พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1197 เจ้าเวรที่ทำให้ปวดหัว
พอได้ยินเสียงนี้ ยังไม่ทันจะได้เห็นตัว เหมียวอี้ก็เริ่มปวดหัวแล้ว อย่าบอกนะว่าเจ้าเวรนั่นมาแล้ว?
เดาถูกแล้ว ผู้ที่มาคือเซี่ยโห้วหลงเฉิง!
ที่นี่คนเบียดกันเต็ม เซี่ยโห้วหลงเฉิงนำกลุ่มคนเหาะเบียดเข้ามาอย่างไม่สนใจใยดี แขนใหญ่ผลักคนออกไปสองฝั่ง บังเอิญเจอกับจ้านหรูอี้ที่โดนคนข้างนอกอุดไว้จนแทบจะออกไปไม่ได้พอดี พอเจอหน้ากันก็พูดหยอกล้อ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายเป็นคนรู้จักกันมานานแล้ว
เห็นได้ชัดว่าจ้านหรูอี้ไม่อยากสนใจเขา จึงอาศัยช่องว่างตอนกลุ่มคนแยกออกจากกันถลันตัวเหาะออกไป
“จ้านคนสวย ไปดีๆ นะ ส่งตรงนี้!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือไปบนฟ้าอย่างร่าเริง พอหันกลับมาก็โบกแขนสองข้างอย่างเผด็จการมาก ผลักคนที่ขวางทางให้ออกไป บุกเข้าไปใต้เพลิงแล้วพลางกวาดมองทุกคนของจวนแม่ทัพภาคตงหัวด้วยแววตาที่ดุร้ายเหมือนเสือ ลักษณะท่าทางดูวางอำนาจบาตรใหญ่
ตอนแรกสบตากับปี้เยว่ฮูหยินที่เป็นคนรู้จักเก่า จากนั้นเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็หัวเราะหึหึ แล้วเบนสายตาออกไป ไม่สนใจใยดีอีก
เมื่อเห็นเขาแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็ปวดหัวเช่นกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนยังดีหน่อย แต่ตอนนี้ตลาดสวรรค์ถูกแยกจากสังกัดเดิมแล้ว แยกออกมามีระบบของตัวเองและถูกควบคุมอยู่ในมือราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ควบคุมปี้เยว่โดยตรง แถมเจ้าบ้านี่ก็เป็นหลานชายแท้ๆ ของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ ตอนนี้นางไม่กล้าไปขัดใจคนของตระกูลเซี่ยโห้ว
แต่พอเอียงหน้ามองโค่วเหวินชิงที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้ นางก็โล่งใจอีกครั้ง มีโค่วเหวินชิงอยู่ด้วยนางก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
“หึหึ! หนิวโหย่วเต๋อ เราเจอกันอีกแล้วนะ!” สายตาของเซี่ยโห้วหลงเฉิงหยุดอยู่บนตัวเหมียวอี้ นำคนแทรกเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์
พอได้เจอเขา เหมียวอี้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยจริงๆ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ถ้ายังคิดจะทำมาหากินอยู่ในระบบของตลาดสวรรค์ ก็ไม่ใช่เรื่องดีหากจะจะไปมีเรื่องกับคนตระกูลเซี่ยโห้ว
ที่เขากังวลแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ในสายตาของคนส่วนใหญ่ ราชินีสวรรค์ก็คือตัวแทนของตระกูลเซี่ยโห้ว
พอเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงเดินเข้ามา โค่วเหวินชิงก็เตือนก่อนเลยว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิง ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ อย่ามาก่อเรื่องที่นี่!”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกวาดสายตามองบนเรือนร่างของนาง แล้วถามอย่างต่ำทรามว่า “หึหึ! โค่วเหวินชิง ทำไมเจ้าเอาแต่ปกป้องมัน ข้าว่าพวกเจ้าสองคนคงได้กันแล้วล่ะมั้ง?”
โค่วเหวินชิงเดือดดาลทันที ปลดป้ายคำสั่งที่ปรึกษาตรงเอวออกมาโดยตรง แล้วเผยตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงพร้อมถามว่า “บังอาจพูดใส่ร้ายที่ปรึกษาของการทดสอบ ควรจะโดนข้อหาอะไรดีล่ะ?”
