พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1282 บ้านมีศรีภรรยา
มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะไม่มีสมอง แต่เรื่องบนเตียงก็ยังมีรสชาติมาก เขายิ้มพร้อมถามว่า “ถามอะไรเจ้าสักเรื่องหนึ่ง หนิวโหย่วเต๋อ ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ของดาวเทียนหยวน เจ้าคงรู้จักคนคนนี้ใช่มั้ย?”
จาหรูเยี่ยนปล่อยมือทันที สีหน้าไม่สบอารมณ์แล้ว ทำเสียงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “ข้าก็ต้องการถามท่านเรื่องนี้พอดี ทางนั้นส่งข่าวมา ว่าเจ้าจัญไรนั่นค้นยึดร้านค้าของพวกเรา คนก็ไม่ปล่อยไป โดนเขาฆ่าจนหมดเกลี้ยง ท่านบอกมาว่าซิว่าควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
เมื่อเห็นว่านางรู้ถึงสถานการณ์ของทางนั้นได้อย่างทันเวลา สีหน้าของผังก้วนก็ค่อยๆ คร่ำเครียดลง กล่าวเสียงต่ำว่า “เรื่องนี้ต่อให้เจ้าไม่บอกข้าก็รู้! ข้าถามเจ้าอีกเรื่องหนี่ง เขาเพิ่งโดนลอบสังหารที่ประตูตำหนักคุ้มเมืองต่อหน้าต่อหน้าฝูงชน…ข้ารู้ว่าเจ้ามองเขาเป็นศัตรูมาตลอด ข้าถามเจ้าสักคำ เจ้าบงการให้คนไปทำเรื่องนี้ใช่หรือเปล่า?”
เมื่อเห็นเขาทำสายตาเหมือนไฟลุกจนจะกินคนได้ จาหรูเยี่ยนก็หัวใจกระตุกวูบ แล้วส่ายหน้าซ้ำๆ “ข้าไม่ได้ทำ”
ผังก้วนสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่กลับกดดันถามต่อ “เจ้าไม่ได้ทำจริงเหรอ?”
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้ทำ” จาหรูเยี่ยนยืนยันคำเดิม
“งั้นก็ดี!” ผังก้วนทำสีหน้าอ่อนลง สุดท้ายก็โล่งอกแล้ว เขากังวลจริงๆ ว่าผู้หญิงที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้จะทำเรื่องโง่ๆ อะไรออกมา
ตรงนี้เพิ่งจะคุยกันเสร็จ ด้านนอกก็มีคนเดินเข้ามา คนที่สามารถบุกเข้ามาในนี้ได้โดยตรงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือเฉินหวยจิ่วบ่าวชราที่ติดตามรับใช้มาหลายปี เป็นลูกน้องคนสนิทของผังก้วนนั่นเอง
“นายท่าน ฮูหยิน” เฉินหวยจิ่วทำความเคารพ
จาหรูเยี่ยนพยักหน้ารับ นางไม่กล้าเมินเฉยกับบ่าวชราท่านนี้เหมือนกัน ผังก้วนเอียงหน้าถามตรงๆ เลยว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
เฉินหวยจิ่วส่ายหน้า “ถามทุกคนในบ้านหมดแล้ว ต่างก็แน่ใจว่าไม่มีใครลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อ”
จาหรูเยี่ยนได้ยินแล้วอึดอัดนิดหน่อย “ก็แค่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์คนเดียวเองไม่ใช่เหรอ มีอะไรสำคัญตรงไหน แค่คว้ามือลวกๆ ก็ได้คนตำแหน่งนี้มาเป็นกำแล้ว ตายก็ตายไปสิ จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้เหรอ?”
“ความคิดอ่านของผู้หญิง เจ้าจะเข้าใจอะไร?” ผังก้วนตะคอกตำหนิ แล้วหันกลับมาบอกเฉินหวยจิ่วว่า “เฒ่าเฉิน ยังต้องยืนยันซ้ำอีกสักหน่อย ถ้าเบื้องล่างมีใครต้องการจะแสดงความจงรักภักดีด้วยวิธีนี้ แบบนั้นก็เป็นปัญหาแล้ว! เรื่องนี้ละเมิดเรื่องที่ฝ่าบาทถือ เป็นไปได้สูงว่าเกาก้วนกำลังวิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องนี้ ถ้าสาวมาถึงตัวใครจริงๆ เกรงว่าจะต้องโดนประหารทั้งโคตร! ดูซิว่าบ้านไหนมีใครไม่อยู่หรือเปล่า ติดต่อสอบถามกับคนที่ไม่อยู่ให้ละเอียด ต้องยืนยันสถานการณ์ที่แท้จริงแล้ว!”
