พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1275 ประหารทันที!
กลุ่มทหารที่ดุเหมือนเสือพลิกตู้คว่ำกล่องทันที ดังนั้นเรื่องแรกที่ทำก็คือเก็บกวาดทรัพย์สินที่มีค่าในร้าน
กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังที่เดินตามหลังสวีถังหรานกัดฟัน นี่เป็นทหารขุนนางของตำหนักสวรรค์เสียที่ไหนกัน ไม่ต่างอะไรกับโจรเลย
เลี้ยวมาที่โถงด้านหลัง มาถึงทางเดินบนตึก หลังจากเหลียวซ้ายแลขวาครู่หนึ่ง สวีถังหรานก็ยืนอยู่ที่เดิมแล้วใช้สองมือชี้ไปข้างหน้า “ค้นให้ข้า!”
กงอวี่เฟย หลี่หวนถังรวมทั้งลูกน้องคนสนิทอีกสองคนของสวีถังหรานเดินผ่านข้างซ้ายและขวาของสวีถังหรานไป เพิ่งจะเดินถึงตรงหน้าสวีถังหราน สวีถังหรานก็โยนเชือกมัดเซียนสองเส้นออกมา เส้นหนึ่งเป็นเชือกมัดเซียนผลึกม่วง อีกเส้นเป็นเชือกมัดเซียนผลึกทอง
ตอนนี้ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ จู่ๆ สวีถังหรานก็ลงมือลอบจู่โจม เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงจริงๆ
กงอวี่เฟยที่อยู่ดีๆ ก็โดนเชือกมัดเซียนผลึกม่วงมัดพลันหันกลับมา ทวนวิเศษผลึกม่วงด้ามหนึ่งพลันแทงออกมาจากมือสวีถังหราน กงอวี่เฟยที่กำลังโดนมัดไม่มีทางต้านทานได้ กระเด็นถอยหลังพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่กลับสายไปเสียแล้ว คมทวนแทงทะลุเกราะรบสีทองของนางเข้าสู่หัวใจโดยตรง
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ลูกน้องคนสนิทสองคนของสวีถังหรานก็ลงมือลอบจู่โจมแล้วเช่นกัน ทั้งสองร่วมมือกันกดหลี่หวนถังเอาไว้ หนึ่งในนั้นกอดหลี่หวนถังพร้อมอุปากเอาไว้แน่น ส่วนอีกคนรีบชักดาบออกมากดจ่อที่คอหลี่หวนถัง หลี่หวนถังเบิกตากว้าง ในคอมีน้ำเลือดพุ่งฉีดออกมา แล้วก็โดนซ้ำอีกดาบ
“หนิว…” กงอวี่เฟยย่อมเดาออกว่าใครต้องการเล่นงานให้นางถึงตาย ขณะกำลังจะตะโกนบอกให้คนรู้ถึงการตายที่ไม่ยุติธรรมของนาง สวีถังหรานก็ไม่ให้โอกาสนางแล้ว เขายกขาขึ้นมาเตะอย่างบ้าคลั่ง เตะโดนปากของกงอวี่เฟยพอดี ทำให้เสียงที่นางเพิ่งตะโกนออกมาถูกเหยียบไว้แล้ว ใบหน้าถูกเหยียบจนบุ๋มลึกลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง
สองคนที่กำจัดหลี่หวนถังแล้วยืนขึ้นพยักหน้าให้สวีถังหราน สวีถังหรานถือโอกาสชักทวนออกมา ยกเท้าเขี่ยร่างของหลี่หวนถัง หลังจากแน่ใจว่าตายสนิทแล้ว ก็เดินไปตรงหน้ากงอวี่เฟยที่ชักกระตุกอยู่บนพื้น ถือทวนเขี่ยใบหน้าที่เปลี่ยนรูปร่างของกงอวี่เฟย พลางพูดเย้ยว่า “เจ้าคงจะไม่เคยลิ้มลองรสชาติของผู้ชายสินะ ตายไปแบบนี้อาจจะน่าเสียดายไปหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ ไม่หัดดูเสียบ้างว่าตัวเองอายุเท่าไร อยู่ดีไม่ว่าดีดันเข้าไปประสมโรงทำไม ผู้บัญชาการใหญ่ใช่คนที่เจ้าจะมีเรื่องด้วยไหวเหรอ?”
