พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1285 หายนะที่เกิดจากการฟ้อง
ดวงอาทิตย์ขึ้นสูง ภายในชั่วพริบตาเดียวรูปแบบของตลาดสวรรค์ก็เปลี่ยนกลับไปเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ทางการควบคุมสมาคมร้านค้าไว้ในมืออย่างแน่นหนาอีกครั้ง มีทั้งคนดีใจมีทั้งคนเสียใจ ผู้ที่ได้ผลประโยชน์ใหม่ย่อมดีใจอยู่แล้ว สวีถังหรานที่ได้โอกาสเงยหน้าอ้าปากอีกครั้งก็ดีใจเช่นกัน โจวหรานกับอูหันซานฆ่าตัวตายอยู่หน้าประตูตำหนักคุ้มเมือง ก็แสดงว่าผู้บัญชาการใหญ่ชนะแล้ว ความกังวลก่อนหน้านี้สลายหายไปราวกับเมฆหมอก มีผู้จัดการร้านกลุ่มหนึ่งต้องการจะจัดงานเลี้ยงและเชิญนายท่านผู้บัญชาการไปเข้าร่วมงาน
ถึงแม้ตัวเองจะมีอำนาจตัดสินใจที่เขตเมืองตะวันตก แต่กลิ่นคาวเลือดที่ตลาดสวรรค์ก็ยังไม่หายไป ถ้าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงตอนนี้ก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสม สวีถังหรานย่อมต้องปฏิเสธ ทว่าตอนนี้เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ย่อมมีคนตอบสนองความต้องการอยู่แล้ว รู้ว่าเขาสนใจคนที่หอกลิ่นสวรรค์จนเกือบจะบังคับขืนใจ จึงบอกทันทีว่าเชิญเสวี่ยหลิงหลงมาแล้ว
ดังนั้นหลังจากตกกลางคืน สวีถังหรานเพิ่งจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ไม่นานเท่าไร เป่าเหลียนก็วิ่งมาฟ้องตรงหน้าเหมียวอี้ “นายท่าน สวีถังหรานเหลวไหลเกินไปแล้ว เพิ่งจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนั้นได้ไม่นาน ชั่วพริบตาเดียวเขาก็ไปปะปนกินดื่มอยู่กับกลุ่มพ่อค้าอีกแล้ว”
เหมียวอี้ที่กำลังนอนเอนกายหลับตาอยู่บนเก้าอี้กล่าวเสียงเรียบว่า “สันดานเขาไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เวลาทำอะไรก็ยังรู้จักบันยะบันยังนะ เขาย่อมจัดการเรื่องที่เขตเมืองตะวันตกได้ดีอยู่แล้ว บางครั้งไปพบปะเข้าสังคมบ้างก็ถือเป็นงานราชการ”
“นายท่าน นั่นเรียกว่างานราชการเสียที่ไหนล่ะ ร้านค้าพวกนั้นรู้ว่าเขาสนใจเสวี่ยหลิงหลง เลยจงใจจะตอบสนองความต้องการของเขาเฉยๆ นายท่านกำลังเปลืองสมองคิดงานเงียบๆ อยู่ที่นี่ แต่เขากลับกินดื่มดูเสวี่ยหลิงหลงร้องรำทำเพลงอย่างสำราญบานใจ มีเจตนาอะไรกันแน่”
“สนใจเสวี่ยหลิงหลง…” เหมียวอี้ลืมตาอย่างช้าๆ เรื่องนี้เขาย่อมรู้อยู่แล้ว เรื่องที่สวีถังหรานบังคับเสวี่ยหลิงหลงก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ปกติก็สรรเสริญเยินยอสุดๆ ได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว จึงสั่งเบาๆ ว่า “ให้เขามาพบข้า”
“ค่ะ!” เป่าเหลียนดีใจทันที นายท่านกำลังจะจัดการเจ้าคนขี้ประจบแล้ว จึงหันตัวไปด้านข้างแล้วหยิบระฆังดาราออกมาทันที
ผ่านไปไม่นาน สวีถังหรานก็ออกจากงานเลี้ยงมาถึงที่นี่ด้วยความเร็วที่สุด ไม่กล้าชักช้ากับการเรียกหาของที่นี่ พอเห็นเหมียวอี้ก็กุมหมัดคารวะทันที “นายท่าน!”
