พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1277 ลอบสังหาร
การตอบสนองของเขาในชั่วพริบตานั้น ในสายตาของทุกคนมีเพียงคำว่า ‘น่าทึ่ง’ ที่สามารถบรรยายได้ ช่างเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วจริงๆ!
ความฉุกละหุกรับมือไม่ทันของฝูชิง มู่หรงซิงหัวและสวีถังหรานที่ใกล้เคียงกลายเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนมาก มีเพียงอิงอู๋ตี๋ที่ตอบสนองได้ไวหน่อย พลิกมือนำทวนยาวโยนออกไป สกัดมือสังหารที่พุ่งตัวเข้ามาเอาไว้
ชั่วพริบตาที่ธนูและลูกศรเปล่งแสง ในที่สุดคนมากมายที่อยากจะเห็นว่าผู้บัญชาการใหญ่หนิวหน้าตาเป็นอย่างไรก็ได้เห็นชัดเจนแล้ว สำแสงนั้นส่องสว่างใบหน้าอันเด็ดเดี่ยวและสุขุมของเขา ใบหน้าที่เยือกเย็นยามเผชิญความเป็นความตายที่ไม่คาดคิด!
ยิงลูกธนูสามดอกไม่ทัน ยิงออกไปดอกหนึ่งก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ลูกธนูดอกหนึ่งระเบิดยิงออกมา พลังอิทธิฤทธิ์โหมซัดสาด ประตูตำหนักข้างหลังเหมียวอี้พังทลาย กระแสลมพัดม้วนฝุ่นดินตลบอบอวลเป็นช่องว่างอยู่ข้างหลังเขา พื้นที่อยู่ใต้เท้าเป็นรอยแยกเหมือนใยแมงมุม ไม่เหมือนตอนยิงธนูอยู่ที่ความว่างเปล่าในดาราจักรที่สะท้อนอะไรออกมาไม่ได้ จะเห็นได้ถึงอานุภาพของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ในเวลานี้
เมื่อประตูตำหนักพัง ก็ไม่ต่างอะไรกับตัดขาดทางหนีทีไล่สุดท้ายของเหมียวอี้ ในการคุ้มกันโดยค่ายกลใหญ่ของทั้งตำหนักคุ้มเมือง ตรงประตูตำหนักคือทางเข้าออกเดียวของค่ายกลใหญ่ พอประตูตำหนักพัง ค่ายกลใหญ่ก็ปิดทางเข้าออกทางเดียวที่มีทันที สามารถเห็นชามสีเงินอ่อนขนาดใหญ่ใบหนึ่งคว่ำครอบทั้งตำหนักคุ้มเมืองเอาไว้รางๆ สว่างวาบเล็กน้อยแล้วหายไป
การไหวตัวขว้างทวนของอิงอู๋ตี๋ค่อนข้างเร็ว ถึงอย่างไรก็ประหยัดขั้นตอนง้างสายธนู แต่ลูกธนูดาวตกที่ปล่อยไปทีหลังก็ถึงก่อน ความเร็วของมันเหนือกว่าการขว้างทวนยาว
“เชือกมัดเซียน!” ฝูชิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แล้วพลิกมือขว้างทวนยาวออกไปเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่ามือสังหารนึกไม่ถึงว่าท่ามกลางคนกลุ่มนี้จะมีคนไหวตัวเร็วขนาดนี้ เหลืออีกประมาณสิบจั้งก็จะโจมตีโดนเหมียวอี้แล้ว สำหรับนักพรตบงกชรุ้ง ระยะห่างสิบจั้งเป็นเพียงเรื่องชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น ทว่าสำหรับการเข่นฆ่า ระยะห่างสิบจั้งก็เพียงพอให้เปลี่ยนแปลงเรื่องราวได้ ชนปะทะกับลูกธนูดาวตกที่ยิงเข้ามาในระยะห่างนี้
