พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1252 อันดับเก้าเคียงคู่กัน
พอศิลาอักษรปรากฏออกมา ทุกคนก็เดาได้ว่าคะแนนออกมาแล้ว
หลังจากจุยหย่วนยืนยันเพิ่ม กำลังพลหลายแสนที่อยู่ข้างล่างก็มีอารมณ์คึกคักเดือดพล่านทันที ในที่สุดความทรมานหนึ่งร้อยปีก็จะแสดงผลลัพธ์แล้ว!
คนไร้อำนาจอิทธิพลหนุนหลังบางกลุ่มที่เสี่ยงตายสู้สุดชีวิตก็ยิ่งตื่นเต้นกังวล ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอดชีวิตกลับมาได้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ดูกันที่ผลลัพธ์ครั้งนี้
แต่จ้านหรูอี้กับลูกหลานผู้มีอำนาจคนอื่นๆ กลับโล่งใจมาก ตอนนี้ประกาศผลคะแนนออกมาแล้ว ก็แปลว่าเกาก้วนไม่คิดจะสืบสาวเรื่องโกงผลงานอีก อย่างน้อยก็ไม่ได้คิดจะสืบสวนต่อในตอนนี้ ด่านตรงหน้าผ่านไปแล้ว เพราะศีรษะของคนพันกว่าคนก่อนหน้านี้ทำให้คนหวาดผวาจริงๆ
กลุ่มคนที่อยู่ในแอ่งกระทะด้านล่างวุ่นวายกันไปหมด ต่างก็เบียดกันอยู่หน้าศิลาอักษรอย่างร้อนใจ มีคนไม่น้อยเหาะขึ้นไปตรวจดู ไม่นานกลุ่มคนก็ล้อมศิลาอักษรร้อยกว่าแผ่นนั่นเอาไว้หมดแล้ว
จุยหย่วนที่ยืนอยู่บนหน้าผามองดูกลุ่มคนที่อารมณ์ฮึกเหิมเร้าใจอยู่ข้างล่างอย่างเงียบๆ เพื่อที่จะปลุกปลั่นอารมณ์ของทุกคน จะได้นำความรู้สึกนี้กลับไปแพร่ให้คนที่จะมาทีหลัง นี่ก็คือเจตนาที่ทำแบบนี้
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าในการทดสอบครั้งนี้มีคนมากมายที่ผลงานเหมือนกันทุกอย่าง แล้วก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เกาก้วนสั่งให้เปลี่ยนแปลงอันดับ จุยหย่วนก็แอบถอนหายใจเบาๆ ถึงอย่างไรโลกนี้ก็ไม่มีความยุติธรรมที่เต็มร้อย!
“น้องหนิว เร็วเข้าๆๆ พวกเราไปดูผลคะแนนกันเถอะว่าเป็นยังไง”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกระโดขึ้นมาส่งเสียงเร่ง เหมียวอี้ลุกขึ้นยืนช้าๆ มองภาพที่คนเบียดกันแวบหนึ่ง แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มเรียบๆ “คะแนนออกมาแล้ว ควรจะได้อันดับเท่าไรก็ได้เท่านั้นแหละ มันไม่หนีไปไหนหรอก ไม่จำเป็นต้องไปเบียด รออีกหน่อยก็ได้ดูเหมือนกัน”
รออีกหน่อยค่อยดู? เซี่ยโห้วหลงเฉิงเกาหัวเกาหูอย่างร้อนรน เดินกลับไปกลับมาและหันหน้ากลับมามองบ่อยๆ
พวกฝานอวี้เฟยก็ข่มสีหน้าที่เฝ้าคอยจะดูผลคะแนนไม่ไหวเช่นกัน เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตและอนาคตตัวเอง จะไม่ร้อนรนสนใจได้อย่างไร พวกเขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าเหมียวอี้ที่โจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้านจะใจเย็นได้ขนาดนี้
“ติดแปดร้อยอันดับแรกแล้ว ข้าติดแปดร้อยอันดับแรกแล้ว! ข้าติดแปดร้อยอันดับแรกแล้ว!”
