พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1268 แลกเปลี่ยนผลประโยชน์
ท่านโหวเทียนหยวน : หลังจากที่นั่นถูกปิด ข้าก็เข้าไปไม่ได้แล้ว จะให้ข้าช่วยเจ้ายังไงล่ะ? ถ้าไม่มีคำสั่งจากราชันสวรรค์ ไม่ว่าใครก็บุกเข้าไปไม่ได้!
ปี้เยว่ฮูหยิน : เถิงเฟยรักษาการณ์อยู่ที่แดนอเวจี เขาจะต้องหาทางได้แน่นอน เจ้าหาทางติดต่อจอมพลเถิงสิ ขอให้เขาส่งยอดฝีมือมารับข้า
ท่านโหวเทียนหยวน : โถ่ฮูหยิน ต่อให้จะโกงการทดสอบแต่ก็ต้องโกงแบบมีขอบเขตนะ จอมพลเถิงผลัดเวรมาคุมแดนอเวจี เจ้าจะให้เขาส่งคนไปช่วยเจ้าตรงๆ มันก็จะเกินไปหรือเปล่า เป็นไปได้เหรอ? อย่าว่าแต่จอมพลเถิงจะไม่ตอบตกลง ต่อให้เขาตอบตกลง ถ้าเขารับเจ้าออกมาจากที่ซ่อนตัวแล้วยังไงต่อล่ะ ยังจะให้เขาเก็บเจ้าไว้ข้างกายตลอดเชียวหรือ? สุดท้ายเจ้าก็ยังต้องอยู่ในนรกให้ครบเวลาอยู่ดี เขาจะรับหรือไม่รับเจ้าออกมาแล้วมันต่างกันยังไง? ต่อให้เปลี่ยนสถานที่ แต่เจ้าก็ยังต้องเสี่ยงอันตรายเหมือนเดิม จะให้รับเจ้าออกมาจากนรกเลยก็คงไม่ได้หรอกมั้ง? เกาก้วนไม่ใช่คนตาบอดนะ!
ปี้เยว่ฮูหยิน : ข้าไม่สนใจ เจ้าต้องคิดหาหนทางให้ข้า! ถ้าข้าไม่มีจุดจบที่ดี เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ดีเลย ระวังข้าจะไปขอพึ่งพาโจรกบฎแล้วลากเจ้าให้ซวยไปด้วยกัน!
ท่านโหวเทียนหยวนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ : นี่เจ้ากำลังพูดเหลวไหลหรือเปล่า? ตำหนักสวรรค์ส่งคนเข้าไปตั้งมากมาย อยากจะแงเข้าไปอยู่ในหน่วยงานภายในของโจรกบฏ แต่สำเร็จรึเปล่าล่ะ? ถ้าทำสำเร็จจะจัดการทดสอบขึ้นมาเหรอ ถ้าเจ้าไปขอพึ่งพา อีกฝ่ายจะเชื่อเจ้าได้ก็แปลกแล้ว นอกเสียจากเจ้าจะอยากไปรนหาที่ตาย ข้าว่านะฮูหยิน เจ้ารอเงียบๆ เถอะ อย่าใจร้อน ฟังข้านะ เจ้าต้องหลบอยู่ที่นั่น น่าจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก ข้าบอกคนอื่นๆ แล้ว รอให้การทดสอบจบแล้วเก็บกวาดสนาม จะมีกำลังพลกลุ่มหนึ่งของตำหนักสวรรค์ไปช่วยเกาก้วนในนรก ถึงตอนนั้นเจ้าก็ค่อยโผล่ออกมาตามหลังพวกเขา รับรองได้ว่าเจ้าจะปลอดภัยจนถึงจุดหมายปลายทาง
ปี้เยว่ฮูหยิน : เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไร?
ท่านโหวเทียนหยวนจะกล้ารับประกันเสียที่ไหน แต่คำตอบที่ส่งกลับไปฟังดูแน่ใจมาก : เจ้าหลบอยู่ที่นั่นอย่าเพ่นพ่านไปไหน จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน
ปี้เยว่ฮูหยิน : ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะ โจรกบฏไม่รับเชลยศึก แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ต้องการผู้หญิง หน้าตาของข้าก็ไม่ได้แย่หรอกมั้ง? โจรกบฏพวกนั้นเก็บกดอยู่ในนรกมาตั้งนานเท่าไรแล้ว ถ้าเจ้าไม่สนใจความเป็นความตายของข้า ระวังข้าจะหาชู้ให้เจ้าเป็นโขยงนะ!
