พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1287 สมหวังหนึ่งคู่ เลิกกันหนึ่งคู่
เหมียวอี้รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ในเมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ตอนนี้หวงฝู่จวินโหรวก็คงไม่ไปหาเส้นสายอะไรมากดดันแล้ว แต่กลับกระโจนสุดแรงมาที่เขาโดยตรงราวกับสุนัขบ้า ทางนั้นเล่นพลาดไปแล้ว ถ้าหลบหลีกผู้หญิงคนนี้ต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร ตอนนี้อีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อช่วยคน แต่มาเพื่อกดดันให้แต่งงาน
“เอ่อคือ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกเหรอว่านางร้องไห้มา?” เหมียวอี้หันกลับมาถาม
“ทหารยามด้านนอกพูดแบบนี้ค่ะ บอกว่าเห็ดนางเช็ดน้ำตาแล้ว” เป่าเหลียนตอบ
เหมียวอี้ปวดประสาท เขานึกว่าคนอย่างหวงฝู่จวินโหรวก็แค่สนิทกับเสวี่ยหลิงหลงเฉยๆ ถึงอย่างไรฐานะก็แตกต่างกันมาก เสวี่ยหลิงหลงเป็นแค่คนเต้นกินรำกิน นึกไม่ถึงว่าจะเสียน้ำตาอย่างเปิดเผยเพราะเสวี่ยหลิงหลง ไม่แปลกใจที่ทำตัวเหมือนสุนัขบ้า ขนาดเรื่องที่ไม่ควรพูดก็ยังกล้าเขียนออกมา ดูท่าแล้วถ้าครั้งนี้ไม่ให้ความยุติธรรมกับนางคงไม่ได้แล้ว เพียงแต่ถ้าต่อไปนี้นางเอาแต่นำเรื่องนี้มาขู่เขาจะไม่แน่หรอกเหรอ?
“ให้นางเข้ามาแล้วกัน” เหมียวอี้โบกมือสั่ง แล้วก็ยกมือห้ามอีก “เดี๋ยวก่อน ไปเรียกสวีถังหรานมาก่อนแล้วกัน แล้วค่อยให้พวกเขาเข้ามาด้วยกันเลย”
ต้องให้คนนอกมาอยู่ในสถานที่นี้ด้วย ผู้หญิงคนนั้นจะได้เก็บสำรวมอาการสักหน่อย ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินหากจะจัดการเสวี่ยหลิงหลง รู้สึกกินปูนร้อนท้องนิดหน่อย
สวีถังหรานที่ถูกเรียกตัวค่อนข้างลุกลี้ลุกลน รีบร้อนมาหา พอมาถึงนอกตำหนักคุ้มเมืองก็เจอหวงฝู่จวินโหรวที่ตาแดงก่ำ แล้วทั้งสองก็ถูกปล่อยตัวเข้าไปพร้อมกัน
พอเข้ามาเจอเหมียวอี้ในตำหนัก หวงฝู่จวินโหรวก็ตาแดงเป็นพิเศษราวกับเจอศัตรูคู่แค้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนนอกอยู่ที่นี่ด้วย นางก็คงกระโจนเข้าไปโดยตรง แต่ตอนนี้นางก็ไม่เกรงใจเช่นกัน พอเห็นหน้าก็ถ่ายทอดเสียงด่าทันที “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!”
“นายท่าน!” สวีถังหรานทำความเคารพด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
“ตรงนี้ไม่มีเรื่องของเจ้าแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ถ้าข้าไม่อนุญาต ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา” เหมียวอี้กันเป่าเหลียนออกไป จากนั้นก็เงยหน้ามองฟ้า
หวงฝู่จวินโหรวมองเขาด้วยแววตาโกรธแค้น ส่วนสวีถังหรานก็ได้แต่ก้มหน้า
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็พบว่าทำแบบนี้ต่อไปไม่ใช่วิธีการที่ดี เหมียวอี้ไอแห้งๆ แล้วบอกว่า “ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน เรื่องนี้พวกเจ้าปรึกษากันเอาเถอะ” เขาทำท่าเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
สวีถังหรานแอบมองหวงฝู่จวินโหรวแวบหนึ่ง
หวงฝู่จวินโหรวจะปล่อยเหมียวอี้ไปง่ายๆ ได้อย่างไร ถามเสียงดังว่า “ผู้บัญชาการใหญ่หนิว เจ้ากล้าพูดมั้ยว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้บัญชาการสวีชิงตัวเสวี่ยหลิงหลง?”