สามารถดูออกได้จากสิ่งนี้ ว่าเรื่องที่ราชันสวรรค์ส่งเกาก้วนออกมาทำให้ผู้มีอำนาจเกือบทั้งราชสำนักรู้กันหมดแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรที่จับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของวังสวรรค์ การที่ราชันสวรรค์จะจับตาดูขุนนางใหญ่ทั้งราชสำนักนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้าขุนนางใหญ่ทุกคนต้องการจะจับตาดูราชันสวรรค์ ดูจากจำนวนสายตาแล้ว ฝ่ายหลังก็ได้เปรียบมากกว่า สิ่งที่เรียกว่า ‘ราชสำนัก’ ไม่มีเรื่องส่วนตัวก็เป็นแบบนี้นี่เอง ในบรรดาแม่ทัพที่เฝ้าวังสวรรค์ เกรงว่าแม้แต่ราชันสวรรค์เองก็ไม่มีทางรู้ชัดได้ว่าเบื้องล่างยัดคนมาคอยเป็นหูเป็นตาไว้มากเท่าไร ต่อให้เป็นในวังหลังเอง ก็มีนางสนมจำนวนไม่น้อยที่เบื้องล่างส่งมาบรรณาการให้
ในเวลานี้ จาหรูเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ กระตุกมุมปากเล็กน้อย
“บ่าวเข้าใจแล้ว จะไม่ชักช้าแน่นอน” เฉินหวยจิ่วตอบ
“นายท่าน” จาหรูเยี่ยนพูดแทรกเบาๆ “แค่การตายของผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เล็กๆ คนเดียว ยังทำให้สะเทือนไปถึงฝ่าบาทราชันสวรรค์ได้ด้วยเหรอ?”
“ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าหลับตาถาม เจ้ากลับไปก่อน ข้ายังมีงานต้องทำอีก คืนนี้เจ้าค่อยมาอีกรอบแล้วกัน” ผังก้วนโบกมือ บอกใบ้ให้นางถอยไป
“เจ้าค่ะ!” จาหรูเยี่ยนย่อเข่าแล้วถอยไป
แต่หลังจากเดินลงบันไดมาได้ไม่กี่ชั้น นางก็กัดริมฝีปาก ในใจรู้สึกกินปูนร้อนท้องนิดหน่อย ในหัวมีเสียง ‘ประหารทั้งโคตร’ ของผังก้วนดังก้อง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเทพประจำดาวมะโรงดินเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ได้ยินว่าเป็นเพราะเรื่องโกงการทดสอบเล็กน้อย ทำให้ราชันสวรรค์เดือดดาลมาก หัวของคนในตระกูลเขาโดนตัดหมดแล้ว
พอพูดถึงตระกูลของเทพประจำดาวมะโรงดิน นางกับฮูหยินเทพประจำดาวมะโรงดินก็สนิทกันอยู่เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ตอนที่ตำหนักสวรรค์มาล้อมจับ สหายรักท่านนั้นก็คงจะจนตรอกแล้วจริงๆ ถึงขั้นติดต่อมาหานาง ขอให้นางเห็นแก่ไมตรีที่ไปมาหาสู่กัน ให้ช่วยขอร้องเทพประจำดาวฟ้าเถาะ ขอให้เทพประจำดาวฟ้าเถาะขอความเมตตาต่อฝ่าบาทให้
ขนาดผู้บังคับบัญชาของเทพประจำดาวมะโรงดินยังปกป้องไม่ไหว แล้วฮูหยินเทพประจำดาวฟ้าเถาะอย่างตนไปขอความเมตตาแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?
