พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1300 ปี้เยว่แต่งงานอีกครั้ง
สมาชิกตำหนักสวรรค์ที่เข้าร่วมการทดสอบถูกส่งตัวมาแล้ว แต่ละคนถูกควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ไว้ ยืนพิงกันตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว มองกลุ่มคนที่เข้ามาประชิดอย่างระแวดระวัง อยากจะถอยหลังแต่กลับถูกคนที่ควบคุมตัวเชลยศึกขวางเอาไว้ ไม่มีทางให้หนี
ไห่ยวนเค่อก้าวช้าๆ ไปตรงหน้านักโทษ ปี้เยว่ฮูหยินเรียกได้ว่าก้าวเดินตามเขา กลัวว่าถ้าอยู่ห่างจากอีกฝ่ายแล้วจะโดนคนอื่นฆ่า
“ผู้หญิงออกมา” ไห่ยวนเค่อชี้ผู้หญิงสามคนที่อยู่ในนั้นด้วยท่าทางใจเย็น
ผู้หญิงสามคนนั้นส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว ไม่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อะไร จึงไม่กล้าออกมา แต่กลับถูกคนที่บุกเข้าไปในนั้นบีบหลังคอโยนออกมาทีละคน
ผู้หญิงสามคนตกกระแทกลงบนพื้น แล้วลุกขึ้นอย่างตระหนก ก่อนจะเบียดกันตัวสั่นระริก
ตรงหน้าผู้ชายสิบสองคนที่ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย ไห่ยวนเค่อยกมือคว้าดาบข้างหลัง จับด้ามดาบชักออกมา หมุนคมดาบถือกลับด้าน แล้วส่งให้ปี้เยว่ที่อยู่ข้างๆ “ใบรับรองสมาชิก ฆ่าสามคน เจ้ารอด ถ้าไม่ฆ่า ข้าก็ปกป้องเจ้าไม่ได้!”
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ ชายสิบสองคนก็เริ่มกระวนกระวายถึงขีดสุดแล้ว
เหมียวอี้และคนอื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกลมองดูฉากนี้ด้วยสายตาเย็นเยียบ
ปี้เยว่ฮูหยินไม่มีทางเลือก นางกัดริมฝีปากแน่น รับดาบมาไว้ในมือ แล้วก้าวช้าๆ ไปหาสิบสองคนนั้น
“ข้ารู้จักท่าน ท่านคือฮูหยินของท่านโหวเทียนหยวน ท่านคิดจะทำอะไร?” เมื่อเห็นปี้เยว่เดินมาหาตัวเอง ชายคนหนึ่งก็ร้องบอกอย่างตกใจ
ตอนที่เขายังไม่พูดคำนี้ก็ยังไม่เป็นอะไร แต่พอพูดออกมาปี้เยว่ฮูหยินก็เริ่มเครียดแล้ว คนที่บอกว่าจะปกป้องชีวิตนางบอกว่าชอบนาง ถ้ารู้ว่านางเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว เขาจะคิดอย่างไรล่ะ? ชั่วพริบตานั้นนางก็ไม่ลังเลอีกต่อไป กวาดดาบออกมาหนึ่งที ตัดหัวชายคนนั้นกระเด็นออกไปเสียเลย ในที่สุดก็ปิดปากอีกฝ่ายได้แล้ว