มือสังหารก็ไหวตัวไม่ช้า ตีลังกาหักเลี้ยวกลางอากาศ แต่ใครจะคิดว่าลำแสงที่ยิ่งเข้ามาจะพลันเลี้ยวไล่ตามไป
อิงอู๋ตี๋กับฝูชิงขว้างทวนยาวออกไปเจอกับความว่างเปล่า พุ่งเป็นเส้นตรงไปยังท้องฟ้าไกลๆ มือสังหารหลบพ้นแล้ว
เห็นได้ชัดว่าการที่ลูกธนูดาวตกเลี้ยวไล่ยิงตามเหนือความคาดหมายของมือสังหาร ตอนนี้ไม่มีเวลาเหลือให้เขาคิดอะไรมาก เมื่อเห็นลูกธนูดาวตกกำลังจะยิงโดนตัวเอง ก็ฟันกระบี่วิเศษในมือไปยังลำแสงที่ยิงเข้ามา แต่ใครจะคิดว่าจะมีเรื่องเหนือความคาดหมายอีกอย่าง กระบี่วิเศษกวาดโดนลำแสงที่ยิงเข้ามา เห็นอยู่ชัดๆ ว่าโดนแล้ว แต่กลับโจมตีได้เพียงความว่างเปล่า กระบี่วิเศษแวบผ่านลำแสงนั้นไป
ว่างเปล่า! มือสังหารพลันเบิกตากว้าง เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ ถึงอย่างไรเรื่องที่เหมียวอี้โจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้านก็ไม่ใช่ความลับอะไร เรื่องธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ลูกธนูดาวตกก็ย่อมไม่ใช่ความลับเช่นกัน
ทว่ากว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว ลำแสงพลันปรากฏเป็นร่างจริงอยู่ตรงหน้าอกเขา ลูกธนูผลึกแดงบริสุทธิ์ที่มีจุดสีดำขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวหมุนวนฝ่าทะลุเกราะอิทธิฤทธิ์ล่องหนของเขาแล้ว ยิงโดนหน้าอกของเขา
ปั้ง! ลูกธนูดาวตกดอกหนึ่งทะลุผ่านหน้าอกของเขาโดยตรง ตรงหน้าอกเขาเกิดเป็นโพรงเลือดขนาดเท่ากำปั้น สามารถเห็นแสงจันทร์ลอดผ่านได้
ลูกธนูดาวตกที่ระเบิดเลือดเนื้อยิงออกมาจากแผ่นหลังของเขา ทะลุผ่านเม็ดเลือดหลายหยด โจมตีครั้งเดียวอันตรายถึงชีวิต!
“อา!” มือสังหารที่ส่งเสียงร้องเจ็บปวดพลันสะบัดมือ ขว้างกระบี่วิเศษในมือไปทางเหมียวอี้ด้วยความเร็วปานสายฟ้า
เหมียวอี้ที่ยิงธนูออกไปลูกหนึ่งดีดนิ้วทั้งห้าเบาๆ ง้างลูกธนูดาวตกบนสายอีกดอก พอเกิดเป็นลำแสง ลูกธนูก็ถูกยิงออกไปอีกครั้งพร้อมกับเสียงปั้ง
ลำแสงที่ยิงออกไปอีกครั้งแทบจะเฉียดผ่านกับกระบี่วิเศษที่ขว้างออกไป เมื่อเห็นมือสังหารยังมีแรงเหลือในการโต้ตอบ เหมียวอี้ก็ไม่ยิงเพื่อป้องกันกระบี่วิเศษที่ขว้างเข้ามา ลำแสงวิ่งไปหามือสังหารอีกครั้ง หมายจะฆ่ามือสังหารให้ตายสนิท!
