พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1195 กำลังพลหนึ่งล้านแปดแสน
และเหมียวอี้ก็วางแผนป้องกันพวกเขาจริงๆ เน้นหนักไปที่ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ เพราะทั้งสองรู้ถึงทรัพย์สินที่เขามีอยู่ที่ตลาดสวรรค์
ในปีนั้นหลังจากที่ได้เห็นอวิ๋นจือชิวสั่งให้ผีจวินจื่อเตรียมตัวขุดทางใต้ดิน ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไรเลย ถึงแม้อวิ๋นจือชิวจะไม่ได้พูดอะไรกับเขา เขาเองก็ไม่อยากจะคิดถึงฝูชิงและอิงอู๋ตี๋ไปในทางนั้นด้วย แต่เมื่อเรื่องจวนตัวก็ยังแอบเตรียมการไว้อย่างลับๆ
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนอยู่พิภพเล็กอวิ๋นจือชิวจึงกดดันให้ประมุขถิ่นสี่ทิศยอมรับลำดับสูงต่ำให้ชัดเจน หลังจากที่โมโหไปแล้วเขาก็ยอมรับเหตุผลข้อนี้เช่นกัน พอลองนึกว่าถ้าการทดสอบครั้งก่อนตนกลับมาไม่ได้และสิ่งที่อวิ๋นจือชิวป้องกันไว้เกิดขึ้นจริงๆ เขาก็รู้สึกกลัวนิดหน่อยเมื่อคิดย้อนไป
นี่ก็คือความเศร้ายามมีอำนาจสูงถึงในระดับหนึ่ง มิตรภาพต้องหลีกทางให้ มีแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น ไม่มีพี่น้อง!
ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่อยู่เยื้องตรงข้ามกับร้านโฉมเมฆา จงหลีค่วยกำลังจับตาดูร้านโฉมเมฆา นี่คือสิ่งที่เหมียวอี้เตรียมไว้ก่อนที่จะไป ถึงขั้นนำเครื่องมือสำหรับใช้งานค่ายกลใหญ่ป้องกันตลาดสวรรค์ไว้ให้เขา ขอร้องว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับร้านโฉมเมฆา ก็ขอให้จงหลีค่วยคอยคุ้มกันเถ้าแก่เนี้ยที่อยู่ในร้านโฉมเมฆาเพื่อพาหนีไปอย่างลับๆ
ถึงแม้จงหลีค่วยจะตอบตกลง แต่ในใจก็ยังเซ็งนิดหน่อย มีข่าวลือว่าหนิวโหย่วเต๋อชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว สงสัยจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ช่วยไม่ได้ สำนักได้เตือนเขาไว้ตั้งแต่แรกว่าให้ฟังคำสั่งเหมียวอี้ ก่อนหน้านี้เขาทำได้เพียงบอกเรื่องนี้กับสำนักอีกครั้ง ยืนยันให้แน่ใจว่าต้องการจะช่วยเหลือเรื่องที่ไร้สาระนี้หรือไม่
ใครจะคิดว่าเจ้าสำนักจะตอบกลับมาเพียงประโยคเดียว ให้ความร่วมมือกับหนิวโหย่วเต๋ออย่างเต็มที่!