ฉึก! ออกทวนอีกหนึ่งครั้งบนร่างของกงอวี่เฟย รอให้นางขาดใจแล้วถึงได้ดึงทวนออกมา แล้วบอกว่า “เร็วๆ หน่อย ทำให้สะอาดเรียบร้อย จัดการปลอมแปลงบาดแผลของนางสักหน่อย”
แทบจะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมาก กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังโดนกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็วด้วยการจู่โจมไปแบบนี้แล้ว
ลูกน้องคนสนิทสองคนรีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า นั่งคุกเข่าข้างเดียวข้างศพกงอวี่เฟย เตรียมจะลงมือปลอมแปลงบาดแผล แต่ใครจะคิดว่าตรงนี้ยังไม่ทันได้ลงมือ จู่ๆ ทวนในมือสวีถังหรานก็ปาดที่แผ่นหลังของพวกเขาแล้ว หลังจากหัวทวนที่แหลมคมทะลุเกราะรบ ก็วาดเป็นรอยลึกบนแผ่นหลังของพวกเขา เลือดสดสาดกระจายออกมา แทบจะทำให้ทั้งสองหลังขาดพร้อมกัน
ทั้งสองที่ล้มลงพื้นเบิกตากว้างมองสวีถังหรานด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ริมฝีปากสั่นเครือ ทั้งคู่พยายามออกแรงยกนิ้วชี้สวีถังหราน เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับอ้าปากไม่ไหวแล้ว
ทั้งสองเหมือนจะจินตนาการไม่ออกว่าจู่ๆ สวีถังหรานจะลงมือกับตัวเอง เพราะทั้งสองเป็นลูกน้องคนสนิทของเขา!
“ไม่ต้องปลอมแปลงหรอก ข้าเป็นคนฆ่านางเอง” สวีถังหรานโบกทวนตีนิ้วที่กำลังชี้เข้ามาเบาๆ แล้วถอนหายใจบอกว่า “ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก ลงเรือโจรลำเดียวกับผู้บัญชาการใหญ่แล้ว อนาคตผูกติดอยู่กับตัวผู้บัญชาการใหญ่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผู้บัญชาการใหญ่ ข้าก็แย่เหมือนกัน เลยต้องทำไม่ยุติธรรมกับพวกเจ้าสองคน สหายทั้งสองจงไปดีนะ จากไปแบบไม่มีห่วงเถอะ ถ้ามีลูกหลาน สวีคนนี้จะดูแลอย่างดี!”
พูดจบก็เก็บเชือกมัดเซียนบนตัวกงอวี่เฟยกับหลี่หวนถัง แล้วหยิบทวนผลึกแดงด้ามหนึ่งออกมาทาเลือดสดไว้ที่หัวทวน ส่วนทวนยาวด้ามก่อนหน้านี้ก็ถือกลับหัวเอาไว้ แล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา หาจุดอ่อนที่ไม่มีเกราะรบคลุม แล้วก็กัดฟันแทงทวนลงใต้รักแร้ของตัวเอง เขาเจ็บจนสูดหายใจลึก แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ฝืนอาเจียนเลือดออกมาคำหนึ่ง ย้อมจนริมฝีปากเป็นสีแดง
“บังอาจ! บังอาจแอบเก็บของไว้ส่วนตัว…” จู่ๆ สวีถังหรานก็ตะโกนอีกครั้ง แล้วโบกทวนอีกด้ามทุบตีมั่วๆ ทำให้ผนังรอบข้างพังแหลก จงใจสร้างสถานการณ์ต่อสู้ พอได้ยินเสียงคนกำลังมา ก็พลันล้มหงายหลัง กระแทกจนไม้กระดานพังทันที
เสียงดังโครมคราม สวีถังหรานที่ตกจากชั้นบนลงมาชั้นล่างกระแทกลงในโถงใหญ่ของร้านค้า ใต้รักแร้ยังมีทวนด้ามหนึ่งคาอยู่เลย
คนที่กำลังตรวจค้นร้านค้าล้อมเข้ามาปกป้องทันที สวีถังหรานชี้ไปยังด้านบนที่พังเป็นโพรง พร้อมตะโกนอย่างเดือดดาลว่า “พวกเขาโดนข้าโจมตีจนสาหัสแล้ว หนีไม่พ้นหรอก ไปจับมาให้ข้า”
