พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1306 เขตปลอดภัยไม่ปลอดภัย
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ท่านโหวเทียนหยวนโล่งอกแล้ว รีบกล่าวขอโทษว่า : ฮูหยินเข้าใจผิดแล้ว ข้าก็กำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าอยู่นี่ไง
ปี้เยว่ฮูหยิน : อย่าพูดไร้สาระมาก เจ้าบอกว่าจะจัดคนให้พาข้ากลับไปจุดสิ้นสุดการทดสอบ เมื่อไรพวกเขาจะมา?
ท่านโหวเทียนหยวน : เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าติดต่อไว้แล้ว เดี๋ยวข้าจะช่วยยืนยันให้เดี๋ยวนี้ เจ้ารอข่าวจากข้าก็พอ
หลังจากทั้งสองพูดคุยสอบถามกันแล้วก็หยุดการติดต่อชั่วคราว ปี้เยว่ฮูหยินหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับหลันเซียงที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวอีก จากนั้นค่อยติดต่อเหมียวอี้
เหมียวอี้ย่อมถามเหมือนแปลกใจว่า : ฮูหยิน ข้าติดต่อท่านไม่ได้เลย ท่านยังสบายดีใช่มั้ย?
ปี้เยว่ฮูหยิน : ตายไม่ได้หรอก การทดสอบใกล้จะจบแล้ว อย่าลืมผลงานทดสอบที่เจ้าซ่อนไว้นะ
ที่จริงนางไม่จำเป็นต้องใช้คะแนนจากเหมียวอี้แล้ว ถ้านำผลงานสองส่วนนี้มารวมกันแล้วได้อันดับหนึ่งขึ้นมา ก็กลับจะกลายเป็นปัญหาด้วยซ้ำ นางรู้จักข้อบกพร่องของตัวเองดี ตัวเองใช่คนที่จะได้อันดับหนึ่งเหรอ? แต่นางจำเป็นต้องใช้เหมียวอี้มาเป็นเกราะกำบัง ไม่อย่างนั้นนางจะอธิบายกลับทางท่านโหวเทียนหยวนไม่ได้
เหมียวอี้ : ฮูหยินวางใจได้ รอให้ท่านถึงตำแหน่งคร่าวๆ แล้ว ข้าจะชี้บอกสถานที่ซ่อนของโดยละเอียดให้เอง เออใช่ ฮูหยินทดสอบกลับมาแล้ว ข้าน้อยจะไปรอรับฮูหยินที่ทางออกตรงนรกเดี๋ยวนี้
ตอนนี้เขากำลังเร่งเหาะอยู่ในดาราตักแล้ว ย่อมไม่ใช่เพราะไปรับตัวปี้เยว่ฮูหยิน คาดว่าอีกฝ่ายก็ไม่ต้อนรับตนเหมือนกัน แต่เขาไปรับตัวอีกคนหนึ่ง
ปี้เยว่ฮูหยิน : ไม่ต้องแล้ว! ดูแลอาณาเขตของเจ้าให้ดีก็พอ
จากนั้นก็ตัดขาดการติดต่อ ไม่สนว่าจะเป็นหนิวโหย่วเต๋อหรือจูโหย่วเต๋ออะไรทั้งนั้น แล้วก็มีเซี่ยโห้วหลงเฉิงกับจ้านหรูอี้อีก ลูกน้องที่ทำให้วุ่นวายใจประเภทนี้นางไม่คิดจะอยู่รับใช้ด้วย กลับไปต้องคิดหาทางเปลี่ยนสถานที่รับตำแหน่ง
ที่ริมชายหาก ไห่ยวนเค่อที่เหาะจากฟ้าเหยียบลงบนยอดไม้ แล้วทอดสายตามองไปที่หาดทราย
ไห่ผิงซินที่สวมชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนปลิวสะบัดอยู่ท่ามกลางสายลมกำลังนั่งสมาธิอยู่บนหาดทราย นั่งกอดเข่าอย่างโดดเดี่ยว มองดูกระแสคลื่นที่ซักขึ้นซัดลง
ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหลายเดือน หลังจากคืนนั้น มารดาก็ไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว ทุกครั้งที่นึกย้อนไปถึงคำพูดที่มารดาบอกให้ตนดูแลตัวเองในคืนนั้น นากง็ตระหนักอะไรบางอย่างไรรางๆ แล้ว ถึงแม้นางจะขาดประสบการณ์ด้านการเข้าสังคม แต่กลับเฉลียวฉลาด ทว่าบางครั้งความฉลาดก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป ไม่สู้โง่เง่าเลอะเลือนดีกว่า ด้วยเหตุนี้นางจึงเปลี่ยนเป็นคนเงียบงันพูดน้อย
ข้างหลังมีเสียงฝีเท้า ไห่ผิงซินพลันเงยหน้าขึ้น พอหันไปข้างหลัง ก็เห็นไห่ยวนเค่อกำลังเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ในดวงตานางฉายแววผิดหวัง เพียงตะโกนเรียกว่า “ท่านพ่อ” แล้วก็นั่งเอาคางเกยเข่ามองดูทะเลกว้างอย่างเหม่อลอยต่อไป
ไห่ยวนเค่อเดินมาถึงข้างกายนั่ง นั่งลงแล้วเช่นกัน เขามองดูคลื่นทะเลที่ซัดสาด พร้อมถามเสียงเรียบว่า “ไม่มีความสุขเหรอ?”