เลือดร้อนๆ พุ่งขึ้นมาจากคอ ร่างที่ไรศีรษะยังไม่ทันล้มลงพื้น ปี้เยว่ฮูหยินก็ลงมืออีกด้วยความรวดเร็ว ฟันซ้ายฟันขวาคนละหนึ่งดาบ มีศีรษะอีกสองใบขาดกระเด็นอีกแล้ว ทำให้คนที่เหลือถอยหลังอย่างตกใจกลัว แต่กลับถูกเท้าของคนที่เฝ้าอยู่ข้างหลังเตะกลับมา
ปี้เยว่ฮูหยินถือดาบเดินกลับมาอย่างช้าๆ ใช้สองมือประคองดาบคืนให้ตรงหน้าไห่ยวนเค่อ
ไห่ยวนเค่อเอียงหน้ามองผู้หญิงอีกสามคน พร้อมบอกว่า “ส่งดาบให้พวกนาง ฆ่าคนละสามคน”
ดังนั้นปี้เยว่ฮูหยินจึงถือดาบไปยื่นให้ตรงหน้าผู้หญิงสามคนนั้น ทั้งสามสบตากันอย่างหวาดกลัว ไม่มีใครยื่นมือไปรับดาบ
“ศีรษะสามใบ นี่คือใบรับรองสมาชิก ให้โอกาสพวกเจ้ารอดชีวิตแล้ว พวกเจ้าไม่อยากได้เหรอ?” ไห่ยวนเค่อถาม
เมื่อกล่าวมาแบบนี้ ผู้หญิงหนึ่งในนั้นก็ยื่นมือไปรับดาบจากปี้เยว่ฮูหยินทันที แต่ใครจะคิดว่าอีกสองคนจะรีบยื้อแย่ง ทุกคนอยากจะช่วงชิงโอกาสในการมีชีวิตรอด
ปี้เยว่ฮูหยินคลายมือออก ดาบตกลงพื้น ปักลงบนพื้นดินครึ่งหนึ่ง ผู้หญิงสามคนที่ยื้อแย่งกันไม่มีใครสามารถดึงดาบขึ้นมาได้ ต่อให้ทั้งสามร่วมมือกันออกแรงเต็มที่ก็ยังดึงไม่ออก
ดาบวิเศษขนาดใหญ่ที่สร้างจากผลึกแดงบริสุทธิ์สูง สำหรับคนที่สูญเสียพลังอิทธิฤทธิ์ไปแล้ว นี่คือสิ่งที่หนักหน่วงไร้ที่เปรียบ ไม่มีทางทำให้มันขยับได้เลย
ไห่ยวนเค่อเพิ่งจะพบว่าตัวเองลืมจุดนี้ไป บนตัวปี้เยว่ฮูหยินไม่ได้ถูกระงับพลัง แต่ผู้หญิงสามคนนี้กลับไม่มีทางใช้พลังอิทธิฤทธิ์ได้
พลังอิทธิฤทธิ์กลุ่มหนึ่งโถมเข้ามา ซวบ! ดาบถูกดึงขึ้นกลางอากาศ แล้วหมุนเข้าไปตกในฝักดาบที่สะพายอยู่ข้างหลังไห่ยวนเค่อเสียงดัง “แกร๊ง”
ผู้หญิงสามคนที่แย่งกันล้มลงพื้นพร้อมกันทันที คนยังไม่ทันลุกขึ้นมา ซวบๆๆ กระบี่ยาวสามด้ามก็ลงจากฟ้ามาปักตรงหน้าทั้งสามคนพอดี
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายความว่าอะไร ผู้หญิงทั้งสามลุกขึ้นทันที ต่างคนต่างชักกระบี่ออกมา เพื่อที่จะมีชีวิตรอด พวกนางพุ่งเข้าไปหาเป้าหมายอย่างบ้าคลั่ง
“ข้ายอมแพ้!”
