พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1269 คนที่เป่าเหลียนรำคาญที่สุด
ปี้เยว่ฮูหยินยอมเขาแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็มีเหตุผล ทั้งพูดเหตุผลออกมาเป็นชุด นางจึงไม่เถียงกับเขาแล้ว เอาชนะเขาไม่ได้ จึงบอกตรงๆ ว่า : ข้าเป็นแบบนี้แล้ว เจ้ายังจะพูดเหลวไหลอะไรเยอะแยะอีก? ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะวางกับดัก เล่นตุกติกให้ข้าตกหลุมพรางเหรอ?
ท่านโหวเทียนหยวน : เขาไม่ได้มีสมองธรรมดาเหมือนเจ้าหรอก! จะวางกับดักยังไง? ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้ายังเป็นแม่ทัพภาคตงหัว ตราบใดที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวยังไม่เปลี่ยนเจ้านาย เขาก็ไม่กล้าทำซี้ซั้วกับเจ้าหรอก! ต่อให้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าในนรก ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องที่ตลาดสวรรค์ไม่สะดวก แต่ก็สามารถบงการให้หลันเซียงที่ควบคุมแทนยัดข้อหาจัดการเขาได้ ให้หลันเซียงฆ่าเขาก่อนแล้วค่อยยัดข้อหาเขาทีหลังก็ยังได้เลย เขาจะกล้าเล่นตุกติกกับเจ้าเหรอ? สมองอย่างเขาน่ะ รู้ว่าถ้าเจ้าถึงขั้นจะเอาชีวิตไม่รอด ต่อให้เจ้าจะเล่นผิดกติกากับเขา เขาก็โวยวายอะไรไม่ได้ เบื้องบนจะมาสืบสาวเอาเรื่องคนตายอย่างเจ้าเชียวเหรอ?
ปี้เยว่ฮูหยิน : เจ้าน่ะสิคนตาย! เจ้าอยากจะให้ข้าตายเร็วๆ จะแย่แล้วใช่มั้ย? ถ้าข้าตายแล้วเจ้าจะได้ไปหาเมียน้อยได้สะดวกกว่าเดิม?
ต่อให้เจ้าไม่ตาย ข้าก็มีเมียน้อยอยู่ดีนั่นแหละ เจ้าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ? แน่นอน ท่านโหวเทียนหยวนพูดสิ่งนี้ได้แค่ในใจเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา…
จวนแม่ทัพภาคตงหัว สวนดอกไม้ด้านหลัง
เมื่อผู้การสองหลันเซียงที่รับหน้าที่ควบคุมแทนบอกจุดประสงค์ให้ฟัง กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ราวกับโดนฟ้าผ่าลงทัณฑ์ งงเหม่อไปทั้งตัว
ทั้งสองเหม่องงอยู่นานมาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้สติกลับมา จู่ๆ กงอวี่เฟยก็กล่าวขอร้องด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ผู้การสอง ข้าไปเป็นลูกน้องหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้หรอก พวกเราเคยล่วงเกินเขาไว้ ถ้าไปเป็นลูกน้องเขา เขาก็จะเอาชีวิตพวกเรา!”
หลี่หวนถังที่หน้าซีดก็พยักหน้าซ้ำๆ เช่นกัน “ผู้การสอง ถ้าพวกเราทำผิดตรงไหนท่านก็บอกมาได้เลย ยอมโดนตีโดนด่ายังไงก็ได้ แต่ไม่ไปเป็นลูกน้องหนิวโหย่วเต๋อหรอก หนิวโหย่วเต๋อเป็นคนทรามที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าพวกเราไปอยู่ในอาณาเขตของเขา จะต้องตายอนาถแน่นอน!”