มีบางคนพุ่งตัวออกจากฝูงชนมากระโดดโลดเต้นดีใจอย่างบ้าคลั่ง ทุบอกเสียงดังตุ้บๆ ไม่หยุด ตื่นเต้นดีใจจนหน้าแดงแทบจะเปล่งแสง ดูจากท่าทางที่เหมือนอยากจะให้โลกรู้ใจจะขาด ก็รู้แล้วว่าคนคนนี้ไม่ใช่ลูกหลานผู้มีอำนาจ คนที่ออกสังคมบ่อยจนชินจะไม่ดีใจขนาดนี้ น่าจะเป็นคนประเภทที่ได้พลิกชะตาชีวิตตัวเองอย่างกะทันหัน
พอคนคนนี้โผล่ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที ไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไรที่ในดวงตาฉายแววอิจฉา การติดแปดร้อยอันดับแรกก็แปลว่าใกล้จะได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แล้ว ต้องทราบไว้ว่าลูกหลานผู้มีอำนาจมากมายก็ไม่ได้ขึ้นนั่งตำแหน่งนี้ได้ง่ายๆ เหมือนกัน ตั้งแต่นี้ไปจะได้เสพสุขกับเกียรติยศความร่ำรวยไม่จบไม่สิ้นแล้ว!
“ใครเข้ารอบแปดร้อยคนแรกแล้ว?” จู่ๆ เสียงเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ดังขึ้น พอเห็นเป้าหมายแล้ว ก็ถลึงตากว้างมองชายคนนั้น ทั้งอิจฉาทั้งริษยา พับแขนเสื้อสองข้างอย่างช้าๆ ทำท่าเหมือนอยากจะต่อสู้กัน
เหมียวอี้เองก็มองดูความบ้าคลั่งของคนคนนั้นเช่นกัน เขานึกถึงตัวเองตอนเมื่อก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะมอบหุ้นของร้านขายของชำซื่อตรงให้ โค่วเหวินหลานก็คงไม่ช่วยให้ตนได้ตำแหน่งผู้บัญชาการตลาดสวรรค์ ตอนหลังถ้าไม่ใช่เพราะทดสอบได้อันดับหนึ่งและได้รับแต่งตั้งจากราชันสวรรค์จนคนอื่นว่าอะไรไม่ได้ เขาก็คงจะไม่ได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ ไม่อย่างนั้นปี้เยว่ฮูหยินก็ประคองให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่งท่ามกลางแรงกดดันที่มากขนาดนั้นไม่ไหวเช่นกัน เขาย่อมรู้ว่าตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์หมายความว่าอย่างไรสำหรับคนทั่วไป สำหรับคนส่วนใหญ่ นั่นคือตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่ไม่มีวันไขว่คว้ามาได้เลย!
“น้องหนิว เจ้ารอก่อนนะ ข้าจะไปช่วยดู พวกเราไปกันเถอะ!”
ทางนั้นคึกคักเกินไปแล้ว บวกกับมีคนมาแหกปากตะโกนบอกข่าวดีเป็นพักๆ แบบนี้ยั่วโมโหเกินไปแล้ว สุดท้ายเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็รอไม่ไหว จึงบอกกับเหมียวอี้อย่างตรงไปตรงมา แล้วโบกมือเรียกพวกฝานอวี้เฟยเบียดเข้าไปในฝูงชน ไม่นานก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวาย “อย่าขวางทางพ่อสิ ไสหัวไป…ใคร? เจ้าบอกมาว่าใคร? กล้าด่าท่านปู่เซี่ยโห้วของเจ้าได้ยังไง ไสหัวไปทางโน้นเลย…หินแผ่นไหนมีชื่อของอันดับหนึ่ง? ตรงกลางเหรอ? อย่าขวางทาง หลีกไป!”