“ขอร้องพวกเจ้าล่ะ พวกเจ้าจะให้ข้าทำอะไรก็ได้”
เมื่อถูกความตายคุกคาม ผู้ชายทั้งสิบสองคนก็แทบจะสติหลุด จะหนีก็หนีไม่ได้ ได้แต่ร้องขอชีวิตอย่างหวาดกลัวอยู่อย่างนั้น มีคนนั่งคุกเข่าขอร้อง มีบางคนน้ำตาไหลพราก
“อา…”
เสียงร้องโอดครวญดังต่อเนื่องหลายครั้ง ทุกคนล้มลงภายใต้กระบี่ของผู้หญิงทั้งสามอย่างไม่มีข้อยกเว้น ไม่รวดเร็วฉับไวเหมือนปี้เยว่ฮูหยินที่ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ช่วยสังหาร ผู้หญิงทั้งสามคนเผชิญกับการถูกกลุ่มผู้ชายต่อต้าน ต้องใช้ประโยชน์จากกระบี่วิเศษถึงจะทำสำเร็จ เป็นขั้นตอนที่ยากลำบาก
หลังจากทำให้ผู้ชายทั้งสิบสองคนล้มลงแล้ว ผู้หญิงทั้งสามก็โบกกระบี่ราวกับสับเนื้อ ฟันติดต่อกันหลายครั้งกว่าศีรษะของเป้าหมายจะขาดลงมา เสร็จแล้วถึงได้นำศีรษะคนละสามใบเดินกลับมายื่นให้ตรงหน้าไห่ยวนเค่ออย่างสะบักสะบอม นี่ก็คือใบรับรองสมาชิกที่สามารถทำให้ตัวเองรอดชีวิตได้
ไห่ยวนเค่อหันกลับมามองพวกเหมียวอี้ที่อยู่ทางนี้ “ผู้หญิงสี่คนนี้เป็นของข้า ข้าจะนำพวกนางกลับไปด้วยกัน”
กลุ่มคนที่อยู่ทางนี้เดินเข้ามา อ๋าวเถี่ยถามขณะที่เดินว่า “เจ้าคงไม่ได้จะบอกว่าชอบผู้หญิงหมดสี่คนนี้หรอกใช่มั้ย?”
ไห่ยวนเค่อหันกลับมาอย่างช้าๆ มอบไปที่ปี้เยว่ฮูหยิน พร้อมถามว่า “ยินดีจะเป็นผู้หญิงของข้ารึเปล่า?”
ปี้เยว่ฮูหยินกัดฟันลังเลอยู่ประเดี๋ยวเดียว นางไม่อยากตอบตกลง แต่ตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้นางไม่มีทางเลือก แค่อยากมีชีวิตรอดเท่านั้น นางจึงพยักหน้าตอบว่า “ยินดี!”
เหมียวอี้ได้ยินแล้วทอดถอนใจไม่หยุด ไม่รู้ว่าถ้าท่านโหวเทียนหยวนได้ยินคำพูดนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร
แต่สิ่งที่ทำให้เหมียวอี้คาดไม่ถึงก็คือ ปี้เยว่ฮูหยินพูดเสริมอีกว่า “ข้าเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ผู้ชายของข้าคือท่านโหวเทียนหยวนของตำหนักสวรรค์”
นางรู้ว่าปิดบังเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เมื่อครู่ก็เพิ่งมีคนเอ่ยถึง และในบรรดาของที่นางถูกยึดไปก็อาจจะมีของที่พิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับท่านโหวเทียนหยวนก็ได้
“เรื่องนั้นไม่สำคัญแล้ว เป็นแค่ทหารเล็กๆ เท่านั้น ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ ขนาดข้าแย่งผู้หญิงของเขา เขายังบ่นอะไรไม่ได้เลย! ข้าเพียงจะถามสิ่งที่เจ้าเลือกตอนนี้ ยินดีจะไปกับข้าหรือไม่ ไปเป็นผู้หญิงของข้า?” ไห่ยวนเค่อถาม
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ถือสา ปี้เยว่ฮูหยินก็กัดฟันตอบว่า “ตราบใดที่เจ้าไม่รังเกียจ ข้าก็ยินดี”
ไห่ยวนเค่อบอกอีกว่า “ถ้าเจ้าไม่แย้งอะไร กลับไปแล้วพวกเราก็จะแต่งงานกัน ข้าจะแต่งงานกับเจ้า!”