เหมียวอี้มองไปที่สวีถังหรานพร้อมถามอย่างแปลกใจ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าได้ยังไง? ผู้บัญชาการสวี เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าเหรอ?”
สวีถังหรานรีบยอมรับผิด “ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนายท่านเลยขอรับ ล้วนเป็นความวู่วามของข้าน้อย”
“เล่นละครให้มันน้อยๆ หน่อย!” หวงฝู่จวินโหรวมองข้ามการมีตัวตนของสวีถังหราน “ผู้บัญชาการใหญ่หนิว เสวี่ยหลิงหลงเป็นเหมือนน้องสาวของข้า ลูกน้องเจ้าทำเรื่องแบบนี้ ถ้าข้าไปหาผู้บังคับบัญชาเพื่อขอความยุติธรรมก็คงไม่เกินไปหรอกใช่มั้ย?”
เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ถ้าเจ้าอยากขอความยุติธรรม มาหาข้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เจ้าควรไปหาผู้บัญชาการสวีสิ ถ้าผู้บัญชาการสวีตอบตกลง ข้าย่อมไม่คัดค้านอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าผู้บัญชาการสวีไม่ตอบตกลง ข้าก็คงกดดันเขาแต่งงานกับเสวี่ยหลิงหลงไม่ได้หรอกใช่มั้ย?”
ยังนึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องแต่งงานกับเสวี่ยหลิงหลง สวีถังหรานรับคำทันที “นายท่าน ข้าตอบตกลงกับเสวี่ยหลิงหลงไปแล้วว่าจะแต่งงานกับนาง”
“…” เหมียวอี้งงงัน นึกไม่ถึงว่าสวีถังหรานจะไม่หัวโบราณแบบนี้ จึงยักไหล่ให้หวงฝู่จวินโหรวพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “เจ้าเห็นมั้ย เรื่องเป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าแล้ว”
หวงฝู่จวินโหรวเอียงหน้าอย่างช้าๆ “ผู้บัญชาการสวี เจ้าฟังให้ดีนะ ไม่ใช่แต่งงานไปเป็นอนุภรรยา แต่ต้องแต่งงานไปเป็นภรรยาเอก!”
“หา!” สวีถังหรานร้องอุทาน “จะเป็นไปได้ยังไง! ใช่ ข้ายอมรับว่านางยังบริสุทธิ์ แต่นางก็เต้นกินรำกินอยู่ในแหล่งอบายมุข ไม่รู้ว่าถูกมือของผู้ชายมากมายเท่าไรลูบคลำมาบ้าง จะมาเป็นฮูหยินภรรยาเอกของข้าได้ยังไง ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปสวีคนนี้คงโดนหัวเราะเยาะไปทั้งชาติ สวีคนนี้จะเอาหน้าที่ไหนไปเจอบรรพบุรุษ! ไม่ได้หรอก ไม่ได้แน่นอน อย่างมากก็รับนางเป็นอนุภรรยา!”
ที่เขาพูดนั้นไม่ผิด เสวี่ยหลิงหลงเป็นผู้หญิงในสถานบันเทิง ต่อให้ขายศิลปะไม่ได้ขายตัว แต่ตอนขายศิลปะก็ต้องมีสัมผัสกับชายบางคนที่มือไม่สะอาดบ้างอย่างเลี่ยงได้ โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่มีเงิน หรือไม่ก็พวกที่มีฐานะภูมิหลังในระดับหนึ่ง ที่พวกเขาชอบทำที่สุดก็คือลงมือลูบคลำ ต่อให้ตอนนี้เสวี่ยหลิงหลงจะมีหวงฝู่จวินโหรวคุ้มครองอยู่ แต่ในปีแรกๆ ก็หลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ในยุคนี้จะมีตระกูลผู้ดีสักกี่ตระกูลที่จะแต่งงานรับคนเต้นกินรำกินอย่างเสวี่ยหลิงหลงมาเป็นฮูหยินภรรยาเอก มิหนำซ้ำสวีถังหรานก็เป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะตำแหน่งด้วย อีกประเดี๋ยวถ้ามีคนมาบอกว่าข้าเคยลูบไล้เมียของผู้บัญชาการสวี แล้วจะให้สวีถังหรานทนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร!