ใบหน้ายิ้มของเซี่ยโห้วหลงเฉิงชะงักค้าง มุมปากกระตุกเล็กน้อย เขาเองก็กลัวข้อหานี้เหมือนกัน คนอื่นไม่กล้าแตะต้องเขา แต่ทูตขวาหน้าตายนั่นคงไม่เห็นว่าศีรษะของเขาสำคัญสักเท่าไร จึงไอแห้งๆ แล้วบอกทันทีว่า “โค่วเหวินชิง เราเป็นคนรู้จักกันมานานแล้ว พูดล้อเล่นกันก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอ เจ้าวางใจเถอะ ตอนนี้ข้าไม่หาเรื่องเจ้าเวรนี่หรอก เดี๋ยวพอเข้าไปในนรกแล้วข้าค่อยเล่นงานมันให้ตายก็ได้”
เมือ่เมียบกับจ้านหรูอี้ คำพูดนี้จัดว่าตรงไปตรงมาพอสมควร จริงใจใช้ได้เลย
เพียงแต่เหมียวอี้แปลกใจนิดหน่อย จึงถามว่า “มีควาย เจ้าก็เข้าร่วมการทดสอบเหมือนกันเหรอ?” เขานึกว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะมาเป็นพวกที่ปรึกษาเสียอีก ถึงอย่างไรครั้งก่อนก็เป็นแบบนี้
“ว่ะฮ่าๆๆ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงเงยหน้าขึ้นฟ้าพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จ้องเหมียวอี้ด้วยแววตาดุร้ายพร้อมบอกว่า “ถูกต้องแล้ว! ไอ้แซ่หนิว ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วสินะ? ทั้งบัญชีใหม่ทั้งบัญชีเก่าของพวกเรา ควรจะมาสะสางกันดีๆ ได้แล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าครั้งนี้เจ้าจะไปหลบที่ไหนได้!”
ที่เขามาเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ จุดประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อมาแก้แค้นเหมียวอี้ แต่ที่จริงมาเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ เพราะไม่มีทางเลือกแล้ว เขาหมดความหวังในตระกูลเซี่ยโห้วโดยสิ้นเชิง ไม่มีอนาคตอีกแล้ว จู่ๆ ก็มีการทดสอบโผล่มา แล้วเขาก็มีคุณสมบัติถึงที่จะเข้าร่วมการทดสอบด้วย ย่อมต้องคว้าฟางเส้นสุดท้ายสำหรับช่วยชีวิตเอาไว้อยู่แล้ว จึงรีบมาประสมโรง ตระกูลเซี่ยโห้วไม่ให้คนที่เกี่ยวข้องตระกูลเข้ามาแทรกแซงเรื่องในตลาดสวรรค์ เขาจึงไม่อาศัยเส้นสายของตระกูลเซี่ยโห้ว หาตำแหน่งผู้บัญชาการที่ตลาดสวรรค์ด้วยตัวเองก็น่าจะได้อยู่กระมัง?
ในบรรดาผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ คนที่มีสถานการณ์แบบเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็มีไม่น้อยเลย อย่าไปนึกว่าคนในตระกูลของผู้มีอำนาจจะไม่มีใครกล้ามาสู้ตายในนรก เพียงแต่ส่วนใหญ่มาต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีเท่านั้น ถ้าไม่มีตำแหน่งฐานะในตระกูล ทุกคนก็จะมองไม่เห็นความสำคัญ การโดนเมินใส่แบบนั้น การโดนมองข้ามแบบนั้น คนที่ไม่เคยลิ้มลองรสชาติไม่มีทางรู้ว่าทรมานขนาดไหน บางครั้งน่ากลัวยิ่งกว่าตายเสียอีก เพียงแต่ถ้าไม่มีโอกาส ต่อให้เจ้าตายไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสแล้ว คนส่วนใหญ่จึงไม่อยากพลาดไป จาเหรินจวิ้นเป็นตัวแทนของสถานการณ์แบบหนึ่งท่ามกลางผู้มีอำนาจ จ้านหรูอี้ก็เป็นตัวแทนของสถานการณ์แบบหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นลูกหลานของผู้มีอำนาจในตำหนักสวรรค์จึงมาเข้าร่วมการทดสอบไม่น้อยเลย อย่างน้อยการที่พวกได้อาศัยภูมิหลังของตัวเอง ก็ยังทำให้มีโอกาสชนะอยู่บ้าง