เมื่อเขากล่าวแบบนี้ ก็ราวกับมีฟ้าผ่า พวกเหมียวอี้เหม่อค้างอีกครั้ง แต่ละคนตกใจราวกับโดนฟ้าผ่าใส่ โดนผ่าจนกรอบนอกนุ่มในหมดแล้ว
พวกเขาพบว่าไห่ยวนเค่อเล่นนอกบทอีกแล้ว ละครและขั้นตอนที่ค่อยไปเป็นค่อยไปทั้งหมดที่เตรียมไว้ถูกฟันพังหมดแล้ว ไม่ต้องทำเรื่องหยุมหยิมอะไรทั้งนั้น ใช้ไม้กระบองกระทุ้งทีเดียวถึงก้น เจอกันครั้งแรกก็จะแต่งงานกับอีกฝ่ายแล้ว ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้วด้วย แบบนี้เหลวไหลไปหน่อยหรือเปล่า
พวกเขายังดีหน่อย ถึงอย่างไรก็รู้เรื่องราวเบื้องลึก แต่ซือถูกชิงหลันแทบจะลูกตาถลนออกมาแล้ว สงสัยว่านี่ใช่ไห่ยวนเค่อที่ตัวเองรู้จักหรือเปล่า? อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ไห่ยวนเค่อ นี่เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย?”
นางรู้สึกว่าไห่ยวนเค่อไม่เหมือนคนที่จะพูดล้อเล่นได้ กอปรกับเบาะแสเรื่องที่เกิดในวันนี้ เดิมทีนางนึกว่าพวกเขาวางแผนอะไร แต่ดูจากท่าทางของพวกเหมียวอี้ ก็พบว่าตกตะลึงอ้าปากค้างจนคางแทบร่วงเหมือนกัน ไม่เหมือนเตรียมการเรื่องนี้มาก่อน
ไห่ยวนเค่อไม่สนใจนาง ดวงตาที่เศร้าซึมเหมือนผ่านโลกมาโชกโชนจ้องเพียงปี้เยว่ฮูหยิน เพียงรอให้นางตอบตกลงเท่านั้น
“…” ปี้เยว่ฮูหยินตกใจไม่เบา เบิกตากว้างอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น นางไม่คิดว่าตัวเองจะมีเสน่ห์มากขนาดนี้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุคคคลที่เคยมีบารมีสะเทือนใต้หล้าอย่างไห่ยวนเค่อเลย ไม่ว่าความงามแบบไหนก็พบเจอมาหมดแล้ว คงไม่ถึงขั้นเคลิบเคลิ้มหลงใหลผู้หญิงที่มีสามีแล้วอย่างนางได้หรอกมั้ง?
แม้แต่ผู้หญิงสามคนข้างๆ ที่เพิ่งหนีรอดจากความตายก็ยังเหม่องงเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าผ่านไปนานแล้วนายังไม่ตอบอะไร ไห่ยวนเค่อก็ขมวดคิ้วถาม “เจ้าไม่เต็มใจเหรอ?”
มีคำพูดบางอย่างที่เหมือนก้างที่ติดคอปี้เยว่ฮูหยิน ถ้าไม่คายออกมาก็เกรงว่านางคงจะเก็บกดตาย นางจึงแข็งใจกัดฟันถามว่า “ในเมื่อข้าตอบตกลงว่าจะเป็นผู้หญิงของเจ้าแล้ว ก็ไม่เต็มใจไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ข้าถามได้มั้ยว่าเพราะอะไร?”
