พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1256 เซี่ยโห้วเข้าวัง
เหมียวอี้ที่เคยเห็นสถานการณ์ที่ใจกลางนรกตัดสินได้แบบนี้ตั้งนานแล้ว เขาหันกลับไปมองคนที่โวยวายเสียงดัง แล้วหันกลับไปดูปฏิกิริยาของคนอื่นๆ อีก พลางครุ่นคิดว่าการตบรางวัลของตำหนักสวรรค์ในครั้งนี้คงจะปลุกเร้าใจคนไม่น้อย ถ้าตบรางวัลอย่างงาม ก็ย่อมมีผู้กล้าออกมาทำงานให้!
หันมองไปรอบๆ ครู่หึ่ง เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็จะได้กลับอาณาเขตตำหนักสวรรค์แล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ยิ้มจนหุบปากไม่ลง กลับไปครั้งนี้จะต้องได้โผล่หน้าที่ตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว นี่คงจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้โผล่หน้าในตระกูล ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์โดยไม่ต้องอาศัยการสนับสนุนจากครอบครัว สะใจนัก!
พอหันกลับมา ก็ถามเชื้อเชิญเหมียวอี้อย่างอบอุ่น “น้องหนิว ไปเที่ยวบ้านข้าสักหน่อยมั้ย?”
“วันหลังยังมีโอกาส ตอนนี้ต้องกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงานก่อน!” ขณะที่เหมียวอี้ตอบ สายตากลับไปหยุดอยู่บนตัวพวกจางฮั่นฟางที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ
ไม่น่าเชื่อว่าเก้าคนนั้นจะยังรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้ ตอนที่เขาดูบนแผ่นป้ายรายชื่อ ก็พบว่าเก้าคนนั้นอยู่ในอันดับเดียวกัน เหมือนจะอยู่ในอันดับแปดพันกว่า
พวกจางฮั่นฟางกลับถูกเหมียวอี้จ้องแล้ว แต่ละคนลานลานหวาดกลัวมาก กังวลว่าใครบางคนจะสังหารระหว่างทาง จึงรีบเกาะกลุ่มกันเอาไว้ ต้องการหาพันธมิตรเพื่อกลับด้วยกัน ขณะเดียวกันก็เขย่าระฆังดาราติดต่อให้คนมารับ
“ก็ใช่ ทุกคนต้องกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงาน งั้นตอนหลังก็ค่อยว่ากัน ข้าจะนำไปก่อน พวกเราไปกันเถอะ!” พอเซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมือ ก็เรียกพวกฝานอวี้เฟยไปแล้ว เขาอดใจรอไม่ไหวอยากจะกลับโอ้อวดที่ตระกูลเซี่ยโห้วใจจะขาดแล้ว
พวกฝานอวี้เฟยกุมหมัดคารวะเหมียวอี้ “พี่หนิว วันหลังค่อยเจอกัน!”
“วันหลังเจอกัน!” เหมียวอี้กุมหมัดส่ง
หลังจากมองส่งพวกเขาจากไปไกล เหมียวอี้ก็หันกลับมาอีก ไม่รู้ว่าพวกจางฮั่นฟางหนีไปไหนแล้ว ในดาราจักรมีเงาคนเหาะกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกที่
ในปีนั้นที่โดนสร้างความอัปยศน่าอับอาย เหมียวอี้จดจำฝังลึกอยู่ในใจ มีหรือที่บทจะผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเลย ความแค้นบางอย่างจะต้องมีคำอธิบาย เหมียวอี้ไม่คิดว่าถ้าตัวเองใจกว้างปล่อยพวกเขาไป แล้วพวกเขาหรืออำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะปล่อยตนไป ในเมื่อไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เป็นแบบนี้อยู่ดี เช่นนั้นก็สักวันเรื่องนี้ก็ต้องถูกสะสาง เพียงแต่พลาดโอกาสดีในการเล่นงานพวกนั้นให้ถึงตายไปแล้ว ตอนนี้ยังทำอะไรเจ้าพวกนั้นไม่ได้ เช่นเดียวกัน เขารักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้ ยังคงอยู่ในระบบของระบบตลาดสวรรค์ อำนาจของท้องถิ่นก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรเขาเช่นกัน เขามองดูรอบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกเฮยทั่นออกมาและพุ่งไปยังจุดลึกในดาราจักรอย่างรวดเร็ว…