หลันเซียงกำลังอุ้มจิ้งจอกสีชมพูตัวนั้นของปี้เยว่ฮูหยิน ขณะที่มองดูทั้งสองคน นางก็แอบทอดถอนใจ ถ้ารู้แต่แรกแล้วจะทำแบบนี้ทำไม อีกฝ่ายให้ผลประโยชน์นิดหน่อยก็หลับหูหลับตาเข้าไปยุ่ง เล่นไม่ไหวแต่ประสมโรงตามเขาไปด้วย ถึงคราวที่พวกเจ้าจะได้เด่นดังเหรอ? ถ้าพวกเจ้าเล่นเป็นจริงๆ พวกเจ้าติดตามฮูหยินมาหลายปีขนาดนี้ เกรงว่าท่านโหวคงช่วยพวกเจ้าหาตำแหน่งว่างข้างกายให้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้มีคนจะคิดบัญชีกับเจ้าย้อนหลัง พวกเจ้ารนหาที่ตายเองก็จะมาโทษคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน!
ภายนอกกลับยิ้มบางๆ อย่างแนบเนียน “พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว! ข้าถ่ายทอดคำสั่งไปให้เขาแล้ว ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าสองคน เขาก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้อยู่ตำแหน่งในผู้บัญชาการใหญ่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า ข้าก็จะผลักความรับผิดชอบให้เขา”
ทั้สองได้ยินแล้วสงบใจขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคิดไม่ตกอีกหลายเรื่อง! กงอวี่เฟยถามพร้อมทำสีหน้าทุกข์ใจ “ผู้การสอง เป็นเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเราต้องไปรับตำแหน่งเป็นลูกน้องเขา?”
หลันเซียงตอบว่า “ช่วงนี้ทางหนิวโหย่วเต๋อเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ ก็เลยอยากจะให้พวกเจ้าไปเป็นหูเป็นตาให้สักหน่อย ถ้าพบความผิดปกติอะไรก็รายงานข้าทันที! และที่ให้พวกเจ้าไปก็เพราะพวกเจ้ามีความแค้นกับเขา ไม่โดนเขาซื้อตัวได้ง่ายๆ ในปีนั้นฮูหยินทอดทิ้งเขา ใครจะไปรู้ว่าเขาจะมีความแค้นในใจแล้วมีเจตนาอื่นหรือเปล่า เข้าใจสิ่งข้าจะสื่อใช่มั้ย?”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แต่ทั้งสองก็ยังกังวลนิดหน่อย หลี่หวนถังลองถามหยั่งเชิงว่า “ผู้การสอง เปลี่ยนให้คนอื่นไปได้หรือเปล่า?”
หลันเซียงกลอกตา สีหน้าจริงจังขึ้นทันที กล่าวเสียงเย็นว่า “สงสัยพอฮูหยินไม่อยู่แล้ว ข้าพูดอะไรไปก็ไม่ได้ผล เริ่มมาต่อรองกับข้าแล้วเหรอ!”
“ไม่ใช่ขอรับๆ!” หลี่หวนถังลนลานแล้ว รีบโบกมือบอกว่า “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่ความสามารถมีจำกัด เกรงว่าจะทำให้ผู้การสองผิดหวัง ในเมื่อผู้การสองเล็งเห็นความสามารถ หลี่หวนถังก็จะทำอย่างสุดกำลัง!”
เมื่อเห็นว่าย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว ทั้งสองก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมแล้วกล่าวอำลา
ขณะมองเหงาหลังทั้งสองจากไป ผู้การสองก็ลูบขนที่เงางามของจิ้งจอกสีชมพู นางถอนหายใจพลางสายหน้าเบาๆ นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ฮูหยินจึงสั่งให้ส่งตัวสองคนนี้ไปให้เหมียวอี้ เพียงแต่นางต้องเป็นแพะรับปากเรื่องนี้แล้ว
พอออกมาจากสวนดอกไม้ ทั้งสองก็หยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสียงคุยกัน
หลี่หวนถังกุมหมัดคารวะ “ผู้ช่วยกง หนิวโหย่วเต๋อนั่นไม่ใช่คนดีอะไร ถึงแม้จะมีผู้การสองหนุนหลังอยู่ ต่อให้เขาจะไม่กล้าฆ่าพวกเรา แต่เกรงว่าเขาจะคิดหาทางกลั่นแกล้งพวกเราเต็มที่! สร้างความอัปยศอดสู้ให้พวกเราอย่างเลี่ยงไม่ได้”
ใบหน้างามของกงอวี่เฟยฉายแววดุดัน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “ก็ทำได้แค่อดทนไปก่อน! แต่ความหมายผู้การสองบอก เจ้าเองก็คงฟังเข้าใจแล้ว ฮูหยินเกิดระยะห่างในใจกับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว เจ้ากับข้าใช้ประโยชน์กับเรื่องนี้เพิ่มได้ หาทางยัดข้อหาให้เขานิดหน่อย ฉวยโอกาสตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!”
