พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1249 ญาติของจอมพลเถิง
ตอนนี้เขาค่อนข้างกังวลว่าเกาก้วนจะประหารคนหนึ่งพันแปดสิบแปดคนนี้หมดเลยหรือเปล่า เพราะคนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ต่อให้เป็นคนโง่ก็เดาออกว่าคนธรรมดาทั่วไปไม่กล้าปลอมแปลงตบตากับเรื่องแบบนี้ ถ้าประหารคนพวกนี้จริงๆ เกาก้วนที่ล่วงเกินคนอื่นจนเคยชินกลับไม่เป็นอะไร คนมีเหาเยอะย่อมไม่กลัวคัน ทุกคนล้วนคุ้นชินกับลักษณะการทำงานของเกาก้วนแล้ว แต่เถิงเฟยกลับโดนลากลงน้ำให้ซวยไปด้วย นี่ไม่ใช่การล่วงเกินแค่คนสองคนนะ!
จอมพลเถิงแค่อยากจถามว่าทำไมตัวเองถึงซวยขนาดนี้ สิบสองจอมพลผลัดเวรกันมาเฝ้าแดนอเวจี ทำไมตัวเองถึงบังเอิญมาเจอการทดสอบครั้งนี้พอดี?
เถิงเฟยเริ่มจับตาดูปฏิกิริยาของเกาก้วนอย่างไม่ละสายตา
เกาก้วนรับรายชื่อมาไว้ในมือ กวาดตาอ่านรายชื่อหนึ่งพันแปดสิบแปดคนในนั้นคร่าวๆ รอบหนึ่ง เน้นให้ความสนใจกับเรื่องราวการปลอมแปลงที่อยู่ข้างหลังแต่ละรายชื่อ ดูไปพลางกล่าวถามไปพลางว่า “ความจริงกระจ่างชัดเจน พิสูจน์ความจริงแล้วใช่มั้ย?”
ประโยคนี้ทำให้เถิงเฟยอกสั่นขวัญแขวนอีกครั้ง
จุยหย่วนตอบว่า “ความจริงกระจ่างชัดเจน พิสูจน์ความจริงแล้ว ตรวจสอบตรงสถานที่จริงแล้วขอรับ มีการปลอมแปลงตบตาจริงๆ บางเขตพื้นที่ที่ทำเครื่องหมายไว้เดิมทีไม่ได้มีอยู่จริงๆ ผลงานของหนึ่งพันแปดสิบแปดคนนี้ถูกผิดผนึกแยกไว้แล้ว สามารถตรวจสอบซ้ำได้ทุกเมื่อ”
เกาก้วนพยักหน้าเบาๆ แล้วทำสำเนารายชื่อไว้หนึ่งฉบับตรงนั้น ก่อนจะนำต้นฉบับคืนให้จุยหย่วน สายตาพลันจ้องไปที่กำลังพลสามแสนกว่าที่หนาแน่นอยู่ในแอ่งกระทะด้านล่าง แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ยังไม่ต้องรีบจัดอันดับคะแนนทดสอบ เรียกชื่อคนหนึ่งพันแปดสิบแปดคนนั้นออกมาก่อน พอตรวจค้นหมดแล้ว ก็ควบคุมตัวไว้ชั่วคราว!”
“รับทราบ!” จุยหย่วนเอ่ยรับคำสั่งแล้วไปปฏิบัติตามทันที
เกาก้วนสะบัดผ้าคลุมดำบนบ่า หันตัวเดินเข้าไปในตำหนักแล้ว
“…” เถิงเฟยยื่นมือออกมา เดิมทีคิดจะขวางไว้เพราะมีเรื่องจะโน้มน้าว แต่พอได้ยินคำว่า ‘ควบคุมตัวชั่วคราว’ เขาก็โล่งใจ ขอเพียงไม่ประหารทันที หลังจากควบคุมตัวกลับไปแล้วจะลงโทษอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตนแล้ว ถึงตอนนั้นตนหลบอยู่ที่แดนอเวจี คนที่อยากจะรับตัวคนกลับก็ไปแสดงอภินิหารคิดหาทางกันเอาเองก็แล้วกัน เราช่วยปกป้องพวกเจ้าไม่ให้โดนเกาก้วนประหารในทันที ก็นับว่าช่วยพวกเจ้าได้เยอะแล้ว
ตุ้ง! ตุ้ง! ตุ้ง!