“ฮูหยิน ฮูหยิน การทดสอบจบแล้ว ได้ยินว่านายท่านทดสอบได้อันดับเก้า นายท่านน่าจะกำลังอยู่ระหว่างทางกลับ”
เสวี่ยเอ๋อร์ที่ไปสืบข่าวกลับมารีบวิ่งเข้ามาในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ เข้ามาในเรือนพัก แล้ววิ่งเข้ามารายงานข่าวดีให้อวิ๋นจือชิวที่กำลังอาบน้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำ
“ระหว่างทางน่าจะต้องใช้เวลานิดหน่อย” อวิ๋นจือชิวที่ผิวขาวดุจหิมะนอนพิงขอบอ่างพลางหัวเราะคิกคัก น้ำกำลังท่วมนองยอดเขาสองลูกพอดี ภาพที่อยู่ใต้เงาสะท้อนคลื่นน้ำทำให้คนเลือดลมสูบฉีด เชียนเอ๋อร์กำลังยิ้มบางๆ พลางใช้หวีสางผมยาวให้นาง
หลังจากเสวี่ยเอ๋อร์ลังเลครู่หนึ่งง ก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “ฮูหยิน ได้ยินว่าตอนทดสอบนายท่านโดนทำโทษ โดนตัดรางวัลไว้ ทั้งยังโดนตัดรายได้ไปหนึ่งร้อยปี จากยศแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบก็โดนลดเป็นหทารเลวหกแถบแล้ว”
เชียนเอ๋อร์หันกลับมาบอกพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องให้เจ้าบอกหรอก ฮูหยินรู้หมดแล้ว นายท่านเพิ่งจะติดต่อกับฮูหยินไป”
“…” เสวี่ยเอ๋อร์พูดไม่ออก
อวิ๋นจือชิวอารมณ์ดีไม่เบา ยิ้มอย่างเป็นกันเองพร้อมบอกว่า “รางวัลเล็กน้อยแค่นั้นไม่เอาก็ได้หรอก ขอเพียงรอดชีวิตกลับมาได้ก็ดีกว่าอะไรทั้งนั้น ในที่สุดครั้งนี้ก็หายห่วงแล้ว ก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้ข้าตกใจแทบแย่จริงๆ สงสัยสถานที่จบการทดสอบจะวางค่ายกลตัดขาดสัญญาณระฆังดารา เออใช่ เดี๋ยวไปเก็บกวาดบ้าให้สะอาดเรียบร้อยด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ!” สองสาวเอ่ยรับคำสั่ง
ณ สมาคมร้านค้า โจวหราน หัวหน้าสมาคมร้านค้านั่งเงียบอยู่ตรงหัวโต๊ะ
ผู้จัดการร้านยี่สิบเก้าคนที่มีสิทธิ์นั่งในนี้ก็เงียบเช่นกัน ข่าวที่เหมียวอี้กลับมาจากการทดสอบได้อย่างราบรื่นแพร่มาถึงนี่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเขาสักเท่าไร
อวี้ซวีเจินเหรินสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายสำหรับเขา
หวงฝู่จวินโหรวก็นั่งอย่างเหม่อลอยนิดหน่อย กำลังคิดว่าหลังจากเหมียวอี้กลับมาแล้วจะคิดบัญชีกับเหมียวอี้อย่างไร นอกจากเหมียวอี้จะหลอกนางว่าไม่เข้าร่วมการทดสอบแล้ว สิ่งที่น่าแค้นที่สุดก็คือร้อยปีมานี้เขาไม่เคยตั้งใจติดต่อมาหานางเลย น่าโมโหเกินไปแล้ว จบเรื่องนี้ไม่ได้หรอก!
“ทำไมถึงให้เขารอดชีวิตกลับมาได้ ทั้งยังได้อันดับเก้าอีก ทำลายความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ก็ควรจะลงโทษเขาให้ถึงตายสิ!”