คนที่อยู่ข้างๆ งุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนรอยที่พังเป็นโพรงทันที
สวีถังหรานดึงทวนยาวใต้รักแร้ออก แล้วถลันตัวขึ้นไปเช่นกัน เห็นลูกน้องบางส่วนกำลังตรวจค้นห้องต่างๆ แล้วก็มีบางส่วนก็จ้องไปที่ศพพวกนั้น
“ตายแล้วเหรอ?” สวีถังหรานถาม
พอเห็นเขาตามมาแล้ว ก็มีคนถามเขาว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
สวีถังหรานโบกทวนชี้กงอวี่เฟยและหลี่หวนถังที่อยู่ทางซ้ายและขวา “สุนัขตัวผู้กับสุนัขตัวเมียคู่นี้แอบเก็บของไว้ส่วนตัว แต่ถูกเหล่าอูกับเหล่าเฉินจับได้ เลยฆ่าปิดปากพวกเขา โชคดีที่ข้าไหวตัวทัน ไม่อย่างนั้นข้าคงตายด้วยน้ำมือพวกเขาไปแล้ว”
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก เหมือนเสียงการต่อสู้เกิดขึ้นแค่แป๊บเดียวเอง จัดการได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? จากนั้นก็มีคนเตะบนตัวกงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังสองสามที แสดงความโกรธเคืองออกมา…
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ในที่สุดกำลังพลตำหนักสวรรค์ที่ก่อความวุ่นวายจนหมาไก่บินกระเจิงก็หยุดเคลื่อนไหวแล้ว รีบกลับไปรวมตัวกันที่ตำหนักคุ้มเมือง
“คุกเข่า! คุกเข้าให้ดี!” เสียงตะคอกดังไม่หยุดบนถนนที่ขยายออกมานอกตำหนักคุ้มเมือง
คนแปดพันกว่าคนจากร้านค้าห้าร้อยกว่าร้านนั่งคุกเข่าหัวดำติดกันเป็นพืด กำลังหันหน้าเข้าหาตำหนักคุ้มเมือง ทหารสวรรค์ที่ถืออาวุธลาดตระเวนอยู่ระหว่างนั้นดุร้ายรากับเสือกับหมาป่า ถ้าพบความผิดปกติเล็กน้อยก็จะใช้หมัดใช้เท้าหรืไม่ก็เอาอาวุธออกมาฟาดทันที
ถึงแม้ฟ้าจะมืดแล้ว แต่ภายใต้แสงจันทร์ ที่ถนนใกล้ๆ กันและบนหลังคาก็มีคนมาเบียดมุงดูเต็มไปหมด พวกอวิ๋นจือชิวก็มาเหมือนกัน ปะปนอยู่ในกลุ่มคนเพื่อมองดูฉากอลังการตรงหน้า แต่กลับไม่เห็นเงาของเหมียวอี้
“ฮูหยิน นี่นายท่านเป็นคนสั่งใช่มั้ย?” จีเหม่ยลี่ถ่ายทอดเสียงถามอย่างตกตะลึงปนประหลาดใจ
“เจ้าคิดว่าไงล่ะ นอกจากเขา ที่ตลาดสวรรค์ยังจะมีใครมีอำนาจมากขนาดนี้อีก เฮ้อ!” อวิ๋นจือชิวกล่าวอย่างจนใจมาก
มีคนไม่น้อยที่อยู่แถวนั้นกำลังกระซิบกระซาบกัน
“ตอนนี้มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้ว”
“สมน้ำหน้า! ผูกขาดธุรกิจที่ทำกำไรมากที่สุดของตลาดสวรรค์ ไม่ให้โอกาสคนอื่นยื่นเท้าเข้าไปบ้างเลย ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ โหดกว่าครั้งก่อนอีก โดนผู้บัญชาการใหญ่ปราบยกรังแล้ว”
“คนพวกนี้ช่างไม่กลัวตายจริงๆ โดนผู้บัญชาการใหญ่ล้างเลือดไปแล้วรอบหนึ่ง ยังจะกล้าต่อต้านอีก”
“ยังจำในปีนั้นได้มั้ย? คนพวกนี้ดูหมิ่นผู้บัญชาการใหญ่หนิวไว้แรงมาก ปล่อยข่าวลือต่างๆ นาๆ ตอนนี้หงอยแล้วล่ะสิ?”