“เดรัจฉาน!” หวงฝู่จวินโหรวกล่าวอย่างโกรธแค้นปนเศร้าโศกว่า “เต้นกินรำกินแล้วยังไง? เจ้าคิดว่านางอยากเป็นคนเต้นกินรำกินเหรอ? ในเมื่อเจ้าดูถูกดูแคลนนาง แล้วไปทำลายความบริสุทธิ์ของนางได้ยังไง! ผู้บัญชาการสวี เจ้าเป็นขุนนางของตำหนักสวรรค์ ข้าไม่กล้าแตะต้องเจ้าจริงๆ แต่ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้นะ คนที่เขาไม่กลัวตายก็มี ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าเจ้าจะภูมิใจได้นานแค่ไหน!”
คำพูดนี้เปิดเผยชัดเจน ว่าไม่ช้าก็เร็วที่ข้าจะเอาชีวิตเจ้า! นางมีความสามารถนี้จริงๆ
“นายท่าน!” สวีถังหรานเครียดแล้ว กุมหมัดบอกว่า “นายท่าน นางกำลังขู่ขุนนางของตำหนักสวรรค์!” ความหมายที่จะสื่อก็คือ ท่านต้องช่วยทวงความบุติธรรมให้ข้า
หวงฝู่จวินโหรวพลันยกมือชี้จมูกเหมียวอี้ “ผู้บัญชาการใหญ่หนิว ข้าจะถามเจ้าคำเดียวเท่านั้น ลูกน้องเจ้าทำเรื่องต่ำช้าไร้ยางอายแบบนี้แล้ว เจ้าจะจัดการเรื่องนี้หรือไม่จัดการเรื่องนี้? ถ้าเจ้าไม่จัดการเรื่องนี้ ข้าก็จะไม่พูดอะไรมากอีก ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เหมียวอี้เอามือลูบจมูก เขาเองก็ไม่มีเหตุผลจะแก้ตัวกับเรื่องนี้เหมือนกัน จึงเหลือบมองสวีถังหราน แล้วถามอย่างค่อนข้างเก้อเขินว่า “ผู้บัญชาการสวี เจ้าพิจารณาสักหน่อยดีมั้ย?”
“หา!” สวีถังหรานแทบจะร้องไห้แล้ว ทำท่าไม่ให้ความร่วมมือแบบที่พบเห็นได้ยาก “นายท่าน แบบนี้ไม่เหมาะกระมัง?”
เหมียวอี้เปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียง “เจ้าชอบเสวี่ยหลิงหลงมากมใช่เหรอ? แถมอีกฝ่ายยังร่างกายบริสุทธิ์ด้วย ไม่มีจุดไหนที่ทำผิดต่อเจ้า ถูไถไปก่อนเถอะ”
“ข้าน้อยชอบนางเป็นเรื่องจริง แต่ถึงยังไงนางก็เป็นคนเต้นกินรำกินนะ!” สวีถังหรานถ่ายทอดเสียงตอบ
เหมียวอี้จึงบอกว่า “ข้าเองก็นึกไม่ถึงว่าเสวี่ยหลิงหลงกับหวงฝู่จวินโหรวจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันถึงขั้นนี้ เจ้าลองคิดดูนะ ถ้าเจ้าแต่งงานกับเสวี่ยหลิงหลงแล้ว ก็เท่ากับในภายหลังเจ้าจะได้อาศัยเส้นสายของสมาคมวีรชน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่เคยได้ยินเบื้องหลังของสมาคมวีรชน สิ่งนี้มีประโยชน์ต่ออนาคตของเจ้านะ แล้วอีกอย่าง ในภายหลังถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่ได้ดั่งใจ เจ้าก็เลิกกับนางแล้วแต่งงานใหม่ก็ได้นี่นา ไม่ว่าจะนับยังไงเจ้าก็ไม่ขาดทุนนะ?”