คนที่ทอดถอนใจครวญครางก็คือเถียนเฟิงฮ่าว ผู้จัดการที่รับช่วงต่อร้านค้าเจ็ดอารมณ์ เขาเองก็ได้ข่าวมาแล้วเช่นกัน หนิวโหย่วเต๋อคนเดียวเรียกได้ว่าทำให้จวนเทพประจำดาวฟ้าเถาะไม่สงบสุข เนื่องจากการตายของจาเหรินจวิ้น นายหญิงของที่นี่มักจะร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในบ้านบ่อยๆ ทำเอาเทพประจำดาวฟ้าเถาะไม่อยากกลับบ้านแล้ว
ผู้จัดการร้านหูอวี้หยวนเคาะโต๊ะน้ำชาสองสามที “ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาว่าเขาตายหรือไม่ตาย ตอนนี้เขารักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้และกลับมาแล้ว ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ว่าเขาจะมาคิดบัญชีกับพวกเรามั้ย”
เถียนเฟิงฮ่าวตอบว่า “ตอนอยู่ที่นรกเขาฆ่าคนไปเยอะขนาดนั้น ทั้งยังมีลูกหลานผู้มีอำนาจไม่น้อยที่ตายด้วยน้ำมือเขา เขายังจะกล้ากลับมาทำตัวกำเริบเสิบสานอีกเหรอ? แล้วอีกอย่าง เรื่องราวก็ชัดเจนแล้ว ก่อนจะไปเขาก็เงียบไว้ตลอด แสดงว่าเขายอมถอยให้แล้ว”
มีคนถอนหายใจแล้วตอบว่า “ประเด็นสำคัญคือก่อนหน้านี้พวกเราปลุกปั่นข่าวลือมากเกินไป ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่โกรธสักนิดเลย ถ้าเขาข่มความโกรธไว้แล้วกลับมาล้างแค้น อำนาจในการคุมกำลังพลที่ตลาดสวรรค์ยังอยู่ในมือเขานะ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยใช้วิธีการที่แข็งกร้าว ถ้าทุกคนไม่กลัวเลยสักนิดแล้วจะจะมานั่งปรึกษากันที่นี่ทำไม?”
“ที่จริงเรื่องนี้ก็จัดการง่ายเหมือนกัน ต้องดูว่าผู้จัดการร้านโจวจะยินดีออกหน้าหรือไม่”
“หมายความว่ายังไง?”
“ตอนนี้ระบบตลาดสวรรค์อยู่ในมือราชินีสวรรค์ ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วออกหน้าชี้แนะสักหน่อย หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้วอยู่ดี นอกเสียจากจะไม่อยากทำมาหากินอยู่ที่ตลาดสวรรค์แล้ว!”
“ใช่ๆๆ ผู้จัดการร้านโจว เจ้าคือหัวหน้าสมาคมร้านค้าที่ทุกคนคัดเลือกขึ้นมา เจ้าต้องหาทางจัดการเรื่องนี้นะ! ถ้าเจ้านั่นทำซี้ซั้วขึ้นมา ก็จะไม่เป้นผลดีกับทุกคน”
กลุ่มคนในนั้นเริ่มพูดเกลี้ยกล่อมโจวหรานที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ
โจวหรานชำเลืองกลุ่มคนที่พากันเอะอะโวยวาย เขานับว่ามองออกแล้ว คนพวกนี้พูดไปตั้งมากมาย แต่ที่แท้ก็รอเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว คาดว่าคงปรึกษากันไว้ตั้งแต่แรกว่าจะให้เขาออกหน้าไปคุยกับตระกูลเซี่ยโห้ว เขาเองก็เข้าใจเช่นกัน ตอนแรกทุกคนคิดว่าหนิวโหย่วเต๋ออ่านสถานการณ์ออกและยอมอ่อนให้แล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัว มิหนำซ้ำโอกาสที่หนิวโหย่วเต๋อจะรอดชีวิตกลับมาก็มีน้อยมาก ทว่าหนิวโหย่วเต๋อก็รอดชีวิตกลับมาแล้วจริงๆ คนพวกนี้จึงเริ่มหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ถ้ารอดชีวิตกลับมาแบบปกติก็ยังไม่เป็นไร แต่ปัญหาก็คือขนาดอยู่ที่แดนอเวจีหนิวโหย่วเต๋อยังฆ่าลูกหลานผู้มีอำนาจไปมากมายขนาดนั้น พวกเขาจึงกังวลว่าหนิวโหย่วเต๋อจะเหาเยอะแล้วไม่กลัวคัน ถึงอย่างไรเจ้าคนบ้านั่นก็เคยมีประวัติตัดหัวคนไปหลายพัน ถ้าใครบอกว่าไม่กลัวเลยสักนิดก็แปลว่าโกหกแล้ว