ส่วนจุดจบของสหายรักคนนั้นน่ะเหรอ กลุ่มสตรีชนชั้นสูงแอบลือกันลับหลัง เพราะผู้ชายของพวกนางไปเข้าร่วมการประหารครั้งนั้นมาด้วย ได้ยินว่าขนาดหนีไปแล้วก็ยังโดนจับกลับมากลางทาง เพราะตำหนักสวรรค์กระจายกำลังไว้ทั่วแล้ว ดังนั้นสุดท้ายพวกเขาก็ยังศีรษะตกลงพื้น เลือดจากคอพุ่งกระฉูดสูงขึ้นหลายฉื่อ ได้ยินว่าลูกอายุสิบกว่าขวบก็เพิ่งเกิดได้ไม่นานก็โดนตัดหัวเช่นกัน ตนก็เคยเห็นเด็กคนนั้นเหมือนกัน เป็นสาวน้อยแสนสวยดุจหยกที่โดนขัดเกลา ถ้าเติบโตแล้วต้องเป็นยอดหญิงงามแน่นอน สรุปก็คือทั้งตระกูลเทพประจำดาวมะโรงดินไม่มีใครรอดไปได้ ทั้งหมดถูกฆ่าจนหมดเกลี้ยง
พอนึกถึงจุดนี้ จาหรูเยี่ยนก็คลำคอที่ขาวหมดจดของตัวเอง แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกตัวสั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หนาว นางกัดฟันแล้วแข็งใจเดินกลับไป
ในห้องทำงาน เมื่อเห็นฮูหยินออกไปแล้ว เฉินหวยจิ่วถึงได้พึมพำว่า “นายท่าน ฮูหยินจดจำความแค้นของนายน้อยตามาตลอด ท่านได้ถามแล้วหรือยัง?”
“ถามแล้ว นางไม่ได้ทำ” ผังก้วนโบกมือ แล้วบอกว่า “ต่อให้นางจะโง่แต่ก็ไม่ถึงขั้นกล้าปิดบังเรื่องแบบนี้กับข้า ถือโอกาสส่งคนไปเฝ้าที่ตำหนักคุ้มเมืองดาวเทียนหยวนเอาไว้ ถ้ามีคนในราชสำนักทำจริงๆ ก็จะต้องคิดหาทางกู้สถานการณ์แน่นอน ข้าก็อยากจะรู้ว่าใครกันที่ทำเรื่องแบบบี้”
ใครจะคิดว่าเพิ่งจะพูดจบ ทั้งสองก็หันกลับไปมองนอกประตูพร้อมกัน เห็นจาหรูเยี่ยนเดินกลับมาอีกแล้ว
“บอกแล้วว่าตอนค่ำเจ้าค่อยมา เจ้าฟังไม่เข้าใจเหรอ?” ผังก้วนชมวดคิ้วถาม
จาหรูเยี่ยนที่ใช้สองมือขยี้ชายเสื้อและดูไม่สงบใจนิดหน่อยพูดเสียงงุ้งงิ้งเหมือนแมลงวันว่า “นายท่าน ข้านึกขึ้นได้ถึงเรื่องเรื่องหนึ่ง โจวเฝิงอานเคยรับปากข้า ว่าจะช่วยข้าสังหารหนิวโหย่วเต๋อเพื่อล้างแค้นให้เหรินจวิ้น เรื่องลอบสังหารก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นฝีมือเขาหรือเปล่า”
พูดจากินปูนร้อนท้องเกินไปแล้ว ประเด็นสำคัญคือไม่กล้าเปิดเผย เพราะก่อนหน้านี้ยังปฏิเสธอยู่เลย จะตบหน้าตัวเองได้ยังไง
“…” ผังก้วนกับเฉินหวยจิ่วเหม่อพร้อมกัน แต่ละคนเบิกตากว้างมองนาง
ชั่วพริบตาเดียวในตึกนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบแล้ว ไม่นานก็ได้ยินผังก้วนสูดหายใจอย่างหนักอึ้ง ใบหน้าของผังก้วนดำเหมือนก้นหม้อแล้วจริงๆ ถามเน้นย้ำทีละคำว่า “โจวเฝิงอานอะไร? โจวเฝิงอานคือใคร?”