เสียงกลองสะท้านฟ้าดังก้องสามครั้ง ทำให้ผู้เข้าร่วมทดสอบหลายแสนในแอ่งกระทะตกใจจนใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองไปบนยอดเขา
จุยหย่วนที่ยืนอยู่หน้ากลองสะท้านฟ้ายกมือขึ้น ทำให้เสียงกลองหยุดลงทันที แค่เตือนให้ทุกคนสนใจทางนี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องตีต่อไปโดยไม่หยุด
จุยหย่วนกวาดสายตามองลงไปด้านล่าง แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ประกาศเสียงดังว่า “คนที่ถูกเรียกชื่อ ให้ขึ้นมาทันที ฟังคำสั่งหน้าตำหนัก ห้ามชักช้า!” พูดจบก็หันไปพยักหน้าเบาๆ ให้ลูกน้องที่อยู่ข้างกัน
กลุ่มผู้เข้าร่วมทดสอบที่อยู่ข้างล่างแปลกใจ ไม่รู้ว่าเรียกชื่อไปทำไม คะแนนทดสอบออกมาแล้วเหรอ?
“ซ่งเจ๋อ!” ชื่อแรกถูกประกาศเรียกเสียงดังก้องอยู่ในแอ่งกระทะ
เหมียวอี้ไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้มาก่อน จึงเหลียวซ้ายแลขวา อยากจะเห็นว่าเป็นตัวละครประเภทใด
ในบรรดาคนที่อยู่นั้น เห็นได้ชัดว่ามีคนไม่น้อยที่รู้จักซ่งเจ๋อ สายตาของคนมากมายมองไปยังที่ที่หนึ่ง ย่อมดึงดูดให้ทุกทยอยกันมองตามไปยังจุดเดียวเช่นกัน
เห็นเพียงชายสวมชุดผ้าแพรคนหนึ่งกำลังอยู่ท่ามกลางสายตาของทุกคน เจ้าตัวสีหน้าซีดขาวในชั่วพริบตาเดียว จ้องมองหน้าตำหนักบนยอดเขาพร้อมกลืนน้ำลายไม่หยุด ชักช้าไม่กล้าขานตอบ และไม่กล้าขยับเท้าด้วย บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียดและวิตกกังวล
สายตาของจุยหย่วนมองตามสายตาของคนข้างล่าง จ้องไปบนตัวของชายชุดผ้าแพรคนนั้น กล่าวคำพูดของลูกน้องซ้ำอีกครั้ง เรียกชื่อด้วยเสียงต่ำอีกครั้ง “ซ่งเจ๋อ!”
ชายชุดผ้าแพรคนนั้นตัวสั่นเล็กน้อย ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาแล้ว ตอบเสียงดังว่า “ไม่ทราบว่านายท่านผู้คุมกฎเรียกด้วยเรื่องอะไร?” เสียงสั่นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าได้ยินไม่ชัดเหรอ? มารอคำสั่งหน้าตำหนัก!” จุยหย่วนกล่าว
“ไม่ทราบว่าคำสั่งอะไร ขอถามอีกได้หรือไม่?” ซ่งเจ๋อถามอีก
เหมียวอี้ที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนข้างหลังได้ยินแล้วแอบส่ายหน้า แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นลูกหลานผู้มีอำนาจ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คนทั่วไปจะกล้าพูดมากเสียที่ไหนกัน พอโดนเรียกชื่อก็จะต้องปฏิบัติตามแต่โดยดีแน่นอน เพราะไม่มีต้นทุนอะไรให้ขัดขืน
จุยหย่วนไม่ได้พูดมากกับเขาอีก หันตัวมากุมหมัดคารวะเถิงเฟยที่ยืนอยู่บนบันไดตำหนักใหญ่ “มีคนมองข้ามคำสั่ง ท่านจอมพลได้โปรดให้ความร่วมมือสักหน่อย!”
จอมพลเถิงที่ยืนเอามือไขว้หลังอย่างทะนงองอาจมองจุยหย่วนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่เอียงหน้าและพยักหน้าให้ลูกน้องที่อยู่ตรงตีนบันได ทำให้มีแม่ทัพเกราะม่วงคนหนึ่งถลันตัวออกไปทันที
เดิมทีเถิงเฟยก็ได้รับคำสั่งจากตำหนักสวรรค์เพื่อให้ความร่วมมือกับการทดสอบครั้งนี้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเกาก้วนจะเรียกเขามาได้อย่างไร เกาก้วนมีแค่อำนาจในการตรวจสอบ ไม่มีอำนาจในการระดมพลอย่างเป็นทางการ กำลังพลของเกาก้วนจำกัดอยู่แค่ในหน่วยตรวจการฝ่ายขวาเท่านั้น ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือไม่มีอำนาจทางทหาร ถ้าอาศัยสถานะของเกาก้วนแล้วยังควบอำนาจทางทหารด้วย แบบนั้นก็น่ากลัวเกินไป ราชันสวรรค์ไม่มีทางยอมให้มีคนแบบนี้อยู่เช่นกัน
แม่ทัพเกราะม่วงคนนั้นมาเหยียบลงตรงหน้าซ่งเจ๋อ แล้วถามว่า “เจ้าคือซ่งเจ๋อเหรอ?”