เห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงพาคนฝ่าเข้าไปในนั้นอย่างวางอำนาจบาตรใหญ่ คนอื่นเบียดเข้าไปไม่ได้ แต่เจ้าเวรนั่นกลับใช้ทั้งหมัดทั้งเท้าจนเบียดเข้าไปได้อย่างง่ายดาย เหมียวอี้เองก็กลั้นขำไม่ไหวเหมือนกัน เจ้าหมีควายมันมีคนหนุนหลังใหญ่โต เหมาะจะทำเรื่องแบบนี้ที่สุดแล้ว
ส่วนจ้านหรูอี้ที่เป็น ‘เพื่อนบ้าน’ ก็สังเกตความเคลื่อนไหวของเหมียวอี้อยู่ตลอด เหมียวอี้ดูสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด นางเองก็ไม่สะดวกจะเสียอาการ ต้องกู้หน้ากลับมาให้ได่ แต่ตอนนี้หลังจากได้เห็นคนพวกนั้นรายงานบอกข่าวดี นางเองก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จึงหันกลับมาบอกให้คนที่อยู่ข้างกายไปตรวจดูคะแนนแล้ว ส่วนตัวเองก็เอียงหน้าชำเลืองมองเหมียวอี้ และยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
บางครั้งก็จำเป็นต้องยอมรับ ว่าถึงแม้ลูกหลานผู้มีอำนาจจะมีความได้เปรียบมากกว่า แต่ถ้าตัดผลกระทบที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ออกไป หลังจากมีปัจจัยสำหรับการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน คนฐานะธรรมดาที่ต้องสู้สุดชีวิตจะต้องโผล่ออกมาเสี่ยงอันตรายได้ง่ายกว่าแน่นอน ถ้าดูจากจำนวนคนในอัตราส่วนเปรียบเทียบ คนแบบหลังมีโอกาสชนะมากกว่าแน่นอน
คนที่มีทางหนีทีไล่ไม่มีทางสู้สุดชีวิต นี่คือกฎเหล็ก เพราะมันไม่คุ้มค่า! ส่วนคนพวกนั้นที่ไม่มีทางหนีทีไล่ คนที่สู้สุดชีวิตเพื่ออนาคต คนอื่นเปิดโอกาสให้แล้ว พวกเขาก็ต้องโผล่หน้าออกมา ไม่ใช่เพราะพวกเขามีศักยภาพมากกว่าคนที่มีอำนาจอิทธิพลหนุนหลังหรอก!
ทฤษฎีนี้ได้รับการพิสูจน์ในการทดสอบครั้งนี้แล้ว ในสิบอันดับแรกมีเพียงสองรายชื่อที่เป็นคนมีอำนาจอิทธิพลหนุนหลัง ที่เหลือล้วนเป็นนักพรตธรรมดาที่ไม่มีภูมิหลัง
เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ไปเบียดอยู่ตรงหน้าแผ่นหินไล่ดูจากอันดับหนึ่งลงมาข้างล่าง พอเห็นว่าอันดับสองเป็นจ้านหรูอี้ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
“พี่เซี่ยโห้ว รีบมาดูสิ ท่านอยู่ในสิบอันดับแรก! ” จู่ๆ หลัวชิ่งจื่อที่อยู่ข้างกันก็เตือนให้รู้
“ไหนๆๆ?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงตื่นเต้นทันที ตื่นเต้นจนมองมั่วไปทั่วแต่ไม่เห็นชื่ออันโดดเด่นของตัวเอง
“นี่ไง ท่านกับพี่หนิวอยู่อันดับเก้าเหมือนกัน!” หมานซานชี้บอก
สายตาของเซี่ยโห้วหลงเฉิงไปหยุดอยู่ที่อันดับตัวเองทันที ดวงตาทั้งคู่พลันเบิกกว้าง เห็นบนอันดับเก้ามีสองรายชื่อจริงๆ แบ่งเป็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงและหนิวโหย่วเต๋อ!
“โอ้ว!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงปรบมือสองข้างเสียงดังมาก จากนั้นก็ตบบ่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน “สหาย ข้าได้อันดับเก้า เจ้าได้อันดับที่เท่าไร?”
“เอ๋…” คนคนนั้นอึ้งไป เขารู้จักเซี่ยโห้วหลงเฉิง แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่รู้จักเขา เขานึกไม่ถึงว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะเป็นฝ่ายมาเรียกเขาว่าสหายก่อน หลังจากรู้ตัวแล้วก็รีบกุมหมัดคารวะ “ข้ายังหาอันดับของตัวเองไม่เจอเลย ยินดีด้วยๆ!”