หลี่หวนถังมองไปรอบๆ แล้วยกนิ้วหัวแม่มือ “เป็นความคิดที่ดี! พอไปถึงทางนั้นแล้ว ข้าจะเชื่อฟังผู้ช่วยกงแน่นอน!”
ทั้งสองคนที่ที่มีความคิดตรงกันสบตาแล้วยิ้มหยอกกัน จากนั้นก็หันตัวเดินออกไป เตรียมจะไปกล้ำกลืนความอัปยศอดสู…
ดาวเทียนหยวน ตำหนักคุ้มเมือง สวีถังหรานรีบย่องเบาๆ เข้าไปในตำหนัก พอรายงานแล้วก็เข้าไปในเขตส่วนตัวของตำหนักหลังโดยตรง
ตอนที่เห็นเหมียวอี้ อีกฝ่ายก็อยู่ในศาลาพอดี บังเอิญเห็นผู้บัญชาการใหญ่ส่งบัตรเชิญเป็นกองให้เป่าเหลียน ให้นางนำไปส่งให้ผู้จัดการร้านค้าของเขตเมืองตะวันตก
สวีถังหรานแอบถอนหายใจ ผู้บัญชาการใหญ่จะก้มหัวจัดงานเลี้ยงเชิญพ่อค้ากลุ่มนั้นอีกแล้ว
เขาเองก็เคลื่อนไหวไม่ช้า เป็นฝ่ายเสนอตัวทำงานนี้เอง “ไม่ต้องลำบากแม่นางเป่าเหลียน เรื่องนี้ให้ข้าน้อยจัดการก็ได้ อยู่ในเขตที่ข้าน้อยดูแลพอดี เดี๋ยวข้าน้อยกลับไปสั่งให้ลูกน้องแจกให้ก็ได้ แม่นางเป่าเหลียนจะได้ไม่ต้องไป”
“เขามาพอดีเลย งั้นก็ให้เขาทำแล้วกัน” เหมียวอี้บอกใบ้ หลังจากเป่าเหลียนส่งต่อให้แล้ว เหมียวอี้ก็ถามสวีถังหรานว่า “มีเรื่องอะไร?”
“เหอะๆ! มีเรื่องนิดหน่อย…” สวีถังหรานถูไม้ถูกมือ แล้วยิ้มอย่างมีลับลมคมใน เอาแต่ชักช้าไม่ยอมบอกสักที
เหมียวอี้เข้าใจแล้ว จึงบอกเป่าเหลียนว่า “เจ้าออกไปก่อนแล้วกัน”
เป่าเหลียนที่หันตัวเดินออกไปเหล่ตามองสวีถังหรานอย่างเหยียดหยาม ในบรรดาลูกน้องของเหมียวอี้ทั้งหมด คนที่เป่าเหลียนรำคาญที่สุดก็คือสวีถังหราน ในสายตานาง สวีถังหรานคือคนที่ขี้ประจบสอพอเป็นอย่างเดียว เป็นผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกอยู่ดีๆ ดันถ่อมาลงครัวทำอาหาร ปรนนิบัตินายท่านทุกด้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ละเอียดรอบคอบยิ่งกว่านางเสียอีก ทำให้นางสะอิดสะเอียนพอสมควร ทำให้นางดูเหมือนผู้ติดตามที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่สมบูรณ์ จะให้นางทนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร
แน่นอน สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดก็คือ ยามสวีถังหรานปรากฏตัวต่อหน้าเหมียวอี้ ก็จะต้องประจบสอพลอ เคารพนบนอบจนทำให้คนที่เห็นอยากจะอาเจียน แต่พอออกจากตำหนักคุ้มเมืองไปแล้ว ก็จะเอามือไขว้หลังทำท่ายโสโอหังทันที ทำเหมือนตลาดสวรรค์เป็นอาณาเขตของเขา