ไห่ยวนเค่อตอบอย่างใจเย็นว่า “เคยมีผู้หญิงคนหนึ่ง นางรอข้ามาตลอด แต่ข้ากลับมาช้ากว่าเวลาที่นัดกันสามชั่วยาม พอไปถึงจุดที่นัดกันไว้ นางก็ตายด้วยน้ำมือคนอื่นไปแล้วเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน เจ้าหน้าตาเหมือนนาง…” เมื่อพูดถึงตรงนี้น เขาก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
แต่ปี้เยว่ฮูหยินคิดเพิ่มเติมเอาเองโดยอัตโนมัติแล้ว ที่แท้ข้ากับผู้หญิงคนนั้นของเขาก็หน้าตาเหมือนกันมากนี่เอง เขาก็เลยไม่อยากรออีก ที่มาแต่งงานกับข้าก็เพราะจะชดเชยความรู้สึกเสียใจส่วนนั้น เมื่อในใจมีคำตอบแล้ว นางก็พยักหน้าบอกว่า “เข้าใจแล้ว ข้าจะเชื่อฟังตามที่เจ้าเตรียมการ”
เหมียวอี้เอามือลูบคางพลางพึมพำในใจ ไห่ยวนเค่อคนนี้ดูเหมือนเป็นคนเงียบๆ แต่เวลาได้หลอกผู้หญิงขึ้นมาก็เป็นยอดฝีมือชัดๆ! คำพูดโกหกแบบนี้อาจจะฟังดูเหลวไหลไม่น่าเชื่อถือมาก แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเขา ไม่ว่าจะฟังยังไงก็รู้สึกเหมือนเป็นความจริง บวกกับสีหน้าที่สอดคล้องกันสุดๆ ก็เหมือนจริงจนไม่รู้จะจริงยังไงแล้ว ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆ ด้วย ควรค่าแก่การเรียนรู้!
อ๋าวเถี่ยและคนอื่นๆ ทำสีหน้าอัศจรรย์ใจมาก คำอธิบายนี้ก็เหนือความคาดหมายของพวกเขาเช่นกัน
เมื่อได้คำตอบแล้ว ไห่ยวนเค่อถึงได้หันกลับมาตอบอ๋าวเถี่ย “อีกสามคนข้าจะพาไปด้วยกันเลย พาไปคอยรับใช้นาง” เขาชี้ไปที่ปี้เยว่ฮูหยินขณะที่พูด
ในตอนนี้ ผู้หญิงสามคนที่โชคดีรอดชีวิตถึงได้เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน สงสัยสาเหตุที่ตัวเองรอดชีวิตล้วนเป็นเพราะปี้เยว่ฮูหยิน
อ๋าวเถี่ยตอบว่า “ไห่ยวนเค่อ เจ้าทำแบบนี้เกินไปหน่อยหรือเปล่า”
“ข้าจะพาผู้หญิงกลับไปด้วยแค่สามสี่คนไม่ได้เชียวเหรอ? เจ้าจะขัดขวางข้าหรือไง?” ไห่ยวนเค่อถามกลับ
“ไม่ใช่ว่าข้าจะขัดขวางเจ้า แค่อยากจะเตือนเจ้าเฉยๆ ถ้าพวกนางไปแล้วเปิดเผยข้อมูลอะไรขึ้นมา ประมุขขุนพลไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” อ๋าวเถี่ยตอบ
“ไม่ต้องเตือนหรอก พรุ่งนี้อย่าลืมมาดื่มสุรามงคลก็แล้วกัน” ไห่ยวนเค่อพูดทิ้งท้ายแล้วเก็บปี้เยว่ฮูหยินกับผู้หญิงอีกสามคนเข้ากระเป๋าสัตว์ แล้วพากลับไปด้วยกัน
ขณะมองคล้อยหลังเงาคนหายไปในดาราจักร เหมียวอี้และคนที่เหลือก็มองหน้ากันเลิกลั่ก ยังคงรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ เรื่องที่เดิมทีกำหนดเวลาไว้อย่างน้อยสิบกว่าปี ปรากฎว่าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันไห่ยวนเค่อก็จัดการเรียบร้อย แบบนี้รวดเร็วเกินไปแล้ว เพียงแต่ทำแบบนี้จะได้ผลเหรอ?