หวงฝู่จวินโหรวที่เงียบมาตลอดมองค้อนอยู่ข้างๆ ในใจแอบรู้สึกขำ นึกไม่ถึงว่าเจ้าผีนั่นจะมีควาน่าเกรงขามมากขนาดนี้ ตัวยังไม่ทันกลับมา ก็ทำให้คนพวกนี้ตกใจแล้ว ตอนก่อเรื่องเมื่อก่อนพวกเขาใจกล้ามากนักไม่ใช่เหรอ
“ข้าต้องรับหน้าที่เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ข้าแนะนำให้ทุกคนเก็บอาการหน่อย ดูก่อนว่าถ้าหนิวโหย่วเต๋อกลับมาแล้วจะมีปฏิกิริยายังไง ถ้าทุกคนไม่อยากก่อเรื่อง ถ้าพวกเรากดดันจนอีกฝ่ายก่อเรื่องก็คงไม่ดี อย่างน้อยอำนาจของตลาดสวรรค์ก็อยู่ในมืออีกฝ่าย พวกเรายังเป็นฝ่ายถูกกระทำ” โจวหรานถอนหายใจ นับว่าตอบตกลงแล้ว ใครใช้ให้เขาเป็นหัวหน้าสมาคมร้านค้าล่ะ ถ้ามีอะไรต้องรับผิดชอบเขาก็เป็นคนแรก ไม่ออกหน้าไม่ได้หรอก!
จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานกำลังดื่มสุรากันอย่างมีความสุขในศาลา
“ข้าเองๆ!” สวีถังหรานยิ้มจนหน้าบานเหมือนดอกไม้ กันมือของอิงอู๋ตี๋เอาไว้ เป็นฝ่ายยกกาสุราเติมให้ทั้งสองเอง ขณะเดียวกันก็ส่ายหน้ากล่าวด้วยความทึ่งว่า “พวกเจ้าว่าทำไมผู้บัญชาการใหญ่ถึงยอดเยี่ยมขนาดนี้! รอดชีวิตกลับมาได้เหมือนอย่างที่บอกไว้ก่อนจะไปเลย พวกเจ้าดูสิ ไม่ใช่แค่รอดกลับมาเฉยๆ นะ ทั้งยังรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ไว้ได้ด้วย อันดับเก้าเชียวนะ! ได้ที่เก้าจากหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคน ช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่น่าเสียดายที่มีข้อเสียอยู่นิดหน่อย โดนลดขั้นซะแล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือผู้บัญชาการใหญ่ของพวกเรายังมีอำนาจตัดสินใจที่อาณาเขตผืนนี้!”
ฝูชิงก็อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน ยกจอกสุราพร้อมบอกว่า “ดื่มสุรา วันนี้ไม่เมาไม่กลับ!”
“ใช่ๆๆๆ ไม่เมาไม่กลับ!” สวีถังหรานยกจอกสุราพลางยิ้มไม่หุบ ในที่สุดก็ได้วางหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในใจลงแล้ว ถ้าเปลี่ยนให้คนอื่นมานั่งเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ เขาก็จะปกป้องเกียรติยศความร่ำรวยของตัวเองไม่ได้แล้ว
ใครจะคิดว่าตรงนี้เพิ่งจะชนแก้วกัน จู่ๆ ก็มีเสียงอุทานตกใจด้านนอก “ผู้บัญชาการมู่หรง โปรดให้ข้าไปรายงานก่อนเถอะ!”
สามคนที่กำลังชนแก้วหันไปมอง เห็นเพียงมู่หรงซิงหัวที่สวมชุดกระโปรงยาวบุกตรงเข้ามา ทหารยามกำลังตะโกนตามหลัง
พอเหลือบไปเห็นทั้งสามดื่มสุรากันอย่างมีความสุขในศาลา มู่หรงซิงหัวก็หยุดฝีเท้า แววตาดูสับสนนิดหน่อย แต่จากนั้นก็ยิ้มบางๆ ทันที “ผู้บัญชาการทั้งสามช่างมีอารมณ์สุนทรีจริงๆ นะ ทำไมดื่มสุราแล้วไม่เรียกข้าบ้าง หรือว่าเห็นข้าเป็นคนนอก?”