มือสังหารต้องการฆ่าเหมียวอี้ เหมียวอี้ก็ต้องการฆ่ามือสังหารเช่นกัน ทั้งสองเรียกได้ว่าพุ่งอาวุธใส่กันในชั่วพริบตาเดียว ความเร้าใจหวาดเสียวในชั่วพริบตานี้ทำให้คนไม่น้อยต้องเบิกตากว้าง พวกอวิ๋นจือชิวตกใจจนพูดไม่ออกแล้ว กำลังอ้าปากค้าง…
การโจมตีก่อนตายของนักพรตบงกชรุ้งเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้ ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ มู่หรงซิงหัว สวีถังหรานปล่อยอาวุธในมือออกมาพร้อมกัน ต้องการจะสกัดขวาง แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง มีเพียงอาวุธของอิงอู๋ตี๋ที่ได้สัมผัสกับหางของกระบี่วิเศษที่พุ่งเข้ามา ทว่าอีกฝ่ายวรยุทธ์สูงเกินไป การสัมผัสนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับสะเทือนจนตัวเองต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ทั้งสี่ที่ทำสีหน้าตื่นตกใจเอียงหน้าแทบจะพร้อมกัน เบิกตากว้างมองดูกระบี่วิเศษพุ่งไปที่เหมียวอี้
ปั้ง! เกราะอิทธิฤทธิ์ล่องหนบนตัวเหมียวอี้ถูกแทงทะลุในชั่วพริบตาเดียว เมื่อเจอกับยอดฝีมือระดับนี้ ก็ไม่มีผลในการป้องกันอะไรทั้งนั้น
เอียงหน้า! เอียงหน้าโดยพลัน เหมียวอี้รีบเอียงหน้าเล็กน้อยด้วยความเร็วอันไร้ที่เปรียบ เร็วจนเปลี่ยนท่านั่งดึงสายธนูไม่ทัน
กระบี่วิเศษที่พุ่งเข้ามาแทบจะเฉียดผ่านระหว่างหัวไหล่ข้างว้ายกับศีรษะของเหมียวอี้ไป ยิ่งเฉียดคอของเหมียวอี้ไป
ถึงแม้กระบี่วิเศษจะโจมตีไม่โดนเหมียวอี้ แต่อานุภาพที่หลงเหลือจากการโจมตีก็ทำให้เหมียวอี้ที่ยังไม่เปลี่ยนท่าไถลไปด้านหลังสามฉื่อ เสื้อผ้าบนบ่าครึ่งหนึ่งฉีกเป็นเศษผ้าปลิวว่อน หน้าอกครึ่งหนึ่ง หัวไหล่และแขนข้างหนึ่งเปลือยออกมา เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงบึกบึนครึ่งหนึ่ง ผมที่มัดไว้ดีแล้วถูกแก้ออก ปลิวสะบัดอย่างรุนแรงตามสายลม
ปั้ง! กระบี่วิเศษชะงักอยู่กลางอากาศด้านหลัง ‘ชาม’ สีขาวอ่อนที่คว่ำครอบตำหนักคุ้มเมืองปรากฏขึ้นอีกครั้ง กระบี่วิเศษด้ามนั้นฝังลึกเข้าไปในผนังของมัน กระบี่วิเศษสั่นสะเทือนไม่หยุด บนผนังมีลำแสงวิ่งไปทั่ง กำลังคลายพลังโจมตีของกระบี่ด้ามนี้ ปกป้องตำหนักคุ้มเมือง
ลูกธนูดาวตกดอกที่สองยิงเข้ามา มือสังหารที่ใกล้ตายไม่มีทางหลบได้ ได้แต่มองดูลำแสดงปรากฏเป็นอาวุธจริงพุ่งมาที่หน้าผากตัวเอง สามารถเห็นเงาสะท้อนกลับหัวในลูกตา
ชั่วพริบตานี้ เขานึกขึ้นได้ถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่ติดต่อกับเบื้องบน เบื้องบนสัญญาว่าจะตบรางวัลอย่างงาม สั่งให้เขากำจัดหนิวโหย่วเต๋อทิ้งโดยตรง เขารู้ว่าการโจมตีผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อย่างโจ่งแจ้งจะมีผลเป็นอย่างไร แต่เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง ถ้าขัดคำสั่งเขาก็จะตายสถานเดียว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าทำตามคำสั่งแล้วก็ตายอยู่ดี…
ปั้ง! ไม่มีเวลาเหลือให้เขาคิดอะไรมากแล้ว ลูกธนูดาวตกยิงระเบิดใส่หัว
ในเวลานี้ คำสั่ง ‘เชือกมัดเซียน’ ของฝูชิงเพิ่งจะทำให้ลูกน้องควักเชือกมัดเซียนออกมา ทุกคนยังไม่ทันได้ลงมือ การสังหารฉากนี้ก็จบลงด้วยภาพที่ร่างของมือสังหารตกกระแทกพื้น ส่วนทวนยาวที่เขากับอิงอู๋ตี๋เพิ่งขว้างออกไปก็ทำให้ค่ายกลใหญ่ที่ครอบตลาดสวรรค์ปรากฏร่างแวบหนึ่ง จะเห็นได้ว่าการประมือเพียงชั่วพริบตานี้รวดเร็วขนาดไหน