อยู่ข้างนอกมีหน้ามีตา แต่พอมาถึงที่นี่ก็อ่อนน้อมถ่อมตนทันที
เป่าเหลียนเหล่ตามมอง เตรียมจะดูละครสนุกๆ
เหมียวอี้ที่กำลังหลับตาพักผ่อนถามเสียงเรียบว่า “ไปหาเสวี่ยหลิงหลงอีกแล้วเหรอ?”
“เอ่อ…” รอยยิ้มบนใบหน้าสวีถังหรานค้างทันที รู้สึกเสียวสันหลังนิดหน่อย เห็นได้ชัดว่านายท่านรู้ว่าเขาไปร่วมงานเลี้ยงมาแล้ว เขาเองก็รู้ว่าเวลานี้ไม่เหมาะจะไปกินดื่มหาความสำคัญ แต่ก็อดไม่ได้ เขาแอบเหลือบมองเป่าเหลียนเงียบๆ สงสัยนิดหน่อยว่านางตัวแสบเป็นคนฟ้องนายท่าน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว ได้แต่ตอบอย่างค่อนข้างหวาดกลัวว่า “ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ครั้งหน้าไม่กล้าแล้วขอรับ”
เหมียวอี้ที่กำลังนอนเอนกายยกมือชี้ “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบเสวี่ยหลิงหลง แต่ถ้าหลงใหลจนเสียการเสียงานก็คงไม่ดีแล้ว ในเมื่อเจ้าชอบ งั้นก็จัดการซะสิ จะได้ไม่ต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยู่อย่างนั้น”
จัดการ? จัดการใคร? สวีถังหรานยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่เลย รู้สึกเหมือนเหงื่อกาฬไหลพราก กังวลว่าเรื่องฆ่าคนปิดปากจะมาโผล่ที่ตนหรือเปล่า แต่ใครจะคิดว่าจะได้ยินแบบนี้ เขาตกตะลึงพูดไม่ออกทันที ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป
เป่าเหลียนที่เตรียมจะดูละครสนุกๆ งงทันที นึกว่าตัวเองฟังผิดไปเช่นกัน
สวีถังหรานที่กำลังก้มหน้าถ่อมตัวมองดูสีหน้าของเหมียวอี้ พลางถามหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง “นายท่าน ท่านให้ข้าจัดการใครนะ?”
เหมียวอี้กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ไม่ต้องแกล้งโง่แล้ว เจ้าชอบเสวี่ยหลิงหลงมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ตามใจเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าไม่อยากได้ งั้นก็ช่างเถอะ”
เป่าเหลียนฟังเข้าใจแล้ว ทำสีหน้าตกตะลึงทันที
สวีถังหรานก็ฟังเข้าใจแล้วเช่นกัน บนใบหน้าฉายแววปลาบปลื้มอย่างบ้าคลั่ง พยักหน้าซ้ำๆ พร้อมตอบว่า “ต้องการๆๆ เจตนาอันงดงามของนายท่าน ข้าน้อยจะกล้าฝืนได้ยังไง จะเอา ข้าจะเอา เพียงแต่ว่า…” ชั่วพริบตาเดียวก็ทำสีหน้ากังวล “นายท่านบอกว่าเบื้องหลังของนางมี…”
ตอนแรกที่เขาชิงตัวเสวี่ยหลิงหลงแล้วโดนเหมียวอี้ห้าม เหมียวอี้เคยบอกว่าเสวี่ยหลิงหลงมีภูมิหลังที่ปิดบังอยู่ ทำให้เขาตกใจมาก ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะกังวลว่าเหมียวอี้กำลังหลอกใช้ให้เขาทำอะไรหรือเปล่า
“ตอนนั้นข้าก็เข้าใจผิดเพราะหวงฝู่จวินโหรวเหมือนกัน ตอนหลังเพิ่งจะเข้าใจ ว่านั่นเป็นเพียงการแสดงละคร จะมีภูมิหลังอะไรกันล่ะ คนที่หนุนหลังนางไม่มีใครนอกจากหวงฝู่จวินโหรว” เหมียวอี้กล่าว
สวีถังหรานตื่นเต้นดีใจ แต่ยังคงถามอย่างรอบคอบระมัดระวัง “ถ้าผู้จัดการร้านหวงฝู่…”
เขายังกังวลเรื่องภูมิหลังของหวงฝู่จวินโหรวอยู่บ้าง ที่ตอนแรกกล้าบังคับเสวี่ยหลิงหลง ก็เป็นเพราะอาศัยแนวโน้มสถานการณ์ที่ทดสอบได้รางวัลจากราชันสวรรค์ ยามปปกติกล้าทำซี้ซั้วเสียที่ไหนกัน
“มีข้าคุ้มหัวอยู่ เจ้าจะกลัวอะไร?” เหมียวอี้ถามเสียงเรียบ
“ใช่ๆ!” สวีถังหรานดีใจเป็นบ้าเป็นหลังทันที
ในที่สุดเหมียวอี้ก็ลืมตาสองข้าง มองดูเขาแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ถ้าทำช่วงนี้ก็ไม่เลวนะ!”