แค่นั้นยังไม่พอ ท่านอาจารย์เจ้าสำนักฝูเสี่ยนกลัวว่าอาศัยแรงเขาคนเดียวและจะช่วยเหลือลำบาก ไม่น่าเชื่อว่าจะสั่งคนอีกสามคนมาช่วยเหลือเขาด้วย
พอนึกถึงตรงนี้ จงหลีค่วยก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองสามคนที่หันหน้าเข้าหากำแพง เป็นอาจารย์อาระดับบงกชรุ้งสองคน หนึ่งในนั้นยังมีผู้อาวุโสของปราสาทดำเนินภาที่เก็บตัวฝึกตนมาหลายปีโดยไม่ได้ออกมาข้างนอกด้วย
จงหลีค่วยไม่ค่อยกล้าจินตนาการถึงเรื่องราวเบื้องลึกที่ซ่อนอยู่ในนั้น นึกไม่ถึงว่าสำนักจะส่งผู้อาวุโสที่ระดับพลังอิทธิฤทธ์อนันตภาพมาช่วยเขา เพื่อการฝากฝังของเหมียวอี้คนเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะสะเทือนจนผู้อาวุโสของสำนักต้องออกโรงเอง จนกระทั่งตอนนี้ความรู้สึกตกตะลึงในใจก็ยังสงบลงได้ยาก
ในภูเขานอกเมือง ลมเย็นพัดเอื่อย บนภูเขาหินก้อนหนึ่ง ปานเยว่กงเอามือไขว้หลังยืนจ้องมาทางตลาดสวรรค์
เขาเองก็มาเพราะได้รับการฝากฝังจากเหมียวอี้เช่นกัน ตอนนี้กำลังซ่อนตัวอยู่นอกเมือง เขาไม่รู้ว่าเหมียวอี้ต้องการให้เขาสนับสนุนใคร เหมียวอี้เพียงกำชับไว้ว่า ถ้ามีคนออกนอกเมืองมาส่งสัญญาณ ก็จะต้องคุ้มกันให้คนกลุ่มนั้นอย่างลับๆ เพื่อหนีรอดไป ช่วยให้คนกลุ่มนั้นหลุดพ้นจากการสะกดรอยตาม
การทำเรื่องแบบนี้อยู่นอกตลาดสวรรค์ ปานเยว่กงก็ค่อนข้างกังวลใจเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ปานเยว่กงจึงหาพวกไม่กลัวตายที่รู้จักแต่เงินไม่รู้จักคนมาช่วยสิบกว่าคน เหมียวอี้ไม่ได้ให้เขาออกเงินส่วนนี้ เพราะได้ทิ้งทรัพยากรก้อนใหญ่ไว้ให้เขาตั้งแต่แรกแล้ว คนพวกนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการจะทำอะไร ตอนนี้กำลังซ่อนตัวฝึกตนอยู่ในภูเขา ถ้ามีการเรียกก็จะลงมือทันที
เหมียวอี้ไม่รู้ว่าทางปราสาทดำเนินภาส่งคนมาช่วยจงหลีค่วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้ปานเยว่กงมาช่วยสนับสนุนอีก สรุปก็คือถ้าเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นมาจะได้รับประกันได้ว่าอวิ๋นจือชิวและคนอื่นๆ จะถอนทัพกลับพิภพเล็กได้อย่างปลอดภัย
ตอนนี้เหมียวอี้อยู่ในคฤหาสน์ตรงตีนเขาของจวนแม่ทัพภาคตงหัวเป็นเวลาสองเดือนเต็มแล้ว
อีกสองเดือนกว่าหลังจากนี้ เวลาออกเดินทางก็จะมาถึง ระหว่างนี้ยังเหลือเวลารวมตัวอีกช่วงหนึ่ง ต้องออกเดินทางล่วงหน้า
คนสองพันกว่าคนเปลี่ยนเกราะรบที่แสดงถึงยศของตัวเอง เหมียวอี้ที่สวมเกราะรบของแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบยืนเด่นอยู่ข้างหน้าเหมือนนกกระเรียนในฝูงไก่
ปี้เยว่ฮูหยินก็เปลี่ยนมาสวมเกราะม่วงแล้วเช่นกัน นางเหาะจากฟ้าลงมาอยู่ตรงหน้าทุกคน สายตาไปหยุดอยู่บนตัวเหมียวอี้ที่โดดเด่นสะดุดตาครู่หนึ่ง จากนั้นก็กวาดมองทุกคน พร้อมเตือนว่า “สำหรับการไปทดสอบครั้งนี้ ทุกคนไปเป็นตัวแทนจวนแม่ทัพภาคตงหัว หลังจากเข้าไปแล้วต้องสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันไว้”
“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับ
สำหรับเหมียวอี้แล้ว นี่เป็นคำพูดที่เหลวไหลเหมือนผายลม แต่ก็ยังเอ่ยรับตามไปด้วย
ปี้เยว่ฮูหยินบอกอีกว่า “กฎของการเข้าร่วมการทดสอบ ข้าก็ได้บอกให้ทุกคนฟังชัดแล้ว อะไรที่ห้ามพกไปนรกก็ห้ามพกไป ไม่อย่างนั้นจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว”