“เอ่อ…” สวีถังหรานทำสายตาล่อกแล่ก พอได้ยินว่ามีผลดีต่ออนาคตของตัวเอง คิดไปคิดว่าก็พบว่าไม่เลวเหมือนกัน ถ้าแต่งงานกับเสวี่ยหลิงหลงก็เท่ากับความสัมพันธ์ของตนกับหวงฝู่จวินโหรวก็ไม่ได้แย่ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ นายท่านกำลังโน้มน้าวตนซ้ำไปซ้ำมา แสดงท่าทีชัดเจนแล้ว ถ้าตนไม่ไว้หน้านายท่าน…
พลังแขนงัดข้อกับพลังขาไม่ไหว ตัวเองมีเรื่องกับสองคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ไหว เพียงแต่เรื่องวุ่นวายไร้ระเบียบนี่มันอะไรกัน ข้าเป็นผู้บัญชาการตลาดสวรรค์ที่สง่าผ่าเผย แต่เล่นไปเล่นมากลับได้นางระบำมาเป็นฮูหยินภรรยาเอก นายท่านช่างไร้ความเมตตา ไหนบอกว่าจะช่วยคุ้มกะลาหัวให้ข้า แต่ตอนนี้กลับเข้าข้างคนนอกเสียแล้ว
สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วกุมหมัดคารวะ “ในเมื่อเป็นเจตนาดีของนายท่าน ข้าน้อยจะกล้าขัดได้อย่างไร สวีคนนี้จะแต่งงานก็ได้!”
“เฮ้อ!” เหมียวอี้ก็ถอนหายใจเหมือนกัน รู้ว่าเจ้าคนขี้ประจบไม่เต็มใจมาก แค่ต้องไว้หน้าเขาเท่านั้นเอง เขายื่นมือไปตบบ่าอีกฝ่าย บอกเป็นนัยว่าเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมแล้ว
หวงฝู่จวินโหรวกลับไม่ผ่อนปรน นางยื่นมือออกมา “พูดแต่ปากไร้หลักฐาน เขียนหนังสือเชิญนางเป็นฮูหยินแล้วค่อยว่ากัน”
เหมียวอี้หันตัวไป ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
เมื่อครู่ตอนที่ตัดสินใจแบบนั้น ในใจก็แค่ดิ้นรนนิดหน่อย แต่ตอนนี้นึกเสียใจทีหลังแล้วจริงๆ คำพูดประโยคเดียวของตัวเองทำลายทั้งชีวิตขอเสวี่ยหลิงหลงไปแล้ว เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองทำเรื่องแบบนี้ได้ ตอนนี้ทำให้สวีถังหรานได้รับความไม่ยุติธรรมแล้ว แต่ก็นับว่าชดเชยให้เสวี่ยหลิงหลงก็แล้วกัน ขณะเดียวกันก็ได้ปลอบใจหวงฝู่จวินโหรวด้วย
เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของนายท่าน ก็ชัดเจนว่ายินยอมแล้ว! สวีถังหรานทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม แข็งใจหยิบแผ่นหยกออกมาเขียนหนังสือเชิญแต่งงานฉบับหนึ่งโยนให้หวงฝู่จวินโหรว
หลังจากหวงฝู่จวินโหรวได้อ่าน ในที่สุดสีหน้าที่เย็นเยียบก็ผ่อนคลายลงแล้ว การได้แต่งงานเป็นภรรยาเอกอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าการแต่งงานเป็นอนุภรรยาของตระกูลผู้มีอำนาจสักเท่าไร แต่ถึงอย่างไรก็มีอิสระในการตัดสินใจเรื่องในบ้าน ถึงแม้สวีถังหรานจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่ก็ยังนับว่าทวงคงามยุติธรรมให้เสวี่ยหลิงหลงได้
เมื่อเก็บของเสร็จแล้ว นางก็บอกว่า “นายท่าน ข้ามีเรื่องจะขอคำชี้แนะนิดหน่อย เชิญให้ผู้บัญชาการสวีออกไปก่อนได้มั้ย?”
สวีถังหรานเงยหน้า ในใจรู้สึกไม่พอใจนางมาก เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นร้านค้าของเจ้ารึไง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งนั่นสั่งนี่?
แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะหันกลับมาพยักหน้า บอกใบ้ให้ออกไปจริงๆ สวีถังหรานพูดไม่ออก ทำได้เพียงถอยออกไปแต่โดยดี
รอจนกระทั่งไม่มีคนนอกแล้ว หวงฝู่จวินโหรวถึงได้เดินมาตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วด่าอย่างรุนแรง “หนิวโหย่วเต๋อ ข้านี่ตาถั่วจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาชอบคนต่ำทรามไร้ยางอายอย่างเจ้าได้ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำเรื่องที่เลวยิ่งกว่าหมูกว่าหมา เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน!”