สวีถังหรานเข้าใจทันที สงสัยนี่จะเป็นรางวัลสำหรับเรื่องที่ตัวเองทำอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ผิดใจกับหวงฝู่จวินโหรวเพื่อเขาแน่นอน เขารีบโค้งตัวกุมหมัดคารวะซ้ำๆ “ขอบคุณนายท่านที่ช่วยให้สมปรารถนา ! ข้าน้อยจะไม่ลืมบุญคุณอันใหญ่หลวงนี้แน่นอน”
เหมียวอี้บอกอีกว่า “ไปเอาตัวกลับมาได้เลย แต่ก็ต้องทำตามธรรมเนียมหน่อย ท่านแม่สวีเองก็เป็นคนสนิทสนมของข้า การปั้นให้เสวี่ยหลิงหลงเป็นดาวเด่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ถ้าเจ้าอุ้มดาวเด่นของอีฝ่ายกลับมา ก็เท่ากับเป็นการทุบหม้อข้าว ดังนั้นเงินที่ควรจะไถ่ตัวเจ้าก็จะขี้เหนียวไม่ได้ ถ้าอยากจะกินเนื้อก็ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนบ้าง ในเวลาแบบนี้อย่าให้เกิดจุดอ่อนอะไรได้”
“เข้าใจแล้วขอรับ เข้าใจแล้ว” สวีถังหรานพยักหน้าซ้ำๆ
“ไปเถอะ!” เหมียวอี้โบกมือ
“ข้าน้อยขอตัว!”
พอออกจากตำหนักคุ้มเมือง สวีถังหรานก็แทบจะลอยขึ้นมาแล้ว ปากก็ยิ่งยิ้มจนหุบไม่ลง เนื้อที่คนมากมายกินไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะตกมาอยู่ในชามข้าวตนแล้ว ผู้บัญชาการใหญ่ช่างมีเมตตากรุณา!
พอสวีถังหรานไปแล้ว เป่าเหลียนกลับลนลานทำอะไรไม่ถูก เริ่มกระวนกระวายแล้ว นอกจากจะโค่นล้มสวีถังหรานไม่ได้ ยังดึงเสวี่ยหลิงหลงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีก การกระทำอย่างตนเรียกว่าอะไรกัน
“นายท่าน! สวีถังหรานเป็นคนต่ำทราม ท่านส่งเสวี่ยหลิงหลงไปให้เขาได้ยังไง?” เป่าเหลียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก
“คนเต้นกินรำกินคู่กับคนต่ำทราม เป็นบุเพสันนิวาสพอดีเลย ไม่ใช่หรอกเหรอ?” เหมียวอี้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“นายท่าน! ถ้าเรื่องแบบนี้แพร่ออกไป ก็จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอันดีงามของนายท่านนะ นายท่านได้โปรดคืนคำสั่ง!” เป่าเหลียนกุมหมัดคารวะเพื่อขอร้องให้เสวี่ยหลิงหลงอีกครั้ง
“เป่าเหลียน เจ้าไม่สังเกตเหรอว่ามันเงียบเกินไป? เคยได้ยินคำว่าโยนหินถามทางมั้ย? เสวี่ยหลิงหลงก็คือหินก้อนนั้นไง ถึงยังไงผู้บัญชาการสวีก็ชอบนางจริงๆ อยู่กับผู้บัญชาการสวีก็ไม่นับว่าทำให้เสียศักดิ์ศรีนางหรอก”
“นายท่าน…”
“พอแล้ว! ถ้าเจ้ารู้สึกทนไม่ได้ที่อยู่กับข้า เจ้าก็ดูเอาว่าที่เขตเมืองตะวันตกมีตำแหน่งไหนเหมาะสม แล้วบอกมาได้เลย”