สิ่งที่นางบอกว่าห้ามพกไปก็หมายถึงคน การทดสอบไม่อนุญาตให้แอบนำคนใส่กระเป๋าสัตว์เข้าไปในนรกเป็นการส่วนตัว นี่คือกฎหลังจากที่ตำหนักสวรรค์ปิดล้อมนรกไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้โจรกบฏที่อยู่ด้านนอกร่วมทางและพกทรัพยากรเข้าไปช่วยโจรกบฏในนรก ถ้าควบคุมเงื่อนไขข้อนี้ไม่ได้ ก็จะไม่สามารถควบคุมพลังของโจรกบฏในนรกได้ แบบนั้นก็ไม่มีทางขังโจรกบฏเอาไว้ข้างในได้แล้ว จะต้องรับการตรวจสอบก่อนเข้าไปทดสอบในนรก ถ้าพบว่าใครฝ่าฝืนกฎก็จะถูกลงโทษ ถึงแม้จะสงสัยว่าที่นรกยังมีอีกเส้นทางหนึ่ง แต่ก็ยังปฏิบัติตามแบบเดิมอยู่ดี
“เข้าใจแล้ว!” ทุกคนเอ่ยรับ
“ออกเดินทาง!” พอปี้เยว่ฮูหยินโบกมือ ก็นำคนสองพันกว่าคนเหาะขึ้นฟ้าไป ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สิบคนเรียงแถวอยู่ข้างหลังเขา ฝ่าท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ออกไป เร่งไปยังจุดลึกในทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล
น่านฟ้าระกาติงในสายมะเมีย เป็นจุดเกิดเหตุที่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สามคนโดนฆ่าตาย และเป็นทางเข้าออกแดนอเวจีเช่นกัน ย่อมต้องกลายเป็นจุดรวมตัวของกำลังพลที่จะเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้อยู่แล้ว จุดรวมตัวก็คือดาวเคราะห์ที่เป็นอาณาเขตเดิมของเฮยกว่าฟู่ ซึ่งที่นั่นอยู่ใกล้ทางเข้านรกที่สุด
ส่วนเฮยกว่าฟู่ ไม่ว่านางจะมีส่วนร่วมเรื่องฆ่าขุนนางของตำหนักสวรรค์หรือไม่ แต่สรุปก็คือนางมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าไม่ใช่เพราะนางตกปลาสายรุ้งดินล่อให้ผู้บัญชาการใหญ่ไปหา ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะมีความผิดหรือไม่มีความผิด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะไม่เป็นอะไรเลย มักต้องมีคนออกมารับผิดชอบเสมอ การฆ่านางไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบ ดังนั้นนางจึงถูกตัดหัว ส่วนปีศาจลูกสมุนก็โดนฆ่าจนหมดเกลี้ยง ฆ่าจนไม่เหลือเกล็ด ทำแบบนี้เพื่อขู่ให้คนชั่วเกรงกลัว!
ขณะนี้เอง ในพื้นที่รูปอ่างขนาดใหญ่ที่มีภูเขาล้อมรอบ มีบ้านที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวเรียงรายหลายแถว ติดต่อกันเป็นแพยาวเหยียด ถึงแม้จะบอกว่าเป็นบ้าน แต่ที่จริงแล้วเป็นเพิงอย่างง่ายๆ แค่ใช้บังแดดบังฝนได้เท่านั้น บนยอดเขาที่อยู่รอบๆ มีทหารสวรรค์กระจายกำลังกันเฝ้าอยู่
มีคนไม่น้อยเข้าไปพักอยู่ในนั้นแล้ว ทุกคนมีแค่ไม้กระดานที่สามารถนั่งนอนได้ก็เท่านั้นเอง บนฟ้ายังมีคนทยอยเหาะมารายงานตัวบนยอดเขาที่ล้อมรอบกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
เยว่ฮูหยินที่เหาะเดินทางมาหลายเดือนก็เหาะลงมาจากฟ้าเช่นกัน กำลังมองดูเพิงพักที่ยาวเหยียดอยู่ในพื้นแอ่ง จากนั้นก็เหาะไปเหยียบลงบนยอดเขาที่มีธงขนาดใหญ่ปักอยู่
มีคนเข้ามาตรวจสอบสถานะของปี้เยว่ฮูหยินทันที จากนั้นก็รับงานต่อจากปี้เยว่ฮูหยิน ทำการตรวจสอบคนที่ปี้เยว่ฮูหยินพามาทีละคน
ภูมิหลังของเหมียวอี้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ชื่อเสียงก็โด่งดัง พอคนที่ตรวจสอบได้ยินว่าคนนี้ชื่อหนิวโหย่วเต๋อ ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูหลายครั้ง จากนั้นก็กระซิบกระซาบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นพลางชี้มาที่เหมียวอี้ ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังพูดอะไรกัน
หลังจากตรวจสอบสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบทุกคนแล้วว่าไม่มีผิดพลาด คนกลุ่มนี้ก็ถูกพาไปอีกด้านหนึ่งชั่วคราว ปี้เยว่ฮูหยินไปหาผู้คุมเพื่อทำการส่งมอบงานเป็นครั้งสุดท้าย
ในถ้ำภูเขาที่ขุดสร้างไว้ชั่วคราวถูกจัดแต่งไว้อย่างสะอาดเรียบร้อย ผู้คุมที่รับผิดชอบคุมการทดสอบครั้งนี้ก็ยังเป็นเกาก้วนทูตขวาตรวจการของตำหนักสวรรค์ เมื่อได้เจอทูตขวาตรวจการผู้มีใบหน้าเย็นชาในตำหนักอีกครั้ง ปี้เยว่ฮูหยินที่เคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่งค่อนข้างหวาดระแวงกลัว เพราะมือของท่านผู้นี้ย้อมด้วยเลือดสดของผู้มีอำนาจในตำหนักสวรรค์มาแล้วไม่น้อย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา อีกฝ่ายคงไม่ปล่อยนางไปเพียงเพราะนางเป็นฮูหยินของท่านโหวเทียนหยวนแน่
เกาก้วนกำลังนั่งอย่างสง่า เมื่อเห็นนางเขาก็มองด้วยแววตาเย็นเยียบสองครั้ง หลังจากรับรายชื่อมาตรวจอ่านแล้ว ก็ถามจุยหย่วนที่อยู่ข้างๆ ว่า “แน่ใจนะว่าคนที่อยู่ในรายชื่อมาครบแล้ว?”
“ตรวจสอบครบหมดแล้วขอรับ” พ่อบ้านจุยหย่วนที่คุมการทดสอบมาสามสนามแล้วกล่าวตอบ
เกาก้วนไม่พูดอะไรกับปี้เยว่ฮูหยินสักคำ พอโบกมือ จุยหย่วนก็ยื่นมือเชิญให้ปี้เยว่ฮูหยินออกไปทนัที
เมื่อออกนอกประตูใหญ่ของห้องถ้ำมาแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็กุมหมัดคารวะ ส่วนจุยหย่วนก็โบกมือกล่าวว่า “ฮูหยินท่านโหวกรุณาอยู่ก่อน เกรงว่าจะต้องรบกวนเวลาฮูหยินสักระยะ คือเรื่องเป็นอย่างนี้นะ รายชื่อคนสมัครทดสอบที่ได้มาตอนสุดท้ายเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเมื่อเทียบกับตอนแรก เรื่องลงสมัครทดสอบติดอยู่ที่ช่วงสุดท้าย คาดว่าฮูหยินคงจะรู้แล้ว”
ปี้เยว่ฮูหยินพยักหน้า “พ่อบ้านจุยพูดถูก ทางข้าก็มีคนมาสมัครเยอะมากในตอนสุดท้ายเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ทราบว่ารั้งข้าไว้เพราะมีอะไรเกี่ยวข้องกันเหรอ?”
จุยหย่วนยิ้มพร้อมกล่าวว่า “คืออย่างนี้นะ! ก่อนหน้านี้นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาลงชื่อสมัครเยอะขนาดนี้ สมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบมีมากถึงหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนแล้ว กำลังคนผู้รับผิดชอบที่เตรียมไว้มีไม่พอ ดังนั้นนายท่านผู้คุมจึงรายงานขึ้นไปถึงราชินีสวรรค์ และได้รับอนุญาตจากราชินีสวรรค์แล้ว ว่าให้แม่ทัพภาคทุกคนที่พาคนมาอยู่ให้ใช้งานที่นี่ รับผิดชอบควบคุมดูแลคนที่ตัวเองพามา จะได้ไม่เกิดความวุ่นวายอะไร รอให้สมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบทุกคนเข้าแดนอเวจีหมดแล้ว ก็ค่อยปล่อยแม่ทัพภาคทุกคนกลับไป ไม่ทราบว่าฮูหยินมีอะไรสงสัยหรือไม่?”
ปี้เยว่ฮูหยินร่ำร้องในใจ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงไม่รีบมาขนาดนี้ เวลาก็ไม่ยาวนาน เหลืออีกหนึ่งเดือนก็จะถึงเวลาทดสอบอย่างเป็นทางการ เพียงแต่นางกลัวเกาก้วนนิดหน่อย ไม่อยากติดต่อสมาคมกับทูตขวาหน้าตายนั่นนานๆ
แต่มีทางเหลือให้นางปฏิเสธด้วยเหรอ? ถ้าไม่ตอบตกลงเกรงว่าจะอธิบายกับท่านที่อยู่ข้างในไม่ได้ จึงฝืนยิ้มพร้อมกุมหมัดคารวะทันที “ย่อมต้องน้อมรับคำสั่ง!”