ท่านโหวเทียนหยวนปวดประสาท แต่ก็พอจะเข้าใจได้ คาดว่าฮูหยินคงจะตกใจกลัวมากจริงๆ จึงตอบว่า : อย่าพูดเหลวไหลเลย ฟังข้านะ ตั้งใจซ่อนตัวให้ดี ไม่เป็นอะไรหรอก
หลังจากทั้งสองติดต่อกันเสร็จแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินเพิ่งจะนั่งพิงบนผนังหินเพื่อสงบอารมณ์ ระฆังดาราในแหวนเก็บสมบัติก็สั่นอีก หลังจากตรวจดูถึงได้พบว่าเป็นเหมียวอี้ส่งข้อความมา
นางหยิบระฆังดาราออกมา แล้วถามอย่างหงุดหงิด : มีอะไร?
เหมียวอี้ : ข้าน้อยเพิ่งจะได้ยินข่าว ได้ยินว่าฮูหยินเข้าแดนอเวจีไปแล้ว ข้าน้อยเลยต้องเตือนฮูหยินไว้สักหน่อย นรกอันตรายมาก ฮูหยินโปรดระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
ตอนแรกเรียกว่า ‘ฮูหยิน’ แต่หลังจากทดสอบกลับมามีระยะห่างต่อกัน จึงเปลี่ยนเป็นเรียก ‘นายท่าน’ ตอนนี้เพื่อแสดงออกถึงความสนิทสนม เขากลับมาเรียก ‘ฮูหยิน’ เหมือนเดิมแล้ว
อันตราย! ยังต้องให้เจ้าบอกด้วยเหรอ? ปี้เยว่ฮูหยินได้รับรู้เองแล้ว แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้ยังขวัญผวาไม่หาย ถามว่า : ติดต่อมาเพื่อบอกแค่นี้น่ะเหรอ?
เหมียวอี้ : ข้าน้อยตื่นตระหนก มีอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะบอกหรือไม่
ปี้เยว่ฮูหยินข่มไฟโกรธในใจ : มีอะไรก็รีบว่ามา!
เหมียวอี้ : เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและคะแนนทดสอบของฮูหยินที่แดนอเวจี ถ้าฮูหยินไม่ถือสาข้าน้อย ข้าน้อยถึงจะกล้าพูด
เรื่องอะไรกัน? ปี้เยว่ฮูหยินที่นอนพิงกำแพงโดยไม่กล้าถอดเกราะรบลุกขึ้นนั่งทันที เขย่าระฆังดาราถามว่า : ว่ามา เรื่องอะไร?
เหมียวอี้ : ข้าน้อยอยู่ที่แดนอเวจีมาร้อยปี พอจะเข้าใจวิธีปกป้องชีวิตที่แดนอเวจีอยู่บ้าง มีความมั่นใจที่จะช่วยให้ฮูหยินได้คะแนนดีๆ เหมือนกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ข้าน้อยแอบเห็นแก่ตัว ถึงไม่ได้พูดออกมา ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป ถ้าเปลี่ยนคนมานั่งตำแหน่งแทนฮูหยิน ข้าน้อยก็อาจจะไม่สมปรารถนาก็ได้
ปี้เยว่ฮูหยินถูกเขาพูดหลอกล่อจนอยากรู้มาก พูดเร่งว่า : อย่าอ้อมค้อม รีบบอกมา!
เหมียวอี้ : ฮูหยินไม่โกรธ ข้าน้อยถึงจะกล้าพูด
ปี้เยว่ฮูหยิน : เจ้าไม่ต้องห้วง ตราบใดที่สามารถช่วยข้าได้อีกแรง ข้าก็จะไม่ถือสาเรื่องราวก่อนหน้านี้ พูดมาเถอะ
เหมียวอี้ : คืออย่างนี้นะ ในการทดสอบครั้งก่อน ที่จริงข้าไม่ได้นำผลงานกลับมาทั้งหมด ยังเหลือไว้ที่นั่นหลายส่วน ไม่อย่างนั้นก็เป็นเรื่องง่ายมากที่ข้าน้อยจะคว้าอันดับหนึ่ง เป็นข้าน้อยเองที่ยอมแพ้
ตอนนี้ปี้เยว่ฮูหยินไม่สนใจเรื่องการทดสอบของเขาหรอก สนใจแค่เรื่องทดสอบของตัวเองเท่านั้น ถามไปว่า : เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เจ้าจะช่วยข้า?
