พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1301 เร็วจนน่าทึ่ง!
ที่จริงแต่งงานใหม่ก็ไม่เป็นอะไรหรอก ที่สำคัญคือการกระทำที่ตามมาหลังจากแต่งงานนี่สิ คนพวกนี้ทำทุกอย่างได้โดยไม่สนวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ถึงแม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะเหมียวอี้ แต่เขาก็ยังอยากรักษาระยะห่างกับเรื่องนี้สักหน่อย
“อู…อู…อู…”
คลื่นสีครามสาดซัดริมทะเล เคล้าด้วยเสียงขลุ่ยที่บางครั้งก็สูงบางครั้งก็แผ่ว นำมาซึ่งความรู้สึกเศร้ารันทดและกร้านโลกอยู่หลายส่วน
ปี้เยว่เดินช้าๆ ออกมาจากบันไดประตูด้านหลังของลานบ้าน หลายวันมานี้นางเพิ่งเคยลองเดินออกจากจวนแห่งนี้เป็นครั้งแรก ไห่ยวนเค่อบอกนางอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่าอยู่ที่นี่ห้ามเดินเพ่นพ่านซี้ซั้ว ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็อย่าออกจากเกาะแห่งนี้โดยพลการ บอกว่าตอนนี้มีคนไม่น้อยที่ยังสงสัยในตัวตนของนาง ให้นางสำนึกได้ด้วยตัวเองสักหน่อย จะได้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น
ได้ยินเสียงดนตรีที่ทั้งไพเราะทั้งทำให้คนรู้สึกเศร้ารันทดดังมาจากด้านนอกต่อเนื่องกันหลายวัน นางจึงอดไม่ได้ที่จะออกไปดูว่าคืออะไรกันแน่
การแต่งกายของนางไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนสักเท่าไร ยังคงใส่ชุดกระโปรงยาวสีเขียวทรกตที่นางชอบที่สุด เพียงแต่ไม่กล้าเผยร่องอกที่เย้ายวนใจครึ่งหนึ่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้นางปิดหน้าอกอย่างค่อนข้างมิดชิด แต่ก็ยังปิดบังเสน่ห์ที่เหมือนลูกท้อสุกหวานของนางไม่ได้
พอเดินออกมาจากประตูด้านหลัง ก็เห็นศาลาที่มีชายคาโค้งสี่มุมริมทะเล ในศาลามีคนคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนราวระเบียง พาดขาขึ้นมาข้างหนึ่ง หันหน้าเข้าหาทะเลกว้าง ถือขลุ่ยยาวเลาหนึ่งเป่าบรรเลงเพียงลำพัง ถ้าไม่ใช่ไห่ยวนเค่อแล้วจะเป็นใครไปได้อีก
ปี้เยว่ตกตะลึงนิดหน่อย วันต่อมาหลังจากแต่งงานกัน ไห่ยวนเค่อก็กลับมาแต่งตัวตามความเคยชินแล้ว ตอนอยู่บ้านก็แค่ไม่สะพายดาบและหมวกงอบที่หลังเท่านั้นเอง
ขณะที่มองคนที่อยู่ในศาลา นางก็อดไม่ได้ที่จะแอบสะท้อนใจ เลี่ยงไม่ได้ที่จะนึกถึงท่านโหวเทียนหยวน นางไม่รู้ว่าหลังจากท่านโหวเทียนหยวนรู้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร นึกไม่ถึงว่าคำพูดที่นางใช้ขู่ท่านโหวเทียนหยวนตอนที่มาในนรกแรกๆ จะกลายเป็นจริงแล้ว
หลายวันผ่านไป เรื่องที่ควรจะเกิดก็เกิดแล้ว เรื่องที่ไม่ควรจะเกิดก็เกิดแล้วเช่นกัน ปี้เยว่เองก็ก็สงบใจเย็นลงท่ามกลางสภาพความสับสนวุ่นวาย ยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้แล้วเช่นกัน