“…” เป่าเหลียนเบิกตากว้าง ตอนนี้นางหุบปากแล้ว ค่อยๆ ก้มหน้าลง รู้ว่าการที่ตัวเองฝืนควบคุมการตัดสินใจของนายท่านจะทำให้นายท่านโมโห เพียงแต่ในใจรู้สึกผิดแทบแย่ ถ้าไม่ใช่เพราะการยุยงของตนในครั้งนี้ เสวี่ยหลิงหลงก็คงไม่เกิดปัญหาแบบนี้เหมือนกัน
งานเลี้ยงจบเร็วกว่าปกติ กลุ่มคนของหอกลิ่นสวรรค์เพิ่งจะกลับมาพักได้ประเดี๋ยวเดียว ขณะกำลังจะปิดประตู ก็มีคนเหาะลงมาจากฟ้าเพื่อขัดขวางแล้ว มาผลักประตูออกโดยตรง
พนักงานมองดูทหารสวรรค์กลุ่มใหญ่ด้านนอกอย่างตะลึงงัน แล้วรีบหันกลับมาตะโกนเรียกอย่างคับขัน “ท่านแม่สวี!”
สองคนที่เข้ามาผลักเขาออกไปด้านข้าง สวีถังหรานที่หัวเราะร่าอยู่ข้างหลังเดินข้าวยาวเข้ามา แล้วคนสิบกว่าคนที่ติดตามมาด้วยก็กระจายกำลังยืนทั่วทุกมุม
ท่านแม่สวีวิ่งลงมาจากชั้นบน พอเห็นสวีถังหราน นางก็อกสั่นขวัญแขวนนิดหน่อย ยังเป็นเพราะเรื่องชิงตัวในปีนั้น แต่ในตอนนี้กลับต้องฝืนยิ้มเหมือนมีความสุขให้เขา “เอ๋! ลมอะไรหอบผู้บัญชาการสวีมาที่นี่แล้วล่ะ?”
สวีถังหรานหันซ้ายหันขวา ความสนใจไม่ได้อยู่บนตัวนางเลย เอาแต่ถามว่า “เสวี่ยหลิงหลงล่ะ? ให้นางออกมาพบข้า”
ท่านแม่สวีเครียดทันที แต่ยังฝืนยิ้มสู้ “บังเอิญจริงๆ นางพักผ่อนไปแล้ว นายท่านผู้บัญชาการมีอะไรจะกำชับเหรอ?”
“เหลวไหล! เพิ่งจะกลับมาจะพักผ่อนได้ยังไง คิดว่าข้าจ่ายเงินไม่ไหวเหรอ? อย่ามาขวาง!” สวีถังหรานโบกมือผลักนางไปด้านข้าง แล้วบุกขึ้นไปข้างบนโดยตรง
“ผู้บัญชาการสวี ผู้บัญชาการสวี…” ท่านแม่สวีไล่ตะโกนตามหลัง ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาให้ลูกน้อง ให้ไปตามคนมาช่วยเหลือ
แต่ช่วยไม่ได้ที่วันนี้สวีถังหรานเตรียมป้องกันไว้แล้ว ลูกน้องของนางโดนคนของสวีถังหรานควบคุมไว้ทันที อย่าได้คิดที่จะไปไหนทั้งนั้น
ขวางไม่ได้แล้ว! ในสุดสวีถังหรานก็บุกเข้าไปในห้องนอนของเสวี่ยหลิงหลงได้
พอเห็นเขา เสวี่ยหลิงหลงที่กำลังลบเครื่องประทินโฉมก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน แล้วถอยหลังไปที่กำแพงอย่างช้าๆ
ส่วนสวีถังหรานนั้น พอได้เห็นนางก็เบิกบานทั้งกายและใจ ราวกับรูขุมขนทั้งร่างกายมีกลิ่นอายที่บริสุทธิ์สดชื่นแผ่ออกมา เขาคิดถึงสิ่งนี้มาหลายปีแล้ว เดิมทีคิดว่าทั้งชาตินี้ตัวเองจะไม่มีวาสนาแล้ว แต่ใครจะคาดคิดล่ะ! บนใบหน้ามีรอยยิ้มราวกับดอกไม้บาน โบกมือพร้อมบอกว่า “แม่นางหลิงหลง อย่ากลัวนะ อย่ากลัว เป็นเรื่องที่ดี” จากนั้นหันกลับไปตะโกนบอกว่า “ท่านแม่สวี สวีคนนี้ทนเห็นแม่นางหลิงหลงตกต่ำอยู่ที่แหล่งอบายมุขตลอดไปไม่ได้ วันนี้ข้าจะมาไถ่ตัวแม่นางหลิงหลง ราคาเท่าไร ท่านเสนอราคามาเลย?”