“คนรับใช้คนหนึ่งของตระกูลจา” ไม่ต้องให้จาหรูเยี่ยนที่อึกอักอธิบาย มีคนแนะนำแทนแล้ว บ่าวชราเฉินหวยจิ่วหลับตาลงอย่างจนใจ เงยหน้าหลับตาลง แล้วกล่าวเสริมอีกว่า “วรยุทธ์บงกชรุ้งขั้นหนึ่งเหมือนกันพอดี! ตามหลักการแล้วในร้านค้าของตระกูลจาทางนั้นคงจะมีคนรู้จักโจวเฝิงอาน แต่ตามรายงานของที่เกิดเหตุ คนคนนั้นกลับไม่ใช่โจวเฝิงอาน หรือพูดได้อีกอย่างว่า ถ้าเป็นเขาจริงๆ เขาก็ต้องปลอมตัวบ้างสักหน่อย ปลอมตัวแบบครึ่งจริงครึ่งหลอกก็ยังสามารถหลอกล่อให้คนสับสนได้ เขาก็ไม่ได้โง่แบบนั้น”
ผังก้วนยืนค้างอยู่ที่เดิม มองฮูหยินที่งดงามดุจบุปผาของตัวเองด้วยสีหน้าที่เหมือนทำใจเชื่อได้ยาก เพียงแต่ใบสีหน้าย่ำแย่จนบรรยายออกมาไม่ได้ ชี้นิ้วที่สั่นพร้อมตะคอกว่า “เจ้าไม่ต้องทำตัวกินปูนร้อนท้องเกินไปนัก! ข้าถามเพียงคำเดียว มือสังหารใช่โจวเฝิงอานนั่นรึเปล่า?”
จาหรูเยี่ยนรู้แล้วว่านี่คือเรื่องใหญ่ นางจึงหน้าซีดเล็กน้อย เอาแต่กัดฟันก้มหน้าตัวสั่นเทิ้ม
ท่าทางแบบนี้ของนาง ยังจะต้องถามอีกเหรอ? ผังก้วนมองนางพลางส่ายหน้าช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นฟ้ากล่าวอย่างโอดครวญ “สวรรค์เอ๋ย! ว่ากันว่าถ้าในบ้านมีศรีภรรยา สามีจะไร้เภทภัย ไม่ได้หลอกข้าจริงๆ ด้วย! ข้าสร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้กันแน่ ถึงได้แต่งงานรับ ‘ศรีภรรยา’ แบบนี้เข้าบ้าน?”
เฉินหวยจิ่วลืมตาแล้วถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “นายท่าน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้ จะชักช้าไม่ได้แล้ว ตอนนี้ควรคิดหาทางกอบกู้สถานการณ์ ทางเกาก้วนเพิ่งจะออกเดินทางมาได้ไม่นาน พวกเรายังมีเวลาจัดการเรื่องนี้ก่อนเขา เพียงแต่ต้องทำให้เร็วหน่อย ชักช้าไม่ได้ ต้องรีบรู้สถานการณ์ให้กระจ่างถึงจะต้องมือได้สะดวก!”
วูบ! ผังก้วนก็ถอนหายใจยาวออกมาเช่นกัน จ้องจาหรูเยี่ยนเหมือนจะจับกิน ถามด้วยสีหน้าดุร้ายว่า “บอกมา! บอกต้นสายปลายเหตุมาให้ชัดเจน ถ้ากล้าปิดบังแม้แต่คำเดียว ข้าจะตบเจ้าให้ตายคามือ!”
พอได้ยินว่ายังมีหวังที่จะกู้สถานการณ์ได้ จาหรูเยี่ยนก็รีบเงยหน้าบอก “แค่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เล็กๆ คนเดียวเท่านั้น นายท่าน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้!”
“ใครให้เจ้าพูดสิ่งนี้?” ผังก้วนเกิดอารมณ์วู่วามอยากจะบีบคอนางให้ตาย แค้นจนแยกเขี้ยวโบกกรงเล็บ “ข้าให้เจ้าบอกให้ชัดเจนว่าเรื่องเกิดขึ้นได้ยังไง!”
