู้สึกกินปูนร้อนท้องทันที ลูบคางครุ่นคิดพร้อมบอกว่า “ข้าจะพิจารณาดูอีกที”
หวงฝู่พูดเหมือนอยากขำ “ขนาดข้ายังตอบตกลงที่จะเป็นคนรักลับๆ ของเจ้าแล้ว เจ้ายังมีอะไรต้องพิจารณาอีก? ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าเลี้ยงดูเสียหน่อย เจ้าก็รู้ภูมิหลังของข้า ไม่แน่ว่าข้าอาจจะช่วยเหลืออะไรเจ้าได้ หน้าตาข้าไม่ได้แน่นี่นา? ในใต้หล้ามีผู้ชายที่อยากได้ข้านับไม่ถ้วน เรื่องดีๆ แบบนี้เจ้าจะไปหาจากไหนได้? ข้าเสียเปรียบถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเจ้ายังเห็นข้าเป็นขี้หมาเหม็นอีก หนิว…เหมียวอี้ ถ้าเจ้าจะกดดันข้าแบบนี้ให้ได้ ข้าก็หมดหนทางแล้ว อย่างมากก็พังพินาศลงพร้อมกัน ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดว่าจะได้อยู่ดีเลย!”
แบบนี้ก็เหมือนจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีเหมือนกัน! เหมียวอี้หวั่นไหว แต่กลับกล่าวอย่างลังเลว่า “วันนี้เจ้าปากไม่มีหูรูด เกรงว่าจงหลีค่วยจะมอกออกว่าความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ปกติ”
“จะกลัวอะไร! คนของปราสาทดำเนินนภาไม่เผยแพร่เรื่องนี้ไปทั่วหรอก โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวข้องกับตำหนักสวรรค์และสมาคมวีรชน พวกเขาไม่มีทางเข้าไปเกี่ยวข้อง เจ้าวางใจได้เลย” หวงฝู่กล่าว
เหมียวอี้กล่าวอย่างไม่ค่อยแน่ใจเต็มที่ “ลองดูก่อนก็ได้ ถ้าเจ้าทำไม่ได้อย่างที่ตัวเองบอก ก็อย่าหาว่าข้ากลับคำพูดแล้วกัน!”
…………………………