เมื่อคนเราเผชิญหน้ากับความตาย ก็ล้วนมีเงื่อนไขในการร้องขอชีวิตทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีนางก็ใช้ชีวิตอย่างสบายดีอยู่แล้ว จะยอมตายได้อย่างไร
ตอนที่อยู่ข้างนอก ท่านโหวเทียนหยวนมีฐานะต่ำแหน่งสูง ข้างกายไม่ได้ขาดผู้หญิงเลย ทั้งสองแยกกันอยู่เป็นระยะเวลานาน ในใจปี้เยว่รู้อย่างชัดเจน แต่นางก็ไม่กล้าฉีกหน้าอีกฝ่าย เพราะท่านโหวเทียนหยวนคือที่พึ่งพิงสำหรับความร่ำรวยมีเกียรติของนางมาตลอด
ส่วนคนตรงหน้าที่นางแต่งงานด้วยอีกครั้ง การได้ทำความรู้จักในหลายวันมานี้ทำให้ปี้เยว่ค่อนข้างตกตะลึง ข้างกายเขาไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียว เมื่อได้คลุกคลีอยู่ด้วยกันหลายวัน ความบึกบึนแข็งแรงของไห่ยวนเค่อก็ยิ่งทำให้นางพึงพอใจสุดๆ
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองคน ท่านโหวเทียนหยวนนอกจากจะมีทรัพยากรเยอะเพราะมีอำนาจมากที่ตำหนักสวรรค์ อย่างอื่นก็เทียบไห่ยวนเค่อไม่ติดเลยจริงๆ ปี้เยว่เองก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะได้แต่งงานเป็นภรรยาของไห่ยวนเค่อที่ร่ำลือกันในตำนาน
ที่สำคัญก็คือ นางออกไปด้านนอกไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงทิ้งอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้านางอยากจะรอดชีวิตอยู่ที่นี่ ก็มีแต่ต้องตามติดพึ่งพาผู้ชายคนนี้เท่านั้น สำหรับสภาพแวดล้อมที่นางอยู่ในปัจจุบัน การได้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้ การที่อีกฝ่ายไม่รังเกียจอดีตของนาง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ
เมื่อเดินเข้ามาในศาลา ปี้เยว่ก็คุกเข่าลงบนพื้นอย่างช้าๆ เอียงหน้าหนุนบนตักไห่ยวนเค่อ น่ารักเหมือนนกน้อยที่เกาะบนบ่าคนมาก แสดงความอ่อนโยนอย่างที่พบเห็นได้ไม่บ่อย ฟังเสียงขลุ่ยที่ไห่ยวนเค่อบรรเลงอย่างเงียบๆ…
ในวันหนึ่งหลังจากผ่านไปครึ่งปี เหลียงหรงมารายงานว่า “ประมุขปราชญ์ ขุนพลใหญ่กงซุนขอเข้าพบค่ะ”
เหมียวอี้ที่กำลังนั่งสมาธิฝึกตนอยู่ในห้องสมาธิหยุดใช้วิชา แล้วเดินออกมาที่โถงหลัก
“ประมุขปราชญ์” หลังจากทำความเคาพ กงซุนลี่เต้าก็เข้าประเด็นทันที หยิบแผ่นหยกสองแผ่นออกมาพร้อมรายงานว่า “พบสถานที่ที่ท่านต้องการจะหาแล้ว แต่ตำแหน่งที่ตั้งของมันค่อนข้างไกลๆ อีกทั้งสองสถานที่นี้ยังอยู่ในทิศทางตรงข้ามกันด้วย ไม่ได้อยู่ในบริเวณเดียวกัน”
เหมียวอี้รีบตรวจดู พบว่าตำแหน่งคร่าวๆ ที่ทำเครื่องหมายไว้บนนั้นไกลจริงๆ ด้วย จึงบอกทันทีว่า “เดี๋ยวพาข้าไปตรวจสอบตรงสถานที่จริงสักหน่อยนะ”
กงซุนลี่เต้าถามอย่างลังเลว่า “ไม่ทราบว่าประมุขปราชญ์มีเจตนาจะทำอะไรกับสองสถานที่นี้ขอรับ?” เขาตรวจสอบมาก่อนรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าเหมียวอี้ต้องการสองสถานที่นี้เอาไว้ทำอะไรกันแน่