นางเองก็เคยแอบบอกเหมียวอี้หลายครั้งแล้ว นางคิดไม่ตกว่าผู้บัญชาการใหญ่จะยังให้ความสำคัญกับคนต่ำช้าทำไม เรียกคนต่ำทรามคนนี้มาตำหนักคุ้มเมืองบ่อยกว่าผู้บัญชาการอีกสามคนอีก
ที่จริงเหมียวอี้เองก็ไม่เข้าใจชัดเจนว่าเพราะอะไร เขาเองก็ไม่ชอบคนประเภทสวีถังหราน ถ้าเปลี่ยนเป็นปีแรกๆ เขาอาจจะเตะสวีถังหรานไปไว้ไกลๆ ไม่เก็บไว้ข้างกายเด็ดขาด แต่หลังจากเคยได้ใช้งานคนอย่างสวีถังหรานแล้ว กลับพบว่ามีประโยชน์มาก อาจจะไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย แต่ถ้าสั่งให้ไปทำงานอะไร ก็จะจัดการได้อย่างเรียบร้อยเหมาะสม ถ้ามีเงื่อนไขเหมาะสมเขาก็จะทำออกมาได้ดี แต่ถ้าไม่มีเงื่อนไข เขาก็จะพยายามสร้างเงื่อนไขและทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม บางทีวิธีการอาจจะไม่ค่อยบริสุทธิ์เปิดเผยสักเท่าไร แต่ถึงอย่างไรก็รับประกันได้ว่าเขาจะจัดการเรื่องที่เจ้าสั่งจนเจ้าพอใจและสบายใจได้
หลังจากเป่าเหลียนออกไปแล้ว สวีถังหรานก็รีบก้าวขึ้นมายกกาน้ำชาบนโต๊ะรินให้เหมียวอี้จนเต็ม
“มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเถอะ” เหมียวอี้เหล่ตาถาม
สวีถังหรานวางกาน้ำชาลง แล้วตอบด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “นายท่าน ของที่นายท่านต้องการ ข้าน้อยช่วยหามาให้นายท่านได้แล้ว” พูดจบก็นำขวดลายครามขาวดำสองใบขนาดเท่ากำปั้นมาวางตรงหน้าเหมียวอี้ ไม่รอให้เหมียวอี้ถาม เขาก็ชี้อธิบายแล้วว่า “ยาเทพเซียนล้ม! เป็นของดีเลย แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือออกฤทธิ์ช้าไปหน่อย ต้องรอสักพักถึงจะปล่อยพิษ แต่ก็สอดคล้องกับความต้องการของนายท่านแน่นอน พอใส่ลงไปในอาหารก็จะไร้รสชาติไร้สี ที่สำคัญคือถ้าคนโดนพิษตายแล้ว ก็จะตรวจสอบไม่พบร่องรอยอะไร ขวดสีดำคือยาพิษ ขวดสีขาวคือยาถอนพิษ ข้าน้อยเอาไปทดลองพิษมาแล้ว ฤทธิ์ของยาพิษและยาถอนพิษไม่มีปัญหาแน่นอน!”
ยาเทพเซียนล้ม? เหมียวอี้เหมือนจะเคยได้ยินชื่อของสิ่งนี้มาก่อน จึงถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมยาของเจ้าถึงฟังดูเหมือนยาพิษที่มีเฉพาะที่ปราสาทดำเนินจันทร์ล่ะ?”