ทั้งสามสบตากันอย่างพูดไม่ออก นึกไม่ถึงจริงๆ ว่ามู่หรงซิงหัวจะฝืนบุกเข้ามา ฝูชิงโบกมือไล่ทหารยาม “ไม่มีอะไรแล้ว ออกไปเถอะ”
พอทหารยามออกไป ทั้งสามก็ทยอยกันลุกขึ้นแล้วเชิญให้มู่หรงซิงหัวนั่งร่วมวง…
ตำหนักนารีสวรรค์ เอ๋อเหมย สาวใช้ข้างกายราชินีสวรรค์เดินนำอยู่ข้างหน้า นำเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เดินก้มหน้าก้มตาจ้องเท้าเพราะไม่กล้ามองมองซี้ซั้วเข้ามาข้างใน
ต้องทราบไว้ว่านี่คือวังหลังของตำหนักสวรรค์ คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้หญิง เป็นนางสนมของราชันสวรรค์ทั้งหมด ส่วนใหญ่ล้วนเป็นยอดหญิงงามที่หาพบได้ยากในโลกมนุษย์ ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้ามาในนี้ได้เลย ส่วนคนที่เข้ามาแล้วก็ไม่กล้ามองไปทั่ว
พอเข้ามาในตำหนัก เห็นราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่นั่งทำงานอยู่หลังโต๊ะยาว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วคุกเข่าลงทันที เอาศีรษะโขกพื้นด้วย “ข้าน้อยเซี่ยโห้วหลงเฉิงถวายบังคมราชินีสวรรค์”
ที่จริงการคุกเข่าที่จริงจังเป็นพิเศษของเขาได้ทำให้ราชินีสวรรค์เหลือบตาขึ้นมองแล้ว นางยิ้มมุมปากทันที แล้วบอกว่า “พอแล้ว ตรงนี้ไม่มีคนนอก ไม่จำเป็นต้องมากพิธีขนาดนั้น ลุกขึ้นเถอะ”
ตอนนี้เซี่ยโห้วหลงเฉิงถึงได้เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะแห้งๆ ขณะที่ลุกขึ้นก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มโง่ๆ ว่า “ท่านอา หลานไม่ได้เจอท่านมานานแล้ว คิดถึงหลานแทบแย่แล้วสิ”
เขาได้รับแจ้งตอนที่อยู่ระหว่างทางกลับ อีกฝ่ายสั่งให้เขามาที่นี่ ในใจเรียกได้ว่าสะใจ ท่านอาที่ยามปกติแม้แต่จะเจอหน้ายังเจอได้ยาก ไม่น่าเชื่อว่าจะเรียกพบตนเป็นการส่วนตัว จะเห็นได้ว่าการที่ตัวเองมีคะแนนทดสอบดีๆ อยู่ในมือแล้วเนื้อหอมขนาดไหน หลังจากกลับบ้านไปก็สามารถเงยหน้ายืดอกได้แล้ว
ราชินีสวรรค์วางแผ่นหยกในมือลง ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะยาวออกมา เดินลากชุดประโปรงยาวหรูหราอ้อมเซี่ยโห้วหลงเฉิงรอบหนึ่ง ตบแผ่นหลังที่กว้างบึกบึนของเซี่ยโห้วหลงเฉิง แล้วพยักหน้าเบาๆ “หลงเอ๋อร์โตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ ไม่ใช่เจ้าเด็กโง่บุ่มบ่ามคนก่อนแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้อันดับเก้าท่ามกลางการทดสอบของทัพใหญ่หนึ่งล้าน ประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงยืดอกทันที อดไม่ได้ที่จะอ้าปากหัวเราะแล้วกล่าวโอ้อวด “ก็ไม่ใช่คะแนนดีอะไรหรอกขอรับ แค่ที่เก้าเอง ธรรมดาๆ พอถูไถไปได้ เดิมทีอยากจะเอาที่หนึ่งมาเป็นหน้าเป็นตาให้ท่านอาด้วยซ้ำ แต่ที่แดนอเวจีนั่นอันตรายจริงๆ หลานนับว่าทำสุดความสามารถแล้ว ท่านอาได้โปรดอย่าถือสาเลยนะ!”
…………………………