เหมียวอี้ : ไม่รู้ว่าฮูหยินเคยได้ยินหรือเปล่าว่าข้าน้อยกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงทดสอบได้คะแนนอันดับเดียวกัน?
ปี้เยว่ฮูหยิน : ข้าก็สงสัยว่าเจ้าคนไม่เอาถ่านนั่นได้อันดับเก้าได้ยังไง เป็นเจ้าเองเหรอที่ช่วยเขา?
เหมียวอี้ไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองช่วยเซี่ยโห้วหลงเฉิง เขาไม่ตอบแต่บอกว่า : ผลงานที่ข้าน้อยสำรวจนรกไว้ ที่จริงแล้วไม่ได้มีแค่ที่มอบให้เบื้องบนเท่านั้น ข้าแอบซ่อนส่วนหนึ่งไว้ในนรก ถ้าฮูหยินต้องการ ข้าน้อยก็สามารถมอบให้ฮูหยินได้
ปี้เยว่ฮูหยินเองก็ไม่ใช่คนโง่ ถามอย่างสงสัยว่า : ในเมื่อเจ้าสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ง่ายๆ แล้วทำไมไม่คว้าไว้?
เหมียวอี้ : ข้าน้อยทำลายกลองสะท้านฟ้าไป รู้ผลตั้งแต่แรกแล้วว่าตำหนักสวรรค์จะลงโทษข้าน้อย ต่อให้ได้อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าหรอก
ปี้เยว่ฮูหยิน : ต่อให้จะลงโทษเจ้า แต่เกี่ยวอะไรกับการที่เจ้าจะได้ที่หนึ่งหรือไม่ได้ที่หนึ่งล่ะ ถ้าได้อันดับหนึ่งจะโดนลงโทษน้อยลงไม่ใช่เหรอ?
เหมียวอี้ : สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ข้าน้อยไม่กล้าบอกฮูหยิน ก็เป็นเพราะอยากขอให้ฮูหยินให้อภัย
ปี้เยว่ฮูหยินแปลกใจแล้ว : หมายความว่ายังไง?
เหมียวอี้ : เป็นเพราะข้าน้อยได้ข่าวมาล่วงหน้า รู้ว่าการทดสอบไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว ยังจะมีตอนหลังอีก ข้าน้อยก็เลยแอบเห็นแก่ตัว ซ่อนผลงานส่วนหนึ่งเอาไว้ในนรก กะว่ารอให้วรยุทธ์ของข้าน้อยสูงขึ้นก่อน แล้วค่อยไปทดสอบระดับแม่ทัพภาคที่นรกอีกครั้ง
ปี้เยว่ฮูหยินเข้าใจแจ่มแจ้งทันที สงสัยหนิวโหย่วเต๋อตงเตรียมจะเข้าร่วมการทดสอบชิงตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ในภายหลัง มิน่าล่ะถึงไม่กล้าบอกตน
นางถามว่า : แหล่งข่าวของเจ้าคือเซี่ยโห้วหลงเฉิงรึเปล่า?
เหมียวอี้ตอบแบบกำกวม : เปล่านะ! สหายอีกคนหนึ่งบอกข้า
ปี้เยว่ฮูหยินคิดเองเออเอง ขี้เกียจจะบ่งชี้แล้วเหมือนกัน ราชินีสวรรค์เป็นคนจัดการทดสอบ เกรงว่าข่าวบางข่าวคงจะมีคนของตระกูลเซี่ยโห้วเท่านั้นที่รู้ก่อน สรุปก็คือเป็นเพราะเซี่ยโห้วหลงเฉิงได้อันดับเก้าเหมือนกัน ได้อันดับเดียวกับเหมียวอี้ นางแน่ใจแล้วว่าคนปล่อยข่าวต้องเป็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงแน่นอน แถมก่อนหน้านี้เหมียวอี้ก็บอกเป็นนัยอยู่แล้วด้วย
นางไม่มีทางเอาเรื่องแบบนี้มาบีบตระกูลเซี่ยโห้ว จึงถามเพียงประเด็นสำคัญ : เจ้าจะช่วยให้ข้าปลอดภัยและได้ผลงานทดสอบที่เจ้าซ่อนไว้ยังไง?