“เป็นข้าเอง พวกท่านคิดจะทำอะไร?” ซ่งเจ๋อจ้องวรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นแปดตรงหว่างคิ้วของอีกฝ่าย พลางถอยหลังจากวิตกกังวล
“แค่บอกว่าเป็นเจ้าก็สิ้นเรื่องแล้ว จะพูดเหลวไหลอะไรเยอะแยะ!” แม่ทัพเกราะม่วงพลันลงมือ บีบคอซ่งเจ๋อโดยตรง อาศัยวรยุทธ์ของเขาลงมือในระยะใกล้ขนาดนี้ ทำให้ซ่งเจ๋อไม่มีแม้แต่โอกาสจะไหวตัว โดนหิ้วเหาะออกไปในชั่วพริบตาเดียว เหาะไปหน้าตำหนักบนยอดเขาแล้วโยนซ่งเจ๋อลงบนพื้น ตกลงอย่างสะเปะสะปะ
ซ่งเจ๋อเพิ่งจะลุกขึ้นอย่างโซเซ ภายใต้การบอกใบ้ของจุยหย่วน ก็มีคนโยนเชือกมัดเซียนออกมามัดเขาไว้แล้ว สองคนที่พุ่งเข้ามาจี้จุดผนึกวรยุทธ์เขาเอาไว้ แล้วตรวจค้นของบนตัวเขาออกมาจนหมด
ซ่งเจ๋อร้องโวยวายเสียงดังอย่างตื่นกลัวมาก แต่โดนระงับพลังอิทธิฤทธิ์ไว้ คนที่อยู่ด้านล่างภูเขาไม่ได้ยินเสียงตะโกนของเขาเลย
เนื่องจากลักษณะพื้นที่ ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างมองไม่เห็นสถานการณ์ของซ่งเจ๋อในตอนนี้เช่นกัน ทุกคนไม่รู้เลยว่าซ่งเจ๋อที่อยู่ข้างผลเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนซ่งเจ๋อที่ถูกค้นตัวจนหมดเกลี้ยงก็โดนลากไปไว้ด้านข้างแล้ว โดนกดให้นั่งคุกเข่าลง พอโดนดาบจ่อคอไว้ก็ว่านอนสอนง่ายทันที ตกใจจนตัวสั่นระริก
เถิงเฟยที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าตำหนักเอียงหน้ามองแวบหนึ่ง เกาก้วนเดินออกมาจากตำหนักแล้ว มายืนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้ง
“ถ้าเรียกชื่อใครแล้วไม่ขานอีก ประหาร!”
เสียงอันเย็นเยียบของเกาก้วนดังสยองอยู่ในแอ่งกระทะ พอเสียงของเขาดังขึ้น ก็เหมือนอุณหภูมิของอากาศจะลดลงอย่างฉับพลัน ทำให้คนรู้สึกหนาวขึ้นมาเอง ไม่รู้ว่าคำว่า ‘ประหาร’ ทำให้คนมากมายเท่าไรอกสั่นขวัญแขวน เหมือนจะไม่มีใครสงสัยในคพูดของเขาเลย
กำลังพลหลายแสนตัวสั่นระริก เงียบกริบราวกับจั๊กจั่นในฤดูหนาว
เหมียวอี้ที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนรู้สึกได้ว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงหยุดหายใจกระทันหัน พอหันกลับไปมอง ก็พบว่าบนใบหน้าของเซี่ยโห้วหลงเฉิงกำลังฉายแวววิตกกังวล พอเอียงหน้ามองจ้านหรูอี้ที่อยู่ข้างกัน ก็พบว่าจ้านหรูอี้ทำสีหน้าเครียดอยู่เงียบๆ ไม่กล้าหายใจแรงเช่นเดียวกัน
เหมียวอี้นับว่าได้รับรู้ถึงพลังความน่ากลัวของทูตขวาหน้าตายอีกครั้ง สามารถทำให้ลูกหลานของผู้มีอำนาจระดับสูงสุดหวาดผวาได้เหมือนกัน ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ
“ขอรับ!” จุยหย่วนเอ่ยรับคำสั่ง แล้วกันกลับมาสั่งลูกน้องข้างๆ ว่า “ต่อไป!”