“เหอะๆ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงตบท้องของตัวเองที่นูนออกมา แล้วหันตัวมาสบตากับพวกฝานอวี้เฟยที่กลอกสายตาไปทั่ว พร้อมบอกด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าค่อยๆ ดูไปนะ ข้าจะกลับไปบอกข่าวดีกับน้องหนิวก่อนแล้ว” พูดจบก็กลับมาเบียดกับกลุ่มคน พอเห็นกลุ่มคนอุดทางกลับอยู่ ครั้งนี้เขากลับควบคุมอารมณ์ได้ดีอย่างประหลาด หรี่ตายิ้มพร้อมกุมหมัดคารวะบอกทุกคนว่า “ทุกท่าน รบกวนหลีกทางหน่อย!”
หลังจากมองคล้อยหลังเขาหายไปในกลุ่มคน สายตาของพวกฝานอวี้เฟยก็ไปหยุดอยู่บนศิลาอักษรตรงหน้าอย่างรวดเร็ว มองไปมองมาก็ยังไม่เห็นรายชื่อของตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิกลั่ก บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย รู้สึกแปลกใจ ทุกคนนำผลงานกลับมาเหมือนกัน แต่ทำไมเซี่ยโห้วหลงเฉิงกับหนิวโหย่วเต๋อถึงได้อันดับเก้า แต่กลับไม่มีอันดับของพวกเขา? ไม่มีเหตุผล! อย่าบอกนะว่าตระกูลเซี่ยโห้วใช้เส้นสายทำอะไรบางอย่าง? แต่ก็ไม่ถูกสิ ถ้าพูดถึงเส้นสาย พวกเราต่างหากที่เป็นคนของตระกูลเซี่ยโห้ว ไม่มีเหตุผลที่หนิวโหย่วเต๋อจะอยู่อันดับบนๆ…
สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดตอนนี้ก็คือ เซี่ยโห้วหลงเฉิงทิ้งพวกเขาไว้แล้วหนีไปแล้ว ไม่มีเซี่ยโห้วหลงเฉิงคอยวางอำนาจบาตรใหญ่เบิกทาง ถ้าพวกเขาคิดจะเบียดดูที่ศิลาอักษรแผ่นอื่นอีกก็จะยุ่งยากนิดหน่อย
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเบียดออกมาจากกลุ่มคนแล้ว เดินเอามือไขว้หลังกลับมาอย่างภาคภูมิใจ เขาก้าวเท้าเบาๆ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จ้านหรูอี้ที่รอข่าวอยู่เงียบๆ เห็นเขาแล้ว นางอดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย ดูจากท่าทางของเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จะต้องได้อันดับที่ไม่เลวแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะภาคภูมิใจขนาดนี้เหรอ
“น้องจ้านคนสวย ข้าเห็นคะแนนของเจ้าแล้ว ไม่เลวเลยนะ ขาดไปนิดเดียวก็จะได้อันดับหนึ่งแล้ว เจ้าได้อันดับสอง!”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะคิกคักพลางบอกข่าวจ้านหรูอี้มาแต่ไกลๆ
จ้านหรูอี้ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่พูดจริงหรือโกหก แต่อดไม่ได้ที่จะถามว่า “แล้วเจ้าได้อันดับเท่าไร?”
“เขินจัง! ก็ถูไถจนได้อันดับเก้ามานั่นแหละ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะพลางเดินผ่านนางไป
จ้านหรูอี้หันขวับไปมองเขา สงสัยอย่างแรงว่าเจ้าหมีควายนี่กำลังล้อตนเล่นอยู่ ไม่อย่างนั้นทำไมคนได้อันดับเก้าถึงดูดีใจกว่าคนได้อันดับสองล่ะ?