“พวกเจ้ากำลังเล่นพิเรนทร์อะไรกันแน่?” ซือถูกชิงหลันแทบจะไม่หยุดทำสีหน้าสงสัยประหลาดใจ เมื่อไม่ได้คำตอบ ก็ถามอีกว่า “จริงหรือล้อเล่น? ไห่ยวนเค่อคงไม่ได้จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ หรอกใช่มั้ย?”
“จะจริงหรือล้อเล่น เดี๋ยวคอยดูพรุ่งนี้ก็รู้แล้ว” สืออวิ๋นเปียนตอบกลั้วหัวเราะ
วันต่อมาที่ดาวอู๋เลี่ยง จวนของขุนพลใหญ่ทั้งห้าล้วนอยู่บนดาวดวงนี้ ที่นี่แทบจะเป็นทะเลทั้งหมด ไม่ค่อยมีพื้นดินสักเท่าไร จวนของไห่ยวนเค่อก็เป็นเกาะกลางทะเลแห่งหนึ่งที่ถูกดันขึ้นมาโดยฝีมือมนุษย์ ขนาดของตำหนักเรือนพักก็เล็กกว่าของประมุขปราชญ์อย่างเหมียวอี้นิดหน่อย
ในตอนนี้ทั้งจวนประดับตกแต่งจนเกิดบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ทุกที่ล้วนประดับโคมไฟและผ้าหลากสี ตอนที่ม่านราตรีมาเยือน อย่าว่าแต่คนอื่นๆ เลย แม้แต่ประมุขขุนพลจินม่านก็มาร่วมงานด้วย
แขกในงานก็มีไม่เยอะ ในลานบ้านมีโต๊ะเพียงสิบกว่าโต๊ะเท่านั้น เจตนาของไห่ยวนเค่อคือจัดให้เรียบง่าย คนที่กราบไหว้เทวดาฟ้าดินอย่างปี้เยว่จะมีความเห็นแย้งอะไรได้ นางย่อมไม่รู้ว่าทางฝั่งนี้ไม่อยากเคลื่อนไหวให้ใหญ่โตจนอีกห้าลัทธิรู้เรื่อง
วันนี้ไม่เหมือนวันธรรมดาทั่วไป ในที่สุดไห่ยวนเค่อก็ได้ถอดเครื่องแต่งกายที่มีลักษณะสุดพิเศษตัวนั้นไปแล้ว ตอนนี้สวมชุดแต่งงานสีแดงทั้งตัว ส่วนปี้เยว่ฮูหยินก็สวมมงกุฎหงส์และม่านไข่มุกอีกครั้ง ผู้หญิงสามคนเมื่อวานที่ฟาดเคราะห์คอยประคอง ทั้งสองกราบไหว้ฟ้าดินอย่างจริงจังและเป็นทางการ
หลังจากส่งเข้าเรือนหอแล้ว จินม่านที่นั่งอยู่ในงานก็ถอนหายใจ “ทำให้ไห่ยวนเค่อได้รับความไม่ยุติธรรมแล้ว” สายตากลับกวาดมองพวกใช้วิธีการสกปรกที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยกัน พวกอ๋าวเถี่ยได้แต่ไอแห้งๆ และหลบสายตานาง ส่วนซือถูกชิงหลันก็สอบถามความจริงจากจินม่าน หลังจากเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องอะไร นางก็กวาดสายตามองพวกอ๋าวเถี่ยเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย ส่วนปากก็พูดว่า “พวกผู้ชายไม่มีใครดีสักคน!”
เหมียวอี้กลับยิ้มจนหุบปากไม่ลงเมื่อนึกถึงภาพที่ปี้เยว่ฮูหยินกราบไหว้ฟ้าดินก่อนหน้านี้ คนอื่นมาที่นรกเพื่อรับการทดสอบ แต่ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงอย่างปี้เยว่จะมาที่นรกแล้วได้แต่งงานใหม่อีกรอบ ถ้าให้ท่านโหวเทียนหยวนรู้เรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ท่านโหวเทียนหยวนโมโหตายรึเปล่า
…………………………