พอได้ยินว่าเขาจะเข้าร่วมการทดสอบจริงๆ เหมียวอี้ก็เริ่มปวดหัวแล้ว สัตว์เดรัจฉานอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิง เจ้าจะซ้อมสักยกก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่จะไปฆ่าทิ้งไม่ได้ อย่าว่าแต่เหมียวอี้เลย แม้แต่คนที่มีภูมิหลังแบบโค่วเหวินหลาน ตอนแรกก็ไม่กล้าเล่นงานเซี่ยโห้วหลงเฉิงจนถึงตายเหมือนกัน
ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ไม่ว่าราชินีสวรรค์จะได้กุมอำนาจหรือไม่ ไม่ว่าราชินีสวรรค์มีไว้ประดับตำแหน่งเฉยๆ หรือไม่ แต่ตราบใดที่ตำแหน่งราชินีสวรรค์ของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยังอยู่ ชีวิตของคนในตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะกล้ามาเอาไปส่งเดช อย่าลืมนะว่าราชินีสวรรค์เป็นฮูหยินของราชันสวรรค์ ตบหน้าราชินีสวรรค์ก็เท่ากับตบหน้าราชันสวรรค์
เหมียวอี้เองก็เคยได้ยินข่าวลือนี้มาบ้างเหมือนกัน ประมาณว่าราชินีสวรรค์ทำให้อำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วเสียหาย แต่ผลประโยชน์ที่ราชินีสวรรค์นำมาให้ตระกูลเซี่ยโห้วก็ประจักษ์ชัดแจ้งเช่นกัน ตระกูลเซี่ยโห้วมีรัศมีอย่างราชินีสวรรค์ห่อหุ้มอยู่หนึ่งชั้น ชีวิตลูกหลานของตระกูลเซี่ยโห้ว นอกจากราชันสวรรค์กับราชินีสวรรค์ก็ไม่มีใครจะกล้าแตะต้องแล้ว
ตระกูลอื่นอาจจะมีช่วงที่รุ่งเรืองและตกต่ำสลับกัน แต่ตราบใดที่ราชินีสวรรค์ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น ตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่มีวันล้มลง ใต้หล้านี้จะมีที่ยืนสำหรับตระกูลเซี่ยโห้วตลอดไป นี่ก็เป็นเหตุผลที่ตระกูลเซี่ยโห้วสนับสนุนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่อย่างเต็มที่
แต่สำหรับเหมียวอี้ นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่แล้ว เขาไม่อยากฆ่าเซี่ยโห้วหลงเฉิง แต่ประเด็นคือเซี่ยโห้วหลงเฉิงอยากฆ่าเขา เมื่อเจอกับคนหน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้ เจ้าจะทำอย่างไรได้ล่ะ?
ตอนให้นอนฝันเหมียวอี้ก็นึกไม่ถึงว่าเจ้าเวรนี่จะมาเข้าร่วมการทดสอบ จึงถามอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกว่า “มีควาย พวกเราไม่สู้มาเป็นพันธมิตรกันดีกว่ามั้ย?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงยิ้มชั่วร้ายทันที “อยากจะเป็นพันธมิตรกับข้าเหรอ ได้สิ ใช่ว่าจะไม่ได้…”
“แค่กๆ!” คนที่อยู่ข้างกายเขาเริ่มจะกลัวนิดหน่อย รีบตีที่ข้อศอกของเขา กลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา แอบถ่ายทอดเสียงพึมพำอะไรบางอย่าง
เซี่ยโห้วหลงเฉิงสีหน้าเปลี่ยนทันที ถลึงตาคำรามใส่เหมียวอี้ “ช่างมีความคิดชั่วร้ายนัก บังอาจจะดึงข้าไปซวย…”
บนยอดเขาที่สูงที่สุดรอบๆ พื้นแอ่ง เกาก้วนยืนอยู่บนบันไดนอกห้องถ้ำอีกแล้ว กำลังใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์กวาดมองสถานการณ์ในพื้นแอ่ง สายตาไปหยุดอยู่ตรงจุดที่มีกลุ่มคนรวมตัวกันโดยตรง เขาถามเสียงเรียบว่า “คนพวกนั้นไปร่วมตัวกันทำอะไรตรงนั้น?”
“ข้านอยจะไปดูสักหน่อย” จุยหย่วนที่อยู่ข้างกายตอบ
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ถ้าอยากจะมีเรื่องกันก็รอไปมีในนรก ไม่มีใครยุ่ง ถ้ากล้าก่อเรื่องที่นี่ ฆ่าไม่ละเว้น!” เกาก้วนกล่าวพร้อมแววตาที่วูบไหว
“ขอรับ!” จุยหย่วนกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง จากนั้นก็เหาะไปยังจุดที่คนรวมตัวกัน แล้วตะโกนอยู่บนฟ้าทันที “แยกย้าย!”
ทุกคนเงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าท่านพ่อบ้านมาแล้ว ก็รีบกระจัดกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง
จุยหย่วนเหยียบลงพื้น ใช้สายตาเย็นเยียบกวาดมองในเพิงพักทางซ้ายและขวา “โค่วเหวินชิง ที่นี่เกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
โค่วเหวินชิงรายงานสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ ทันที สายตาจุยหย่วนหยุดอยู่บนตัวเหมียวอี้ครู่หนึ่ง เขาพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว เกรงว่าท่านนี้คงจะมีเคราะห์มากกว่ามีโชค จากนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวเซี่ยโห้วหลงเฉิง พร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนบอกเสียงดัง “ท่านผู้คุมสั่งมา ถ้าอยากจะมีเรื่องกันก็ไปมีในนรก ไม่มีใครยุ่ง แต่ถ้ากล้าก่อเรื่องที่นี่ ฆ่าไม่ละเว้น!” เสียงนี้ดังกังวานอยู่ในพื้นแอ่ง
เมื่อโดนสายตาของเขาจ้อง เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็จำเป็นต้องหดคอ ไม่ใช่ว่ากลัวจุยหย่วน แต่กลัวท่านนั้นที่อยู่เบื้องหลังจุยหย่วน ท่านนั้นสามารถฆ่าคนแทนราชันสวรรค์ได้ ภาพที่อิ๋งเหย้าตายตอนนั้นยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากประกาศคำสั่งแล้ว จุยหย่วนก็ถลันตัวจากไป เมื่อมีคำพูดของเกาก้วนคอยข่ม ที่นี่ก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง โค่วเหวินชิงก็ออกไปจากตรงนั้นแล้วเช่นกัน นางไม่สะดวกที่จะเฝ้าอยู่ข้างกายเหมียวอี้ตลอดเวลา
เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่กล้าแม้แต่จะผายลม เป็นเพราะทูตขวาตรวจการเกาก้วนมีอิทธิพลมากเกินไป เป็นคนที่ทำให้ผู้มีอำนาจในราชสำนักของตำหนักสวรรค์หนาวสั่นในใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกหลานของู้มีอำนาจพวกนั้นเลย
“ไป!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงท่าทางอ่อแอลงจนถึงขีดสุด กำลังจะพาตัวลูกน้องออกไปจากตรงนั้นแล้ว
แต่เหมียวอี้กลับไม่ทำแบบนั้น ถ้าไม่สะสางปัญหากับเจ้าเวรนี่ พอไปถึงนรกจะต้องโดนอีกฝ่ายวางกับดักจนตายแน่นอน ถ้าเจ้าบ้านี่ไล่ตามไม่หยุดขึ้นมา แถมตัวเองก็ไม่กล้าฆ่าเขาอีก ไม่กล้าลงมือเต็มที่แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับคนมากมายที่ต้องการให้ตัวเองตาย แบบนั้นตนต้องตายแน่นอน
“หมีควาย หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
หากลังเลไม่เด็ดขาด ภัยพิบัติจะตามมา เหมียวอี้กระโดดขึ้นมาจากไม้กระดานอย่างเด็ดเดี่ยว มาขวางตรงหน้าเซี่ยโห้วหลงเฉิง
เซี่ยโห้วหลงเฉิงถูกเขาทำให้ตกใจ กังวลว่าเจ้าบ้านี่จะยอมพังพินาศลงไปพร้อมตน จงใจดึงตนให้โดนเกาก้วนทำโทษด้วยกัน จึงรีบมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นคนคุมการทดสอบ ก็แยกเขี้ยวยิงฟันถามว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“หนีทำไม เจ้ากลัวข้าเหรอ?” เหมียวอี้เลิกคิ้วถาม
พวกจางฮั่นฟางที่อยู่ในเพิงแอบรู้สึกแปลกใจ พบว่าหลังจากมาถึงที่นี่ เหมือนเหมียวอี้จะกล้าหาญขึ้นเยอะมาก ไม่กลัวแม้แต่คนที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่กว่าพวกเขา เหมือนเป็นคนละคนกับตอนโดนสร้างความอัปยศที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวแล้วไม่กล้าเถียง
“หนีอะไร? ปู่คนนี้น่ะเหรอจะกลัวเจ้า?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงถลึงตาถาม
“ไม่กลัวก็ดีแล้ว กล้ารับคำท้าของข้ามั้ยล่ะ?” เหมียวอี้ถาม
เซี่ยโห้วหลงเฉิงอึ้งไปชั่วขณะ แล้วมองไปรอบๆ ถามอย่างกังวลนิดหน่อยว่า “คำท้าอะไร!”