จุยหย่วนพยักหน้า แล้วหยิบป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งออกมาให้ปี้เยว่ฮูหยิน “ฮูหยินสามารถอาศัยป้ายคำสั่งนี้เพื่อเข้าออกที่พักของสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบได้” พูดจบก็โบกมือ เรียกที่ปรึกษาแต่ละคนเข้ามา แล้วสั่งให้พาปี้เยว่ฮูหยินร่วมทั้งกำลังพลกลับที่พัก
เกาก้วนที่สวมหมวกทรงสูงและคลุมผ้าคลุมสีดำที่บ่าโผล่ออกมาอยู่ตรงประตูห้องถ้ำตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ กำลังเอามือไขว้หลังยืนอยู่บนบันได ยังคงมีสีหน้าเย็นเยียบ สายตาเหลือบมองกลุ่มของปี้เยว่ฮูหยิน มองดูเหมียวอี้เดินตามปี้เยว่ฮูหยินลงเขาไป
ในพื้นแอ่งขนาดใหญ่ที่มีภูเขาล้อมรอบ เดิมทีมีแม่น้ำหลายสาย แต่กลับถูกคนร่ายอิทธิฤทธิ์เปลี่ยนแปลงให้มีทิศทางการไหลเชื่อมกันเป็นรูปตัวอักษร ‘井’ วาดแบ่งพื้นแอ่งขนาดใหญ่ให้เป็นเก้าเขต สาเหตุที่แบ่งให้เป็นเก้าเขต ก็เพราะตลาดสวรรค์แปดพันแห่งในสังกัดของตำหนักสวรรค์ถูกแบ่งให้หัวหน้าภาคใหญ่เก้าคนดูแล เก้าเขตนี้คือจุดรวมตัวกำลังพลเข้าร่วมทดสอบของหัวหน้าภาคใหญ่เก้าคนในระบบตลาสวรรค์ที่ราชินีสวรรค์ควบคุม
ในทุกเขตจะปักธงใหญ่เอาไว้หนึ่งเสา นับว่าเป็นป้ายชื่อเช่นกัน จวนแม่ทัพภาคตงหัวของปี้เยว่ฮูหยินอยู่ใต้สังกัดจวนหัวหน้าภาคหลิงเย่าและจวนหัวหน้าภาคใหญ่ก่วงผิง ดังนั้นพวกเขาจึงเหาะไปยังอาณาเขตที่มีธงใหญ่ที่เขียนว่า ‘ก่วงผิง’ จากนั้นก็ไปหาเสาธงเตี้ยที่มีสัญลักษณ์ ‘หลิงเย่า’ และสุดท้ายก็ไปเหยียบลงใต้ธงเล็กที่เขียนว่า ‘ตงหัว’
ทุกคนเหยียบลงพื้นแล้วมองซ้ายมองขวา พบว่าทางเดินระหว่างเพิงมุงจากที่อยู่ทางซ้ายและขวากว้างเพียงหนึ่งจั้ง ที่ปรึกษาที่เดินนำทางชี้ตรงเพิงมุงจากที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้าพร้อมบอกว่า “นี่คือที่พักชั่วคราวของจวนแม่ทัพภาคตงหัวแล้ว แม่ทัพภาคเชิญตามสะดวก”
“รบกวนแล้ว!” ปี้เยว่ฮูหยินกุมหมัดคารวะ ส่งอีกฝ่ายอย่างสุภาพเกรงใจ แล้วหันมองสภาพแวดล้อมอันเรียบง่ายที่ไร้เตียงแยกแต่ละหลังของเพิงมุงจาก ในใจต้องร่ำร้องอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะต้องมาเบียดรวมอยู่กับกลุ่มคนในสภาพแวดล้อมแบบนี้หนึ่งเดือนกว่า
แต่ก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงถอนหายใจแล้วบอกว่า “มีปัจจัยเท่านี้ ถึงอย่างไรก็อยู่ไม่นาน ทุกคนอยู่แก้ขัดไปสักหน่อย ต่างคนต่างหาที่นอนของตัวเองแล้วกัน”
…………………………