สวีถังหรานตอบกลั้วหัวเราะว่า “นายท่านช่างปราดเปรื่อง! เป็นยาพิษที่ปราสาทดำเนินจันทร์หลอมปรุงขอรับ”
“ได้ยินว่าของสิ่งนี้ ปราสาทดำเนินจันทร์ไม่ถ่ายทอดสู่ภายนอก เจ้าเอามาได้ยังไง?” เหมียวอี้แปลกใจ
“ในแดนฝึกตนมีการเข่นฆ่ากันบ่อยๆ เวลาศิษย์ปราสาทดำเนินจันทร์ตายแล้ว ก็ต้องมีของหลุดออกมาข้างนอกบ้าง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เล็ดรอดออกมาเลยสักนิด ถ้าอยากจะได้มาก็ง่ายมาก ข้าน้อยให้คนไปซื้อมาจากตลาดมืด”
“นั่นต้องราคาไม่ต่ำเลยใช่มั้ย?”
“ของราคาแพงมาก แต่ข้าน้อยไม่ต้องจ่ายเงินเลยสักนิด! นายท่านสั่งแล้วว่าอย่าให้ข่าวหลุดไป ข้าน้อยจึงกำจัดคนที่เกี่ยวข้องทิ้งหมดแล้ว ไม่มีใครรู้แน่นอนว่าของนี้เกี่ยวข้องกับข้า” สวีถังหรานทำท่าเอามือปาดคอ
เหมียวอี้พูดไม่ออก แล้วเจ้ายังบอกอีกเหรอว่าตัวเองซื้อมา?
เหมียวอี้เก็บของไว้แล้ว จากนั้นก็เตรียมจะทดลองฤทธิ์ยาว่าเป็นอย่างไร จะเอาแต่ฟังเจ้าหมอนี่พูดปากเปล่าไม่ได้ “มีอีกเรื่องหนึ่งที่จะให้เจ้าไปจัดการ”
“นายท่านกำชับมาได้เลย” สวีถังหรานตั้งใจฟัง
“เพิ่งจะได้ข่าวมาจากจวนแม่ทัพภาคตงหัว กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังกำลังจะมารับตำแหน่งที่นี่ เดี่ยวข้าจะจัดให้พวกเขาสองคนไปอยู่กับเจ้าแล้วกัน”
“เอ๋…” สวีถังหรานได้ยนิแล้วรู้สึกงง เรื่องที่เหมียวอี้โดนสร้างความอับอายตอนนั้น มีคนจงใจปล่อยข่าวลือให้แพร่ออกไป มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องความขัดแย้งระหว่างกงอวี่เฟย หลี่หวนถังกับเหมียวอี้ จึงทำสีหน้าแค้นเคืองพร้อมถามทันที “เจ้าสองคนนั้นยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ รนหาที่ตายรึไง?”
เหมียวอี้ตอบว่า “เจ้าพูดไม่ผิดหรอก มารนหาที่ตายจริงๆ ในปีนั้นข้าดูแลกงอวี่เฟยไม่ขาดตกบกพร่อง ขาดแค่ไม่ได้ให้อำนาจแก่นาง ผลประโยชน์ที่ควรได้ข้าก็ให้นางไม่เคยขาด เรื่องที่เกิดขึ้นตอนหลังเจ้าเองก็รู้แล้ว ใจกล้าไม่เบา คิดว่าออกจากใต้บังคับบัญชาข้าไปแล้วข้าจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้งั้นเหรอ! เจ้าหาทางจัดการพวกเขาสองคนด้วย ทำให้สะอาดเรียบร้อยหน่อยนะ อย่าทำให้อธิบายกับเบื้องบนไม่ได้ เข้าใจความหมายของข้ามั้ย?”
สวีถังหรานตกใจ ถามอย่างลังเลว่า “พวกเขาสองคนเป็นลูกน้องคนสนิทของปี้เยว่ฮูหยิน ติดตามปี้เยว่ฮูหยินมาหลายปีแล้ว ทำแบบนี้จะเหมาะสมเหรอ?”
เหมียวอี้ที่ยกถ้วยน้ำชาพลางเหล่ตามมอง แล้วตอบเสียงเรียบว่า “ข้าขอคนมาจากเบื้องบน เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”
…………………………