“เปล่าค่ะ” ไห่ผิงซินส่ายหน้า
“ถ้าไม่มีความสุขก็พูดออกมา” ไห่ยวนเค่อกล่าวกับลูกสาว
ไห่ผิงซินเอียงหน้ามองเขา แล้วถามอีกครั้งว่ “ท่านพ่อ! ท่านแม่ไปไหนแล้ว?”
นางถามคำถามนี้หลายครั้งแล้ว วันนี้ไห่ยวนเค่อตัดสินใจจะตอบคำถามนาง “แม่เจ้าไปแล้ว”
ไห่ผิงซินรู้สึกเหนือความคาดหมายนิดหน่อย พ่อของนางเป็นคนพูดน้อย นางไม่เคยเห็นเขายิ้มมาก่อนเลย ทำให้คนรู้สึกเหินห่าง คำตอบก่อนหน้านี้มีเพียงคำว่า ‘ไม่รู้‘ มาตลอด ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะให้คำตอบแล้ว นางพลิกตัวมานั่งคุกเข่าข้างกายไห่ยวนเค่อทันที แล้วถามซักไซ้ว่า “ไปไหนแล้วคะ?”
ไห่ยวนเค่อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ซินเอ๋อร์ พ่อจะเล่นิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง”
“ข้าไม่ฟังนิทาน ข้าอยากรู้ว่าท่านแม่ไปไหน ซินเอ๋อร์คิดถึงท่านแม่แล้ว”
“เป็นนิทานเกี่ยวกบัแม่เจ้า ถ้าฟังจบแล้ว เจ้าก็จะรู้ว่าแม่เจ้าไปไหน”
“ข้าจะฟัง!” ไห่ผิงซินพยักหน้าซ้ำๆ ทันที ใช้สองมือเขย่าหัวเข่าของผู้เป็นพ่อ “ท่านพ่อ! ท่านรีบเล่ามาสิ”
“แต่ไหนแต่ไรมาแพ้เป็นโจร ชนะเป็นราชา พวกเราพ่ายแพ้จึงถูกขังอยู่ที่นี่ เรื่องนี้เจ้าก็รู้แล้ว ส่วนแม่เจ้าเพิ่งเข้ามาที่นี่เมื่อสองร้อยปีก่อน เมื่ออยู่ข้างนอกนางมีอีกฐานะหนึ่ง…” ไห่ยวนเค่อเล่าถึงฐานะที่แท้จริงของปี้เยว่ฮูหยิน และสาเหตุที่ทำให้ปี้เยว่ฮูหยินเข้ามาในแดนอเวจี ทั้งยังเล่าเรื่องที่บีบบังคับให้ปี้เยว่ฮูหยินมาเป็นภรรยาด้วย แล้วสุดท้ายก็บอกว่า “ที่แม่เจ้าออกไปก็เพราะไม่อยากเห็นเจ้าแก่ตายอยู่ที่นี่ตลอดไป ดังนั้นแม่เจ้าจึงนำไปก่อน นางทำแบบนั้นเพื่อวางรากฐานให้เจ้าล่วงหน้า จะได้ต้อนรับเจ้าได้สะดวก เดี๋ยวอีกไม่นานพ่อจะส่งเจ้าให้ไปเจอกับแม่เจ้า”
“ฮือๆ…” ไห่ผิงซินน้ำตาไหลแล้ว ไหล่งามสั่นเทิ้ม ร้องไห้ไม่หยุด นางนึกไม่ถึงว่าภูมิหลังของตัวเองจะพิลึกพิลั่นขนาดนี้
ไห่ยวนเค่อยื่นมือออกมา ร่ายอิทธิฤทธิ์เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้านางเบาๆ พร้อมบอกว่า “ซินเอ๋อร์ พ่อเจ้าทำผิดต่อเจ้าแล้ว ไม่ต้องกลัว อีกไม่นานพ่อจะส่งเจ้าไปหาแม่เจ้า”
ไห่ผิงซินส่ายหน้าสะอื้น “หลังจากท่านแม่ไปแล้ว นางจะไปหาผู้ชายคนก่อนขอนางหรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้ข้าไปหานางแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ข้าไปแล้วต้องเป็นตัวถ่วงแน่ๆ”
ไห่ยวนเค่อสีหน้าสงบนิ่งเยือกเย็นมาก เพียงมองดูอารมณ์สับสนที่ปิดบังได้ยากในแววตาของลูกสาว พลางกล่าวเบาๆ ว่า “ซินเอ๋อร์ เจ้ารู้มั้ยว่าทำไมพ่อตั้งชื่อให้เจ้าว่า ‘ผิงซิน‘? เป็นเพราะหวังว่าในภายหลังไม่ว่าเจ้าจะเจอเรื่องอะไร ก็ล้วนสามารถทำใจยอมรับได้เหมือนเรื่องปกติธรรมดา ใจกว้างเหมือนท้องฟ้า เจ้าไม่ต้องแบกรับบุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อน หลังจากออกไปแล้ว จำไว้ว่าใช้ชีวิตของตัวเองก็พอ”