ภายใต้เงื่อนไขที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ ถ้าสามารถนำคะแนนทดสอบดีๆ กลับไปปกป้องตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ไว้ได้ด้วย แบบนั้นก็ดีที่สุดแล้ว พวกเขาจึงปรึกษากันพักหนึ่ง ปี้เยว่ฮูหยินโยนความกลัวก่อนหน้านี้ทิ้งไว้ชั่วคราว ทำตัวเองให้สดชื่นฮึกเหิมเข้าไว้
เหมียวอี้ : ผลงานทดสอบซ่อนไว้ตรงจุดที่ไม่ไกลจากทางออกนรก ดังนั้น ตอนนี้ฮูหยินแค่ต้องหาสถานที่ปลอดภัยซ่อนตัวจนกว่าการทดสอบจะจบ ถึงตอนนั้นค่อยออกมา คาดว่าถึงตอนนั้นท่านโหวจะต้องหาทางพาฮูหยินไปถึงจุดสิ้นสุดการทดสอบอย่างปลอดภัยแน่นอน ถึงตอนนั้นฮูหยินก็แค่ถือโอกาสหยิบผลงานออกมา ผลงานทดสอบที่ข้าน้อยทิ้งไว้ ข้าน้อยเองก็ไม่กล้ารับประกันว่ามันดีมาก แต่คาดว่าคงจะช่วยให้ฮูหยินติดอันดับได้ สามารถทำให้ฮูหยินผ่านการทดสอบได้อย่างราบรื่น
ปี้เยว่ฮูหยิน : บอกให้ละเอียดว่าซ่อนตรงจุดไหน?
เหมียวอี้ : แผนที่ดาวไม่ค่อยมีประโยชน์ที่นรกมากนัก สถานที่แบบละเอียดข้าน้อยก็บอกได้ไม่ชัดเจน ตอนนี้บอกได้เพียงทิศทางคร่าวๆ ฮูหยินต้องไปที่จุดจบการทดสอบ แล้วติดต่อกับข้าน้อยเพื่อบอกรายละเอียดของสภาพพื้นที่ตรงนั้น ข้าน้อยถึงจะหาจุดที่ซ่อนผลงานไว้พบ
หรือพูดได้อีกอย่างว่าตอนนี้นางไม่มีทางได้มาเลย มีแต่ต้องรอให้การทดสอบจบเท่านั้นถึงจะเอามาได้? ปี้เยว่ฮูหยินหมั่นไส้นิดหน่อย ขณะเดียวกันก็เริ่มสงสัยในเจตนาดีของเหมียวอี้ ตามหลักเหตุผลแล้ว เหมียวอี้ไม่จำเป็นต้องยกผลประโยชน์นี้ให้นางเลย ถึงอย่างไรตอนแรกนางก็เคยทิ้งเขา ตามหลักการแล้วเขาควรจะแค้นนางสิ
หลังจากทั้งสองติดต่อกันเสร็จแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็ครุ่นคิดซ้ำๆ แล้วติดต่อท่านโหวเทียนหยวนอีกครั้งเพื่อปรึกษา
พอได้ฟังปี้เยว่ฮูหยินพูดจบ ท่านโหวเทียนหยวนก็แปลกใจอยู่บ้างเหมือนกัน ถามว่า : เขามอบผลประโยชน์นี้ให้เจ้าเฉยๆ โดยไม่ได้ขออะไรจากเจ้าเหรอ?
ปี้เยว่ฮูหยิน : ข้าก็กำลังจะพูดเรื่องนี้แหละ หลายเดือนก่อน เขามาขอคนสองคนจากข้า แต่ความจริงแล้วเขาอยากได้ชีวิตสองคนนั้น…
นางเล่าเรื่องความขัดแย้งระหว่างเหมียวอี้กับกงอวี่เฟย หลี่หวนถังให้ฟังทันที
ท่านโหวเทียนหยวนตอบอย่างเด็ดขาดแน่วแน่ : จะมีเรื่องดีๆ มาหาถึงที่ได้ยังไง ชัดเจนว่าเขาอยากจะทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้า การแลกเปลี่ยนนี้เจ้าไม่ขาดทุนหรอก มอบคนไปก็สิ้นเรื่องแล้ว
ปี้เยว่ฮูหยินลังเลนิดหน่อย : แต่สองคนนั้นติดตามรับใช้ข้ามาหลายปี นับว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของข้า ส่งตัวไปแบบนั้นจะถือว่าทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
ท่านโหวเทียนหยวน : เจ้ายังดูไม่ออกอีกเหรอ? อีกฝ่ายวางกับดักนี้ไว้นานแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะลงมือ กำลังหาบันไดให้เจ้าลง รอให้เจ้าเข้าไปในนรกก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ จะได้ไม่ทำให้เจ้าเสียหน้า หรือพูดได้อีกอย่างว่า เขาได้เตรียมแผนนี้ไว้นานแล้ว เขาจะเอาชีวิตของสองคนนั้นแน่นอน!