เหมียวอี้ตอบว่า “สู้ตายกับข้าสักตั้ง! เจ้าอยากจะคิดบัญชีกับข้ามาตลอดไม่ใช่เหรอ ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงอ้าปากค้างไปครู่หนึ่ง เจ้าอยากจะดึงข้าให้ซวยไปด้วยกันอย่จริงๆ ด้วย! จึงตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “แบบนั้นสมองข้าคงมีปัญหาแล้วล่ะ ถ้าอยู่ที่นี่ ต่อให้เอาชนะเจ้าได้ข้าก็ซวยอยู่ดี ไสหัวไป อย่ามาขวาง”
เหมียวอี้ยื่นมือขวาง “ถ้าเจ้ากลัวที่จะสู้ที่นี่ งั้นเราก็นัดสู้กันหลังจากการทดสอบจบแล้วสิ!”
“ถุยสิ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงรู้สึกอยากขำ “เจ้าคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดจนถึงการทดสอบจบเหรอ? พอการทดสอบเริ่มขึ้น ข้าก็จะเล่นงานเจ้าให้ตายแล้ว!”
เหมียวอี้ส่ายหน้า “หลังจากการทดสอบเริ่มต้น ข้าก็ยุ่งมาก ไม่มีเวลามาสนใจเจ้าหรอก ถ้าไม่สู้ตายกันตอนนี้ ก็รอสู้ตายหลังจากการทดสอบจบ!”
“ทำไม?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงแปลกใจ
ทหารเลวห้าแถบคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ กล่าวกลั้วหัวเราะทันที “พี่เซี่ยโห้ว เจ้าบ้านี่กลัวว่าเมื่อถึงเวลาท่านกับคนอื่นจะร่วมมือกันเล่นงานจนเขาตาย ตอนนี้จึงอยากกำจัดท่านก่อน พอตัวเองเข้าไปในนรกแล้วจะได้กดดันน้อยลง”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเข้าใจในทันที จึงยิ้มชั่วร้ายพร้อมบอกว่า “เจ้าฝันหวานเกินไปจริงๆ!”
“เจ้าชื่ออะไร?” เหมียวอี้พลันชี้ไปยังคนที่เพิ่งพูดแทรก สีหน้าฉายแววมุ่งสังหาร
คนคนนั้นเชิดหน้าเล็กน้อย ตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ผู้น้อยต่งอิ้งเกา ทำไม เจ้าอยากจะท้าสู้กับข้ารึไง? ข้าไม่ตกหลุมพรางเจ้าหรอก”
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “เจ้าไม่ต้องลดความกดดันให้ข้าหรอก หลังจากไปที่นรกแล้ว เจ้าก็ปล่อยของออกมาเต็มที่ได้เลย” จากนั้นก็ชี้ไปยังคนอื่นๆ ที่อยู่ทางซ้ายและขวาของเซี่ยโห้วหลงเฉิงอีก “พวกเจ้าก็ด้วย อย่าหดหัวเชียวนะ เมื่อเข้าไปในนรกแล้ว ถ้าเก่งนักก็เข้ามาเลย มาเท่าไรข้าก็รับไว้เท่านั้น!”
แล้วก็ชี้ไปที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงพร้อมบอกว่า “คนที่อยากสังหารข้ามีเป็นหมื่นเป็นพัน เจ้าคิดว่าข้าแยแสหมีควายอย่างเจ้าตัวเดียวเหรอ? ข้าแค่รู้สึกว่าความแค้นระหว่างเราไม่เหมือนคนอื่น ระหว่างเราเป็นความแค้นส่วนตัว และการทดสอบครั้งนี้ราชินีสวรรค์ก็เป็นคนจัดขึ้นมา เจ้ารู้สึกว่าการกำจัดศัตรูคู่แค้นส่วนตัวของเซี่ยโห้วหลงเฉิงในการทดสอบที่ราชินีสวรรค์จัดขึ้นนั้นเหมาะสมแล้วเหรอ? หรือว่าเจ้าอยากจะพังงานของราชินีสวรรค์?”
…………………………