“หา!” ท่านแม่สวีโบกมือ “นายท่านผู้บัญชาการ ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ได้!”
สวีถังหรานขี้คร้านจะพูดมากกับนาง เขาเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางตอบตกลง และก็ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงด้วย ถึงอย่างไรเขาก็ใช้กำลังก่อนเจรจาตามมารยาทไปแล้ว ยื่นมือไปข้างหลังเพื่อคว้ามือท่านแม่สวี แล้วตบกำไลเก็บสมบัติววงหนึ่งลงในฝ่ามือนาง “ราคาแบบนี้ ไม่ว่าจะไปพูดที่ไหนก็ฟังขึ้น!”
พูดจบก็หันกลับมา เดินก้าวยาวไปข้างกายเสวี่ยหลิงหลง เรียกได้ว่ามองนางด้วย ‘อารมณ์ลึกซึ้ง’
เสวี่ยหลิงหลงกลับเครียดจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว จะถอยก็ไม่มีทางให้ถอย แผ่นหลังติดกำแพงแล้ว
วูบ! สวีถังหรานที่ถอนหายใจยาวไม่พูดพร่ำทำเพลง พลันยื่นมือออกมาอุ้มเสวี่ยหลิงหลงในแนวนอน แล้วเดินก้าวยาวออกไป
“ปล่อยข้านะ!” เสวี่ยหลิงหลงดิ้นรนกระวนกระวาย
สวีถังหรานที่เคยโดนนางขู่ว่าจะฆ่าตัวตายรีบผนึกวรยุทธ์บนตัวนาง ควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ของนางไว้ แล้วหัวเราะลั่นเดินจากไป รู้สึกว่าความรื่นรมย์ชื่นมื่นในชีวิตคนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
“ผู้บัญชาการสวี ไม่ได้นะ พวกเรา…” ท่านแม่สวียังคิดจะตามไป แต่กลับพบว่าจู่ๆ ก็มีอาวุธมาจ่อบนคอ ทำให้ต้องกลืนคำพูดที่จ่อมาถึงปากลงท้องไป
มีบางคนแสยะยิ้มพร้อมบอกว่า “ท่านแม่สวี อย่าอ่านสถานการณ์ไม่ออกเลย ผู้บัญชาการสวีเป็นคนดังข้างกายผู้บัญชาการใหญ่ การที่เขามาชอบดาวเด่นของท่านได้ก็นับว่าไว้หน้าท่านแล้ว เงินก็ไม่น้อยนะ อย่าไม่ไว้หน้ากันเลย กลิ่นคาวเลือดที่ตลาดสวรรค์ยังไม่สลายหายไป พวกเราไม่ถือสาที่จะตัดหัวผู้จัดการร้านเพิ่มอีกสักคนหรอกนะ!”
“…” ท่านแม่สวีหดคอทันที ในหัวปรากฎภาพเหตุการณ์ที่ศีรษะคนหลายพันร่วงลงพื้น
ไม่นานก็ถูกนำตัวมาไว้ชั้นล่างของตึก เดิมทีนางหวังจะให้ลูกน้องรายงานข่าวให้หวงฝู่จวินโหรวรู้ ปรากฏว่าพอลงมาดู ก็พบว่าทุกคนของหอกลิ่นสวรรค์ถูกจับมารวมอยู่ด้วยกันแล้ว นางมึนงงทันที ตอนนี้ถึงได้พบว่าครั้งนี้สวีถังหรานเตรียมตัวมาแล้วจริงๆ ตั้งปณิธานไว้แน่วแน่แล้วชัดๆ!
………………………