เหมียวอี้ย่อมไม่เปิดเผยความจริง ตอบเพียงว่า “เดี๋ยวในภายหลังเจ้าก็จะเข้าใจเอง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาบอก พรุ่งนี้แล้วกัน ออกเดินทางพรุ่งนี้เป็นไง?” เขาไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วันเดียว เขาออกจากตลาดสวรรค์มาเกือบหนึ่งปีแล้ว ถ้ายังไม่กลับไปอีกก็กลัวจะเกิดเรื่อง
กงซุนลี่เต้าพยักหน้า แสดงออกว่าไม่มีความเห็นแย้งใดๆ
ลมทะเลแผ่วเบาและนุ่มนวล คลื่นสีมากตซัดกระทบทราย ปี้เยว่ฮูหยินที่สวมชุดผ้ามุ้งบางตัวหลวมมีพุงยื่นออกมา นางกำลังเดินช้าๆ อยู่บนชายหาด ข้างหลังมีหญิงรับใช้สามคนคอยปรนนิบัติรับใช้
ท้องนางจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก แต่สำหรับปี้เยว่ฮูหยินที่ยามปกติเอวบางอ่อนช้อย ตอนนี้ท้องก็นางก็ไม่ถือว่าเล็กแล้ว พอมองดูนางใช้สองมือประคองหลังเอวอยู่เป็นระยะ ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ ก็ล้วนดูออกว่าในท้องปี้เยว่มีอะไร
ในท้องนางมีอะไรบางอย่างจริงๆ นางตั้งครรภ์แล้ว ผ่านไปหลายเดือนมากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตนาง ในด้านนี้ท่านโหวเทียนหยวนบอกตลอดว่าไม่รีบ รอให้ปัจจัยแวดล้อมดีกว่านี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่เมื่ออยู่ที่นี่ เพิ่งจะแต่งงานใหม่ได้ไม่กี่วันไห่ยวนเค่อก็บอกให้นางมีลูกสักคนแล้ว นางจึงทำตามคำสั่ง ตั้งครรภ์กับเขาแล้ว
สำหรับนาง นางเองก็กังวลใจเช่นกันว่าเรื่อของตัวเองกับท่านโหวเทียนหยวนจะทำให้ไห่ยวนเค่อเบื่อหน่ายเข้าสักวัน ในท้องนางมีลูกของนางกับไห่ยวนเค่อแล้ว ถ้ามองในด้านความปลอดภัย นี่ก็เป็นสิ่งรับประกันที่มีน้ำหนักมากจริงๆ นางไม่ได้ขัดข้องกับสิ่งนี้
บนท้องฟ้า เหมียวอี้ที่อาศัยเมฆขาวก้อนหนึ่งพรางตัวกำลังใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองดูปี้เยว่ฮูหยินที่ท้องยื่นอย่างตะลึงนิดหน่อย “มีเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
เขากำลังจะไปหาประตูดวงดาวอีกสองแห่ง ก่อนจะไปนึกถึงปี้เยว่ฮูหยินขึ้นมา อยากจะดูสถานการณ์ของนางว่าเป็นย่างไรบ้าง ผลปรากฏว่าได้เห็นภาพนี้แล้ว
กงซุนลี่เต้าที่อยู่ข้างๆ กล่าวอย่างรู้สึกขำว่า “ไห่ยวนเค่อก็เป็นแบบนี้แหละ รวดเร็วฉับไว ขนาดเรื่องแบบนี้ยังไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด เร็วจนน่าทึ่ง!”
จินม่านที่มาส่งแสยะยิ้มบอกว่า “ข้าอยากจะดูนักว่าพวกเจ้าจะยุติแผนการอันโง่เง่านี้ยังไง!”
“ประมุขขุนพล ท่านมักจะบอกกับพวกเราไม่ใช่เหรอ ว่าขั้นตอนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือผลลัพธ์ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร!” กงซุนลี่เต้าตอบ
“เชอะ!” จินม่านพ่นเสียงทางจมูก แต่กลับไม่พูดอะไรอีกแล้ว
เหมียวอี้จ้องปี้เยว่ฮูหยินที่อยู่ด้านล่างพร้อมถามว่า “ถ้าผ่านไปอีกไม่กี่เดือน นางก็จะคลอดแล้วใช่มั้ย?”