ลูกน้องหยิบรายชื่อขึ้นมาเรียกอีกครั้ง “เซียวจ่างอวิ๋น เฉิงอวี้สิง คังฉงเทียน…”
เรียกชื่อไม่หยุด หลังจากเกาก้วนเอ่ยเสียงขึ้น พลังความน่าหวาดกลัวก็มีมากจริงๆ คนที่โดนเรียกชื่อไม่ว่าจะหวาดกลัวหรือไม่หวาดกลัว แต่ก็ยังดีกว่าเสียชีวิตเป็นไหนๆ แต่ละคนเหาะขึ้นมาหน้าตำหนักอย่างว่าง่าย พอเห็นคนที่มาถึงก่อนถูกกดให้นั่งคุกเข่า ก็ทำสีหน้าเศร้าโศกทันที ต่างก็รู้ว่าเรื่องที่ปลอมแปลงผลงานถูกเปิดโปงแล้ว
คนที่โดนเรียกชื่อแต่ละคนถูกมัดไว้อย่างว่านอนสอนง่าย พลังอิทธิฤทธิ์ถูกระงับ สิ่งของบนตัวถูกค้นยึดไปหมด โดนผลักให้นั่งคุกเข่าอยู่อีกด้านหนึ่ง
มีคนขึ้นมาข้างบนคนแล้วคนเล่า นั่งคุกเข่าลงแถวแล้วแถวเล่า พวกดวงซวยเห็นว่าคนมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีคนหลายร้อยนั่งคุกเข่าลงด้วยกันอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์ตอนหลังก็ไม่มีแนวโน้มว่าคนจะลดลง แต่ละคนกลับเริ่มวางใจลงทีละนิด เหตุผลก็เรียบง่ายมาก ลูกหลานผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์มากมายขนาดนี้ คนเยอะไม่สะดวกจะทำโทษ!
ลูกหลานผู้มีอำนาจมากมายขนาดนี้โกงการทดสอบที่ราชินีสวรรค์จัดขึ้นครั้งแรก ในจำนวนนั้นมีคนที่เถิงเฟยรู้จักและเคยเห็น เถิงเฟยดูจนปวดประสาท จะให้ราชินีสวรรค์รู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้? คนมากมายขนาดนี้ไม่เห็นราชินีสวรรค์อยู่ในสายตา คาดว่าราชินีสวรรค์คงจะโกรธจนหน้าเขียวแล้ว!
เถิงเฟยเหลีบมองเกาก้วนที่อยู่ข้างๆ อีกฝ่ายยังคงทำสายตาเย็นชาเหมือนเดิม สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ เขายอมเจ้าหมอนี่แล้วจริงๆ ทำเรื่องแบบนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าไม่รู้ผลลัพธ์ที่จะตามมาทีหลัง?
“หลัวชิงเยี่ยน!”
จู่ๆ ก็เรียกชื่อมาจนถึงชื่อนี้ ดึงให้เถิงเฟยที่กำลังครุ่นคิดกลับมาสู่ความจริง ชื่อนี้เหมือนจะคุ้นหูนิดหน่อยนะ…ไม่นานก็เห็นแม่นางหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเหาะขึ้นมา การปรากฏตัวของผู้หญิงคนนี้ทำให้เถิงเฟยกระตุกมุมปากอย่างแรง ก่อนหน้านี้ญาติของเขาก็โดนเกาก้วนสั่งประหารไปแล้วคนหนึ่ง ทำไมมีคนปลอมแปลงผลงานโผล่มาอีกแล้วล่ะ?