“แล้วท่านพ่อล่ะ ท่านอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วจะทำยังไง?”
“พ่อไม่ได้อยู่คนเดียว พ่อมีลูกน้องตั้งมากมาย”
“ไม่ ข้าไม่ไป ท่านแม่อยู่ข้างนอกมีคนอยู่ด้วยแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่านพ่อ”
ไห่ยวนเค่อปะคองศีรษะของลูกสาวเข้ามาในอ้อมกอดตัวเอง แล้วเงยหน้าหลับตาสองข้าง บนใบหน้าฉายแววเจ็บปวดขื่นขม แต่กลับไม่ยอมให้ลูกสาวเห็น ส่วนมืออีกข้างกำหมัดฝังลึกเข้าไปในหาดทราย แขนข้างนั้นสั่นเทิ้ม
เดิมทีเขานึกว่าตัวเองจะสามารถเผชิญกับเรื่องที่ตัวเองทำได้อย่างสงบนิ่งใจเย็น ตอนนี้ถึงได้พบว่าตัวเองถูกความแค้นบดบังดวงตา พบว่าตัวเองทำผิดไปแล้วจริงๆ ทั้งยังผิดแบบไร้เหตุผลด้วย ที่แท้นี่ก็คือความหนักหน่วงที่ตัวเองยากจะแบกรับไหว
“ดูผลงานที่พวกเจ้าทำไว้สิ!”
บนท้องฟ้า จินม่านที่จ้องมองด้านล่างอยู่พักหนึ่งพลันหันซ้ายหันขวาแล้วด่าสั่งสอน
สืออวิ๋นเปียน อ๋าวเถี่ย กงซุนลี่เต้า แต่ละคนรู้สึกผิดไม่หาย โดยเฉพาะอ๋าวเถี่ยที่ออกความคิดโง่ๆ แบบนั้น เขายิ่งทำสีหน้าอับอาย
เดิมทีพวกเขานัดกันไว้แล้วว่าจะปรึกษาหารือเรื่องนี้กัน แต่รออยู่ครู่หนึ่งแล้วยังไม่เห็นไห่ยวนเค่อ และไม่บอกสักคำด้วยว่าทำไมไม่มา พวกเขาจึงมาดูด้วยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาศัยวรยุทธ์อย่าพวกเขาสามารถไปมาได้อย่างรวดเร็ว ผลก็คือได้มาเห็นท่าทางขื่นขมทุกข์ใจของไห่ยวนเค่อ สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกผิดจริงๆ…
ในดาราจักร ทหารสวรรค์กลุ่มหนึ่งรวมตัวเป็นกองหน้าและสำรวจค้นหาตลอดทาง คอยเบิกทางให้กำลังพลกลุ่มใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง ป้องกันไม่ให้โดนดักซุ่มโจมตีจนฉุกละหุกทำอะไรไม่ถูก
ปี้เยว่ฮูหยินเหาะออกมากลางทาง เข้าใกล้กำลังพลกลุ่มนี้อย่างรวดเร็ว
แม่ทัพใหญ่เกราะแดงที่เป็นหัวหน้ากำลังพลที่อยู่ข้างหน้าเหล่ตามองมาทันที หนึ่งคนที่อยู่ข้างๆ รีบถ่ายทอดเสียงเตือน “ท่านนี้คือปี้เยว่ ฮูหยินของท่านโหวเทียนหยวน”
ตอนนี้แม่ทัพใหญ่ที่เป็นหัวหน้าถึงได้ไปข้างหน้าต่อ ส่วนปี้เยว่ก็ตามติดอยู่ข้างหลังกำลังพลกลุ่มนี้
กองหน้าไม่ทำเรื่องผิดกฎระเบียบอย่างเช่นช่วยเหลือสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบ พวกเขาแค่ผ่านมาที่นี่ เมื่อผู้เข้าร่วมทดสอบตามมาข้างหลัง ผู้เข้าร่วมทดสอบก็ไม่ถือว่าทำผิดกฎเช่นกัน ที่จริงถ้าไม่มีเส้นสายภูมิหลังในระดับหนึ่ง ใครจะสามารถรู้ได้ว่ากำลังพลกลุ่มนี้จะผ่านมาให้หลบเลี่ยงอันตรายเมื่อไร นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ‘เมื่อมีกฎระเบียบ ก็ย่อมมีแผนรับมือกฎระเบียบ‘ ย่อมมีช่องโหว่ให้ลอดผ่านกฎระเบียบการทดสอบอยู่แล้ว
สมาชิกผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ติดตามอยู่หลังกำลังพลกลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่ปี้เยว่ฮูหยินคนเดียว เมื่อกำลังพลกลุ่มนี้ไปข้างหน้าเรื่อยๆ คนที่ติดตามอยู่ข้างหลังก็ยิ่งมีมากขึ้นเช่นกัน ย่อมเป็นคนที่มีเส้นสายภูมิหลังอยู่แล้ว
เพียงแต่การทดสอบครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน คนที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้มีเพียงหนึ่งแสนกว่าคน แต่ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่เปิดรับมีเพียงแปดร้อยกว่าตำแหน่ง พอจำนวนคนที่เข้ารับตำแหน่งได้มีน้อยลง ถ้ามีคนที่อยู่ในอันดับเดียวกันอีก แบบนั้นก็จะดูน่าเกลียดไปหน่อย ครั้งก่อนฆ่าคนไปแล้วกลุ่มหนึ่ง ขนาดเทพประจำดาวมะโรงดินยังโดนประหารทั้งตระกูลไปแล้ว แถมตำแหน่งแม่ทัพภาคก็ยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เยอะกว่าตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ด้วย เกรงว่าตำหนักสวรรค์คงจะไม่นั่งดูผลประโยชน์ไปกองรวมที่ตระกูลเดียวอยู่เฉยๆ แน่ ถ้าอันดับซ้ำกันเยอะเกินไปก็อาจจะทำให้เกาก้วนตรวจสอบอย่างเข็มงวด ดังนั้นทุกคนที่ติดตามกำลังพลกลุ่มนี้อยู่ล้วนรู้สำนึกและไม่ไปถามถึงผลงานของคนอื่น
คนมากมายล้วนล้มเลิกความคิดที่จะได้อันดับดีๆ ขอแค่รอดชีวิตกลับไปได้ก็พอแล้ว คนที่จะแสดงความสามารถที่แท้จริงในการทดสอบครั้งนี้ล้วนเป็นคนที่มีภูมิหลังพวกนั้น
แน่นอน ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงเช่นกัน ปี้เยว่ฮูหยินได้รับข่าวจากท่านโหวเทียนหยวน ว่าถ้าได้ผลงานมาแล้ว ก็ให้คัดลอกฉบับหนึ่งเพื่อให้ใครบางคนที่กำหนดไว้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจแล้ว
ขณะที่คนกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะเข้าใกล้บริเวณจุดสิ้นสุดการทดสอบ เกาก้วนและเฉิงไท่เจ๋อจอมพลสายมะโรงที่ผลัดเวรมาเฝ้ารักษาการณ์ที่นรกก็เหาะผ่านยอดศีรษะของพวกเขาไปด้วยความเร็ว พอเห็นเกาก้วนโผล่หน้ามา ก็ไม่รู้ว่ามีผู้เข้าร่วมทดสอบมากเท่าไรที่อกสั่นขวัญแขวน ตอนนี้ยังไม่ประกาศสิ้นสุดการทดสอบ พวกเขาจึงไม่กล้าไปข้างหน้าต่ออีก แยกย้ายกันแล้ว
ปี้เยว่ฮูหยินจึงหาดาวเคราะห์ดวงหนึ่งเพื่อซ่อนตัว นางติดต่อเหมียวอี้อีกครั้ง แต่ก็ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่ว่าเหมียวอี้จะพูดถึงตรงไหน นางก็ล้วนตอบว่าเห็นแล้ว สุดท้ายก็หาเจอแล้ว ที่จริงนางไม่ได้เตรียมจะเสี่ยงอันตรายไปหาเลย