จินม่านตอบว่า “ไม่ได้เร็วขนาดนั้น นางต้องอุ้มท้องครรภ์จิตวิญญาณก่อนฟ้าก่อน รับประกันคุณสมบัติการฝึกตนของเด็กที่จะเกิดมา ไม่อย่างนั้นถ้าคลอดมนุษย์ธรรมดาออกมาก็มีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่ถึงตอนที่การทดสอบของโจรกบฏจบ ส่วนระยะเวลาตั้งครรภ์จะนานเท่าไร ถ้าอย่างสั้นก็สามถึงห้าปี อย่างนานก็อาจจะสิบกว่าปี ยังต้องดูอีกว่าจิตวิญญาณก่อนฟ้าของตัวอ่อนในท้องนางเป็นอย่างไร ถ้าครรภ์จิตวิญญาณก่อนฟ้าไม่แย่ก็สามารถรีบคลอดออกมาได้ ถ้าครรภ์จิตวิญญาณก่อนฟ้าแย่หน่อยก็อาจจะตั้งครรภ์นานเพิ่มหลายปี”
พอนึกถึงที่ตำหนักคุ้มเมืองในปีนั้น นึกขึ้นได้ว่าปี้เยว่ฮูหยินที่เอะอะก็เดินบิดเอวเด็ดดอกไม้ให้ตนกำลังจะท้องยื่น เหมียวอี้ก็เรียกได้ว่าหนาวในใจอยู่พักหนึ่ง รีบเรียกกงซุนลี่เต้าให้ออกไปจากตรงนั้น ไม่อยากมองอีกแล้ว นี่เป็นการก่อกรรมทำเข็ญชัดๆ!
ในดาราจักรที่แปลกประหลาดลี้ลับ ลวดลายหลากสีสัน เงาคนสองคนเหาะเข้ามาด้วยความเร็วสูง เหยียบลงบนหินก้อนหนึ่งที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
ที่จริงเหมียวอี้ไม่อยากพากงซุนลี่เต้ามาด้วย แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะตรงศูนย์กลางของหกลัทธิมีสถานที่อันตรายมากเกินไป ถ้าไม่มีคนทู้สถานการณ์ภายในนำทางก็เข้าออกลำบากมาก แม้แต่โจรกบฏส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้ชัดเจนเลย นี่ก็เป็นเส้นตายสุดท้ายที่ทำให้โจรกบฏยังรอดชีวิตอยู่ได้ ยังไม่มีประมุขปราชญ์คนใหม่คนไหนได้ไป ประมุขขุนพลทั้งหกบอกเพียงว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะมอบให้พวกเขา
“ประมุขปราชญ์ นั่นน่าจะเป็นสถานที่ที่ท่านต้องการจะหา สภาพการเรียงตัวของดวงดาวสามสิบสองดวงเหมือนที่ท่านให้ข้ามาทุกอย่าง” กงซุนลี่เต้าชี้ไปยังกลุ่มดาวที่อยู่ตรงหน้า
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว เป็นเหมือนที่อยู่บนแผนที่จริงๆ ด้วย จึงบอกทันทีว่า “ขุนพลใหญ่อยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะไปดูสักหน่อย”
“ประมุขปราชญ์!” กงซุนลี่เต้ารีบยกมือห้าม แล้วเตือนอย่างจริงจังว่า “ไปข้างหน้าต่อไม่ได้แล้วขอรับ ทางนั้นเป็นอาณาเขตแปลกใหม่สำหรับพวกเรา ในตอนนั้นเพื่อที่จะค้นหาทางออก กำลังพลของหกลัทธิเคยไปสำรวจทางนั้นมาแล้ว แต่คนที่เข้าไปทางนั้นไม่มีใครรอดกลับมาอีก ตรงนั้นอันตรายกว่าอาณาเขตที่พวกเราครอบครองเยอะมาก รอบข้างของอาณาเขตที่พวกเราหกลัทธิครอบครองล้วนเป็นเขตต้องห้าม หรือพูดได้อีกอย่างว่าเป็นเกราะกำบังตามธรรมชาติของพวกเรา “
“แบบนี้…” เหมียวอี้ลังเล ถอดใจกลางคันแล้วจริงๆ ถ้าเสียชีวิตไปก็จะวาดขึ้นมาใหม่ไม่ได้แล้ว
แต่พอลองเปลี่ยนความคิด เขาก็รู้สึกว่าถูก ในเมื่อมีคนทิ้งภาพป้ายบอกทางไว้แล้ว เช่นนั้นก็แสดงว่าเส้นทางที่ทิ้งไว้เป็นเส้นทางที่ปลอดภัย นอกเสียจากว่าจะจงใจทำแผนที่ปลอม แต่ดูจากการที่ค้นพบประตูดวงดาวสองแห่งก่อนหน้านี้ แผนที่ก็ไม่น่าจะผิดพลาด หรือพูดได้อีกอย่างว่าไปได้
พอหายเหม่อลอยแล้วก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ขุนพลใหญ่ไม่ต้องคิดมาก ในเมื่อข้าต้องการจะมาที่นี่ ก็ย่อมมีวิธีหลบภัยอันตรายอยู่แล้ว”
“ประมุขปราชญ์…” กงซุนลี่เต้ายื่นมือออกมา แล้วมองดูเหมียวอี้เหาะออกไปโดยไม่สนใจอะไรด้วยความประหลาดใจ หรือว่าจะมีวิธีการหลบภัยอันตรายจริงๆ?