พอเห็นท่าทางของเซี่ยโห้วหลงเฉิง เหมียวอี้ก็รู้แล้วว่าคะแนนของตัวเองไม่ได้แย่ เป็นอย่างที่คาดไว้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงเดินเข้ามากุมหมัดคารวะ พลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “น้องหนิว พวกเราต้องดีใจด้วยกันแล้ว เราสองคนได้อันดับเก้าคู่กัน ในสิบอันดับแรกมีแค่พวกเราสองคนที่ได้คะแนนคู่กัน คนอื่นโดดเดี่ยวเดียวดายทั้งนั้น ไม่ได้อยู่เป็นคู่มงคลเหมือนพวกเราสองคนหรอก!”
เขาดีใจจริงๆ การทดสอบครั้งนี้เขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเลย ทั้งยังมีเกาก้วนผู้พิพากษาหน้าตายมาคุมสั่งประหารคนปลอมแปลงผลงานอีก ส่วนเขานั้นอาศัยความสามารถตัวเองจนได้อันดับเก้ามา ทำให้คนในตระกูลตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ตระกูลช่วยเหลือ ตัวเองก็สามารถเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ได้ กลับไปจะต้องได้หน้าได้ตามากขนาดไหนกัน!
ผีน่ะสิที่จะอยู่เป็นคู่กับเจ้า! เหมียวอี้ด่าในใจอย่างบ้าคลั่ง ไอ้เวรเอ๊ย เจ้าไม่คิดว่าอันดับคู่ของเราสะดุดตาเกินไปบ้างเหรอ? ไม่กลัวว่าเกาก้วนเห็นคะแนนของพวกเราสองคนเหมือนกันแล้วมาสืบสวนพวกเราทีหลังรึไง?
มาพูดอะไรตอนนี้ก็ไม่มีความหมายแล้ว เหมียวอี้ถามส่งเดชว่า “ไม่รู้ว่าใครได้อันดับหนึ่ง?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเกาหัว นึกไปนึกมาสักพักแล้วตอบว่า “หวังติ้งเฉา! ใช่แล้ว ชื่อนี้แหละ ไม่คุ้นหูเลย ไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่มีความทรงจำอยู่ในหัวสักนิด ไม่เหมือนมาจากตระกูลไหน ไม่รู้เหมือนกันว่าโผล่มาจากไหน ครั้งนี้ได้โดดเด่นเป็นสง่าแล้ว มีหน้ามีตายิ่งกว่าตอนที่เจ้าได้อันดับหนึ่งในสถานที่ไร้ชีวิตอีก!”
“หวังติ้งเฉา!” เหมียวอี้พึมพำพลางครุ่นคิด แล้วส่ายหน้าเบาๆ ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน
คะแนนฝั่งนี้เป็นรูปธรรมแล้ว หัวใจสงบแล้วเช่นกัน หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม คนของจ้านหรูอี้ก็กลับมารายงานข่าวดีแล้ว ยืนยันแล้วว่าจ้านหรูอี้ได้อันดับสอง ส่วนคนที่อยู่กลุ่มเดียวกันก็ติดอันดับหนึ่งในพัน หรือพูดได้อีกอย่างว่าได้กลายเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แน่นอน!
ขณะที่จ้านหรูอี้ดีใจ ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองเซี่ยโห้วหลงเฉิง รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ว่าเจ้าหมีควายนั่นมีเจตนาดีขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ?
เมื่อเห็นคนฝั่งจ้านหรูอี้กำลังแสดงความยินดีร่วมกัน เหมียวอี้ก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ หันกลับไปถามเซี่ยโห้วหลงเฉิงว่า “พวกฝานอวี้เฟยล่ะ? คะแนนของพวกเขาไม่ได้อยู่อันดับเดียวกับพวกเราเหรอ?”
“เอ่อ…” เซี่ยโห้วหลงเฉิงนิ่งไปชั่วขณะ พอนึกขึ้นได้ ก็ตอบอย่างไม่เป็นธรรมชาติว่า “ข้าเองก็แปลกใจเหมือนกัน”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นของเขา เหมียวอี้ก็แอบสงสัยในใจ
หลังจากนั้นเกือบครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็เห็นพวกฝานอวี้เฟยกลับมาพร้อมสีหน้าเรียบเฉยแล้ว เหมียวอี้รีบถามว่า “คะแนนพวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
…………………………