นางนับว่ามองออกแล้ว ว่ายังมีบางคนไม่ตัดใจ ยังรวมกลุ่มกันเพื่อเตรียมจะไปดักปล้นคนอื่น นางไม่อยากเดินมาถึงก้าวสุดท้ายแล้วยังพลาด
กระทั่งกำลังพลที่เก็บกวาดสนามปรากฏตัว คำสั่งรูปมังกรลอยขึ้นเพื่อประกาศสิ้นสุดการทดสอบอย่างเป็นทางการ ปี้เยว่ฮูหยินถึงได้ติดต่อท่านโหวเทียนหยวนอีกครั้ง นางบอกเขาว่าหาผลงานทดสอบที่เหมียวอี้ฝังซ่อนไว้เจอแล้ว ให้เขาถามว่าคนที่จะมาขอแบ่งคะแนนไปเฉยๆ อยู่ที่ไหน
ท่านโหวเทียนหยวนเองก็ไม่อยากให้นางเสี่ยงอันตรายอีก หลังจากถามตำแหน่งของนางชัดเจนแล้ว เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้ผู้รับผลประโยชน์ไปหานางเอง บอกนางว่าอย่าเพ่นพ่านไปไหนอีก
เป็นอย่างที่คาดไว้ รออยู่ไม่นาน คนที่สวมเกราะรบผลึกแดงบริสุทธิ์เจ็ดแปดคนก็ขี่สัตว์เทพมาเหยียบลงแถวนั้นแล้วมองสำรวจไปรอบๆ
“อิ๋งสิงเลี่ยอยู่นี่แล้ว ปี้เยว่ฮูหยินอยู่ที่ไหน?” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้ามองไปรอบๆ พร้อมตะโกน
ปี้เยว่ฮูหยินที่หลบอยู่ไกลๆ ผลักหินก้อนใหญ่ที่อุดปากถ้ำออก นางโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน ลอยไปตรงหน้าคนพวกนั้น แล้วพลิกมือโยนแผ่นหยกเข้าไป
หลังจากชายวัยกลางคนรับมาอ่านในมือแล้ว ก็เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาพลิกฝ่ามือเก็บ แล้วกุมหมัดคารวะด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินท่านโหวลำบากแล้ว เบื้องบนมีคำสั่งมา ว่าให้พวกเราส่งฮูหยินกลับไปในอาณาเขตปลอดภัยก่อน”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเตรียมการของท่านโหวเทียนหยวน ปี้เยว่ฮูหยินกล่าวขอบคุณ คนเจ็ดแปดคนนี้คุ้มกันส่งนางไปยังเขตปลอดภัยก่อน แล้วก็เลี้ยวกลับไปอีกรอบ เห็นได้ชัดว่ายังไม่พอใจคะแนนที่มีอยู่ในมือ ตอนนี้มีเป้าหมายอย่างอื่น
ปี้เยว่ฮูหยินที่มาถึงเขตปลอดภัยแล้วไม่อยากถามอะไรอีก รีบเหาะไปยังจุดสิ้นสุดการทดสอบ
“อู! อู…” ใครจะคิดว่าจู่ๆ ตรงจุดรวมตัวจะมีเสียงสัญญาณแจ้งเตือนดังก้องท้องฟ้า ทหารสวรรค์กลุ่มหนึ่งกรูกันพุ่งออกมา
บึ้ม! ตามคิดด้วยเสียงระเบิดทางด้านหลังที่ดังสะท้านดาราจักร
ปี้เยว่ฮูหยินรีบหันกลับไปมองอย่างตกใจ เห็นเงาคนจำนวนหนึ่งแวบเข้ามาจากดาราจักรอันไกลโพ้นในแทบจะชั่วพริบตาเดียว ดาบล่องหนที่โจมตีอย่างดุเดือดบ้าคลั่งกวาดกลุ่มผู้เข้าร่วมทดสอบกระเด็นออกไป นี่คือการโจมตีเป็นวงกว้าง พวกอิ๋งสิงเลี่ยก็ร่วมอยู่ในจำนวนนั้นเช่นกัน มีเกราะรบผลึกแดงบริสุทธิ์ปกป้องร่างกายไปก็ไร้ประโยชน์ เงาคนที่กระอักเลือดหายไปแล้ว คนที่ใช้ดาบโจมตีก็คือไห่ยวนเค่อ!
…………………………