เหมียวอี้ผลักมือกลับมาด้านหลัง บอกใบ้ไม่ให้เขาตามมา ส่วนตัวเองก็เหาะไปในดวงดาวสามสิบสองดวงนั้น เมื่อเจอป้ายทางบนแผนที่แล้ว ก็เหาะเฉียงลงไปด้านล่างของดาราจักรด้วยความเร็ว ไม่นานก็หายไปจากสายตากงซุนลี่เต้าแล้ว
ไม่เหมือนกับแผนที่ของประตูดวงดาวที่เหมียวอี้ตามหาก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าแผนที่ฉบับนี้ซับซ้อนกว่ามาก เส้นทางเปลี่ยนแปลงเยอะ บางครั้งผ่านไปแล้วหันกลับมาดู ก็พบว่าเป็นสถานที่ที่สามารถไปถึงโดยใช้เส้นทางตรงได้ แต่กลับอ้อมไปเสียไกลตั้งหนึ่งรอบ หรือไม่ก็ขึ้นลงไม่เสมอกัน หรือไม่ก็เอียงซ้ายเอียงขวา บางทีก็ถึงขั้นเหาะถอยหลังแล้วค่อยไปข้างหน้าต่อด้วย พอเป็นแบบนี้ เขากลับยิ่งเพิ่มความระมัดระวัง สำรวจภาพพิกัดดาวอย่างละเอียด ถ้าหากเดาไม่ผิด เส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดเปลี่ยนแปลงเยอะนี้คงจะเกี่ยวข้องกับอันตรายที่กงซุนลี่เต้าบอก อาศัยจากการที่เขาเดินทางมาแล้วไม่พบอันตรายเลยสักนิดก็แน่ใจได้แล้ว
ตอนที่ใช้เวลาไปหนึ่งเดือนกว่า ตอนที่ได้เห็นประตูดวงดาวอีกครั้ง เหมียวอี้ก็เงียบงันอยู่นานมาก แต่สุดท้ายก็ยังแข็งใจใช้กระสวยเงินเพื่อเข้าไปในประตูดวงดาวแล้ว
พอปรากฏตัวกลางอากาศ มองดูท้องฟ้าที่สว่างแจ่มใสโดยรอบ เหมียวอี้ก็รีบหยิบแผนที่ดาวออกมาตรวจดูตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ ในแผนที่ดาวมีแสดงให้เห็น ทั้งยังเป็นสถานที่ที่เขาเคยมาด้วย สถานที่ไร้ระเบียบ!
ออกมาแล้วจริงๆ เหมียวอี้โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก หยิบระฆังดาราติดต่อจินม่าน : ข้าตามทหารยามของตำหนักสวรรค์ออกจากนรกมาแล้ว…
บนหน้าผาริมทะเลใต้ท้องฟ้าที่มีแสงดาวระยิบระยับ จินม่านที่สวมชุดกระโปรงสีทองทั้งตัวเก็บระฆังดาราอย่างเงียบๆ แล้วขมวดคิ้วบอกว่า “ประมุขปราชญ์บอกว่าเขาออกจากแดนอเวจีไปแล้ว”
กงซุนลี่เต้าที่ถูกเหมียวอี้ไล่กลับมาก่อนถามอย่างแปลกใจว่า “เรื่องนี้มีจุดที่น่าสงสัย ประมุขขุนพล ท่านว่าในมือเขามีเส้นทางเข้าออกแดนอเวจีที่อื่นอีกหรือเปล่า?”
จินม่านหรี่ตาเล็กน้อย “ถ้าจะมีก็ไม่แปลก ในปีนั้นตอนที่นรกปิด ประมุขไป๋ก็ยังเข้าออกได้อย่างอิสระอยู่ดี”
…………………………