มาถึงขั้นนี้แล้ว จาหรูเยี่ยนยังจะกล้าปิดบังได้อย่างไร เล่าทุกอย่างออกมาอย่างละเอียดแล้ว
เรื่องราวก็ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกัน เดิมทีนางกดดันให้เถียนเฟิงฮ่าวคิดหาทางลงมือ แต่เถียนเฟิงฮ่าวกังวลมากเกินไป บอกมาตลอดว่าหาโอกาสลงมือไม่ได้ บอกว่าต้องรอโอกาสดีๆ แต่ทางผังก้วนดันสั่งนางซ้ำแล้วซ้ำอีก บอกว่าตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อได้อันดับดีๆ จากราชินีสวรรค์ จึงสั่งนางว่าอย่าทำซี้ซั้วเด็ดขาด และคนของร้านค้าเจ็ดอารมณ์ก็เป็นคนของจวนเทพประจำดาวทั้งหมด นางกลัวว่าจะยั่วให้ผังก้วนโมโห จึงไม่กล้าบังคับเถียนเฟิงฮ่าวมากเกินไป
ใครจะคิดว่าทางดาวเทียนหยวนจะส่งข่าวกลับมาอีก บอกว่าเหมียวอี้กำลังขอคืนดีกับสมาคมร้านค้า เชิญแขกไปร่วมงานเลี้ยงอย่างยินดีปรีดา ทำเอานางโมโหแทบแย่ มีหรือที่นางจะยอมเห็นเหมียวอี้อยู่ดีมีสุข นางไม่สะดวกจะบีบบังคับคนของจวนเทพประจำดาว นางจึงส่งโจวเฝิงอานที่เป็นคนของตระกูลจาไป ให้โจวเฝิงอานหาโอกาสเอาชีวิตเหมียวอี้ แต่โจวเฝิงอานก็ไม่ใช่คนโง่ ตลาดสวรรค์ผู้บัญชาการใหญ่จะฆ่าง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร นั่นคือขุนนางที่ได้รับคำสั่งจากตำหนักสวรรค์เชียวนะ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว จึงดักซุ่มอยู่ที่ตลาดสวรรค์ตลอด รอให้ถึงโอกาสดีๆ อย่างแท้จริง
โจวเฝิงอานอยากจะรอโอกาสดีๆ แต่ฟ้าไม่เป็นใจ ตอนนี้เกิดเรื่องที่ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทแล้ว ศีรษะของผู้จัดการหลายร้อยร้านร่วงลงพื้น ร้านค้าของตระกูลผังโดนค้นยึดแล้ว! จาหรูเยี่ยนโมโหจริงๆ ผู้บัญชาการใหญ่ตูดหมาอะไรนางเห็นมาเยอะแล้ว มีใครเห็นนางแล้วไม่ทำตัวนอบน้อมเหมือนเป็นหลานบ้าง ถ้านางอยากจะทำให้ตายสักคนก็ง่ายสุดๆ แต่ยังไม่เคยเห็นผู้บัญชาการใหญ่ที่กำเริบเสิบสานขนาดนี้มาก่อน รังแกกันเกินไปแล้ว บังอาจมาลามปามนางครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อต้านกันชัดๆ!
ภายใต้ความเดือดดาลของนาง จึงแจ้งเตือนไปที่โจวเฝิงอานที่กำลังดักซุ่มอยู่ ว่าวันนี้ต้องทำให้หัวของหนิวโหย่วเต๋อร่วงลงพื้นให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ทางนี้จะทำให้ทั้งครอบครัวของโจวเฝิงอานได้เลือกทำเลฮวงซุ้ยดีๆ สักแห่งเพื่อหลับยาว แต่ถ้าทำเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม นางก็จะช่วยให้ลูกชายของโจวเฝิงอานหลุดออกจากทะเบียนทาส รับประกันอนาคตลูกชายของเขา
ดังนั้นเรื่องการลอบสังหารจึงเกิดขึ้น แต่ใครจะคิดว่าโจวเฝิงอานจะฆ่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้ แต่กลับโดนหนิวโหย่วเต๋อฆ่าตายเสียเอง หลังจากเรื่องนั้นจบ นางก็ไม่รู้ว่ามือสังหารเป็นโจวเฝิงอานหรือไม่กันแน่ หลังจากติดต่อกับโจวเฝิงอานแล้ว ก็พบว่าต่อสัญญาณกับโจวเฝิงอานไม่ติดอีกเลย นางถึงได้แน่ใจว่าโจวเฝิงอานตายแล้ว แน่ใจแล้วว่ามือสังหารที่โดนฆ่าคือโจวเฝิงอานจริงๆ
…………………………