ซวบๆ! ลูกธนูดาวตกสองดอกที่ยิงออกไปบินกลับมาก่อน เหมียวอี้ใช้มือข้างเดียวคว้าเอาไว้ เสร็จแล้วศีรษะที่เอียงหลบถึงได้หันตรงอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากท่านั่งควบม้า ในมือถือสายธนูและลูกธนู หัวไหล่ที่เปลือยครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นร่างกายที่บึกบึน ยืนผมยุ่งสยายอยู่ตรงนั้น ข้างหลังเป็นซากหลังจากประตูตำหนักพังทลายลง เป่าเหลียนที่กลับมาถึงก่อนกำลังยืนมองเหตุการณ์ด้านนอกอย่างตกตะลึง
สายตาของทุกคนไปรวมอยู่บนตัวเหมียวอี้ ความเงียบในตอนนี้ทำให้ได้ยินเพียงเสียงน้ำเลือดที่ไหลหยด
ฉากที่หวาดเสียวเมื่อครู่นี้ ทำให้คนรู้สึกทึ่งในการไหวตัวที่รวดเร็วของเหมียวอี้ และยิ่งทึ่งกับความเยือกเย็นในชั่วพริบตานั้นของเขาด้วย ยามเผชิญหน้ากับความเป็นความตายไม่ได้ลนลานเลยสักนิด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้ว่าคนที่ตายจะเป็นใครกันแน่ ทุกคนมองไปที่ผู้บัญชาการใหญ่อีกครั้งด้วยแววตาเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง มีคนไม่น้อยแอบชมในใจ สมกับเป็นชายชาตรีที่บุกเดี่ยวโจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้าน ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียงจริงๆ ด้วย!
หารู้ไม่ว่าเหมียวอี้ก็โดนกดดันจนไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ชั่วพริบตานั้นเขาสามารถหยิบอะไรได้ก็ใช้งานอันนั้น ไม่เสียเวลาเลือกเลยสักนิด เดิมทีอยากจะใช้ ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ แต่เมื่อหยิบได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ก็ทำได้เพียงใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ยิงธนูสามดอกพร้อมกันไม่ทันก็ยังรีบยิงไปแค่ดอกเดียว จะเห็นได้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนและบีบบังคับขนาดไหน เป็นเพราะอีกฝ่ายมีพลังแข็งแกร็งเกินไป ไม่ให้เวลาเขาได้ตอบสนองอะไรมาก
โชคดีเช่นกันที่อยู่ตรงประตูตำหนักคุ้มเมือง นอกจากจะห่างกันหนึ่งถนนแล้ว ยังมีทหารกันอยู่หนาแน่น ทำให้มือสังหารไม่สามารถเข้ามาสังหารในระยะใกล้ได้ ให้เวลาเขาได้ไหวตัวเล็กน้อย ถ้าโดนจู่โจมในระยะห่างเหมือนตอนอยู่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารท เมื่อครู่นี้เขาต้องตายแน่นอน
อวิ๋นจือชิวและกลุ่มอนุภรรยาที่อกสั่นขวัญแขวน ในที่สุดก็ค่อยๆ วางใจลง แต่กลับใจเต้นแรงไม่หยุด ฝ่าอินที่ประนมมือสวดมนต์แผ่เมตตาให้แปดพันกว่าชีวิตนั่นตลอดก็วางมือลงอย่างช้าๆ เช่นกัน ดวงตาพลันเบิกกว้าง ตอนแรกนางยังโทษที่เหมียวอี้โหดร้ายเกินไป ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าคนอื่นก็ไม่เกรงใจเหมียวอี้เหมือนกัน
พวกจีเหม่ยลี่ที่ยังขวัญผวามองไปยังเหมียวอี้ที่ยืนตรงปล่อยผมสยาย ในแววตาพวกนางสื่ออารมณ์ที่ซับซ้อน!
ถึงแม้ผู้หญิงกลุ่มนี้จะถูกเลี้ยงโดยเหมียวอี้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ในใจจะไม่เคืองที่เหมียวอี้มีภรรยาหลายคน และตอนนี้ก็เพิ่งจะเข้าใจว่าทรัพยากรที่เหมียวอี้ใช้เลี้ยงพวกนางไม่ได้หามาง่ายๆ เลย ไม่ใช่ว่าได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แล้วเงินทองจะไหลมาเอง ความปลอดภัยสุขสบายของพวกนางเป็นสิ่งที่เหมียวอี้แลกมาด้วยชีวิต ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแค่ต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิตจากภายนอกเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นการลอบสังหารเมื่อครู่นี้ ทั้งยังต้องคอยระแวงว่าคนของตัวเองจะทรยศอีก เช่นตอนที่ห้าปราชญ์ร่วมมือกันทรยศ เกรงว่าการมีผู้หญิงเยอะคงจะไม่ทำให้ใช้ชีวิตสบายเลย
ชัดเจนมาก ว่าถ้าเมื่อครู่นี้เหมียวอี้ตาย ชีวิตของพวกนางที่พิภพใหญ่ก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้วเช่นกัน!