“ตอนค้นยึดร้านค้าก่อนหน้านี้ ข้าอยู่ข้างนอกได้ยินผู้บัญชาการใหญ่อิงพูดแล้ว ได้ยินว่าผู้จัดการร้านค้าพวกนี้จัดงานเลี้ยงที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท แต่ความจริงเตรียมมือสังหารเอาไว้ลอบฆ่าผู้บัญชาการใหญ่ ก็เลยทำให้ผู้บัญชาการใหญ่เดือดดาลมาก ผู้บัญชาการใหญ่เอ่ยสั่งคำเดียว ถึงได้เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นไง”
“อาศัยภูมิหลังและกำลังของสมาคมร้านค้าพวกนี้ ถ้าจะสู้กับผู้บัญชาการใหญ่จริงๆ ก็น่าจะไม่ยากนะ? ยังต้องส่งมือสังหารมาด้วยเหรอ?”
“นี่เจ้าเพิ่งเข้าใจเรื่องนี้เหรอ? ถ้าลงมือกับผู้บัญชาการใหญ่แบบโจ่งแจ้งจะเป็นยังไงล่ะ? อยากก่อกบฏรึไง? ถ้าส่งมือสังหารมาลอบฆ่า เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาก็ยังผลักความรับผิดชอบได้”
“ดูจากสิ่งนี้แล้ว เรื่องที่ผู้บัญชาการใหญ่อยากจะคืนดีกับพวกเขาก่อนหน้านี้คงจะจริง แต่การลอบสังหารดันไปยั่วโมโหเขา หึๆ พอลอบสังหารไม่สำเร็จก็เลยกลายเป็นก่อกบฏและโดนค้นยึดร้าน แบบนี้เรียกว่าขโมยไก่ไม่ได้ ทั้งยังเสียข้าวสารอีกกำมือ[1]!”
“จุจุ! เรื่องแบบนี้คงมีแค่ผู้บัญชาการใหญ่เท่านั้นที่กล้าทำ สมกับเป็นผู้ที่กล้าทำลายกลองสะท้านฟ้า ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นใครจะกล้าล่ะ?”
“เฮ้อ! แบบนี้เป็นการระบายความโกรธชั่วครู่ แต่ก็ต้องมีเรื่องกับขุนนางทั่วราชสำนักอีกรอบไม่ใช่เหรอ? เกรงว่าต่อไปนี้ผู้บัญชาการใหญ่คงจะใช้ชีวิตลำบากแล้ว!”
“ดังนั้น ถ้าไม่มีอิทิพลหนุนหลังก็นั่งตำแหน่งนี้ได้ยาก ถ้ามีอิทธิพลหนุนหลัง ผู้บัญชาการใหญ่หนิวก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก”
“สนใจทำไม ไม่เกี่ยวกับพวกเราสักหน่อย สรุปว่าทำได้ดีมาก ควรจะปราบยกรังตั้งนานแล้ว ปล่อยให้แข่งขันกันอย่างยุติธรรมก็เป็นผลดีกับพวกเรา”
พวกอวิ๋นจือชิวมองซ้ายมองขวา ฟังเสียงวิจารณ์ต่างๆ นาๆ รอบข้าง เห็นได้ชัดว่าร้านค้าส่วนใหญ่ชื่นชมที่เหมียวอี้ทำแบบนี้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ได้ผลประโยชน์ ส่วนในภายหลังเหมียวอี้จะเป็นหรือจะตายก็ย่อมไม่สนใจ เพราะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
เงาคนหลายคนเหาะลงมาจากฟ้า พวกฝูชิงมาเหยียบลงที่ประตูตำหนักคุ้มเมือง พอหันตัวมาเห็นสวีถังหรานบาดเจ็บ อิงอู๋ตี๋ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าเป็นอะไร? มีคนขัดขืนเหรอ?”