เมื่อถูกค้นตัวอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย หลัวชิงเยี่ยนก็ยังตะโกนเรียกเถิงเฟยอย่างน้อยใจเป็นพิเศษ “ลุงเขย!” เหมือนกำลังขอร้องให้เถิงเฟยดูแล
เกาก้วนเหล่ตามองเถิงเฟยอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ทำเอาเถิงเฟยอึดอัดทำตัวไม่ถูก
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลูกสาวของน้องสาวแท้ๆ ของอนุภรรยาเถิงเฟย นางใช้เส้นสายของเถิงเฟยให้ได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ บังเอิญว่าติดร่างแหเข้ามาอยู่ในการทดสอบครั้งนี้พอดี
เถิงเฟยทั้งตกใจทั้งโมโห ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับหลัวชิงเยี่ยน อนุภรรยาคนนั้นจะต้องร้องไห้ฟูมฟายเป็นวรรคเป็นเวรกับเขาแน่
รอจนกระทั่งตอนที่หลัวชิงเยี่ยนจะถูกคุมตัวไปด้านข้าง เถิงเฟยก็บอกใบ้ให้ลูกน้องคนหนึ่งไปขวางหลัวชิงเยี่ยนไว้ ต้องการจะเอาตัวมาซักถาม แต่คนของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาไม่ยอม เกาก้วนจึงโบกมือ ให้คนถอยไปเพื่อไว้หน้าเถิงเฟย
หลังจากหลัวชิงเยี่ยนถูกนำตัวมา และคลายผนึกพลังอิทธิฤทธิ์แล้ว เถิงเฟยก็ถ่ายทอดเสียงตำหนิอย่างโมโหว่า “เจ้านี่ยังไงกันแน่? มีคนช่วยเจ้าทำผลงานไปบ้างแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังปลอมแปลงมาตบตาอีก?”
หลัวชิงเยี่ยนหลบสายตาพร้อมเถียงว่า “ข้าไม่ได้ปลอมแปลงมาตบตานะ”
“เจ้า…” เถิงเฟยเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะตบนางให้ตายคามือ เขารู้ดีว่าเกาก้วนเป็นคนอย่างไร แต่ไหนแต่ไรมาก็แยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวชัดเจนจนราชันสวรรค์ไว้ใจ ไม่สร้างหลักฐานเท็จมาใส่ร้ายใครแน่นอน ไม่อย่างนั้นอาศัยพฤติกรรมที่เกาก้วนล่วงเกินคนไว้มากมายขนาดนั้น ถ้าหากตัวเองไม่สะอาดเสียเอง เกรงว่าคงจะตายอย่างอนาถไปตั้งนานแล้ว คงโดนคนอื่นบีบจุดอ่อนและเล่นงานจนตายไปตั้งนานแล้ว จะรอดมาถึงวันนี้ได้อย่างไร แล้วอีกอย่าง เกาก้วนเป็นตัวละครระดับไหน จำเป็นต้องยัดหลักฐานใส่ร้ายตัวละครเล็กๆ อย่างเจ้าด้วยเหรอ? มิหนำซ้ำเมื่อครู่นี้เขาก็ได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว ในมือจุยหย่วนมีหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่กลับไปแล้วจะต้องรายงานต่อทุกคนทั้งระดับบนระดับล่าง จะเป็นของปลอมได้อย่างไร!
“เจ้าจะไม่พูดความจริงใช่มั้ย?” เถิงเฟยชี้นางพร้อมถามอย่างโมโห
เมื่อเห็นเขาโมโหแล้ว หลัวชิงเยี่ยนก็กลัวเหมือนกัน ตอบเสียงต่ำว่า “ข้าเองก็อยากให้คะแนนอยู่อันดับต้นๆ สักหน่อย ไม่อยากให้ลุงเขยเสียหน้า…”
“เจ้า…” เถิงเฟยชี้หน้านาง ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะว่าอะไรนางดี พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ญาติตัวเองจึงโดนประหาร เดิมทีทั้งสองเป็นกลุ่มเดียวกัน เห็นได้ชัดว่ารวมหัวกันโกง เพียงแต่หลังจากที่คนก่อนหน้านี้โวยวายจนโดนประหาร คนที่อยู่ตรงหน้าจึงตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ยังถูกบีบออกมาเหมือนเดิม
เขาเองก็เข้าใจเช่นกันว่าทำไมญาติทั้งสองของตัวเองถึงยังกล้าปลอมแปลงผลงานทั้งๆ ที่มีคะแนนอยู่แล้ว เป็นเพราะมีจอมพลเถิงอย่างเขารักษาการณ์อยู่ที่นี่ พวกเขาถึงไม่กลัวเพราะมีที่พึ่งไงล่ะ!
“โง่เง่า!” เถิงเฟยชี้หน้าด่า แล้วหลับตาลงอย่างแค้นใจในความไม่เอาถ่าน ก่อนจะโบกมือสั่งว่า “คุมตัวไป!”
“ลุงเขย! ลุงเขย…” หลัวชิงเยี่ยนที่โดนลากตัวไปตะโกนเรียกไม่หยุด
เถิงเฟยหลับตาไม่สนใจ อยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ อีกทั้งเกาก้วนก็อยู่ข้างๆ เขาเองก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะเรื่องส่วนตัวได้เช่นกัน
…………………………