ปี้เยว่ฮูหยิน : เจ้าคนชั่วร้าย บังอาจมาขู่ข้า!
ท่านโหวเทียนหยวน : ช่างเป็นความคิดอ่านของผู้หญิง! อีกฝ่ายไว้หน้าเจ้าเต็มที่แล้ว ไม่ได้ฉีกหน้าเจ้า ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำหนดสิ่งนี้ให้กลายเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ถ้าแบบนี้นับว่าเป็นการขู่ งั้นข้าก็อยากจะโดนขู่แล้วได้ผลประโยชน์แบบนี้สักหลายๆ รอบ! อีกฝ่ายชัดเจนแล้ว นั่นคือต้นทุนที่อีกฝ่ายเก็บไว้เพื่อเลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ในอนาคต เจ้าคิดว่าสองชีวิตเล็กๆ นั่นสำคัญกว่า หรือว่าตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์สำคัญกว่าล่ะ ตอนนี้เขากำลังให้เจ้าใช้ดุลยพินิจพิจารณา ว่าเขาสำคัญกว่าหรือลูกน้องสองคนนั้นของเจ้าสำคัญกว่า? ถ้าเขาสำคัญสู้ลูกน้องทั้งสองของเจ้าไม่ได้ ถ้าแม้แต่ตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดสวรรค์ก็สั่นคลอนตำแหน่งของสองคนนั้นในใจเจ้าไม่ได้ เขาก็จะพิจารณาเหมือนกัน เพราะเขามีความแค้นกับสองคนนั้น ถ้าสองคนนั้นพูดไม่ดีกรอกหูเจ้าบ่อยๆ ในภายหลังเขาจะอยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าได้ยังไงล่ะ? โถ่ฮูหยิน! การที่สามารถอ้อมค้อมใช้อุบายนี้ได้ เจ้าเวรนั่นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ สงสัยก่อนหน้านี้ข้าจะประเมินเขาต่ำเกินไป ข้าจะพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังเอาไว้หน่อยนะ อาศัยสมองของพวกลูกน้องเจ้าน่ะ ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำ คนแบบไหนที่ใช้งานได้ ควรจะเลือกยังไง เจ้ายังต้องลังเลอีกเหรอ?
ที่จริงแล้วเขาประเมินเหมียวอี้สูงไปหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่แผนการของเหมียวอี้เลย เหมียวอี้ไม่ได้ทำงานแบบนุ่มนวลอ่อนโยนขนาดนี้ ตอนหลังจะมีเรื่องที่ทำให้เขาหน้าดำคร่ำเครียดแน่
ปี้เยว่ฮูหยิน : อย่าพูดให้ฟังดูไพเราะขนาดนั้น เขาก็แค่วางแผนร้ายกับข้าไง คิดแล้วโมโห
ท่านโหวเทียนหยวน : ฮูหยิน เป็นคนระดับบนก็ควรจะชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียสิ จะทำงานโดยใช้อารมณ์ไม่ได้! ข้าเพิ่งได้ข่าวมานิดหน่อย ถึงได้รู้ว่ามีคนใหญ่คนโตมากมายให้คนส่งของบรรณาการให้ราชินีสวรรค์เพื่อขอตัวหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าไม่ใช่เพราะมีราชินีสวรรค์ข่มไว้ หนิวโหย่วเต๋อจะยังเป็นลูกน้องของเจ้าได้เหรอ? ลูกน้องที่คนอื่นแย่งตัวกันกำลังทำงานรับใช้เจ้าอยู่นะ เจ้าไม่ได้คิดแบบนี้สักนิดเลยเหรอ? ต้องดีใจสิถึงจะถูก!
ปี้เยว่ฮูหยิน : เอ๊ะ! ตอนนี้กลายเป็นคนมีฝีมือไปแล้วเหรอ ตอนแรกใครกันที่เกลี้ยกล่อมให้ข้าขีดเส้นแบ่งกับเขาให้ชัดเจน?
ท่านโหวเทียนหยวน : วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกัน คนที่สามารถทำงานรับใช้เจ้าได้ถึงจะนับว่าเป็นคนมีฝีมือ คนที่ทำงานให้เจ้าไม่ได้ เจ้าจะเอาไว้ทำไม? การปกป้องเขาในตอนนั้นมีราคาที่ต้องจ่ายมากเกินไป ที่ข้าทำเรียกว่าประเมินแนวโน้มสถานการณ์ปัจจุบัน!
…………………………