“ข้าโมโหแทบแย่ เรือเกือบคว่ำในคลองแคบ[2]แล้ว โดนคนของตัวเองลอบจู่โจม พาตัวมา!” สวีถังหรานหันตัวไปโบกมือ
ดังนั้นศพของลูกน้องคนสนิทสองคน รวมทั้งศพของกงอวี่เฟยและหลี่หวนถังจึงถูกยกขึ้นมาวางบนพื้นพร้อมกัน
สวีถังหรานชี้ไปที่ศพบนพื้น “สองคนนี้ไม่ได้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเรา นอกจากแอบซ่อนของที่ยึดไว้เองแล้ว พอโดนจับได้ก็ยังกล้าฆ่าคนปิดปากอีก ฆ่าลูกน้องข้าไปสองคน โชคดีนะที่ข้าไหวตัวทัน เลยโดนทวนของกงอวี่เฟยทีเดียว ไม่อย่างนั้นจะได้มายืนอยู่ตรงนี้เหรอ”
กงอวี่เฟยกับหลี่หวนถังตายพร้อมกันเหรอ? บังเอิญขนาดนี้เชียว?
ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ มู่หรงซิงหัวสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็ใช้สายตาล้ำลึกมองไปยังสวีถังหรานที่กำลังหยิบสมุนไพรเซียนซิงหัวออกมาสูดเหมือนคนไม่เป็นอะไร ทั้งสามไม่ได้พูดอะไร จากนั้นมองไปที่ด้านล่างอีก
หลังจากพวกเขาสรุปสถานการณ์แล้ว ฝูชิงก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้
ตอนนี้เหมียวอี้ยังอยู่บนทะเลสาบของภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท ยืนพิงระเบียงอยู่ริมทะเลสาบนอกตึกศาลา ลมพัดผ่านผิวทะเลสาบหลายวูบ แสงจันทร์พระเพื่อมอยู่บนคลื่นสีเงิน ยังมีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นที่พัดผ่านโถงมากับสายลมด้วย
คนที่ติดต่อเขาไม่ได้มีแค่ฝูชิง คนที่ติดต่อเขามีเยอะมาก ปี้เยว่ฮูหยิน ผู้การสองหลันเซียง โค่วเหวินหลาน เซี่ยโห้วหลงเฉิง…
เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าครั้งนี้ไม่ได้ลงมืออย่างกะทันหันเหมือนครั้งแรก ร้านค้าเหล่านั้นตั้งใจเตรียมป้องกัน คาดว่าปลาลอดแหคงมีเยอะพอสมควร ข่าวการค้นยึดร้านค้าทางนี้จะต้องแพร่ออกไปแล้วแน่นอน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่ติดต่อมาล้วนต้องการจะถามสถานการณ์จากเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่ติดต่อเขาเข้ามาในเวลานี้พร้อมกัน ทั้งยังติดต่ออย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน
แต่เหมียวอี้ก็ไม่ได้สนใจ ตัวเองเกือบโดนลอบสังหารแล้ว ตอนนี้ยุ่งมาก จะเอาเวลาจากไหนไปสนใจ
เขาหยิบระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกับฝูชิงขึ้นมา ถามว่า : สถานการณ์เป็นยังไง?
ฝูชิงตอบว่า : ร้านค้าห้าร้อยกว่าร้านถูกค้นยึดแล้ว แต่คนที่หนีไปได้ก็มีไม่น้อย นับคร่าวๆ ก็คาดว่าคงมีคนหนีไปได้สองสามร้อยคน ประตูของสี่เขตเมืองปิดแล้ว พวกเขาหนีออกไปไม่ได้หรอก ต้องหลบอยู่ในเมืองแน่นอน กำลังเตรียมกระจายกำลังค้นหา ตอนนี้จับได้แปดพันสามร้อยหกสิบสองคน ถูกควบคุมให้นั่งคุกเข่าอยู่ที่ประตูตำหนักคุ้มเมือง จะให้จัดการยังไงขอรับ?
เหมียวอี้สีหน้าเรียบเฉย เขย่าระฆังดาราตอบกลับว่า : ที่หนีไปแล้วก็ช่างเถอะ ไม่สนใจคนพวกนั้นหรอก ส่วนคนที่จับมาแล้ว…ประหาร!
ฝูชิงถามยืนยันอีกครั้ง : ประหารจริงเหรอ?
เหมียวอี้เงยหน้ามองดวงจันทร์ สีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน ตอบเพียงว่า : ประหารทันที!
…………………………
[1] ขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารอีกกำมือ 偷鸡不成蚀把米 อุปมาว่า นอกจากจะตักตวงผลประโยชน์ไม่ได้แล้วยังขาดทุนด้วย
[2] เรือคว่ำในคลองแคบ 阴沟里翻船 แผนที่ดำเนินมาด้วยดีตลอดเสียหายเพราะความประมาท