เหมียวอี้ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “ตาสว่างตอนนี้ก็ยังไม่สาย ในภายหลังเจ้าจะได้ไม่นึกเสียใจทีหลังอีก มาตัดขาดเรื่องระหว่างเราเสียแต่เนิ่นๆ ก็ดีเหมือนกัน ต่อไปนี้เจ้าเดินบนหนทางอันสดใสของเจ้า ส่วนข้าจะเดินบนสะพานไม้พาดของข้า เราไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก!”
หวงฝู่จวินโหรวเบิกตากว้าง กัดฟันจนฟันแทบแตก ชี้จมูกเขาพร้อมด่าว่า “คิดว่าเลิกกับเจ้าแล้วข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้รึไง? คิดว่าข้าเห็นคุณค่าคนต่ำช้าไร้ยางอายอย่างเจ้ารึไง!”
“จะบังอาจขอให้ผู้จัดการร้านหวงฝู่เห็นคุณค่าได้ยังไง!” เหมียวอี้หันตัวมายื่นมือไปทางด้านนอก “กลับดีๆ นะ ส่งตรงนี้!”
“นี่เจ้าพูดเองนะ อย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน ต่อไปถึงแม้เจ้าจะขอร้อง แต่ก็อย่าหวังว่าข้าจะเปลี่ยนความคิด!”
“เสียใจทีหลังเหรอ? มีอะไรให้เสียใจทีหลัง คิดว่าข้าจะหาผู้หญิงที่สวยกว่าเจ้าไม่เจอรึไง? อาศัยตำแหน่งอย่างข้า ถ้าอยากได้ผู้หญิงแบบไหนแล้วไม่มีจัดให้บ้าง?”
“ตั้งแต่นี้ไปเจ้ากับข้าขาดกัน!” หวงฝู่จวินโหรวที่ใกล้จะประสาทเสียกล่าวอย่างดุร้าย ก่อนจะหันตัวเดินออกไป แต่พอเดินมาได้ครึ่งทางก็ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง เมื่อเดินมาถึงนอกประตูแล้วยังไม่เห็นมีใครตามมา น้ำตาก็ไหลออกมาหยดหนึ่งแล้ว
เหมียวอี้ที่อยู่ในจุดลึกของลานบ้านกลับมานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง แล้วเอนกายลงช้าๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไรอารมณ์ จากนั้นหลับตาลงเงียบๆ
เรื่องนี้วุ่นวายนิดหน่อย ขนาดเขาเองยังไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ตัวเองได้ทำอะไรไปบ้าง
ทว่าคลื่นระลอกแรกยังไม่สงบ คลื่นระลอกถัดไปก็ซัดขึ้นมาอีกแล้ว ตอนบ่ายของวันนั้น เหมียวอี้ได้รับข่าวจากโค่วเหวินหลาน หลังจากจัดระเบียบตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์จำนวนแปดพันกว่าไปได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ปรับจนเสร็จแล้ว รายชื่อสมาชิกทั้งหมดเป็นรูปธรรมแล้ว
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย เดิมทีคนที่ผ่านการทดสอบจนรักษาตำแหน่งตัวเองไว้ได้ก็มีสิทธิ์เลือกก่อนและไม่ต้องย้ายไปไหน ดังนั้นเดิมทีจึงไม่เกี่ยวข้องกับเหมียวอี้ แต่ที่โค่วเหวินหลานส่งข่าวมาก็เพราะอยากให้เขารู้ ว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงกับจ้านหรูอี้ใช้เส้นสายมาอยู่ที่จวนแม่ทัพภาคตงหัว ทั้งสองเบียดผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อีกสองคนของจวนแม่ทัพภาคตงหัวให้ไปที่อื่นแล้ว นั่นก็คือจางฮั่นฟางกับหลิ่วกุ้ยผิง โค่วเหวินหลานกลัวว่าจ้านหรูอี้จะมาหาเรื่องเหมียวอี้ จึงบอกให้เหมียวอี้ระวังตัวไว้หน่อย
…………………………