เหมียวอี้ที่ยืนปล่อยผมอยู่หน้าประตูที่พังลายหันมองรอบๆ ด้วยสายตาเย็นเยียบ ใบหน้าเขาเหมือนใจเย็นสงบนิ่ง แต่ที่จริงในใจก็ยังหวาดกลัวไม่หาย มีเพียงเขาที่รู้ดี ว่าในตอนนี้จุดที่โดนกระบี่วิเศษกรีดผ่านยังเจ็บชาอยู่เลย
สายตาไปหยุดอยู่ที่พวกอวิ๋นจือชิวครู่เดียว จากนั้นก็ค้นหาต่อว่ามีใครน่าสงสัยหรือไม่ กังวลว่าจะมีคนก่อกวน ถึงอย่างไรคนที่คิดจะฆ่าเขาก็มีเยอะมาก เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลงมือกับเขาอย่างโจ่งแจ้งท่ามกลางฝูงชน ฐานะของเขาคือผู้บัญชาการใหญ่ที่คุมอาณาเขตแทนตำหนักสวรรค์ สงสัยจะมีคนที่ไม่สนใจแม้แต่เส้นตายสุดท้าย ไม่ไว้หน้าแม้แต่ราชันสวรรค์แล้ว นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายสำหรับเขา!
ถ้าแม้แต่หนังเสือนี้ก็ยังปกป้องตัวเองไม่ได้ เช่นนั้นคนที่สามารถทำให้เขาตายได้ก็มีเยอะเกินไปแล้ว!
บนหลังคาที่อยู่ไกลๆ พวกจงหลีค่วยที่ปลอมตัวแล้วก็รู้สึกกลัวไม่หายเช่นกัน
ประตูเมืองยังปิดอยู่ พวกเขายังออกไปไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านี้ ก็มีคนลงมือกับเหมียวอี้เสียแล้ว หลังจากพบว่าเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาก็อยู่ในจุดที่ไกลเกินไป ต่อให้พวกเชียนหลัวอยากจะยับยั้งแต่ก็ไม่ทัน เป็นเพราะกะทันหันเกินไปจริงๆ
เมื่อเห็นเหมียวอี้ปลอดภัย และสังหารนักพรตบงกชรุ้งคนนั้น เชียนหลัวก็พยักหน้าชมเบาๆ “เด็กดี ความสามารถในการรับมือกับเหตุฉุกเฉินด้วยความใจเย็นนี้ไม่เลวเลย การหลบภัยครั้งนี้ได้ไม่ใช่เพราะดวงดี!” เขาหันตัวมาโบกมือ นำอีกสามคนกระโดดลงจากหลังคา รีบเข้าใกล้ตำหนักคุ้มเมือง ป้องกันไม่ให้มีคนลงมือกับเหมียวอี้อีก
แกร๊ง! กระบี่วิเศษที่ฝังอยู่บนค่ายกลป้องกันเด้งตกพื้น พวกฝูชิงที่กำลังมองเหมียวอี้ที่ยืนอยู่หน้าซากประตูอย่างตกตะลึงถึงได้สติกลับมา
“นายท่าน ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” ผู้บัญชาการทั้งสี่รีบถาม
เหมียวอี้ส่ายหน้าเบาๆ สายตาเย็นเยียบยังคงกวาดมองค้นหาท่ามกลางกลุ่มคน
ทหารสวรรค์ที่เบื้องล่างก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไปข้างศพของมือสังหารทัน ชั่วพริบตาเดียวก็ลงอาวุธพร้อมกัน ฟันร่างของมือสังหารจนกลายเป็นเนื้อบด
“โคตรพ่อโคตรแม่เอ๊ย หลีกทางให้ข้า!” สวีถังหรานสบถด่า ถือทวนกระโดดเข้าไปเช่นกัน แทงบนศพเที่เละแล้วมั่วๆ ดูเหมือนโมโหกว่าคนอื่น
…………………………